นักเขียน
นามปากกา แสงเทียน
4.0M
จำนวนคำ
41
นิยาย

นิยาย

สัมผัสรักมาเฟียร้าย

8.0K· นามปากกา แสงเทียน

-TOXIC RELATIONSHIP- "เมื่อมีคนทรยศ...ก็ต้องมีคนรับผิดชอบ" "คุณมันคนสารเลว" แนะนำตัวละคร -วาดิม โจว หรือ คุณโจว นักธุรกิจหนุ่มทายาทเจ้าของท่าเรือขนส่งในฮ่องกง อายุ 32 ปี เบื้องหน้าเขาคือนักธุรกิจผู้มั่งคั่งในเงินทองและอำนาจ เบื้องหลังเขาคือมาเฟียผู้ทรงอิทธิพล มีอดีต เกลียดการหักหลัง และชอบเอาคืน -ธรรมิกา อาชาไชย หรือ มีก้า ลูกสาวสุดรัก วัฒนา อาชาไชย ผู้ดูแลสัมปทานธุรกิจท่าเรือขนส่งในไทย ภายใต้ตระกูลโจว หญิงสาววัยแรกแย้มผู้ที่ถูกเลี้ยงมาดั่งนกน้อยในกรงทอง อายุ 27 ปี ดื้อเงียบ อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

กลร้ายกลรัก

612· นามปากกา แสงเทียน

ทนาย VS ส.ส. รักแรก VS รักอยู่ พีรกานต์ อิทธิวงศ์ หรือ หนูนา ทนายความ ที่ปรึกษาทางด้านกฎหมาย เขาขาดการติดต่อไปหลายปี ระหว่างเราควรมีอะไรเหมือนเดิม? บุรินทร์ รัตนเดชสิทธิ์ หรือ คุณกล้า นักการเมืองหนุ่ม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ไม่เจอกันนานทำจำไม่ได้ หรือว่าศีรษะกระแทกจนความจำเสื่อม? โปรย... เราไม่เคยคบกันเราไม่เคยคบกันหนูนา พี่ขอล่ะตั้งใจเรียนเพื่ออนาคตของหนูนาเอง เมื่อหนูนาโตขึ้นจะรู้ว่า ในบางครั้งเราต้องเสียสละบางสิ่งเพื่อบางอย่าง แม้ว่าเราจะไม่อยากทิ้งมันเลยก็ตาม พีรกานต์เข้าใจทุกอย่างหลังจากฟังบุรินทร์พูดจบ เธอเป็นเพียงบางสิ่งที่เขาทอดทิ้งเพื่อบางอย่าง...

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

Good Boy คนนี้จองแล้ว

535· นามปากกา แสงเทียน

พี่บาสเขาเคยบอกว่าเห็นเธอเป็นแค่น้องสาวไม่เคยคิดเป็นอื่น และให้เธอตั้งใจเรียนต่อไป อย่ามาว่อกแว่กกับเขาให้เสียเวลา ในเมื่อเขาไม่รักไม่ชอบ หลินก็ไม่คิดว่าตัวเองจะไร้ค่าเพียงนั้นก็แค่ผู้ชายไม่ชอบ เธอก็เลยเลิกชอบเขา แต่ในวันที่สอบติดมหาลัยในคณะที่ใฝ่ฝันเอาไว้คือเป็นหมอ เขามาที่ร้านของแม่หอบช่อดอกกุหลาบช่อโตมาร่วมแสดงความยินดีพร้อมหน้าทั้งพ่อแม่ของเขาและน้องสาวฝาแฝดเพื่อนสนิทเธออีกด้วย แน่นอนว่าอะไรแบบนี้เรียกว่าการทาบทาม หลินมองหน้าผู้ชายที่เธอเคยชอบ แน่นอนว่าเธออาจจะรักไปแล้วด้วยสายตาไม่เข้าใจ ในเมื่อเขาปฏิเสธเธออย่างเลือดเย็นต่อหน้าเพื่อนเขาอีกสองคน เธอทั้งเสียใจและเสียหน้า แต่แล้วตอนนี้ให้พ่อแม่ของเขามาขออนุญาตแม่และพ่อเธอเพื่อคบหากับเธอ หลินว่าเขาน่าจะสมองกลับล่ะมั้ง "หลินไม่ได้ชอบพี่บาสแล้วค่ะ และหลินก็กำลังคุยกับผู้ชายคนใหม่มาสองเดือนแล้ว"

นิยายรักโรแมนติกยังไม่จบ

Destiny Love หลงบ่วงรัก

7.0K· นามปากกา แสงเทียน

บทนำ “คนอย่างเธอต้องใช้น้ำกี่ขันถึงจะราดลง...กล้าดียังไงถึงได้เสนอหน้ามาอยู่ที่นี่!” น้ำเสียงถากถางที่ดังมาจากทางด้านหลัง หญิงสาวเจ้าของเรือนร่างบอบบางไม่อาจแน่ใจว่าเจ้าของเสียงต้องการที่จะสนทนากับใครจึงไม่ได้หันไปสนใจ “ไม่ได้ยินที่ฉันถามหรือไง!” พจมาศ คุณาธรรมคุณ กัดฟันถามด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว เสียงฝีเท้าเดินย่ำเข้ามาใกล้ เจ้าของร่างบางจึงจำเป็นต้องหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้า เธอไม่ได้ตกใจที่เห็นคนตรงหน้าเพียงแต่ประหลาดใจก็เท่านั้น ทั้งที่ตลอดทั้งวันที่งานจัดเลี้ยงทำบุญหญิงสาวก็พยายามจะเลี่ยงคนผู้นี้แล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล “ดิฉันไม่ทราบว่าคุณนายพูดกับใคร” ดวงตากลมโตภายใต้แพขนตางอนยาวกะพริบเชื่องช้า  เมื่อเห็นอีกฝ่ายโกรธเธอจนปากสั่นก็ได้แต่เมินมอง ในตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในจุดที่ต้องเกรงกลัวหรือเกรงใจคนพวกนี้แล้ว “ต่ำช้า!” ผู้มาเยือนก่นเสียงด่าโทนต่ำราวกับว่ากลัวใครจะมาได้ยิน ส่วนคนโดนด่าไม่ได้มีท่าทีตกใจหรือแปลกใจอะไร แต่เธอเอาคืนอย่างเจ็บแสบด้วยการทำทีกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะหันกลับมาสบดวงตาของพจมาศที่มีความเกลียดชังเธออย่างเต็มเปี่ยม “คุณนายมีธุระอะไรกับร้านดิฉันหรือคะ?” อินอรเอ่ยถามก่อนจะหันหน้าไปทางขวามือตัวเอง เธอเหลือบสายตามองไปด้านหลังรถกระบะคันเก่าที่เป็นสมบัติของตัวเอง หญิงสาวเปิดร้านขายข้าวแกง พวกเราเพิ่งกลับจากงานจัดเลี้ยงที่มีคนมาจ้าง ลูกน้องของเธอกำลังเก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ จำพวกหม้อไหกะละมังลงจากหลังกระบะ แต่อยู่ ๆ บุคคลตรงหน้าก็มาปรากฏตรงหน้าทำให้เป็นที่สนใจของพวกลูกน้องเธอ “ฉันไม่สะดวกพูดตรงนี้!” พจมาศแค่นเสียงบอกเธอและก้าวเท้าเดินเข้ามาใกล้ อินอรเลิกคิ้วขึ้นมองหญิงสูงวัยในชุดผ้าไหมดิ้นทอง กับชายวัยกลางคนที่สวมชุดสูทสีดำสนิท ทั้งคู่ยังคงมาด้วยกันเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง “งั้น...เชิญด้านในเถอะค่ะ” ร่างบอบบางในชุดเสื้อโปโลคอปกสีดำ กางเกงยีนสกินนี่สีเข้ม รองเท้าแตะหูหนีบธรรมดา เธอเดินนำเข้าไปในตึกสองชั้นที่รถกระบะคันเก่าจอดอยู่ด้านหน้า “นี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือความตั้งใจของเธอกันแน่!” ยังไม่ทันจะพ้นประตูร้านดีเลยด้วยซ้ำ คนที่อินอรเชื้อเชิญเข้าร้านมาด้วยความจำเป็นก็เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูก พจมาศตัวสั่นระริกเมื่อรู้แน่ชัดว่าอินอรเปิดร้านขายข้าวอยู่ที่นี่! “ทำไมคุณนายถึงถามดิฉันแบบนั้นล่ะคะ” อินอรเดินไปวางกระเป๋าคาดที่ใช้เก็บธนบัตรและเหรียญที่ได้จากการขายของลงบนโต๊ะ ก่อนจะหมุนตัวกลับมารอคำตอบจากคนที่ต้องการคำตอบจากเธอ “เธอไม่มีสิทธิ์มาตั้งคำถามกับฉัน” อินอรได้ยินแล้วก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ “นั่นสิคะแล้วทำไมคุณนายถึงคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์ที่จะตั้งคำถามกับฉัน?” เธอตอกกลับทำเอาคนฟังเดือดเป็นไฟ “อินอร!!” หญิงสาวยกมือขึ้นจรดริมฝีปาก ก่อนจะแค่นยิ้มและมองคนตรงหน้าด้วยแววตาเฉยชา “ฉันคืออินอร คนที่คุณรู้จักฉันดีพอ ๆ กับที่ฉันรู้จักคุณดีนั่นแหละ เรามาพูดกันตรง ๆ เถอะค่ะ อย่ามัวอ้อมค้อมให้เสียเวลาเลย” อินอรยกสองมือขึ้นกอดอกมองหน้าอีกฝ่าย แววตาของเธอไม่ได้อ่อนแออย่างเช่นวันวานอีกแล้ว “ออกไปจากที่นี่! อย่าให้ฉันต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ!”  อินอรสบตาพจมาศเพราะอยากรู้ว่าทำไมคนคนนี้ถึงได้แสดงท่าทีมั่นใจว่าขู่ออกมาแล้วเธอจะต้องฟังอยู่อีก! แต่สิ่งที่ทำได้ก็คือหัวเราะออกมา แถมยังมองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่เชื่อว่าคนตรงหน้าจะกล้าพูดแบบนี้ “คุณนายจะทำเหมือนสามปีที่แล้วหรือคะ? คุณนาย…คนเรามันจะหนีกันได้ตลอดเลยหรือไง?” เธอถามกลับ และมองเลยไปสบตาผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังเจ้านายของเขา ดวงตาคมเข้มภายใต้แว่นสายตา เมื่อเห็นเธอมองก็หลบสายตาทันที นพคุณ ลูกน้องคนสนิทผู้เป็นดั่งมือเท้าของพจมาศ “อินอร! อย่าลืมว่าฉันทำให้เธอหายไปจากโลกนี้ได้! รวมทั้งร้านเฮงซวยนี่ด้วย!” อินอรพยักหน้ารับทราบและเชื่อในคำพูดของพจมาศ เธอรู้กิตติศัพท์ร้ายกาจของคนตรงหน้าดี พจมาศคนนี้เพื่อสิ่งที่ต้องการแล้วทำได้ทุกอย่าง อินอรหลับตาลง ก่อนจะลืมตาขึ้นเธอกวาดสายตามองไปทั่วร้าน และหยุดสายตาที่คอกกั้นเด็กด้านหลังโต๊ะเก็บเงิน “ดิฉันขายของอยู่ที่นี่นานแล้วค่ะ พรรคการเมืองที่คุณอุปถัมภ์เพิ่งย้ายมาที่นี่ เพราะฉะนั้นคนที่ย้ายออกไม่ควรเป็นฉัน” อินอรบอกกล่าวเสียงเรียบแลดูไม่ทุกข์ร้อนต่างกับอีกฝ่าย พจมาศรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะแพ้ผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนี้ เธอจะไม่มีวันยอมให้เป็นแบบนั้น! “เธอจะเอาเท่าไหร่ ต้องการเท่าไหร่บอกมา!” มือที่ประดับด้วยแหวนเพชรเม็ดโตยื่นไปด้านข้าง สมุดเช็คธนาคารก็ปรากฏแก่สายตา อินอรมองภาพนั่นก็ได้แต่ระอากับคนพวกนี้ อะไร ๆ ก็ใช้เงินฟาดหัว “ฉันจะไม่ย้ายไปไหน เหตุผลเดียวคือฉันมีครอบครัวต้องดูแล และที่นี่คือร้านทำมาหากินของฉัน” คำว่า ‘ครอบครัว’ ทำเอาพจมาศชาดิกไปทั้งร่างกาย “ฉันรู้ว่าคุณนายทำได้ทุกอย่าง งั้นทำยังไงก็ได้ให้ลูกชายคุณย้ายไปจากที่นี่จะดีกว่า ตรงนี้มันสลัมนะคะไม่เหมาะกับคนอย่างพวกคุณหรอกค่ะ” พจมาศได้ยินก็โกรธจนตัวสั่น เธอไม่เคยแพ้และจะมาแพ้แถมรู้สึกร้อนขอบตาเพราะคำพูดของผู้หญิงแพศยาคนนี้ไม่ได้ “นี่มันเป็นแผนของเธอใช่ไหมอินอร!” หญิงสาวรุ่นลูกแย้มยิ้ม ทั้งยังไม่ตอบคำถามให้พจมาศหายข้องใจ ในตอนนั้นมันเป็นจังหวะเดียวกับที่มีคนมาตะโกนเรียกอินอรหน้าร้าน “คุณนายไม่ควรอยู่ที่นี่ในเวลานี้นะคะ ร้านดิฉันขายข้าวแกงก็จริง แต่ตอนนี้ร้านปิดไปแล้ว” อินอรเดินผ่านพจมาศไปด้วยท่าทีร้อนรน จนนพคุณที่ยืนอยู่ต้องเหลียวหลังไปมองยังจุดที่อินอรมองออกไป ‘หนูอรเอ๊ยยยย ลุงเอาเจ้าลูกชิ้นก้อนโตมาส่งแล้ว’ “อย่ามายุ่งกับเอกณัฐ! ฉันขอเตือนเธอไว้!” พจมาศพูดออกไปทั้งที่อินอรเดินหายจากวงสนทนาไปที่หน้าประตูร้านแล้ว พจมาศรู้สึกหงุดหงิด ที่ตรงนี้มันเหมาะกับพวกชนชั้นต่ำที่ชอบตะโกนแหกปากเสียงดังโวยวาย เธอจะเกลี้ยกล่อมลูกชายให้ย้ายที่ว่าการพรรคการเมืองไปอยู่ที่อื่น หรือว่าเธอควรหยุดการก่อสร้างต่อเติมไปก่อน งั้นเอาเหตุผลหลัง! “ดิฉันไม่แน่ใจว่าคุณนายคิดไปถึงไหนในเรื่องนี้ แต่ขอให้คุณนายวางใจเถอะค่ะ เวลาเกือบสามปีมันพิสูจน์อะไรได้หลายอย่าง ดิฉันไม่เคยคิดอยากจะยุ่งกับพวกคุณด้วยซ้ำ ทางที่ดีคุณไปบอกลูกชายคุณให้ย้ายพรรคไปตั้งรกรากที่อื่นเท่านั้นก็จบเรื่อง” อินอรพูดย้ำด้วยท่าทีหันหลังไม่มองหน้า ก่อนที่เธอจะเดินไปรูดประตูเหล็กและตะโกนบอกให้คนส่งลูกชิ้นกลับไปที่บ้านก่อน ‘อ้าวยังไม่เสร็จงานเหรอ! งั้นก็ได้เดี๋ยวลุงพาไปขับรถเล่นอีกสักรอบ’ อินอรถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นท้ายไฟรถมอเตอร์ไซค์ลิบ ๆ ไปอีกทางแล้ว เธอหมุนตัวกลับมาสายตาก็สบเข้าสบดวงตาสีเข้มของชายใส่สูทที่ติดตามเจ้านายพอดิบพอดี หญิงสาวเหยียดยิ้มใส่เขา ก่อนจะสับขาเดินผ่านหน้าเขาไป “เธอนี่มันชั้นต่ำจริง ๆ ฉันพูดกับเธออยู่แต่เธอดันไปพูดกับคนส่งของ! ไร้มารยาท!” อินอรไม่ใส่ใจคำต่อว่าต่อขานของคนตรงหน้า “เอาเป็นว่าคุณนายอย่าได้มาที่นี่อีก ทางที่ดีอย่ามาเจอะเจอกันอีกเลยค่ะ” เธอไม่พูดเปล่าแต่ยกมือกากบาทเป็นเชิงสัญลักษณ์ ทั้งยังมองไปที่ประตูร้านเป็นเชิงไล่ พจมาศโกรธจนความดันจะขึ้น แต่ก็ต้องยืนอดทนคุยเรื่องที่อยากจะคุยให้จบ! “คิดว่าฉันอยากมาเหยียบร้านโสโครกนี่นักหรือไง!” ถ้าไม่ใช่เพราะอยากจะมายืนยันบางอย่าง คนอย่างพจมาศไม่มีทางมาเหยียบหรือยืนหายใจร่วมกับผู้หญิงแพศยาที่จ้องทำลายอนาคตลูกชายเธอหรอก “อะไรที่คุณนายปรารถนา…คนข้างหลังคุณนายเขาก็สนองให้หมดทุกอย่างอยู่แล้ว ลูกน้องที่ดีใช่ไหมคะคุณนพ” นพคุณเม้มริมฝีปากเมินสายตามองไปทางอื่นแทน พจมาศมองนพคุณด้วยแววตามาดร้าย “ที่คุณนายไปได้ยินมาว่าดิฉันมีลูก จนคุณนายร้อนใจต้องลากตัวเองมาเอาความจริงที่นี่ งั้นจะบอกความจริง ใช่ค่ะ ดิฉันมีลูกสาวและกำลังจะสามขวบในอีกสองเดือน” เมื่อได้ยินที่อินอรพูดแล้วพจมาศเผลอกำมือที่สั่นเทาของตัวเองไว้แน่น “...เธอหมายความว่ายังไง” เรื่องระหว่างเรามันช่างยุ่งเหยิงจนอินอรไม่คิดว่าจะต้องมานั่งอธิบายอะไรอีก “ลูกของดิฉัน…ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของคุณาธรรมคุณ ไม่ใช่ลูกสาวของคุณส.ส.ใหญ่ที่กำลังมาตั้งที่ทำการพรรคชุมชนฝั่งตรงข้าม ดิฉันอยู่ที่นี่มันคนละชุมชนฝั่งนั้นอยู่แล้ว เรื่องงานเลี้ยงวันนี้ดิฉันไม่รู้ว่าเป็นงานของพรรคพวกคุณ ถ้ารู้ คงไม่รับ” มันไม่มีป้ายบอก ที่จริงที่นั่นยังสร้างไม่เสร็จดีเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะเจ้าของคือคนตรงหน้าจะเปิดเอาฤกษ์เอายาม ทำเอาคนทำที่ทำงานหัวหมุนไปหมด ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบชั่วครู่ ก่อนที่พจมาศจะหาเสียงตัวเองเจอและพูดออกมา “ฉันจะแน่ใจได้ยังไง…ว่าสิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง” “สิ่งที่ดิฉันพูดไม่ว่ามันจะจริงหรือไม่จริง คุณนายก็ทำให้มันจริงและไม่จริงได้ หรือคุณนายจะให้ดิฉันพิสูจน์?” “เธอกำลังขู่ฉันอินอร!” “เปล่าค่ะ ดิฉันแค่อยากจะเตือนคุณนายว่าความลับไม่มีในโลก และไม่มีใครที่จะโง่ตลอดไป” “ถ้าคุณนายไม่อยากจะให้ความลับที่เก็บซ่อนไว้ถูกเปิดเผย ดิฉันขอเตือนว่าอย่ามาที่นี่อีก! ออกไป!” “คนอย่างเธอต้องใช้น้ำกี่ขันถึงจะราดลง...กล้าดียังไงถึงได้เสนอหน้ามาอยู่ที่นี่!” น้ำเสียงถากถางที่ดังมาจากทางด้านหลัง หญิงสาวเจ้าของเรือนร่างบอบบางไม่อาจแน่ใจว่าเจ้าของเสียงต้องการที่จะสนทนากับใครจึงไม่ได้หันไปสนใจ “ไม่ได้ยินที่ฉันถามหรือไง!” พจมาศ คุณาธรรมคุณ กัดฟันถามด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว เสียงฝีเท้าเดินย่ำเข้ามาใกล้ เจ้าของร่างบางจึงจำเป็นต้องหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้า เธอไม่ได้ตกใจที่เห็นคนตรงหน้าเพียงแต่ประหลาดใจก็เท่านั้น ทั้งที่ตลอดทั้งวันที่งานจัดเลี้ยงทำบุญหญิงสาวก็พยายามจะเลี่ยงคนผู้นี้แล้ว แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล “ดิฉันไม่ทราบว่าคุณนายพูดกับใคร” ดวงตากลมโตภายใต้แพขนตางอนยาวกะพริบเชื่องช้า  เมื่อเห็นอีกฝ่ายโกรธเธอจนปากสั่นก็ได้แต่เมินมอง ในตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในจุดที่ต้องเกรงกลัวหรือเกรงใจคนพวกนี้แล้ว “ต่ำช้า!” ผู้มาเยือนก่นเสียงด่าโทนต่ำราวกับว่ากลัวใครจะมาได้ยิน ส่วนคนโดนด่าไม่ได้มีท่าทีตกใจหรือแปลกใจอะไร แต่เธอเอาคืนอย่างเจ็บแสบด้วยการทำทีกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก่อนจะหันกลับมาสบดวงตาของพจมาศที่มีความเกลียดชังเธออย่างเต็มเปี่ยม “คุณนายมีธุระอะไรกับร้านดิฉันหรือคะ?” อินอรเอ่ยถามก่อนจะหันหน้าไปทางขวามือตัวเอง เธอเหลือบสายตามองไปด้านหลังรถกระบะคันเก่าที่เป็นสมบัติของตัวเอง หญิงสาวเปิดร้านขายข้าวแกง พวกเราเพิ่งกลับจากงานจัดเลี้ยงที่มีคนมาจ้าง ลูกน้องของเธอกำลังเก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ จำพวกหม้อไหกะละมังลงจากหลังกระบะ แต่อยู่ ๆ บุคคลตรงหน้าก็มาปรากฏตรงหน้าทำให้เป็นที่สนใจของพวกลูกน้องเธอ “ฉันไม่สะดวกพูดตรงนี้!” พจมาศแค่นเสียงบอกเธอและก้าวเท้าเดินเข้ามาใกล้ อินอรเลิกคิ้วขึ้นมองหญิงสูงวัยในชุดผ้าไหมดิ้นทอง กับชายวัยกลางคนที่สวมชุดสูทสีดำสนิท ทั้งคู่ยังคงมาด้วยกันเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง “งั้น...เชิญด้านในเถอะค่ะ” ร่างบอบบางในชุดเสื้อโปโลคอปกสีดำ กางเกงยีนสกินนี่สีเข้ม รองเท้าแตะหูหนีบธรรมดา เธอเดินนำเข้าไปในตึกสองชั้นที่รถกระบะคันเก่าจอดอยู่ด้านหน้า “นี่เป็นเรื่องบังเอิญหรือความตั้งใจของเธอกันแน่!” ยังไม่ทันจะพ้นประตูร้านดีเลยด้วยซ้ำ คนที่อินอรเชื้อเชิญเข้าร้านมาด้วยความจำเป็นก็เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงขึ้นจมูก พจมาศตัวสั่นระริกเมื่อรู้แน่ชัดว่าอินอรเปิดร้านขายข้าวอยู่ที่นี่! “ทำไมคุณนายถึงถามดิฉันแบบนั้นล่ะคะ” อินอรเดินไปวางกระเป๋าคาดที่ใช้เก็บธนบัตรและเหรียญที่ได้จากการขายของลงบนโต๊ะ ก่อนจะหมุนตัวกลับมารอคำตอบจากคนที่ต้องการคำตอบจากเธอ “เธอไม่มีสิทธิ์มาตั้งคำถามกับฉัน” อินอรได้ยินแล้วก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ “นั่นสิคะแล้วทำไมคุณนายถึงคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์ที่จะตั้งคำถามกับฉัน?” เธอตอกกลับทำเอาคนฟังเดือดเป็นไฟ “อินอร!!” หญิงสาวยกมือขึ้นจรดริมฝีปาก ก่อนจะแค่นยิ้มและมองคนตรงหน้าด้วยแววตาเฉยชา “ฉันคืออินอร คนที่คุณรู้จักฉันดีพอ ๆ กับที่ฉันรู้จักคุณดีนั่นแหละ เรามาพูดกันตรง ๆ เถอะค่ะ อย่ามัวอ้อมค้อมให้เสียเวลาเลย” อินอรยกสองมือขึ้นกอดอกมองหน้าอีกฝ่าย แววตาของเธอไม่ได้อ่อนแออย่างเช่นวันวานอีกแล้ว “ออกไปจากที่นี่! อย่าให้ฉันต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ!”  อินอรสบตาพจมาศเพราะอยากรู้ว่าทำไมคนคนนี้ถึงได้แสดงท่าทีมั่นใจว่าขู่ออกมาแล้วเธอจะต้องฟังอยู่อีก! แต่สิ่งที่ทำได้ก็คือหัวเราะออกมา แถมยังมองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่เชื่อว่าคนตรงหน้าจะกล้าพูดแบบนี้ “คุณนายจะทำเหมือนสามปีที่แล้วหรือคะ? คุณนาย…คนเรามันจะหนีกันได้ตลอดเลยหรือไง?” เธอถามกลับ และมองเลยไปสบตาผู้ชายที่ยืนอยู่ด้านหลังเจ้านายของเขา ดวงตาคมเข้มภายใต้แว่นสายตา เมื่อเห็นเธอมองก็หลบสายตาทันที นพคุณ ลูกน้องคนสนิทผู้เป็นดั่งมือเท้าของพจมาศ “อินอร! อย่าลืมว่าฉันทำให้เธอหายไปจากโลกนี้ได้! รวมทั้งร้านเฮงซวยนี่ด้วย!” อินอรพยักหน้ารับทราบและเชื่อในคำพูดของพจมาศ เธอรู้กิตติศัพท์ร้ายกาจของคนตรงหน้าดี พจมาศคนนี้เพื่อสิ่งที่ต้องการแล้วทำได้ทุกอย่าง อินอรหลับตาลง ก่อนจะลืมตาขึ้นเธอกวาดสายตามองไปทั่วร้าน และหยุดสายตาที่คอกกั้นเด็กด้านหลังโต๊ะเก็บเงิน “ดิฉันขายของอยู่ที่นี่นานแล้วค่ะ พรรคการเมืองที่คุณอุปถัมภ์เพิ่งย้ายมาที่นี่ เพราะฉะนั้นคนที่ย้ายออกไม่ควรเป็นฉัน” อินอรบอกกล่าวเสียงเรียบแลดูไม่ทุกข์ร้อนต่างกับอีกฝ่าย พจมาศรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะแพ้ผู้หญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้าคนนี้ เธอจะไม่มีวันยอมให้เป็นแบบนั้น! “เธอจะเอาเท่าไหร่ ต้องการเท่าไหร่บอกมา!” มือที่ประดับด้วยแหวนเพชรเม็ดโตยื่นไปด้านข้าง สมุดเช็คธนาคารก็ปรากฏแก่สายตา อินอรมองภาพนั่นก็ได้แต่ระอากับคนพวกนี้ อะไร ๆ ก็ใช้เงินฟาดหัว “ฉันจะไม่ย้ายไปไหน เหตุผลเดียวคือฉันมีครอบครัวต้องดูแล และที่นี่คือร้านทำมาหากินของฉัน” คำว่า ‘ครอบครัว’ ทำเอาพจมาศชาดิกไปทั้งร่างกาย “ฉันรู้ว่าคุณนายทำได้ทุกอย่าง งั้นทำยังไงก็ได้ให้ลูกชายคุณย้ายไปจากที่นี่จะดีกว่า ตรงนี้มันสลัมนะคะไม่เหมาะกับคนอย่างพวกคุณหรอกค่ะ” พจมาศได้ยินก็โกรธจนตัวสั่น เธอไม่เคยแพ้และจะมาแพ้แถมรู้สึกร้อนขอบตาเพราะคำพูดของผู้หญิงแพศยาคนนี้ไม่ได้ “นี่มันเป็นแผนของเธอใช่ไหมอินอร!” หญิงสาวรุ่นลูกแย้มยิ้ม ทั้งยังไม่ตอบคำถามให้พจมาศหายข้องใจ ในตอนนั้นมันเป็นจังหวะเดียวกับที่มีคนมาตะโกนเรียกอินอรหน้าร้าน “คุณนายไม่ควรอยู่ที่นี่ในเวลานี้นะคะ ร้านดิฉันขายข้าวแกงก็จริง แต่ตอนนี้ร้านปิดไปแล้ว” อินอรเดินผ่านพจมาศไปด้วยท่าทีร้อนรน จนนพคุณที่ยืนอยู่ต้องเหลียวหลังไปมองยังจุดที่อินอรมองออกไป ‘หนูอรเอ๊ยยยย ลุงเอาเจ้าลูกชิ้นก้อนโตมาส่งแล้ว’ “อย่ามายุ่งกับเอกณัฐ! ฉันขอเตือนเธอไว้!” พจมาศพูดออกไปทั้งที่อินอรเดินหายจากวงสนทนาไปที่หน้าประตูร้านแล้ว พจมาศรู้สึกหงุดหงิด ที่ตรงนี้มันเหมาะกับพวกชนชั้นต่ำที่ชอบตะโกนแหกปากเสียงดังโวยวาย เธอจะเกลี้ยกล่อมลูกชายให้ย้ายที่ว่าการพรรคการเมืองไปอยู่ที่อื่น หรือว่าเธอควรหยุดการก่อสร้างต่อเติมไปก่อน งั้นเอาเหตุผลหลัง! “ดิฉันไม่แน่ใจว่าคุณนายคิดไปถึงไหนในเรื่องนี้ แต่ขอให้คุณนายวางใจเถอะค่ะ เวลาเกือบสามปีมันพิสูจน์อะไรได้หลายอย่าง ดิฉันไม่เคยคิดอยากจะยุ่งกับพวกคุณด้วยซ้ำ ทางที่ดีคุณไปบอกลูกชายคุณให้ย้ายพรรคไปตั้งรกรากที่อื่นเท่านั้นก็จบเรื่อง” อินอรพูดย้ำด้วยท่าทีหันหลังไม่มองหน้า ก่อนที่เธอจะเดินไปรูดประตูเหล็กและตะโกนบอกให้คนส่งลูกชิ้นกลับไปที่บ้านก่อน ‘อ้าวยังไม่เสร็จงานเหรอ! งั้นก็ได้เดี๋ยวลุงพาไปขับรถเล่นอีกสักรอบ’ อินอรถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นท้ายไฟรถมอเตอร์ไซค์ลิบ ๆ ไปอีกทางแล้ว เธอหมุนตัวกลับมาสายตาก็สบเข้าสบดวงตาสีเข้มของชายใส่สูทที่ติดตามเจ้านายพอดิบพอดี หญิงสาวเหยียดยิ้มใส่เขา ก่อนจะสับขาเดินผ่านหน้าเขาไป “เธอนี่มันชั้นต่ำจริง ๆ ฉันพูดกับเธออยู่แต่เธอดันไปพูดกับคนส่งของ! ไร้มารยาท!” อินอรไม่ใส่ใจคำต่อว่าต่อขานของคนตรงหน้า “เอาเป็นว่าคุณนายอย่าได้มาที่นี่อีก ทางที่ดีอย่ามาเจอะเจอกันอีกเลยค่ะ” เธอไม่พูดเปล่าแต่ยกมือกากบาทเป็นเชิงสัญลักษณ์ ทั้งยังมองไปที่ประตูร้านเป็นเชิงไล่ พจมาศโกรธจนความดันจะขึ้น แต่ก็ต้องยืนอดทนคุยเรื่องที่อยากจะคุยให้จบ! “คิดว่าฉันอยากมาเหยียบร้านโสโครกนี่นักหรือไง!” ถ้าไม่ใช่เพราะอยากจะมายืนยันบางอย่าง คนอย่างพจมาศไม่มีทางมาเหยียบหรือยืนหายใจร่วมกับผู้หญิงแพศยาที่จ้องทำลายอนาคตลูกชายเธอหรอก “อะไรที่คุณนายปรารถนา…คนข้างหลังคุณนายเขาก็สนองให้หมดทุกอย่างอยู่แล้ว ลูกน้องที่ดีใช่ไหมคะคุณนพ” นพคุณเม้มริมฝีปากเมินสายตามองไปทางอื่นแทน พจมาศมองนพคุณด้วยแววตามาดร้าย “ที่คุณนายไปได้ยินมาว่าดิฉันมีลูก จนคุณนายร้อนใจต้องลากตัวเองมาเอาความจริงที่นี่ งั้นจะบอกความจริง ใช่ค่ะ ดิฉันมีลูกสาวและกำลังจะสามขวบในอีกสองเดือน” เมื่อได้ยินที่อินอรพูดแล้วพจมาศเผลอกำมือที่สั่นเทาของตัวเองไว้แน่น “...เธอหมายความว่ายังไง” เรื่องระหว่างเรามันช่างยุ่งเหยิงจนอินอรไม่คิดว่าจะต้องมานั่งอธิบายอะไรอีก “ลูกของดิฉัน…ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของคุณาธรรมคุณ ไม่ใช่ลูกสาวของคุณส.ส.ใหญ่ที่กำลังมาตั้งที่ทำการพรรคชุมชนฝั่งตรงข้าม ดิฉันอยู่ที่นี่มันคนละชุมชนฝั่งนั้นอยู่แล้ว เรื่องงานเลี้ยงวันนี้ดิฉันไม่รู้ว่าเป็นงานของพรรคพวกคุณ ถ้ารู้ คงไม่รับ” มันไม่มีป้ายบอก ที่จริงที่นั่นยังสร้างไม่เสร็จดีเลยด้วยซ้ำ แต่เพราะเจ้าของคือคนตรงหน้าจะเปิดเอาฤกษ์เอายาม ทำเอาคนทำที่ทำงานหัวหมุนไปหมด ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบชั่วครู่ ก่อนที่พจมาศจะหาเสียงตัวเองเจอและพูดออกมา “ฉันจะแน่ใจได้ยังไง…ว่าสิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง” “สิ่งที่ดิฉันพูดไม่ว่ามันจะจริงหรือไม่จริง คุณนายก็ทำให้มันจริงและไม่จริงได้ หรือคุณนายจะให้ดิฉันพิสูจน์?” “เธอกำลังขู่ฉันอินอร!” “เปล่าค่ะ ดิฉันแค่อยากจะเตือนคุณนายว่าความลับไม่มีในโลก และไม่มีใครที่จะโง่ตลอดไป” “ถ้าคุณนายไม่อยากจะให้ความลับที่เก็บซ่อนไว้ถูกเปิดเผย ดิฉันขอเตือนว่าอย่ามาที่นี่อีก! ออกไป!”

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

Destiny Love หลงกลรัก

10.0K· นามปากกา แสงเทียน

ถึงนักอ่าน สวัสดีนักอ่านที่รักทุกท่านนะคะ แสงเทียนดีใจที่ได้กล่าวทักทายกันอีกครั้งแบบนี้ นิยายเรื่อง หลงกลรัก เป็นนิยายเล่มสุดท้ายใน SET Destiny Love ในชุดจะประกอบไปด้วย พี่ฉาย หลงทางรัก พี่เอก หลงบ่วงรัก และปิดจบสวย ๆ กับพี่จินในเล่มนี้นะคะ หลงกลรักเป็นนิยายดราม่า-โรแมนติก ขึ้นอย่างหงส์ลงก็ไม่ต้องพู๊ดดด พระเอกในเรื่องค่อนข้างปากชัดเจน คนมันแซ่บไม่ไหว เรียกได้ว่าตอนลงรายตอน คือนักอ่านสรรเสริญจนคนเขียนต้องอ่านข้าม 555555 พี่จินเขาเป็นประเภทปากร้าย ใจดี หนึ่งไม่เอา สองไม่เอา แต่พอชอบแล้วก็นั่นแหละงับ หอนนนนนน นางเอกเป็นคนเก่ง น่ารัก จะนุ่มก็ไม่นุ่ม จะนิ่มก็ไม่นิ่ม แต่พี่จินอยากเป็นผู้ชายนุ่ม ๆ ให้น้องวีนะครับ งื้ออออ นางเอกไม่ชอบพึ่งพาคนอื่น แต่ต้องมาพึ่งพาพระเอกซึ่งก็อยากจะบอกว่าน้องวีควรไปทำบุญต่อชะตาบ้างนะคะ 555555 เรื่องนี้อ่านได้เรื่อย ๆ จบสุขนิยม มีตอนพิเศษให้พอกรุบกริบ ชื่นใจ ยังไงทดลองอ่านก่อนได้นะคะ ขอบคุณทุกท่านที่ทั้งติดตามกันอยู่ตลอด และเพิ่งมาติดตาม แสงเทียนฝากนิยายเรื่องนี้ด้วยนะคะ น้อมรับทุกคำติ-ชม นิยายเรื่องนี้ติดโครงการบางอย่าง จึงทำให้ต้นฉบับออกมาถึง MEB ก็เดือนมิถุนายนแล้ว กราบขออภัยในความไม่สะดวก ขอให้ทุกคนมีความสุข สุขภาพแข็งแรงนะคะ โชคดีมีสุข แสงเทียน มิถุนายน 2566

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

ตามตะวัน Waiting for love

7.0K· นามปากกา แสงเทียน

หญิงสาวในชุดเดรสแนบเนื้อทรงสุภาพ บริเวณหน้าอกบนชุดที่เธอสวมใส่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบของไวน์แดงราคาแพง แพงกว่าทั้งชุด รองเท้า และกระเป๋าที่เธอใช้อีก เจ้าของเรือนร่างอรชรไม่คิดจะกลับไปเปลี่ยนชุด แต่ตรงดิ่งมายังไนต์คลับหาอะไรดื่มเพื่อที่จะบรรเทาความเจ็บปวดในใจให้ลดไปบ้าง “สภาพเหมือนไปฟัดกับหมามา” น้ำเสียงคุ้นเคยเอ่ยทักทาย อย่าเรียกว่าทักเลยให้เรียกว่ายียวนจะดีกว่า “ถ้าจะมากวนประสาทก็ไปไกล ๆ ก่อนที่ฉันจะเอาแก้วฟาดหน้าแก” น้ำเสียงขึ้นจมูกเอ่ยบอกฟังดูก็รู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าคงร้องไห้มาอย่างหนัก “ทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ?” ดวงตาเรียวรีที่บวมช้ำบ่งบอกอะไรได้หลายอย่างในทันที เธอหันไปมองคนที่นั่งอยู่เก้าอี้ตัวข้าง ๆ “เลิกแล้ว คนเฮงซวย!” คนรับฟังไม่ได้ตกใจ แต่หัวเราะออกมาแทน “เสียใจหรือเสียดายถึงได้มานั่งร้องไห้อยู่นี่” “ฉันไม่ได้เสียดายที่มันทิ้งฉัน แต่ฉันโกรธตัวเองที่ไปรักผู้ชายอย่างมันลงได้ยังไง แค่ฉันไม่ให้มันเอา! มันถึงกับต้องเลิกกันเลยหรือไงวะ! เซ็กส์มันสำคัญมากขนาดนั้นเลยเหรอ” หลังมือบางยกขึ้นเช็ดน้ำตา และเอากำปั้นทุบลงบนเคาน์เตอร์อย่างเจ็บแค้น “ฉันบอกว่าแต่งงานก่อนแล้วจะให้ มันตีตัวออกหากทั้งที่ตอนแรกก็ดีแสนดี ผู้ชายมันเฮงซวยแบบนี้ทุกคนเลยหรือไง!!” ชายหนุ่มเท้าศอกลงกับเคาน์เตอร์บาร์และเลื่อนแก้วบรั่นดีในมือให้กับหญิงสาว “เก็บซิงไว้ชิงโชคหรือไง?” น้ำเสียงกลั้วหัวเราะถามเพื่อนสาว ยิ่งเห็นเธอยกแก้วขึ้นดื่มและทำหน้าตาคล้ายกินยาขมก็รู้สึกตลก “แล้วเซ็กส์มันสำคัญมากเลยหรือไง!” หญิงสาวถามซ้ำ ชายหนุ่มทำหน้าครุ่นคิด และยกฝ่ามือขึ้นไปเช็ดน้ำตาที่ไหลเปรอะเปื้อนแก้มใสของเพื่อนสนิท “ไอ้ตาม...แค่ผู้ชายคนเดียว เดี๋ยวฉันหาผู้ชายดี ๆ ให้แกใหม่ก็ได้ เอาให้หล่อให้รวยกว่ามันอีก” “ที่เจ็บกว่านั้นคืออะไรรู้ป่ะ มันไม่เชื่อใจฉัน มันคิดว่าฉันเป็นเด็กแกแล้วมาคบมันแก้ขัดเพราะอยากจะประชดแกที่แกเจ้าชู้! ดูมันคิดดิ! คนที่คบกันมาเป็นปีคิดกับฉันแบบนี้หรือวะ!” ดวงตาคมเป็นประกายขึ้นมาก่อนจะมองไปยังชุดที่ดูจะชื้นไปด้วยไวน์แดง… “สรุปทะเลาะกันเพราะฉัน?” ชายหนุ่มถาม แต่สิ่งที่ได้มาคือความเงียบงัน คงเป็นเหมือนทุกครั้งที่หญิงสาวจะเลิกกับแฟนเพราะเขา “แล้วแบบนี้จะเลิกคบกับฉันหรือเปล่า?” ดวงตาเรียวรีสบตามองคนถามก่อนจะส่ายหน้า และหันไปสนใจแก้วบรั่นดีในมือต่อ “ถึงแกจะเหี้ยกับคนอื่นแต่น่ารักกับฉัน เป็นผู้ชายที่ไม่มีไรดีเจ้าชู้สารเลวกับผู้หญิงไปทั่ว แต่กับฉันแกดีมาก เปย์หนัก และที่สำคัญไม่ว่าฉันจะเดือดร้อนอะไรหันมาก็เจอแกเสมอเลย แกคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันนะเต็นท์...ผู้ชายคนอื่นกับแก ฉันเลือกแกอยู่แล้วจะถามทำไม” “พอได้ยินแบบนี้แล้วไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจเลยดีเนี่ย...”

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

พันธะล้อมรัก

8.0K· นามปากกา แสงเทียน

“พี่มิน... พี่มินเราจะไปไหนกันคะ” ยูมิที่กำลังอ่านหนังสือทบทวนตำราเรียนอยู่ในห้องนอนเอ่ยถาม ‘ยูมิน’ พี่ชายของเธอที่ทำสูทเลอะเทอะเต็มไปด้วยไวน์ น่าจะไวน์เพราะเธอได้กลิ่น เขาเปิดประตูพรวดพราดเดินเข้ามาห้องนอนหยิบกระเป๋าเดินทางและกวาดเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้าเธอลงกระเป๋านั้นทั้งหมด “ไปเก็บของ เอาพาสปอร์ตติดมาด้วย เร็ว!” น้ำเสียงแข็งกระด้างของพี่ชายและขอบตาที่แดงก่ำของเขาทำให้ยูมิรีบทำตามที่บอก เธอเก็บข้าวของสำคัญที่จำเป็น และมานั่งยอง ๆ ข้างพี่ที่ยังคงตรวจดูว่าเอาเอกสารมาครบแล้วหรือยัง... “เราต้องทิ้งมันไว้นี่...” ยูมินสั่งน้ำเสียงเด็ดขาดเมื่อเห็นว่าน้องสาวสะพายกระเป๋าสัตว์เลี้ยงที่ภายในมีแมวสีดำอยู่ในนั้น “ไม่ค่ะ! มิไม่ทิ้งมิกิ!” มิกิคือแมวไทยสีดำตัวอ้วนกลมที่เธอเก็บได้จากโรงจอดรถห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน “ไม่ได้!” มิรินตาร้องไห้ออกมาในทันที ทำให้ยูมินที่ไม่มีเวลาต่อล้อต่อเถียงกับน้องสาวยอมให้เธอเอาแมวตัวนั้นขึ้นรถมาด้วย ระหว่างทางพี่ชายเธอขับรถเร็วมากและมองกระจกหลังแทบจะตลอดเวลา มิรินตากอดกระเป๋าอวกาศที่ด้านในบรรจุมิกิไว้แน่น พี่ชายเธอหันมามองหน้าเธอด้วยแววตาที่มีแต่ความเสียใจ... พี่มินเสียใจเรื่องอะไร “พี่มิน ฮึก เรากำลังจะไปไหนกันคะ” อยู่ดี ๆ เธอก็อยากร้องไห้และหยดน้ำตาก็ไหลรินลงมา เมื่อพี่ชายจอดรถที่ไหนสักที่เธอรู้แค่ว่ามันคล้ายโกดังสินค้า ร่างสูงเปิดประตูรถหยิบกระเป๋าเดินทางที่ใส่เสื้อผ้าเธอลงมาวางที่พื้น และเดินถือกระเป๋าเดินทางอีกกระเป๋า ใบนั้นน่าจะเป็นของพี่ชายเธอ ก่อนที่เขาจะเดินมาเปิดประตูฝั่งด้านซ้ายที่เธอนั่งอยู่และคว้าข้อมือเธอกระชากให้ออกมาจากตัวรถ! “พะ... พี่มินหนูจะ...” เมื่อเข้ามาด้านในโกดังมันเหมือนอีกโลกหนึ่งเสียงจ้อกแจ้กจอแจและผู้คนพลุกพล่าน “กูมาหานายมึง!” ยูมิตัวชาวาบหันไปมองหน้าพี่ชายที่เอ่ย บอกชายฉกรรจ์ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูห้องด้านในสุดของกาสิโนนี้! “พี่มิน! พาหนูมาที่นี่ทำไม!” เธอพยายามบิดข้อมือออกจากการจับกุม หัวใจเต้นระรัวมองหน้าพี่ชายที่ไม่หันมามองเธอแม้แต่น้อย ร่างบอบบางที่สะพายกระเป๋าแมวและพยายามบิดมือออกจากการจับกุมของพี่ชาย เธอกรีดร้องและร้องไห้ออกมาเสียงดังแต่ก็ไม่มีใครคิดจะช่วยอะไรนอกจากมองเฉย ๆ ยิ่งพี่เธอพยายามผลักเธอเข้าไปในห้องที่ถูกเปิดประตูไว้ตรงหน้ามากเท่าไร ยูมิก็ยิ่งโผเข้ากอดร่างสูงใหญ่ของพี่ชายไว้แน่นเท่านั้น “เข้าไป!!” แรงมหาศาลผลักร่างของน้องสาวเข้าไปในห้องทำงานตรงหน้า ยูมิหงายหลังก้นจ้ำเบ้า ก่อนที่เธอจะเงยหน้ามองพี่ชายด้วยน้ำตานองหน้า ยูมินเดินตามเข้ามาพร้อมกับโยนกระเป๋าเดินทางใบนั้นอย่างแรงจนซิปกระเป๋ามันปริออก เงินสดจำนวนมากทะลักออกมา “หึ! อย่าบอกกูนะ... ว่าของขวัญที่จะให้กูคือยัยเด็กแสบนี่!”

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

พ่ายรักสลับร้าย

4.0K· นามปากกา แสงเทียน

ระหว่างเขากับพี่ชาย...พี่ชายคนละแม่แต่เราเติบโตมาด้วยกัน เราไม่มีความรักความห่วงใยแบบพี่น้องคู่อื่น มีแต่การแก่งแย่งชิงดี เขาลูกเมียหลวง และพี่ชายเขาลูกเมียน้อย เมียน้อยที่แม้แต่ความรักจากพ่อของเขาก็ไม่เคยได้เลย แมทธิวมีพ่อและแม่หนุนหลัง ต่างกับอินทัชที่ไม่มีใครนอกจากคุณปู่ที่เป็นผู้กุมอำนาจต่าง ๆ ใน ‘อัศวจุลรางกูล’ และนั่นคือเพียงพอแล้วที่ทุกครั้งเราเจอหน้ากัน ไม่ชกหน้าก็พ่นแต่คำหยาบคายใส่กัน...และจะเป็นเขาเท่านั้นที่เป็นคนเริ่มก่อนเสมอ “ตึง! ไอ้ทัช! มึงออกมานะเว้ย! ไอ้คนขี้ขลาด!” ก่อนหน้านี้อินทัชไม่ไปทำงานที่บริษัทเลยทิ้งทุกอย่างโครมใหญ่ไว้ให้กับเขาที่เป็นน้องชายไม่เอาไหน จากพ่อที่ดูเหมือนจะไม่รักในตัวพี่ชายสักเท่าไหร่ แต่พอพี่ชายเป็นแบบนี้เพราะคุณปู่บังคับให้อินทัชแต่งงานกับคนที่ไม่อยากให้แต่ง และไม่รู้ไปพูดอีท่าไหนแฟนมันที่คบกันอยู่ดี ๆ ก็บอกเลิกโดยที่อินทัชก็ไม่ทันจะได้ตั้งตัว พ่อป่วยหนักตรอมใจเพราะพี่ชายเคยเป็นคนที่พึงพาได้ที่สุดในบ้านตอนนี้กลับทิ้งทุกอย่างอย่างไม่คิดจะแยแสสิ่งใดอีก แม้พ่อจะอยากให้เขาได้ทุกอย่างเพราะเขาคือลูกเมียหลวง ลูกที่เชิดหน้าชูตา แต่ด้วยศักยภาพในตัวแมทธิวเอง ชายหนุ่มไม่ได้เอาทุกอย่างในบริษัทอยู่เช่นอินทัช และเพียงแค่อินทัชล้มลง ‘อัศวจุลรางกูล’ ก็ดูเหมือนจะล้มสลายลงแล้ว “ไอ้พี่ชั่ว! ไอ้คนเห็นแก่ตัว! กูไม่ได้กินได้นอนเลยนะเว้ย! งานมึงก็ไม่คิดจะสอนกู! มึงเปิดประตู! มึงมันเลวกว่ากูอีก! คุณปู่ก็เข้าไอซียู พ่อก็ล้มเป็นอัมพาต! มึงมันเลวไอ้พี่เวร!” แมทธิวที่ดื่มไปหนักพอสมควร เมื่อได้ที่ก็ขับรถตรงดิ่งมาที่คอนโดรังรักที่อินทัชและอันดามันเคยอาศัยอยู่ด้วยกัน “ตึง!” สองขากระโดดถีบประตูห้องพักก่อนมันจะเปิดออก แมทธิวโมโหจนถึงขีดสุดตวาดออกไปกับประตูห้องพักสุดหรูที่ปิดอยู่ทั้งน้ำตา แมทธิวเหนื่อยล้าจากการที่ไม่ได้หลับได้นอนเต็มอิ่มมาร่วมเดือน จากคนที่เสวยสุขอยู่บนกองเงินกองทอง ต้องมาหัวหมุนทำงานแทนอินทัชแทบทุกอย่างจนวันนี้ไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถทนได้อีกต่อไป ทุกอย่างประเดประดังเข้ามาหาเขาแต่เพียงผู้เดียว สองขาก้าวเดินเข้าไปในห้องนอนอย่างถือวิสาสะ ก่อนจะกวาดตามองไปรอบเมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่แต่ได้ยินเสียงน้ำไหลในห้องน้ำ ขาข้างหนึ่งถีบบานประตูห้องน้ำสุดแรงแต่ภาพที่เห็นตรงหน้ามันทำให้เขาหัวใจหยุดเต้น “อินทัช!!!”

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

พ่ายรักทะเลร้าย

11.0K· นามปากกา แสงเทียน

ภายในโซน VIP ของไนต์คลับชื่อดังใจกลางเมือง หญิงสาวในชุดเดรสสีแดงสดแขนยาวเปิดไหล่ข้างหนึ่ง ผมยาวสลวยสีดำขลับปล่อยเรียบตรงธรรมดา ใบหน้าตกแต่งน้อยนิดเพียงแค่เธอทาลิปสติกสีเดียวกันกับชุดที่เธอสวมใส่... ร่างเพรียวระหงในชุดเดรส...ยืนอยู่บนรองเท้าส้นสูงแบรนด์เนมที่สูงประมาณ 3 นิ้ว มือข้างหนึ่งเธอคว้าแขน ‘กิสิยา’ น้องสาวที่ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติมาหยุดอยู่ในโซน VVIP ที่มีว่าที่สามีน้องสาวเธอกำลังรับรองลูกค้าอยู่... งานที่สามีน้องสาวเธอทำ อันดามันไม่ได้รู้เรื่องอะไรมาก แต่ดูในตอนนี้มันก็น่าจะนอกเหนืองาน เพราะ ‘ดีซี’ มาเป็นไม้กันหมาให้กับเพื่อนเขาที่ชื่อว่า ‘อินทัช’ “พี่ซีของสกายปัดมือออกนะ...เขาไม่ได้เต็มใจให้ผู้หญิงคนนั้นจับ” “สกายไม่ชอบเลยค่ะ หวงพี่ซี...” “ถ้าพี่ซีของสกายมากันหมาให้เพื่อนผู้ชายคนที่ตัวสูง ๆ นั่น...” อันดามันยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มอึกใหญ่ ก่อนจะหันไปพูดกับน้องสาวชัดถ้อยชัดคำ “พี่...ก็จะยอมเป็นไม้กันหมาแทนพี่ซีของสกายแล้วกัน!” อันดามันคว้าแขนน้องสาวให้ลุกขึ้นเดินตามกันไป และนี่! คือสาเหตุที่ทำให้เธอต้องมานั่งอยู่ท่ามกลางสมรภูมิย่อม ๆ ระหว่างเธอและผู้หญิงของอินทัช!! “มานี่...” เสียงเข้มเอ่ยเรียกเธอหลังจากที่ดีซีและกิสิยาน้องสาวเธอกลับออกไปแล้ว อันดามันปรายตามองคนเรียก ก่อนจะเหยียดยิ้ม และยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มแทนที่จะเดินเข้าไปหาเขา หญิงสาวหมุนกายหันไปมองทางหน้าเวที ดีเจฝรั่งรูปหล่อมือข้างหนึ่งจับหูฟัง อีกข้างสแคลชแผ่นเสียง “บอกจะมาเป็นไม้กันหมาให้...แต่ที่คุณทำมันช่วยผมตรงไหน?” อันดามันได้ยินทุกคำพูดแต่ไม่ได้คิดจะหันไปเผชิญหน้า ร่างสูงที่ยืนแนบชิดเรียกได้ว่าแผ่นอกของเขาติดแผ่นหลังของเธอ มือเรียวได้แต่กำแก้วไวน์ไว้แน่น ไม่หันไป เพราะถ้าหันเท่ากับเธอจะอยู่ในอ้อมกอดเขาพอดี “ถอยออกไปให้ห่าง! ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่คุณจะมาทำแบบนี้ได้นะอินทัช!!” อันดามันหันไปแค่เสี้ยวหน้า ก่อนจะเบนสายตากลับไปมองดีเจต่อ “งั้นเหรอ...แล้วผู้ชายแบบไหนที่จะทำอะไรแบบนี้กับคุณได้ล่ะ?” ลมหายใจอุ่นร้อนกระทบโดนหัวไหล่กลมกลึงของเธอ “ก็ไม่ใช่ผู้ชายอย่างคุณแล้วกัน!!”

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

หัวใจผูกรัก

3.0K· นามปากกา แสงเทียน

กลุ่มชายฉกรรจ์มากกว่า 10 คน แยกย้ายกันไปประจำตามจุดต่าง ๆ โดยมีบางส่วนกระโดดปีนเข้าไปในบ้านหลังใหญ่บ้างแล้ว เสียงโครมครามดังมาจากในบ้านพร้อมกับเสียงปืนจำนวนหนึ่งนัด ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของแม่บ้านที่อยู่ตรงนั้น “พะ....พวกแกเป็นใคร!!” ร่างเพรียวระหงในชุดเสื้อคลุมอาบน้ำเธอโพล่หน้ามาจากชั้นสองของบ้าน เมื่อผู้ชายสักคนในกลุ่มนั้นเห็นเธอก็รีบวิ่งขึ้นมาจับตัวเธอไว้ในทันที! “ปล่อยฉัน!!” กิสิยาดิ้นสุดแรงเกิด ศิลปะป้องกันตัวที่เธอได้ร่ำเรียนตอนเด็ก ๆ ถูกงัดมาใช้เกือบหมด แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผู้ชายหน้าอกบึกบึนพวกนี้สะท้านเลยสักนิด “ผู้ชายในรูปอยู่ที่ไหน?” ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อผู้ชายในรูปคือเจ้าของบ้านหลังนี้...พี่ซีของเธอ “ไม่มี” หญิงสาวเอ่ยตอบไปด้วยน้ำเสียงสั่นระริก ปลายมีดแหลมคมแตะลงที่ปลายคางเล็ก ก่อนจะยกใบหน้านวลให้เชิดขึ้น ความเย็นวาบของปลายมีดทำให้กิสิยาหวาดกลัวจนน้ำตาไหล มือหยาบกร้านคว้าต้นแขนเธอและบีบอย่างแรง กิสิยากัดริมฝีปากล่างตัวเองไว้พร้อมกับหันไปมองพวกกลุ่มแม่บ้านผู้หญิงที่นั่งเกาะกลุ่มกันอยู่ที่พื้น “พวกแกเป็นใคร! ต้องการอะไร!” แม้ภายในใจจะกลัวแสนกลัว แต่ในตอนนี้มีเพียงเธอเท่านั้นที่จะปกป้องคนในบ้านนี้ได้ ดีว่าวันนี้เอมิลี่ต้องไปโรงพยาบาลกับดีซี ไม่อย่างนั้นเด็กหญิงคนหวาดกลัวจนสติแตกแน่ ๆ “เรียกให้มันกลับมา…” นิ้วมือสากจิ้มลงที่แก้มเธอพร้อมกับรอยยิ้มที่หญิงสาวรู้สึกขยะแขยงจนต้องหลับตาลง “ฉันไม่เบอร์ติดต่อเขา” เสียงเข้มหัวเราะก่อนจะจับเดินไปคว้าคอแม่บ้านคนหนึ่งและเอาหลังมือตบเข้าไปที่ใบหน้าจนร่างเล็กล้มลงไปชักกับพื้น “หยุดนะ!! คนสารเลว!!” กิสิยากรีดร้องและเดินไปหยิบแจกันขนาดพอดีมือมาถือไว้ “ถ้าพวกแกทำอะไรใครอีกฉันฆ่าแกแน่!!” หญิงสาวเอ่ยบอกพร้อมกับน้ำตาที่ไหลริน ความหวาดกลัวเกิดขึ้นในจิตใจเมื่อสายตาของผู้ชายชุดดำที่มองเธอเปลี่ยนไปเป็นหยาบคายจนหญิงสาวต้องเอามือจับสาบชุดคลุมอาบน้ำไว้แน่น “เลือกเอาว่าจะโทรเรียกมันกลับมา...หรือจะเป็นเมียฉันดี!”

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

พลาดรักทวงคืน

17.0K· นามปากกา แสงเทียน

“กว่าจะเดินเข้ามาบนเตียงฉัน...มันไม่ได้ง่ายเลย” กันตภณยกมือขึ้นเท้าเอวและตวัดสายตาเย็นเยือกมามองหญิงสาวที่กำลังเช็ดน้ำตาตัวเองปรอย ๆ “วีล่าไม่รู้…” เธอจำอะไรไม่ได้จริง ๆ เมื่อคืนเพื่อนเก่านัดเจอกันเนื่องจากเธอเรียนจบปริญญาใบที่สองและกลับมาที่ไทย เธอดื่มไปเยอะทั้ง ๆ ที่ดื่มไม่เก่ง พอเมาก็เลยขึ้นมาจะมานอนห้องพี่วิล แต่อยู่ ๆ ก็มาโพล่ที่นี่แล้ว “แม่งเอ้ย!!” กันตภณหัวเสียขั้นสุด หน้าเพื่อนรักลอยมาจนเขารู้สึกกระบอกตาร้อนผ่าว ดวงตาคมกวาดตามองไปยังกลางเตียงนอนที่มีร่องรอยของความจริงสีแดงชาดเปรอะเปื้อนอยู่ เป็นความจริงที่ชายหนุ่มไม่อาจจะหนีได้พ้น กันตภณหงุดหงิดและเกลียดตัวเอง...เวลาเมาทีไร เขามักจะเป็นแบบนี้ทุกที เมาจนสิ่งที่เขากลัวมันได้เกิดขึ้นแล้ว ชายหนุ่มทำได้เพียงดึงทึ้งศีรษะและชกลมชกอากาศเพื่อระบายอารมณ์ที่ฟุ้งซ่านของตัวเองตอนนี้... “ลืมมันไปนะ...” เสียงเข้มเอ่ยออกไป และเดินมานั่งยอง ๆ ลงข้าง ๆ เธอ “..........” พิมพ์ธิราหัวใจขาดผึ่ง หยดน้ำตาเธอรินไหลออกมาไม่ขาดสาย “ขอโทษจริง ๆ วีล่า แต่ฉันเมามาก...และใครก็ไม่ควรรู้เรื่องนี้” นิ้วโป้งอุ่น ๆ ถูไถลงมาที่ริมฝีปากบางอย่างแรง พิมพ์ธิราหลับตาลงและสะบัดหน้าหนี “...พี่จะไม่รับผิดชอบวีล่า...อย่างนั้นใช่ไหม?” มือหนาเอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้หญิงสาว และตบแก้มที่เปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาเบา ๆ “ฉันรับผิดชอบไม่ไหว เข้าใจที่ฉันพูดไหม...”

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

หัวใจสั่งให้รัก

9.0K· นามปากกา แสงเทียน

“เธอต้องการอะไรจากฉันลูกศร...ถึงได้มาพูดเรื่องจูบกับฉันอยู่ได้” “.........” “ค่าเสียหายหรอ...หรืออยากได้อะไรก็บอกฉันมาได้เลย เพื่อให้เธอไปไกล ๆ จากวงจรชีวิตฉัน” กฤษณะรู้สึกอึดอัด… บางทีเธอก็เหมือนต้องการเขา และบางทีเธอก็ไม่ได้ต้องการ เขาไม่ชอบอะไรแบบนี้ เพราะเขาอ่านเธอไม่ออก! “ลูกศรไม่อยากได้อะไร…แต่ถ้าไวน์หมดขวดแล้ว ขอจูบพี่เมฆอีกสักครั้งก่อนลากันนะคะ”

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

ครั้งนี้หัวใจจองจำ

12.0K· นามปากกา แสงเทียน

“ฉันไม่ชอบผู้หญิงมือสองหรอกนะ...ถึงสวย...ก็ไม่ชอบ และเธอแก่กว่าฉันด้วย” เดือนอ้ายเม้มริมฝีปากแน่น “..........” ใบหน้านวลชาไปทั้งหน้า เธอรู้สึกกระบอกตาร้อนผ่าวจึงเงยหน้าขึ้นมองเพดาน กลัวว่าน้ำตามันจะไหลรินลงมาก่อน... “หึ!” เดือนอ้ายนั่งลงเก้าอี้ข้าง ๆ ก่อนจะยกแก้วบรั่นดีของเขาขึ้นดื่มจนหมดแก้ว! เธอรู้สึกเจ็บหนึบที่อกข้างซ้าย คำก็แก่ สองคำก็แต่งงานแล้ว... “อีกอย่าง...ฉันก็ไม่ชอบผู้หญิงแรง ๆ มันเหมือนอร่อยแต่คงไม่อร่อย” ดวงตากลมตวัดตามองคนพูดและยกยิ้ม ก่อนจะเคลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ “ยังไม่ได้ลองเลยก็รีวิวซะแล้ว...ไว้ลองก่อนค่อยรีวิวทีหลังก็ได้นะคะ ไม่สาย!”

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

ทวงรัก (ภาคต่อบงการรัก)

13.0K· นามปากกา แสงเทียน

ถึงนักอ่าน สวัสดีนักอ่านที่รักของแสงเทียนทุกท่าน นิยายเรื่องนี้เขียนไว้ตั้งแต่ปี 2563 ค่ะ แต่นำมาแก้คำผิดใหม่เพียงเท่านั้น ในรูปประโยคยังคงไว้ซึ่งต้นฉบับ ไม่ได้ผ่านการปรับปรุงแต่อย่างใดค่ะ ในบางประโยคอาจจะแปลก ๆ ไม่กล่อมเกลาไปบ้าง เพราะในปีนั้นเทียนเพิ่งจะเริ่มเขียนนิยายค่ะ และที่เทียนไม่แก้ไข เพราะเทียนต้องการเก็บต้นฉบับแบบนี้ไว้ค่ะ ไฟล์พิสูจน์อักษรจะอัพเดทให้อีกครั้งค่ะ เล่มนี้เป็น PART 2 ชื่อว่า “ทวงรัก” ใครชอบสุขนิยมต้องจัดค่ะ หลังจากที่ลูกจันทร์เหน็ดเหนื่อยมามากแล้วกับตะวันในภาคแรกคือ บงการรัก ภาคนี้ก็จะมีความสุขกันบ้างนะคะ เทียนน้อมรับทุกคำติชมนะคะ ติเพื่อก่อ เทียนขอบคุณมาก ๆ นักอ่านสามารถทดลองอ่านก่อนได้ค่ะ ถูกจริตและคิดว่าใช้ค่อยกดซื้อ ขอบคุณทุกท่านสำหรับการตอบรับเป็นอย่างดี ไม่คาดหวังกับนิยายเรื่องเก่าเลยค่ะ แต่ดีใจสุด ๆ ที่ยังมีนักอ่านมาทวงถามกัน หัวใจเทียนพองโตมาก ๆ ตอนที่รีอัพแล้วมีคนติดตาม ขอบคุณที่ให้โอกาสกันค่ะ นิยายเรื่องนี้มีเหตุการณ์ไม่เหมาะสม ไม่สมเหตุสมผลนานาประการ และแต่งขึ้นจากจินตนาการนักเขียนเพียงเท่านั้น หากผิดพลาดประการใด ต้องกราบขออภัย และขอบคุณที่แวะมาหยิบจับหนังสือเล่มนี้นะคะ ปล. พระเอกก็แค่คนเคยเลวค่า อิอิ ดูแลสุขภาพพร้อมกับอ่านนิยายเทียนไปด้วยนะ รัก แสงเทียน 29 กรกฎาคม 2565

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

แค้นลวงรัก

4.0K· นามปากกา แสงเทียน

ถึงนักอ่าน... เป็นนิยายเก่านะคะ เอามาแก้ไขคำผิดเท่านั้นค่ะ พระเอกเป็นน้องชายของตะวันในเรื่อง ‘บงการรัก’ และเป็นลูกชายของพี่ทิใน ‘ดั่งมายาลวงรัก’ หัวใจและคอมเมนต์เป็นกำลังใจที่ดีให้กับเทียนมากค่ะ น้อมรับทุกคำติชม ดูแลสุขภาพพร้อมกับอ่านนิยายเทียนไปด้วยนะ รัก แสงเทียน 12 กันยายน 2565

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

รักหลอกใช้

7.0K· นามปากกา แสงเทียน

ถึงนักอ่าน เป็นนิยายเก่านำมาพิสูจน์อักษร ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาค่ะ หัวใจและคอมเมนต์เป็นกำลังใจที่ดีให้กับเทียนมากค่ะ น้อมรับทุกคำติชม ดูแลสุขภาพพร้อมกับอ่านนิยายเทียนไปด้วยนะ รัก แสงเทียน พฤษภาคม 2566

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

ฝากรักในรอยแค้น

30.0K· นามปากกา แสงเทียน

“ฉันเป็นแม่แก! ฉันมีสิทธิในตัวแกทุกอย่าง!!!” “หนู 20 แล้ว หนูโตแล้ว! ชีวิตมันเป็นของหนู!!” “แกจะไปกับผู้ชายเก่าของแม่แกได้ยังไง!” “หนูจะไป! และคุณก็ไม่ใช่แม่หนู!!” “เพี๊ยะ! นังลูกอกตัญญู! นังลูกสารเลว!” พิณะ หรือ ณะ อัครา พ่อเลี้ยงไร่ชา ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในจังหวัดเชียงราย สร้างฐานะด้วยตัวเองไม่สนธุรกิจครอบครัว ชายหนุ่มโสดวัยกลางคน ผู้หวงชีวิตอันเป็นส่วนตัว ไม่ชอบผูกมัด ไม่ชอบความวุ่นวาย ยึดถือเรื่องคำพูดเป็นสำคัญ วิชธาดา หรือ แก้วตา ณ ศักดิ์ขจร ลูกสาวเพียงคนเดียวของ ธาวิช ณ ศักดิ์ขจร เจ้าของปางไม้ที่ใหญ่ที่สุดในลำพูน ปางไม้สีขาว ไม่เดินทางสีดำ ลูกสาวของผู้รักอุดมการณ์ หญิงสาวแรกแย้ม ผู้ที่อยู่แต่ในกรอบที่พ่อวางไว้ตลอดเวลา รักและเชื่อฟังผู้เป็นพ่อ เพราะแม่ทิ้งไปตั้งแต่เด็ก

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

รักจำเป็น

8.0K· นามปากกา แสงเทียน

“ท่ามกลางความรุนแรงในการช่วงชิง ธุรกิจรังนกที่มักนองเลือดอยู่เสมอ... ครอบครัวเธอต้องมาพึ่งใบบุญครอบครัวเขา ความรักที่เกิดจากการคลุมถุงชน ของสองครอบครัว ‘ธุรกิจสีเลือด’ เพื่อรวบรวมกิจการสัมปทานรังนกนางแอ่น ความใกล้ชิดสนิทสนมของหนุ่มสาว ที่จะทลายกำแพงหัวใจไปพร้อมกัน” แนะนำตัวละคร ภคพงษ์ ณ สมุทร หรือ ใบพัด ชายหนุ่มวัย 32 ปี ผิวขาวเหลือง ชายหนุ่มชาวใต้ เจ้าของสัมปทานรังนกรุ่นที่ 5 ที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดตรังชายฝั่งทะเลใต้ ชายหนุ่มหน้าตาดี ผู้รักสันโดษ สุขุม ใจเย็น เก่ง และโดดเด่น ความสูง 185 ซม. สถานะโสด มัณฑนา พิมพ์อักษร หรือมาหยา หญิงสาวแรกรุ่น วัย 25 ปี ผิวขาว ลูกสาวคนเล็กของเจ้าของสัมปทานรังนกเกาะถัดไปชายฝั่งทะเลเหนือ หญิงสาวหน้าตาน่ารัก ผิวขาว ส่วนสูง 165 ซม. เธอผู้ไม่เคยมีปากเสียงใด ๆ พ่อแม่สั่งให้ทำอะไรก็ทำ เธอมีแฟนอยู่คนหนึ่ง...คบกันตั้งแต่สมัยเรียน มีแพลนว่าจะแต่งงานกัน แต่พ่อแม่กลับให้เธอต้องมาแต่งกับอีกคน ผู้ชายที่แฟนเธอ...สู้อะไรเขาไม่ได้เลย

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

รักแลกร้ายเลว

16.0K· นามปากกา แสงเทียน

‘รักที่ต้องแลกมาด้วยความเจ็บช้ำ ต่อให้ต้องแลกกับอะไร จะเจ็บปวดแค่ไหน ขอแค่ให้ฉันได้อยู่ในชีวิตเขา...ฉันทนได้ทั้งนั้น’ ‘นี่เงิน!! ไปหายากินด้วย!!’ ‘คุณก็รู้ว่าพิมพ์รู้สึกยังไงกับคุณ...’ ‘อ๋อ...หรือเธอตั้งใจจะเคลมฉันฮะ!!’ ‘พิมพ์ไม่เคยคิดแบบนั้น...พิมพ์แค่รักคุณ’ ‘อย่างี่เง่าไปหน่อยเลยพิมพ์!!’ ‘กูไม่เคยรักมึง...กูแค่อยากจะเอามึงแค่นั้น!!’ วิลเลียม โอศาการ หรือ การ์ฟีลด์ หนุ่มลูกครึ่ง ไทย-อเมริกัน ดวงตาสีน้ำตาล สูง 190 ซม. ชายหนุ่มเจ้าของธุรกิจมืดทุกรูปแบบ นิสัยไม่ยอมคน ชอบเอาชนะ อะไรก็ตามที่เขาอยากได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด สกปรกแค่ไหน เขาทำได้ทั้งนั้น! พิมพ์อักษร มีไพศาล หรือ พิมพ์ใจ หญิงสาวเจ้าของธุรกิจอาหารอิตาเลียนชื่อดัง หน้าตาน่ารัก ตัวเล็ก ความสูง 165 ซม. ผิวขาว เป็นคนเรียบร้อย ยอมคน ไม่มีปากมีเสียงกับใคร

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

ชดใช้ให้รัก

10.0K· นามปากกา แสงเทียน

ไม่อนุญาตให้ทำซ้ำดัดแปลง สแกน คัดลอก เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน ถึงนักอ่าน เป็นนิยายเก่านำมาพิสูจน์อักษร มีรูปแบบรายตอนและ E-Book ไม่มีการปรับปรุงเนื้อหาใด ๆ เป็นนิยายปี 2564 แนะนำให้ทดลองอ่านก่อนนะคะ พระเอกเป็นน้องชายปุยนุ่น นางเอกเรื่องหนี้รักคุณหมอ มีคำหยาบคาย นอกกาย ใครไม่ชอบกดผ่านเลยนะคะ ไม่ต้องทิ้งคำพูดแย่ ๆ เอาไว้ เพราะนักเขียนเลือกอ่านคอมเมนต์ที่ติเพื่อก่อเท่านั้นค่ะ ดูแลสุขภาพพร้อมกับอ่านนิยายเทียนไปด้วยนะ รัก แสงเทียน มิถุนายน 2566

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

หนี้รักคุณหมอ

35.0K· นามปากกา แสงเทียน

หนี้ชีวิตที่เธอชดใช้ให้ด้วยรัก เขา...ผู้ซึ่งไม่เคยแยแส ไม่แม้แต่จะพูดจาดี โมโหร้าย เอาแต่ใจ รุนแรงและป่าเถื่อน เขาที่ดีกับทุกคน...ยกเว้นเธอ เพราะเธอ...มันผู้หญิงไร้ศักดิ์ศรี! กิต นิติโรจน์ไพศาล ชื่อจริงก็กิต ชื่อเล่นก็กิต ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ อาจารย์หมอผู้มากประสบการณ์ ประจำโรงพยาบาล XXX ความสูง 190 สูงยาวเข่าดี ผิวขาว ตี๋ ลุคสุดอบอุ่น และรอยยิ้มที่ใครเห็นก็ต้องทัชใจ และที่สำคัญคือ...โสด ปาญา หรือ ปุยนุ่น เด็กสาวกำพร้าวัย 19 ปี สาวตัวเล็ก 158 รูปร่างอวบ ผิวขาวเหลือง ตากลมโต กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมปีที่ 6 อาศัยอยู่กับน้องชายตามลำพัง นายา หรือ นาย น้องชายปุยนุ่น เด็กชายวัย 5 ขวบ ผู้มีอายุห่างกับพี่สาวถึง 14 ปี ผู้ชายผู้เป็นดั่งทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเธอ

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

เล่ห์รักสัมพันธ์ร้าว

15.0K· นามปากกา แสงเทียน

"เธอมีหน้าที่แค่กันผู้หญิงคนนั้นออกไป ไม่มีสิทธิ์มาถามว่าทำไมต้องทำ" "แต่คุณกำลังทำให้หนูดีเดือดร้อน..." "ฉันไม่ได้จ้างเธอมาให้อยู่แต่บนความสุขสบายอย่างเดียวนะ ผัวเดือดร้อนเมียก็ต้องเดือดร้อนด้วย" ความสัมพันธ์ร้าวรานและร้อนแรง ไม่ว่าใครได้ผูกพันและข้องเกี่ยวก็ไม่พ้นจะแพ้ภัยตัวเองทั้งนั้น... "เธอคิดจะไปจากฉัน?" "แน่นอนว่าหนูดีคิดมาตลอดค่ะ" "งั้นก็ไปซะ!"

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

พันธะผูกรัก

13.0K· นามปากกา แสงเทียน

“ไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี่นะคะ... ว่าแต่เด็กนี่ใครกันคะ?” น้ำเสียงหวานใสที่ไม่ดังมากแต่มันกลับฉุดอัญธิยาให้เงยหน้าขึ้นมองในทันใด “ไม่ใช่เรื่องของคุณ...” น้ำเสียงติดจะเย็นชาทำให้อัญธิยารู้สึกใจชื้น แต่ภาพใกล้ชิดกันตรงหน้ามันแสดงถึงสถานะในอดีต ของสาวสวยคนนี้ได้ดีทีเดียว “เหรอคะ...”

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

บ่วงกัมปนาท

10.0K· นามปากกา แสงเทียน

หนึ่งคนที่ยอมอดทนทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว หนึ่งคนที่ยอมอดทนทำทุกอย่างเพื่อผู้หญิงที่รัก “กฎของการนอนกับฉัน คือไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะรักฉัน...จำไว้” “ความสัมพันธ์ที่ไร้ศักดิ์ศรี...ใครรักก่อนคนนั้นพ่ายแพ้”

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

เยื่อรักมาเฟียร้าย

10.0K· นามปากกา แสงเทียน

“เธอมันคนหน้าด้าน!” “คุณมันคนสารเลว!”   นิยามของความอดทนของแต่ละคนไม่เท่ากัน สำหรับ โรซิก้า โรส ลูกสาวมาเฟียผู้ร้างอิทธิพล เธออดทนได้ทุกอย่าง เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่เธอต้องการ    ตระกูลโรส น่ารังเกียจทุกคน! ไทสัน ลอว์ มาเฟียผู้ทรงอิทธิพล หลงกลเข้าให้แล้ว!! เขาควรจะให้บทเรียนที่น่าเวทนากับครอบครัวนี้!   

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

Bad Guy ตัวร้ายของเธอ

10.0K· นามปากกา แสงเทียน

ฟ้าพราวพรรณ หรือ ฟ้า ลูกสาวคนโตของศรศิลป์และดุจดวงดาว  หญิงสาววัยยี่สิบสี่ปี ที่เติบโตมาท่ามกลางความรักและเอาใจใส่ของครอบครัว เธอเหมือนกับเพชรเม็ดหนึ่งที่ส่องประกายอยู่ตลอดเวลา ผู้เป็นพ่อจึงไม่เคยปล่อยให้เธอได้เผชิญโลกด้วยตัวเองเลย กักขังเธอไว้ราวกับไข่อยู่ในหิน และเมื่อวันหนึ่งที่อดทนต่อไปอีกไม่ไหว ฟ้าพราวพรรณก็ไม่คิดจะทน! "ลูกแค่อยากมีเพื่อนบ้าง คุณพ่อสั่งให้คนเลิกตามกันสักทีได้ไหมคะ?" "ลูกไม่อยากเป็นลมใต้ปีกของใคร เรื่องความรักมันห้ามกันไม่ได้ พ่อก็รู้" ชาร์ล หรือ ชาร์ล เขามีชื่อเดียวเป็นลูกชายของชนาและเอมม่า ชายหนุ่มวัยยี่สิบห้าปี ผู้สืบทอดธุรกิจการกาสิโนของครอบครัว เขาเป็นตัวแทนของพ่อที่ต้องดูแลกิจการทั้งไทยและต่างประเทศ และประเทศไทยเป็นประเทศที่เขาไปบ่อยที่สุด แต่หลังจากนี้จะไม่มาเหยียบอีกแล้ว! "ฟ้าพราวพรรณ...มันไม่ใช่คนดี" "พี่ชาร์ลต่างหากที่เป็นคนไม่ดี คนเลือดเย็นอย่างพี่ก็คอยแต่ทำร้ายเขา" คนที่พ่อชอบ...คนที่เธอชอบ ฟ้าพราวพรรณควรจะเลือกคนที่ ชอบเธอ นั้นถูกแล้ว ถูกแล้วกับผีนะสิ! เธอไม่รู้ว่าเราโกรธกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ สามขวบ สี่ขวบ ห้าขวบ หรือยี่สิบสามกันแน่ แต่ตอนนี้เธอซวยแล้ว! "ฉันจะตัดขาดกับเธอ! ตั้งแต่วันนี้อย่าเสนอหน้ามาให้ฉันเห็นอีก!"

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

รักร้ายในวันวาน

13.0K· นามปากกา แสงเทียน

ช็อกวงการ! ทำผู้หญิงท้องแล้วทิ้ง อักษรย่อไม่ต้องเดานักแสดงดาวรุ่งช่อง Z ที่ตอนนี้เป็นที่โด่งดังทั้งไทยและต่างประเทศ ‘ภควัตร หรือ ลม’ ประกาศผ่าน IG ส่วนตัวว่าไม่ใช่ตน แต่เอ๋...ทำไมไม่เปิดคอมเมนต์ละเนี่ยยย เมื่อโดนจี้เอามาก ๆ ก็ปิด IG และหายเข้ากลีบเมฆพร้อมกับผู้จัดการส่วนตัวที่ไม่รับสายเหยี่ยวข่าวของเราเช่นกัน! แล้วแบบนี้ พส. คนสนิทที่ไปทานข้าวด้วยกันบ่อย ๆ จนแว่วว่าถ้าผ่านด่านพ่อตาก็คงจะมีข่าวดี แบบนี้ก็จึ้งนะสิค้าาาา “อ่านจบหรือยัง” “อืม ไม่มีไรก็แค่นี้แหละ” “รับสายพ่อหน่อย” “กวิ้นกูนอนอยู่แค่นี้!” ‘การินทร์’ กดวางสายก่อนจะปิดเครื่องและควานหยิบรีโมตเครื่องปรับอากาศมาลดอุณหภูมิให้เหลือแค่ 19 องศา ก่อนจะซุกกายที่เหนื่อยล้าจากการอดนอนมาหลาย ๆ คืนติด ๆ กัน เขาเดินทางไปดูกาสิโนที่ถือหุ้นในบริษัทต่างประเทศและพึ่งกลับถึงไทยวันนี้เอง...และก็เกิดเรื่อง ในตอนนี้การินทร์เพียงแค่อยากจะนอนหลับอยู่ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา ไม่อยากจะรับรู้อะไร ขอแค่ได้พักสักคืนร่างกายที่เหมือนไข้จะกินคงหายดี ชายหนุ่มหลับตาแต่ภายในสมองตีกันยุ่งเหยิง หัวใจที่คิดว่าตายด้านมันกลับรู้สึกหวิวไหวอีกครั้ง เมื่อนึกถึงข่าวคราวที่ได้อ่าน ได้รู้จาก ‘กวินท์’ ผู้เป็นพี่ชายที่คาบข่าวมาบอกทั้งที่ตัวมันอยู่ที่เชียงรายและเขาอยู่กรุงเทพ ดวงตาสีนิลลืมโพล่งมองเพดาน มันจะมีสักกี่เหตุผลที่พ่อจะโทรมาหาเขาในเวลาดึกดื่นเช่นนี้...และพี่ชายก็ยังส่งข่าวเรื่องนั้นมาบอกอีกด้วย ริมฝีปากหยักเหยียดยิ้มและทีนี้ไม่ใช่เสียงโทรศัพท์อีกแล้ว แต่มันเป็นเสียงเคาะประตูห้องนอนที่ดังสนั่นหวั่นไหว… “ไม่เห็นจะต้องหอบมามี้มาที่นี่เลย” การินทร์เอ่ยออกมาอย่างไม่พอใจพร้อมกับทิ้งตัวนั่งลงอย่างเหนื่อยล้าบนโซฟากลางห้อง ข้างกันมีมารดาผู้ให้กำเนิดในชุดอยู่บ้านแสนจะธรรมดาไม่ได้แต่งองค์ทรงเครื่องอะไรเหมือนพ่อดึงมาก็ออกตามมาเลย “ก็มึงไม่รับโทรศัพท์ กูก็ต้องพามามี้มึงมากดรหัสประตูไหม?” ‘กระทิง’ ผู้เป็นพ่อถอนหายใจและนั่งลงที่โซฟาเยื้อง ๆ กัน เขามองหน้าลูกชายไม่วางตาราวกับจะจดจ้องมองไปถึงเบื้องลึกของจิตใจลูก  ภายในปีมานี้ลูกชายคนเล็กของเขามาให้เห็นหน้ากันแทบจะนับครั้งได้ และมันก็ทำงานเป็นบ้าเป็นหลังจนไม่ลืมหูลืมตา สาเหตุเพราะอะไรทุกคนก็เข้าใจกันดีอยู่ “พึ่งถึงไทยตอนหกโมงไปเคลียร์งานต่อกลับมาสี่ทุ่ม...พ่อรู้ไหมว่าผมไม่ได้นอนเลย” ท่าทางยียวนกวนประสาทนี่ไม่รู้ว่ามันได้ใครมา กระทิงหงุดหงิดใจเหลือเกิน! “งั้นมึงก็ไม่ต้องนอนค่อยนอนทีเดียวตอนตาย!” “คุณคะ ถ้าคุณจะมาขอความช่วยเหลือลูกแต่พูดจาแบบนี้เป็นมิก็ไม่ช่วยคุณหรอกค่ะ” ‘ยูมิ’ พูดออกไปพร้อมกับกุมมือที่หยาบกร้านของลูกชายไว้ด้วย “งั้นมิก็คุยแล้วกัน เพราะพี่พูดไปไอ้กิ้นมันคงจะฟังพี่หรอก!” กระทิงหงุดหงิดที่ลูกชายคนเล็กมักไม่ได้ดั่งใจ ตั้งแต่เรื่องเมื่อปีที่แล้วเราพ่อลูกก็เหมือนมีเส้นบาง ๆ กั้นกันไว้ตลอดเลย “บ้านลุงฐามีปัญหา เขาโทรมาเมื่อช่วงเย็น...ถามหากิ้นเพราะกิ้นไม่รับสายเขา” การินทร์มองหน้าผู้เป็นแม่ด้วยสายตาเรียบนิ่งไม่ได้แสดงท่าทีโกรธเกรี้ยวกวนประสาทเหมือนอย่างที่ทำกับผู้เป็นพ่อ “ผมยังไม่ได้ดูโทรศัพท์เลยครับ” ยูมิพยักหน้ารับรู้ ไม่ติเตียนลูกชาย แต่ยกมือข้างหนึ่งลูบแก้มสากที่มีหนวดเคราขึ้นจนครึ้มไปหมด “กิ้นอยากจะนอนพักก่อนไหมแล้วพรุ่งนี้เรากลับบ้านไปคุยกัน” การินทร์ส่ายหน้าอย่างไม่ต้องคิด “ผมมีงานที่ปากช่องต่อ ช่วงเที่ยงก็ต้องเดินทางแล้ว มามี้มีอะไรก็พูดมาได้เลยครับสักพักผมว่าจะพักแล้ว” คนเป็นแม่กุมมือลูกชายเอาไว้แนบแน่น  “กิ้นเห็นข่าวไข่ตุ๋นแล้วใช่ไหม...” “ครับ กวิ้นส่งมาให้ดูแล้ว” การินทร์ตอบอย่างไม่ยี่หระอะไรทั้งใบหน้า สายตา และท่าที “ตอนนี้ข่าวมันไปทางด้านลบซะส่วนใหญ่ และมันไม่ส่งผลดีกับบ้านลุงฐาเลย ฝั่งนู้นท้องและมีคลิปเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดว่าให้ไปเอาเด็กออก ชาวเน็ตก็เลยตีข่าวว่าคนที่ใจร้ายกับเด็กที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยคือแฟนตัวจริงของนายลม”  “แล้วยังไงครับ? ตรงไหนที่มันเกี่ยวกับผม?” การินทร์กะพริบตามองหน้าผู้เป็นแม่ช้า ๆ ราวกับไม่เข้าใจในสิ่งที่ท่านพูดให้เขาฟัง “ลุงฐามีบุญคุณกับครอบครัวเรามาก...และเขายังเป็นเพื่อนรักพ่อกระทิงด้วย” แววตาคมกริบของการินทร์เบนสายตามองไปทางอื่น ก่อนจะบิดมือที่โดนมารดาจับกุมไว้ออก “ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าที่มามี้กับพ่อกำลังจะพูด คือเรื่องอะไร?” กระทิงมองแววตาเจ้าเล่ห์แฝงรอยยิ้มนั้นและก็ได้แต่ทอดถอนใจ “ฉันอยากให้แกกลับไปคบกับไข่ตุ๋น” “จะต้องให้ผมบอกพ่อกี่รอบว่าผมกับเธอเราไม่เคยคบกัน”

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

ดอกไม้เหนือไฟ

26.0K· นามปากกา แสงเทียน

ร่างบอบบางมองประตูห้องทำงานขนาดใหญ่ที่ต้องใช้สองคนเปิดเธอไม่แน่ใจว่าหากเธอเป็นคนผลักเข้าไปมันจะสามารถเปิดออกได้หรือเปล่า หิรัญญิการ์ ก้าวขาเรียวบนรองเท้าส้นสูงสามนิ้วเดินตามชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่เข้าไปภายในห้องนั้นอย่างไม่ลังเล “ฮะ! สเตสฟัส!! ไอ้เหี้ยเหนือวันนี้ดวงมึงดีจัง…ใครวะ???” สายตาสามคู่ของผู้ชายที่นั่งล้อมวงกันอยู่บนโต๊ะโป๊กเกอร์หันมามองเธอเป็นตาเดียว ยกเว้นคนที่สวมใส่เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มและเขานั่งหันหลังให้กับเธอ… “เด็กมึงเหรอ?” ผู้ชายข้างซ้ายโน้มตัวไปถามคนที่นั่งหันหลังด้วยท่าทีอยากรู้อยากเห็น ก่อนที่เขาจะหันกลับมาปรายตามองเธอเพียงน้อยและกลับไปสนใจไพ่ในมือต่อ “มึงคิดว่ากูจะชอบผู้หญิงที่จืดสนิทแบบนี้หรือไง?” หิรัญญิการ์ยืนกุมมือประสานกันไว้ที่หน้าท้อง เมื่อได้ยินคำปรามาสแบบนั้น ใบหน้าขาวนวลเชิดขึ้นเล็กน้อยไม่ให้ดูเสียมรรยาทจนกลายเป็นสะบัดทั้งที่ใจก็อยากจะสะบัดใส่อยู่หรอกนะ “สวัสดีค่ะคุณพายัพ” พายัพ เจ้าของชื่อที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มขยับกายนั่งหลังตรง ดวงตาคมเข้มสีนิลแหงนขึ้นมองไปตามเสียงทักทาย เขายิ้มหยันเพราะความใจกล้าของผู้หญิงคนนี้ที่กล้าเดินเข้ามาใกล้ทั้งที่เขาไม่ได้เรียก สายตาดุดันกวาดตามองผู้หญิงเรือนร่างบอบบาง…โครงสร้างเรือนกายเล็กจนแทบจะปลิวลม เขาแค่ปรายตามองปราดเดียว ก่อนจะหยิบไพ่ตรงหน้ามาสับต่ออย่างไม่สนใจจะเอื้อนเอ่ยชักชวนผู้หญิงคนเดียวในห้องนั่งเลย เวลาผ่านไปสักพักหนึ่งและเมื่อเธอเอาแต่ยืนปักหลักไม่ขยับ พายัพจะเห็นแก่ความใจกล้าหน้าด้านนี่แล้วกัน “มีอะไรก็พูดมา” เสียงของเขาถามขึ้นคล้ายรำคาญ “ฉันขอรบกวนเวลาส่วนตัวคุณไม่เกินสิบนาทีค่ะ” หิรัญญิการ์ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องมาพูดเรื่องส่วนตัวต่อหน้าคนอื่นที่ไม่ใช่พายัพ “ฉันเล่นกันตาละแสนและมือฉันกำลังขึ้น เธอมีไหมล่ะห้าแสนถ้ามีฉันก็จะลุกไปเสียเวลาคุยเรื่องปัญญาอ่อนกับเธอ” แม้ภายในใจหิรัญญิการ์รู้สึกสะท้านสั่นไหว แต่ภายนอกที่แสดงออกมามันทำให้พายัพปวดหัวจี้ด ๆ แผ่นหลังเธอเหยียดตรงสองขายืนอย่างมั่นคง ดวงตาจับจ้องมองคนที่ต้องการสนทนาด้วยไม่วางตา เขารู้สึกไม่ชอบใจแววตาคู่นี้สักนิด อวดดี! “คุยกันก่อนไหม?” เพื่อนคนที่ร่วมวงเสี่ยงดวงกับพายัพเห็นท่าไม่ดีจึงเอ่ยถามเขา เพราะเห็นว่าผู้หญิงคนนี้ตั้งมั่นเหลือเกินที่จะคุยกับเพื่อนเขาให้ได้ “จะให้กูเลิกเล่นใช่ไหม?” พอได้คำตอบจากพายัพแบบนี้ พวกเขาก็ได้แต่เงียบปากแล้ว เพราะถ้าพายัพเลิกเล่นวันนี้พวกเขาก็เจ๊ง! “ส่วนเธอถ้าไม่มีอะไรจะพูดก็ออกไป!” พายัพตวาดออกมาเสียงดังลั่น หญิงสาวได้แต่กำมือตัวเองไว้แน่นก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกความมั่นใจให้กับตัวเองอีกครั้ง “ฉันชื่อหิรัญญิการ์หรือจะเรียกว่ารัญก็ได้ค่ะ” เธอแนะนำตัวพร้อมกับก้าวเดินเข้ามายืนอยู่ข้าง ๆ โต๊ะโป๊กเกอร์หรือข้างเก้าอี้ที่พายัพนั่ง “แล้ว?” พายัพไม่แม้แต่จะปรายตามองแต่เพื่อนสามคนของเขามองเธอตาไม่กะพริบ “ฉันเป็นน้องสาวของพุดพิชชา” เธอแนะนำตัวอย่างรวดเร็ว “พุดพิชชามีน้องชื่อพุดน้ำษุษย์…” เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงติดรำคาญ “ฉันเป็นน้องสาวคนสุดท้องที่ห่างกับพวกพี่หลายปี” อธิบาย...หิรัญญิการ์อธิบายให้กับคนที่ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาสนทนากันดี ๆ  “ลูกหลงนะเหรอ?” และเมื่อเห็นว่าผู้หญิงคนนี้เงียบพายัพก็หัวเราะออกมา “หรือจะเรียกว่าลูกที่พ่อแม่ไม่ต้องการดี?” เขายังคงขยี้ต่อทั้งที่ยังจัดเรียงไพ่ในมือ ทำให้เพื่อน ๆ ของเขาก็ต้องหันไปสนใจไพ่อยู่ตรงหน้าด้วยเช่นกัน แต่หิรัญญิการ์แทบหยุดหายใจเมื่อได้ยินเขาพูดออกมาเช่นนั้น ริมฝีปากหยักลึกสีชมพูคล้ำเหยียดยิ้มทั้งที่ดวงตายังคงจับจ้องไปที่แผ่นไพ่บนมือ พุดพิชชาคือพี่สาวคนโต พุดน้ำบุษย์คือพี่สาวคนรอง...ส่วนเธอคือน้องสาวคนสุดท้อง หรือเรียกว่าลูกหลงนั่นแหละ หิรัญญิการ์เตรียมใจมาบ้างแล้ว เพราะเธอรู้ว่าพายัพเป็นคนค่อนข้างจะโผงผาง แต่การที่เขาพูดถึงเรื่องส่วนตัวของครอบครัวเธอต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ มันทำให้เธอรู้สึกสะอึกจนใบหน้าชาไปทั้งแถบ เขาเลวร้ายกว่าที่เธอคิดไว้เยอะเลย  

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

ทฤษฎีกระชับรัก Dictionary Love

10.0K· นามปากกา แสงเทียน

บ้านไม้เรือนล้านนาประยุกต์บริเวณพื้นที่ข้างเป็นหุบเขาทั้งหมด บ้านไม้หลังนี้ตั้งอยู่หลังเดียวบนพื้นที่โดดเด่น ใครจะเข้ามาที่นี่จะต้องโดยสารรถยนต์ส่วนตัวเข้ามา หากเป็นพนักงานหรือแม่บ้านก็จะใช้จักรยาน หรือรอรถจากป้อมหน้าถนนเข้ามาในบริเวณบ้านด้านใน ไม่สามารถเดินเท้าเข้ามาเองได้เนื่องจากที่ตั้งของบ้านเป็นเนินชัน เสียงเครื่องยนต์ของรถสปอร์ตคันหรูที่ดูอย่างไรไม่เหมาะสักนิดจะขับเข้ามาในเขตเขาลำเนาไพรแบบนี้ แต่สำหรับ กุลนิษฐ์ ยุทธโยธิน รถนั่นมีไว้ใช้ สายฝนหล่นปรอยลงมาไม่แรงเท่าไหร่นัก หลังจากจอดรถต่อจากรถยนต์ Hummer คันใหญ่ที่จอดขวางทางเข้าโรงจอดรถใต้ถุนเรือน หญิงสาวดับเครื่องยนต์เปิดประตูก้าวออกจากรถ ก็มีร่มของแม่บ้านประจำเรือนหลังนี้ รีบกุลีกุจอกางร่มกันฝนให้เธอ “ไม่เป็นไร ท่านมาถึงนานหรือยัง?” กุลนิษฐ์บอกปัดก่อนจะยืดกายเล็กน้อยเพราะเมื่อยขบจากการที่นั่งอยู่ในห้องประชุมตั้งแต่เช้าจรดเย็น หญิงสาวประชุมเสร็จขับรถตรงกลับมายังบ้านพักทันที ตั้งแต่เที่ยงข้าวยังไม่ตกถึงท้องสักเม็ด เธอหิวจนตาลาย แต่เพราะมีเรื่องด่วนที่ต้องรีบกลับมาบ้าน ก็เลยไม่ได้ไปทานข้าวต่อกับคนในทีม “คุณท่านมารอด้านในตั้งแต่สี่โมงเย็นแล้วค่ะ” ถ้ามารอตั้งแต่สี่โมงนี่เกือบหกโมงเย็นก็คงจะหงุดหงิดน่าดู กุลนิษฐ์พยักหน้ารับทราบ ก่อนจะผลุบหายเข้าไปภายในตัวรถหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายขึ้นมาดู 30 สายไม่ได้รับ กลีบปากอวบอิ่มทาเคลือบลิปสติกสีแดงสดยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย เธอยื่นโทรศัพท์ให้กับแม่บ้าน ไม่ต้องพูดอะไรคนที่รับสิ่งของจากมือเธอไปรีบวิ่งหายไปด้านหลัง หญิงสาวหมุนตัวเดินตรงขึ้นไปยังบันไดไม้ข้างบ้านที่มันจะพาขึ้นไปสู่ระเบียงห้องรับแขกได้โดยไม่จำเป็นต้องเดินผ่านเข้าไปในตัวบ้าน ทันทีที่หญิงสาวร่างบางระหงเปิดประตูระเบียงเพื่อเข้าไปภายในห้องรับแขก เธอก็เจอกับร่างสูงโปร่งของชายชราในวัยเจ็ดสิบห้าปี ยืนถือไม้เท้าแหงนหน้ามองภาพวาดติดผนังสีสดด้วยท่าทีสุขุมร่มเย็น ร่างของท่านสูงใหญ่ไหล่กว้างผึ่งผายอย่างคนที่ดูแลสุขภาพตัวเองเป็นอย่างดี แม้จะอายุมากขนาดนี้แล้วก็ตาม “สวัสดีค่ะคุณปู่” กุลนิษฐ์เอ่ยทักทาย และเมื่อท่านหันกลับมาเธอก็ยกมือไหว้อย่างนอบน้อม “ติดต่อแต่ละทีช่างยากเย็นเหลือเกิน…เดี๋ยวนี้หัวฉันก็มองไม่เห็นแล้ว” ดวงตาหม่นแสงหันมามองเธออย่างตำหนิ แต่ริมฝีปากบางคล้ำกลับเหยียดยิ้มกว้าง ก่อนที่ท่านจะผายมือบอกให้เธอนั่งลงบนเก้าอี้ “พอดีโทรศัพท์นิดไม่ได้เปิดเสียงค่ะพรุ่งนี้ก็มีประชุมด้วย แจ้งทางคุณมณีแล้วท่านไม่ได้ว่าอะไร” คำอธิบายของหญิงสาวไม่อาจจะทำให้อารมณ์ขุ่นมัวของชายชราจางลงไปได้ “แกกำลังผัดวันประกันพรุ่ง…ฉันไม่ได้โง่” กุลนิษฐ์ส่ายหน้าพร้อมกับสบตามองผู้เป็นปู่เพื่อยืนยันว่าสิ่งที่เธอพูดเป็นความจริงและไม่ได้คิดเช่นนั้น “ถ้าแกไปไม่ได้ ก็ให้ทางนั้นขึ้นมาหาแกที่นี่แล้วกัน” คนเป็นหลานเบนสายตามองไปทางอื่นและระบายลมหายใจ เธอเม้มริมฝีปากด้วยท่าทีอึดอัด มือบางเดี๋ยวกำเดี๋ยวแบก่อนจะบีบแน่น “ท่าทีของแกกำลังจะอวดดีกับฉันอย่างนั้นเรอะหนูนิด!” เสียงเคาะไม้เท้าลงพื้นไม้ทำให้กุลนิษฐ์ตัดสินใจได้ในทันที “เสาร์นี้นิดจะไปกรุงเทพฯ ค่ะ” คนเป็นปู่แค่นยิ้มและขยับเท้าไม้ที่จับไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง “พรุ่งนี้ไปดูตัว ฉันดูมาแล้วเขาเป็นคนเก่ง คนเย็น ๆ แบบแกน่าจะเข้ากับผู้ชายร้อน ๆ ได้” กุลนิษฐ์เม้มริมฝีปาก วูบหนึ่งแววตาของเธอเต็มไปด้วยความตัดพ้อก่อนที่มันจะเลือนหายไป “นิดโอเคนะคะ ถ้าแค่หมั้น…แต่นิดไม่พร้อมจะแต่งงานค่ะ” “ฉันบอกให้ไปดูตัวก็ไป ไปทำความรู้จักกับเขาจะได้รู้ว่าเนื้อแท้ของเขาแท้จริงเป็นคนเช่นไร ไม่ใช่ตัดสินคนผ่านอินเทอร์เน็ตไร้สาระพวกนั้น…อย่าทำตัวเป็นพวกใจแคบ!” คำสั่งเด็ดขาดพร้อมกับไม้เท้าที่ชี้ขึ้นไปยังกรอบรูปบานใหญ่ที่ติดไว้ข้างฝาผนังอีกด้านหนึ่งของห้องรับแขก… หัวใจของคนเป็นหลานบีบรัด ก่อนจะก้มหน้าลงอย่างจำยอม เธอรู้สึกว่าเท้าทั้งสองข้างที่สวมใส่รองเท้าสลิปเปอร์เหมือนลอยได้ “แกรู้ไหมว่าพ่อแกไม่เคยเถียงฉันสักคำ…” เสียงของคนเป็นปู่ผ่านโสตประสาทไปเหมือนเครื่องบันทึกเสียงที่เล่นซ้ำ ๆ อยู่แบบนั้น “ลูกชายคนเดียวของฉันก็ไม่ได้รักได้ชอบแม่แกมาตั้งแต่แรก โตขนาดนี้แล้วแกควรจะมีสำนึกบ้าง ฉันเลือกสิ่งที่ดีให้กับหลานคนเดียวอยู่แล้ว ทำไมแกไม่เชื่อใจฉัน!” กุลนิษฐ์อยากบอกว่าไม่ใช่เธอไม่เชื่อใจท่าน แต่เพราะเธออยากมีชีวิตที่สงบเรียบง่าย ไม่ต้องการจะใช้ชีวิตที่มีสีสันอื่นใดนอกจากสีขาวเพียงเท่านั้น “ฉันก็ไม่รู้ว่าจะอยู่กับแกได้อีกกี่ปีหนูนิด…ฉันไม่เหลือใครแล้วนอกจากแกที่เป็นที่พึ่งเดียวของฉัน ถ้าลูกชายฉันยังอยู่ พ่อของแกยังอยู่ ฉันคงไม่ต้องมานั่งพร่ำพูดให้มากความแบบที่พูดกับแกหรอก” กระบอกตาของกุลนิษฐ์ร้อนผ่าว เธอหลุบตาลงต่ำมองแค่พื้นกระดานของเรือนหลังนี้เท่านั้น “ถ้าคุณปู่ต้องการให้นิดไป พรุ่งนี้นิดจะไป แต่ถ้าเขาไม่โอเค นิดจะกลับทันทีประวัติเขาเป็นคนโชกโชนเรื่องผู้หญิง” คนสูงวัยแย้มยิ้มและหัวเราะออกมาเบา ๆ เธอจะไม่เดือดเนื้อร้อนใจเลย หากมันจะเป็นแค่การดูตัว ทานข้าว เรียนรู้กันบ้าง เพราะเธอก็ทำแบบนี้มาตลอดตั้งแต่เรียนจบจนทำงาน แต่นี่คือแน่นอนแล้วว่าเธอจะต้องแต่งงาน แต่งงานกับผู้ชายที่ไม่เคยเห็นแม้กระทั่งหน้า ไม่รู้จักแม้กระทั่งนิสัย “วัยหนุ่มมันก็เลือดร้อนแบบนี้…ใคร ๆ ก็เป็นทั้งนั้น พ่อแกก็เป็นแต่พอเจอแม่แกเขาก็หยุด” กุลนิษฐ์ไม่ชอบ ไม่อยากจะเอาตัวไปแปดเปื้อนกับผู้ชายที่เข้าข่ายมักง่าย “เลี้ยงหมาดุฉันก็เห็นเชื่องทุกตัว ก็ลองดูหน่อยไม่เสียหายหรอก ฉันเห็นแกปั่นหัวผู้ชายมาแล้วตั้งกี่คน ไอ้ที่ว่าร้าย ไอ้ที่ว่าเจ้าชู้ ร้องห่มร้องไห้หน้าบริษัทนับไม่ถ้วน” ดวงตาเรียวรีหลุบต่ำและมองออกไปนอกหน้าต่าง อยากจะให้สายตาโฟกัสอยู่กับต้นไม้ใบหญ้า มากกว่าจะสบตามองคนที่เป็นเจ้าชีวิตของตัวเอง “ฉันรู้ว่าแกเอาตัวรอดได้ ไม่งั้นแกคงไม่พากิจการงานโรงแรมเรามาถึงป่านนี้หรอก ผู้ชายถ้าเลี้ยงมันดี เลี้ยงมันอิ่ม ดูแลมันเหมือนที่เลี้ยงหมาดุ ๆ ในคอกนั่นของแก ฉันว่ามันก็ไม่ได้ต่างกันหรอกหนูนิด” นี่ปู่กำลังพูดถึงผู้ชายที่เธอกำลังจะได้แต่งงานด้วยแน่ใช่ไหม กุลนิษฐ์ได้แต่รับฟังด้วยสมองเบลอ ๆ

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

บงการรัก

15.0K· นามปากกา แสงเทียน

โปรย... ภายใต้รอยยิ้มและคำพูดที่ดูไม่มีพิษมีภัย แต่เบื้องหลังกลับไม่ใช่อย่างที่เห็น... ตะวันเป็นคนชอบเอาชนะและเห็นทุกอย่างในชีวิตเป็นแค่เกมสนุกๆ ที่เค้าชอบเล่น เค้าจะวางแผนและบงการทุกสิ่งให้เป็นไปตามที่เค้าต้องการ เค้าอยากได้อะไร...จะต้องได้อันนั้น! และเค้าไม่ชอบให้ใครขัดใจ ถ้ารักสบายก็อย่าอวดดีกับเค้า แนะนำตัวละคร ตะวัน หรือ รวี วัฒนาพรพล ทายาทเจ้าของธุรกิจโรงแรมชื่อดัง รุ่นที่ 3 ต่อจากทิติยะพ่อของเค้า เป็นคนสุขุม นิ่งๆ เข้าถึงยาก เค้าจะคุยกับคนที่อยากคุยและไม่ชอบผู้หญิงที่เข้าหาเค้าเอง ติด 1 ใน 5 ผู้ชายที่สาวๆ หมายปอง เจ้าชู้ เพลย์บอย ไม่ลงหลักปักฐานกับใคร ผู้หญิงที่เค้าเลือกคบจะต้องเป็น ดารา นางแบบ หรือคนที่จะสร้างผลประโยชน์ให้กับเค้า! จัน หรือ ลูกจันทร์ ใจเย็น เด็กสาวบ้านนอก จบมัธยมปลาย ก็เดินทางออกจากบ้านลำพังมาหางานทำที่กรุงเทพ ด้วยความหน้าตาดี บวกกับความสูง จึงได้เป็นพนักงานต้อนรับในแผนกต้อนรับของโรงแรมชื่อดังในกรุงเทพ พ่อเธอป่วยเป็นโรคไต ต้องฟอกไตทุกอาทิตย์ เงินเดือนอันน้อยนิดจึงไม่พอ เธอจำเป็นหางานพิเศษทำนอกเหนือจากงานประจำ เป็นงานที่จะเปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล!

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

อุบัติรักมาเฟียร้าย

30.0K· นามปากกา แสงเทียน

ซองสีขาวถูกยื่นมาตรงหน้าหญิงสาวร่างบางระหงในชุดเดรสสุภาพสีครีมและสวมทับด้วยเสื้อกาวน์สีขาวบริสุทธิ์ ดวงตากลมโตจ้องมองซองบนโต๊ะนั่นราวกับไม่เคยเห็น พญ. ดุจดวงดาว ตรีรักษ์ “ดาวพักผ่อนไปก่อนนะยังไงอาจารย์ก็จะรีบพาดาวกลับมาทำงานให้เร็วที่สุด” ซองสีน้ำตาลอีกซองที่มีขนาดหนากว่ามองปราดเดียวก็รู้ว่าในนั้นมันคืออะไร “แต่ดาวไม่ได้ทำ หน้าที่ตรงนั้นไม่ใช่ของดาวอาจารย์ก็รู้ดีนี่คะ” คนไข้ปวดหลังมากจึงทำ CT SCAN เจอโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทจำเป็นต้องผ่าตัด เกิดเหตุไม่คาดฝันผ่าตัดโดนเส้นเลือดดำ หมอไม่สามารถเย็บเส้นเลือดดำได้ กว่าจะผ่านวิกฤตเล่นเอาแตกตื่นทั้งจังหวัด! คนไข้โคม่าและคนไข้คนนั้นดันเป็นแม่ของนักการเมืองชื่อดัง หวยมันก็มาออกที่หมอผู้ช่วยอย่างเธอ “ครึ่งเดียวก่อนอีกสิบวันห้าแสนจะตามไป” ดุจดวงดาวเม้มริมฝีปาก ศักดิ์ศรี เงิน ศักดิ์ศรี เงิน “แต่ถ้าดาว…” หมอสาวกำลังจะอ้าปากเถียงหนึ่งแสนกับอีกห้าแสนเท่ากับหกแสน มันคุ้มเหรอกับชื่อเสียงของเธอ แต่พอมาคิด...ชื่อเสียงอะไรเธอก็เป็นแค่หมองอกง่อยเท่านั้น “ไม่มีมลทินแน่นอนดาวก็คุยกับผู้บริหารแล้วนิ เดี๋ยวคุณแม่ท่านทีปออกจากโรงพยาบาลก็กลับต่างประเทศคงไม่ได้เจอกันอีก” ฮึ! หาคนรับกรรมเพราะคนไข้ไม่อยากจะเจอหน้าคนที่ทำให้ตัวเองเกือบตาย! เธอเหรอที่ทำให้คนไข้เกือบตาย! “พักร้อนหนึ่งเดือนเชียวนะกลับมาก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น อยู่ที่นี่ดาวก็ต้องใช้เวรไปเรื่อย ๆ เงินก็น้อย แต่ถ้าดาวรับนี่ไว้ยังเอาไปใช้หนี้ที่เหลือได้ไม่ใช่หรือไง…” อาจารย์ของเธอย้ำด้วยสุ้มเสียงที่น้อยครั้งนักจะได้ยินปกติท่านแทบจะกินหัวเธอ ดุจดวงดาวเหยียดยิ้มออกมาทำเอาคนที่มองอยู่ไม่อยากจะเชื่อสายตาว่าเธอจะกล้ายิ้มร้ายแบบนี้ใส่อาจารย์อย่างเขา…แต่ตอนนี้ใครสนใจกันขอแค่ดุจดวงดาวยอมรับผิดแทนไปก่อนเรื่องอื่น ๆ ไม่ว่าแพทย์หญิงในปกครองต้องการอะไรเขาจะช่วยจนสุดใจเลยทีเดียว “หนึ่งล้านค่ะ” “ว่าไงนะ!” “หนึ่งล้านแลกกับการที่ดาวต้องรับกรรมแทนอาจารย์ อาจารย์เอาไปใช้หนี้กองทุนให้ดาวแล้วกันค่ะแลกกัน ดาวเหลือหนี้อยู่แค่นั้น” หญิงสาวตอบออกไปด้วยหัวใจเต้นระรัวไม่รู้คิดถูกคิดผิดแต่เงินหนึ่งล้านกับการโดนนินทานิดหน่อยก็ช่างหัวมันเถอะ! “ตกลง!” มือหยาบกร้านของชายสูงวัยยื่นมาตรงหน้าเธอดุจดวงดาวแค่นยิ้มและยกมือไหว้ท่านแทน หญิงสาวเคาะนิ้วและยื่นกระดาษเอสี่ที่เขียนด้วยลายมือตัวเองส่งไป “สัญญาระหว่างเราค่ะ พักร้อนหนึ่งเดือนพร้อมใช้หนี้กองทุนแล้ววันที่สามสิบเดือนหน้าดาวจะได้ชีวิตแพทย์หญิงดุจดวงดาวที่สดใสคืน” เสียงตวัดปากกาหมึกซึมลงบนกระดาษพร้อมกับชีวิตอันแสนจะสดใสของดุจดวงดาวที่จะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล...

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

รักร้ายเพียงคุณ

18.0K· นามปากกา แสงเทียน

“ลีถ้าฉันรับงานช่วงสามทุ่มวันนี้แกจะเฟิมหรือเปล่า?” ณัฐนารีหันซ้ายไปมอง ฟีน ผู้จัดการส่วนตัวที่เป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเธอ “แกรับงานให้ฉันตั้งแต่เช้ายันหกโมงเย็น สามทุ่มแกคิดจะแทรกคิวมาอีกเหรอ อยากให้ฉันตายคากองหรือไง?” หญิงสาวเจ้าของเรือนร่างสะโอดสะองบอกเพื่อนสนิทด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ “สองแสนห้า ไม่เกินสองชั่วโมง” นับว่าเป็นเรตราคาที่ไม่เลว ณัฐนารีหยิบมาร์กแผ่นในตู้เย็นมาแกะออก ก่อนจะโปะไปบนใบหน้าและเดินไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้นวดไฟฟ้า “งานอะไร?” หญิงสาวถามพร้อมกับดวงตาที่หลับลง เพิ่งถึงที่พักไม่ได้ถึงหนึ่งชั่วโมงดูท่าคงต้องออกไปอีกรอบแล้ว “งานวันเกิด แค่แกไปเดินไปนั่งร่วมงาน สักชั่วโมงก็กลับ” เสียงฝีเท้าเบา ๆ เดินเข้ามาใกล้ “คิดซะว่าไปเที่ยวก็ได้ พรุ่งนี้ก็ได้พักผ่อนแล้ว” นางร้ายสาวแค่นยิ้มก่อนจะลืมตามองเพื่อนสนิท “ไม่ได้เล่นละครที่ฟิตติ้งไปแล้วนั่นไม่ได้เรียกว่าพักผ่อน นั่นเรียกว่าโดนสกัดดาวรุ่ง” เธอบิดมือออกจากการจับกุม หันหน้าไปทางอื่น นึกขุ่นเคืองที่ผู้จัดการส่วนตัวไม่สู้เพื่อให้ได้บทนั้นมา “ฉันจะหางานอีเวนต์ให้แกเอง เอาให้ลงหน้าหนึ่งไม่เว้นวันเลย ถึงไม่ได้ละครเรื่องนั้นแกก็ไม่ต้องเสียใจ แกเล่นไปก็โดนคนเหยียดหยามเอา เงินค่าตัวหักเราไม่เหลือแบบนั้น แกเล่นก็เหมือนเล่นฟรี” เพื่อนสนิทที่รับบทผู้จัดการส่วนตัว บอกเธอแบบนั้นทำให้ณัฐนารีหันไปมองหน้า “แกคิดว่าฉันสนใจเงินค่าตัวหรือไง ฉันต้องการเล่นละครเรื่องนั้น” มือบางกุมมือเธอ และบีบเหมือนจะให้เธอใจเย็น ทั้งที่ผู้กำกับโทรสายตรงมาหาเธอเองว่าต้องการให้ ณัฐนารี รับบทเป็นนางร้ายในละครเรื่องนี้ ทุกอย่างมันโอเคจนถึงวันฟิตติ้ง เธอถ่ายงานไปครึ่งวันแล้ว ร่วมกับพระเอก พระรองและคนอื่น ๆ ที่เข้าร่วมแสดงในละครเรื่องนั้น ทุกอย่างดูจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ยกเว้นนางเอกของเราที่ยังมาไม่ถึงเพราะกลับจากต่างจังหวัด จนตอนบ่ายทุกคนก็ได้รับข่าวร้าย อิงดาว หรือ น้องอิง นางเอกของเรื่องประสบอุบัติเหตุแขนหัก เมื่อแขนหักจะมาเป็นนางเอกได้ยังไง ละครจะเปิดกล้องอยู่แล้ว ในตอนนั้นสถานการณ์ในกองเริ่มตึงเครียด ถ้าไม่ใช่อิงดาวแล้วจะใครในตอนนี้…ณัฐนารีรู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนที่นั่งอยู่ท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ เมื่อต้องเปลี่ยนตัวนางเอกกะทันหัน ผู้กำกับก็เรียกเธอไปคุย คุยเป็นการส่วนตัว! นางเอกคนต่อไปที่ได้รับเลือกจากผู้จัดในเรื่องนี้คือ คชามาศ หรือ น้องมาศ ในตอนที่ได้ยินชื่อนั้นณัฐนารีตัวชาวาบ แต่ก็ยังเก็บความไม่พอใจไว้ภายใต้สีหน้าเรียบสวยของเธอ สุดท้ายหวยมันก็มาออกที่เธอ! ‘พี่ต้องขอโทษน้องลีด้วย…พี่จะจัดการค่าเสียเวลาให้นะ’ ‘พี่ดุลก็รู้ว่าทุกครั้งลีไม่ได้เป็นคนหาเรื่อง…ครั้งที่แล้วลีโดนตบปากแตกเพราะเขาผิดคิว’ ‘พี่เข้าใจ คนเบื้องหลังเข้าใจหมด แต่ลี...พี่ทุ่มสุดตัวเพื่อละครเรื่องนี้ พี่ยอมควักเนื้อจ่ายค่าเสียเวลาให้เรา ลีรับไว้เถอะแล้วพี่จะชดให้เป็นบทเรื่องอื่น’ ผู้กำกับบอกเธอเพียงแค่นั้น และทิ้งขว้างเธอไว้อยู่ในห้องแต่งตัว ณัฐนารีกอบกู้เศษหน้าออกมาจากกองละคร และตรงกลับบ้านมาทันที เพียงไม่กี่นาทีที่เทรน ‘นางร้ายมาเฟีย’ ก็ทยานขึ้นอันดับหนึ่งของทวิตเตอร์ สุกงอม : คิดไว้อยู่แล้วว่านังนี่มันจะต้องเล่นแง่ ที่น้องอ.เป็นแบบนั้นไม่ใช่ว่ามันให้ลูกน้องพ่อมันมาเล่นงานเพื่อจะเป็นนางเอกหรือไง นางสาวแสนสวย : แฟนนิยายเรื่องนี้พอทำละครไม่อยากให้น้องล.ร้ายเป็นนางเลย กลัวจะร้ายเกินตามนิสัยนาง : ( หนูจี้ดจายยย ตอบกลับ @สุกงอม : เรื่องจริงใช่ไหมที่พ่อนางเปิดบ่อนที่ต่างประเทศ แต่น่าจะรวยจริงนางใส่นาฬิกาเรือนล่ะสิบล้าน! ไม่แสดงชื่อหรอก : นางอาจจะอยากเป็นนางเอกก็ได้นะ แต่นางดังเร็วจริงเล่นมาปีหนึ่งดังระเบิดเลย ต่างประเทศแฟนละครนางเพียบ นางเก่งนะเราว่า เก่งทุกเรื่อง หนูจี้ดจายยย ตอบกลับ @ไม่แสดงชื่อหรอก : ก็อิทธิพลพ่อนางไง ส่วนเรื่องพ่อน่าจะจริง อยู่ ๆ นางเดินเข้ามาในวงการได้ไง และก็ได้เป็นนางร้ายเบอร์หนึ่งถีบหัวรุ่นพี่ประจำช่องประเด็น หมายเลขที่ท่านเรียก : นางเอาตัวเข้าแลก xxxxx2: นางปลอมตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ปุยฝ้าย : นางร้ายจะตายใคร ๆ ก็พูด ช่างหน้า ช่างผม ยี้ไปหมด ไม่งั้นนางจะเรื่องเยอะมีช่างส่วนตัวทำไม ณัฐนารีละสายตาจากหน้าจอไอแพด นางร้ายอย่างเธอ…จะไปเป็นนางเอกที่โดนใครกระทำได้ยังไง? นางร้าย ก็ต้องร้ายโดนสันดานอยู่แล้ว ไม่งั้นจะเล่นดีขนาดนั้นได้ไง? เพราะโลกทุกวันนี้มันเป็นแบบนี้ แถมข่าวของเธอแต่ละวันก็ไม่มีดี ใครมองเธอดีนั่นสิแปลก...

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

แทนรักร้ายคุณเลขา

43.0K· นามปากกา แสงเทียน

เสียงหอบหายใจสะท้านขาดห้วงกับร่างบางระหงที่กำลังคุกเข่ายันสะโพกเด้งรับแรงกระแทกจากเอวสอบที่สาดส่งเข้าใส่ สองมือเธอจิกเกร็งขยุ้มขยำผ้าห่มผืนหนา เสียงเนื้อสอดเสียดเป็นจังหวะเร่าร้อนรุนแรง หัวเตียงนอนสไตล์โมเดิร์นลักซูรี่กระแทกผนังจนเกิดเสียง ความเสียวซ่านจากร่องรักที่บีบแน่นทำให้เจ้าของเรือนร่างใหญ่โตยิ่งสอดสวนเอวสอบเข้าใส่อย่างเอาเป็นเอาตายโดยไม่สนใจคนที่รับแรงกระแทกจะเป็นยังไง “อึกกก” เสียงหวานใสหลุดครางออกมาเป็นระลอก สองมือป่ายปัดเอี้ยวมาจับข้อมือหนาที่กำลังฟอนเฟ้นบั้นท้ายอวบอัดของเธออย่างขอร้อง “อดทนหน่อยนะ” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาก่อนจะก้มลงไปจูบเนื้อตัวเปลือยเปล่าของหญิงสาวที่มันสั่นระริกอยู่ใต้ร่าง ยิ่งดอมดมก็เหมือนโดนฉุดเข้าไปในภวังค์จนถอนตัวออกมาไม่ได้ กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยคลุ้งออกมาจากลมหายใจคนสองคน ริมฝีปากร้อนจัดประโคมจูบดูดดึงเรียวปากอวบอิ่มก่อนจะพลิกตัวให้ผู้หญิงสักคนที่เขาคว้าติดมือขึ้นห้องมาด้วยในคืนนี้บำเรอกันให้สมใจ เสียงเนื้อกระทบกันสลับกับการกดกระแทก ไฟปรารถนาที่โหมกระหน่ำในเรื่องอย่างว่าต่างตอบรับกันไปมาอย่างดุเดือดและเร่าร้อน เรือนกายบอบบางคร่อมตักหนาก่อนจะกดกลืนแก่นกายร้อนจัด ขนาดและความยาวของมันทำให้เธอจุกเสียดจนแทบจะสำลักความสุขสมออกมาทางปาก ไม่ว่าเขาจะขยับไปในทิศทางใดเธอก็รู้ว่าสิ่งที่อยู่ในท้องน้อยตอนนี้มันกำลังจดจ่ออยู่ฝั่งไหนในร่างกาย สองมือยกขึ้นจับบ่าแกร่งเพื่อประคองตัวเอง เสียวจนไม่รู้จะครางออกมาเป็นภาษาอะไรแล้ว “อึกก กระแทกหน่อยค่ะ” เสียงหัวเราะในลำคอดังเบา ๆ ร่างกายของเขามันมีฟีโรโมนที่แค่ได้กลิ่นก็อยากจะกลืนกินเขาเสียให้สิ้นซาก เรียวลิ้นชื้นจัดตวัดเข้ามาในโพรงปากทั้งยังกระแทกสอดสวนกดลึกจนหญิงสาวรู้สึกถึงความสุขสม เพียงแค่เธอควบขี่ตามไป ฟันคมขบกัดไปตามลำคอระหง กลิ่นน้ำหอมสุดคุ้นเคยที่ยิ่งได้กลิ่นกลับรู้สึกกระสันจะร่วมรักกับเธอแรง ๆ มือหนาสะกิดเขี่ยเม็ดทับทิมสีหวานจนเธอหลุดครางออกมา ความร้อนไล่ลามเลียไปทั่วทั้งร่างของเราสองคน สองขาเรียวยาวราวกับนางแบบโดนฉีกอ้าออกกว้าง แต่เธอก็ไม่หวั่นกดสะโพกตอบรับแรงกระแทกเป็นอย่างดี หากเป็นเวลาอื่นเธอคงไม่เร่าร้อนรุนแรงถึงเพียงนี้ แต่ตอนนี้เธออยากจะสุขให้ที่สุด และเสร็จจนสำลักออกปาก ให้สมกับความคั่งค้างคับแค้นในใจตน “ชอบแรง ๆ เหรอ” เสียงนั่นถามคลายเอาใจทั้งยังประคองสะโพกเธอหมุนควงราวกับรู้ว่าหญิงสาวที่กำลังคร่อมร่างอยู่ต้องการอะไร และเขาก็บำเรอเธอจนสมใจ ไม่มีเสียงตอบรับจากหญิงสาว มีแต่เรียวปากเย็นจัดที่ประกบปากจูบลงมา ชายหนุ่มเงยหน้าและอ้าปากรับสัมผัสเร่าร้อนทั้งที่ปากและตัวตนของเขา เธอรุนแรง...เร่าร้อนแบบที่เนื้อตัวเขาแทบไหม้เกรียม สองมือลูบไล้ไปตามกล้ามเนื้อเรียงสวยที่ขึ้นเป็นลอน ก่อนที่หญิงสาวจะผลักเขาให้นอนราบและเธอก็พลิกตัวหันหลังคุกเข่าเหน็บขาเท้ามือไปข้างหน้า และยกสะโพกขึ้นเล็กน้อย “อ๊ะ! อ๊าา แรงอีกค่ะ” ความแข็งขึงที่พร้อมพรักสอดกระแทกเข้ามาอย่างรุนแรงจนรู้สึกเหมือนฉีกขาด แต่ก็ไม่อาจจะหยุดความรุ่มร้อนที่จุดนั้นได้ อ้อมแขนใหญ่วาดเอวคอดกิ่ว ก่อนจะขยับเอวส่งใส่ให้รุนแรงขึ้น แรงขึ้นกว่าเดิมจนน้ำสีใสขุ่นคาวไหลทะลักเปรอะเปื้อนไปหมด “น้ำเธอเยอะดี” “คุณจะกินไหมล่ะคะ” ผู้หญิงคนนี้กำลังท้าทายเขา ชายหนุ่มหยัดกายลุกขึ้นก่อนคว้าต้นคอเธอกดลงให้เรือนร่างสะโอดสะองราบไปกับเตียงนอนโดยที่ความเป็นเรายังคงต่อติดกันอยู่ หญิงสาวไม่รอช้าหยัดสะโพกขึ้นสูงรับแรงกระแทก เธอสุขสมจนน้ำขุ่นคาวไหลปริ่ม มือหนาสอดมาด้านหน้าก่อนจะล้วงมันและเอาขึ้นมาเลียชิม “หวานดี” เสียงครางกระเส่าหลุดลอดจากลำคอเล็ก เมื่อเขาหมุนปลายนิ้วมือกับกลีบดอกไม้ที่แย้มบานรออยู่แล้ว ทั้งยังสอดสวนเอวสอบเข้าใส่ในร่องรักเธออีกด้วย “ฉันจำหน้าคุณไม่ได้” เพราะเราทั้งคู่เมาหนัก หญิงสาวหัวสั่นหัวคลอนเมื่อเขาเอาแต่สุมเธอด้วยไฟปรารถนา มันน่าแปลกที่เมาขนาดนี้แต่เรื่องนี้กลับไม่เป็นปัญหา “ผมก็จำไม่ได้ ยกขาหน่อย” เขาไม่เสร็จง่ายเพราะแอลกอฮอล์ในเลือดที่สูงปรี๊ดจนแม้แต่มองหน้าผู้หญิงใต้ร่างให้ชัดยังทำไม่ได้เลย “คุณขาเบาหน่อย” เธอจับข้อแขนเขาไว้ในท่าเดิม ก่อนจะเอื้อนเอ่ยคำขอร้องออกมาด้วยน้ำเสียงขาดห้วง “ก็ชอบแรง ๆ ไม่ใช่เหรอ…” เขากดหน้าลงกระซิบถาม ก่อนจะทาบทับร่างหนาจับหญิงสาวนอนตะแคงและกระแทกตัวตนเข้าหาเธอครั้งสุดท้าย อ้อมแขนแกร่งกอดรัดร่างบอบบางไว้แนบแน่น “แตกแล้วนะ” ปากหนากระซิบบอกเสียงแผ่ว ก่อนที่น้ำรักอุ่นร้อนจะพุ่งเข้าใส่ในกายที่สั่นเทิ้มตามแรงสะอื้นทุกหยาดหยด ปากหนาพรมจูบลงไปบนลาดไหล่เปลือยเปล่า ผิวกายเธอเนียนละเอียด อกอิ่มอวบตึง สะโพกผึ่งผายน่าหลงใหล ชายหนุ่มอยากจะต่อกับผู้หญิงคนนี้ไปจนถึงเช้า และเขาก็ไม่รอช้าตักตวงความอิ่มเอมจากร่างกายเธออย่างไม่รีรอ “อีกรอบนะ” ชายหนุ่มหยัดกายลุกขึ้นจับยกขาเรียวขึ้นพาดบ่าแกร่ง น้ำเมาทำเอาเขาหลงมัวเมาไม่ยอมละจากเรือนกายเนียนละเอียดนี้ “คุณขาเบา อึกก” เธอแอ่นจากรับสัมผัสซาบซ่านจากปลายลิ้นร้ายที่ตวัดลงไปบนปทุมถันที่เริ่มจะบวมแดง เขาดูดกลืนอย่างมูมมาม มือหนาลูบไล้เรือนร่างอย่างหลงใหลได้ปลื้ม อกเธอกระเพื่อมไหวตามแรงหายใจ สองขาโดนจับยึดไว้และอ้าออกกว้าง ก่อนที่เขาจะสอดสวนตัวตนเข้าหาเธออย่างไม่ปรานีอีกครั้ง! 

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

ดั่งมายาลวงรัก

19.0K· นามปากกา แสงเทียน

ต่อให้ต้องลวง จนกว่าจะได้มา ต่อให้เขาเสียอะไรไป เขาจะไม่ยอมเสียเธอ

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

Destiny Love หลงทางรัก

12.0K· นามปากกา แสงเทียน

MCLAREN GT BY MSO British Green เร่งความเร็วเข้ามาในคฤหาสน์หลังใหญ่สไตล์อิตาลีด้วยความเร็วสูง เสียงล้อที่บดไปกับถนนทางเข้าบ้านสร้างความตื่นตระหนกตกใจให้กับผู้คนที่อยู่บริเวณนั้น ไม่ว่าจะเป็นออร์แกไนซ์ คนจัดไฟ ช่างทำเวที หรือแม้แต่คนคุ้นเคยที่ยืนจับกลุ่มคุยกันด้วยใบหน้าชื่นมื่นมีความสุข และทุกคนล้วนเป็นคนที่เธอรู้จักเป็นอย่างดี ยิ่งเห็นบรรยากาศภายในรั้วบ้านหลังนี้หัวใจของคนขับก็ยิ่งรู้สึกกลัดหนอง ปลายเท้าบนรองเท้าส้นสูง Christian Louboutin กดลงไปบนคันเร่งแบบมิดไมล์ และทางที่จะตรงไปคือร่างบางระหงในชุดเดรสสีชมพูเปิดไหล่ที่กำลังใช้แขนทั้งสองข้างโอบกอดท่อนแขนแกร่งของคนที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี เสียงเครื่องยนต์เจ็ดร้อยยี่สิบแรงม้าดังสนั่นแบบที่หัวใจของทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนี้แทบหยุดเต้น! คนแรกที่หันไปเห็นรถยนต์คันหรูพุ่งตรงไปอีกทาง มันทำให้เขาแทบจะหยุดหายใจ! ร่างสูงของ ‘ฉัตรฉาย’ กอดกระชับร่างผอมบางของว่าที่เจ้าสาวและรีบพากันวิ่งไปหลบอีกทาง ก่อนที่รถคันนั้นจะพุ่งชน ‘นีรนาท’ ได้ทันท่วงที นีรนาทว่าที่เจ้าสาวของฉัตรฉายกำลังร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดอบอุ่น หญิงสาวตัวสั่นเทาเป็นลูกนกกับอกของว่าที่เจ้าบ่าว ใบหน้านวลซีดขาวไร้สีเลือด มือของนีรนาทเย็นเฉียบจนฉัตรฉายต้องเป่าลมอุ่น ๆ ลงไปบนมือเธอ เขาจับเนื้อตัวของนีรนาทเมื่อไม่เห็นว่าบาดเจ็บตรงไหนก็หันไปมองคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถยนต์คันนั้นด้วยดวงตาวาวโรจน์! ‘ชนัญชิดา’ คือคนที่นั่งประจำที่คนขับ ใบหน้าสวยหวานของหญิงสาวเจ้าเนื้อเจ้าของดวงตากลมโตขอบตาแดงก่ำ แต่เธอก็จ้องตาเขากลับโดยไม่รู้สึกรู้สาถึงสิ่งที่ตัวเองทำลงไป ฉัตรฉายเดือดดาลแต่ก็ทำได้แค่ขบกรามแน่น ชายหนุ่มดันตัวนีรนาทห่างออกไป และตัวเขาก็หมุนตัวจะเดินไปจัดการคนที่กล้าบ้าบิ่นทำอะไรแบบนี้ นี่กำลังฆ่าคนเลยนะ! แต่ดูเหมือนว่าแค่ฉัตรฉายจะเดินมาถึงรถ ชนัญชิดาก็กดคันเร่งอีกครั้งและชนไปที่แบ็กดรอปงานแต่งงานที่ตั้งวางไว้ จนมันถล่มล้มลงไปอย่างไม่เป็นท่า รถยนต์คันหรูที่สนนราคาถึงแปดหลัก กระโปรงด้านหน้ายุบลงเพียงนิดเดียวเท่านั้น เจ้าของรถหรูเหยียบคันเร่งและดึงเบรกมือไว้ เสียงล้อบดถนนหน้าบ้านดังสนั่นหวั่นไหว ทุกคนล้วนกระโดดหนีเอาตัวรอดกันไปคนละทาง เสียงกรีดร้องดังขึ้นแซแซดเมื่อชนัญชิดาเปลี่ยนเป็นใส่เกียร์ถอยหลังและพุ่งตรงมาในจุดที่ฉัตรฉายยืนอยู่ “หยุดเดี๋ยวนี้หิน!” ชายหนุ่มไม่ได้หลบเพราะรู้อยู่แล้วว่าเธอจะไม่มีทางขับรถชนเขา

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

รักที่เปลี่ยน

16.0K· นามปากกา แสงเทียน

“ฉันคิดว่าจะจบความสัมพันธ์เฮงซวยนี้แล้ว” คำพูดที่หลุดออกจากปากบางไม่ได้ทำให้คนที่กำลังยุ่งอยู่กับเอกสารบนโต๊ะทำงานอีกมุมห้องรู้สึกเป็นเดือดเป็นร้อนอะไร ชายหนุ่มเพียงแค่ขยับแว่นสายตาที่สวมใส่เล็กน้อยและปรายตามองไปยังคนพูดก่อนจะกลับมาสนใจเอกสารในมือต่อ “ฉันจะไม่มาเหยียบที่นี่อีก” หญิงสาวตวัดท่อนขาเรียวยาวลงจากเตียงนอนหลังใหญ่ ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นและสวมใส่ชุดคลุมอาบน้ำสีดำที่พาดไว้ปลายเตียงนอนและเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานที่ชายหนุ่มนั่งอยู่ “ฉันพูดกับคุณไม่ได้ยินหรือไง?”  น้ำเสียงที่เข้มขึ้นทำให้ ชนา เงยหน้าจากกองเอกสารและทิ้งแผ่นหลังพิงเก้าอี้ทำงานเพื่อมองหญิงสาวให้เต็มตา “อย่ามาประชดประชันผมเอมม่า”  ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นก่อนจะหลุดหัวเราะออกมา เธอโน้มตัวไปข้างหน้าหยิบเอกสารตรงหน้าเขามาปึกหนึ่ง ก่อนจะเขวี้ยงมันออกไปจนกระดาษพวกนั้นปลิวกระจายเกลื่อนพื้นห้อง “แล้วคุณจะทำไม?” หญิงสาวถามเขาเสียงแข็งดวงตาวาววับเอาเรื่อง ชายหนุ่มถอนหายใจและเบนสายตามองไปอีกด้านหนึ่งแทนด้วยความเหนื่อยหน่าย “ฉันจะไม่มาที่นี่แล้ว! และคุณอย่ามายุ่งกับฉันอีก!” ชายหนุ่มหัวเราะและหมุนปากกาหมึกซึมในมือเล่น ดวงตาคมกริบกวาดตามองไปทั่วเรือนร่างที่อยู่ในชุดคลุมอาบน้ำสีดำที่เป็นของเขา “ไม่แน่ใจว่าคำพูดนี้มันครั้งที่เท่าไหร่แล้วพอดีผมความจำไม่ดีเสียด้วยสิ ห้า หก หรือเจ็ดครั้งนะ” หญิงสาวกัดริมฝีปากและกำมือตัวเองแน่น “ตลอดสองปีที่ผ่านมาคุณอาจจะพูดเป็นร้อยครั้งแล้วมั้งเอมม่า”  “ครั้งนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว ฉันเหนื่อยแล้ว...และฉันพูดจริง” ชายหนุ่มตบมือเสียงดังเหมือนว่ากำลังชมเชยกับการตัดสินใจของเธอ ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นและเดินเข้าไปหยุดยืนอยู่ใกล้ ๆ หญิงสาว เขาเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงและโน้มใบหน้าลงมาใกล้ “อ๋อ...จะเอาจริงแล้วสินะ แล้วแบบนี้ผัวอย่างผมต้องทำยังไงดี?” ฝ่ามือหนาตวัดโอบเอวบางและดึงเข้าหาตัว เพียงแค่เขาออกแรงนิดหนึ่งร่างกายเธอก็โดนยกขึ้นไว้วางบนโต๊ะทำงานแล้ว “ถอยไป!” ร่างหนาที่เข้าปกคลุมในพริบตาเดียวริมฝีปากอุ่นร้อนที่ซุกไซ้คลอเคลียลำคอเธอ เอมม่ากระบอกตาร้อนผ่าว “ผมต้องคุกเข่าอ้อนวอนคุณไหม เอมม่า...อย่าทิ้งผมไปเลยนะแบบนั้นหรือเปล่า?” ใบหน้าหล่อคมคายยกยิ้มมุมปากนิดหนึ่ง ดวงตาคมกริบที่มองมาเหมือนมีกองไฟลุกโชนอยู่ในนั้น รอยยิ้มของเขามันเป็นยิ้มที่ทำให้หัวใจของเธอกลัดหนอง “ฉันจะเลิกกับคุณ...” น้ำเสียงสั่นเครือของเธอยิ่งทำให้คนฟังย่ามใจ เขากระชับอ้อมกอดลูบไล้ฝ่ามือไปถ้วนทั่วร่างกายก่อนจะกระชากชุดคลุมอาบน้ำออกจากเรือนกายเย้ายวนตรงหน้า “อยากเลิกเหรอ...คุณนี่ก็ตลกดีนะ” ปลายนิ้วโป้งที่จรดลงบนกลีบปากบาง ริมฝีปากหนาป้อนจูบดูดดื่มก่อนที่เรียวลิ้นอุ่นร้อนจะสอดแทรกเข้ามาในโพรงปากเสาะหาความอ่อนนุ่ม หยาดน้ำตาที่ไหลรินออกหางตาหญิงสาว ชายหนุ่มจูบซับราวกับทะนุถนอม “ฉันจะเลิกกับคุณ” หญิงสาวย้ำคำพูดนั้นทั้งที่หยาดน้ำตายังคงไหลริน เธอมองหน้าเขาเพื่อยืนยันในสิ่งที่ตนเองพูด ชายหนุ่มหัวเราะและกดริมฝีปากจูบลงบนกลีบปากสั่นระริกนั้นอีกครั้ง เขาโน้มหน้าลงมากระซิบแผ่วเบา...ถ้อยคำเหล่านั้นมันเหมือนปลายมีดแหลมที่ตัดเข้าขั้วหัวใจเธอ “แล้วทุกวันนี้เราคบกันอยู่หรือไง?”

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

ตีตรารัก

156.0K· นามปากกา แสงเทียน

“ลูกกวาง…” “คะ...คะ พี่สิงห์มีอะ...อะไรหรือคะ?” “เธอรู้ไหมว่าเธอเป็นใคร...และฉันเป็นใคร…” “...........” “อย่าใฝ่สูงให้มาก...และแฟนฉันเขาเป็นคนขี้หวง” “ละ...ลูกกวางไม่เข้าใจที่พี่สิงห์พูดค่ะ” “หัดเจียมตัวบ้าง...ที่ไหนควรอยู่!!” “...........” “และฉันไม่ใช่พี่ชายเธอ!!” สิงโต หรือ สิงห์ เหมราช เวชญานันท์ นักธุรกิจเจ้าของบริษัทนำเข้ารถซูเปอร์คาร์รายเดียวในไทย ส่วนสูง 185 ซม. อายุ 30 ปี หนุ่มหน้าหยก เจ้าสำราญ เพลย์บอยตัวพ่อ ผู้ครองโสดยาวนาน เพราะคบใครไม่เคยยั่งยืน! นิสัยเหมือนจะเป็นคนง่าย ๆ แต่เขาเป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่าง ถือตัว ไม่ก้มหัวให้ใคร สนิทก็คุย ไม่ชอบหางตาก็ไม่แล! ลูกกวาง อโณณา เทพสิทธิ์ หญิงสาววัยแรกแย้ม ผู้มีรูปร่างอรชร ใบหน้าสวยหวาน ดวงตากระปุกกลมโต ส่วนสูง 165 ซม. อายุ 22 ปี เรียบจบคณะบัญชี เกียรตินิยมอันดับ 2 มหาวิทยาลัยชื่อดังภาคเหนือ นิสัย พูดน้อย เฉย ๆ ไม่ชอบมีปัญหากับใคร ๆ สั่งอะไรก็ทำ ดื้อเงียบ

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

อดีตรักมาเฟียร้าย

33.0K· นามปากกา แสงเทียน

“เอามือโสโครกของคุณออกจากเอวฉัน!!” “ทำไม...จำผัวคนแรกไม่ได้แล้วเหรอ?” “หุบปากเน่าๆ ของคุณซะ!!” “หยิ่งยโส เสียจริงนะ!” “จากเด็กแจกไพ่...ได้ดีจนทุกวันนี้! เหลือเชื่อจริงๆ!” “หยุดคิดสารเลวได้แล้ว...” “ทำไม!! ฉันจะพูด!! ใช้อะไรไต่ขึ้นมาล่ะ!!” “ฉันบอกให้หยุดพูดไง!!! ฉึก!!” ธนวัฒน์ เจริญวัฒนาพงศ์ วัฒน์ ชายหนุ่มวัย 30 ปี ผิวขาวสะอาด หน้าตารูปร่างดี ความสูง 185 เซนติเมตร นิสัย นิ่งเงียบ เป็นคนอ่านยาก ไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง เจ้าของธุรกิจนำเข้าส่งออก ทางทะเลที่ครอบครองพื้นที่ทั่วน่านน้ำไทย ไม่ว่าใครจะออกจะเข้าล้วนผ่านเขาทั้งหมด ธุรกิจที่มองดูแล้วเหมือนจะขาวสะอาด...แต่ภายในไม่มีอะไรถูกกฎหมายเลย และเขาคือมาเฟียอันดับต้น ๆ ของเมืองไทย ที่ใครก็อยากจะดองญาติด้วยทั้งนั้น มีนา ดาเรล หญิงสาวใบหน้าเฉี่ยวคม ดวงตารียาว จมูกโด่งเล็กได้รูป ริมฝีปากกระจับเล็กบาง ๆ ความสูง 175 เซนติเมตร นิสัยแข็งกระด้าง หัวรุนแรงและไม่ยอมคน ลูกสาวคนเล็กเพียงคนเดียวของ ‘ไมเคิล ดาเรล’ เจ้าของธุรกิจสีเทาทุกรูปแบบที่ใหญ่ที่สุดในลอนดอน เขาต้องการเปิดตลาดธุรกิจมายังเมืองไทย และเพื่อให้ทุกอย่างง่ายดายไปกว่านั้น เขาได้ตกลงส่งลูกสาวคนเล็กเข้าดองญาติเพื่อเปิดการค้ากับผู้มีอิทธิพลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

พันธะร้ายอุ้มรัก

28.0K· นามปากกา แสงเทียน

จากนักเขียนถึงนักอ่าน นิยายเรื่องนี้เป็นภาคต่อในนวนิยายชุด “พันธะ” นักอ่านสามารถอ่านแยกได้ค่ะ นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายดราม่า รักโรแมนติก ที่พระเอก พี่วิน ของนักเขียนจะเลวมากเป็นพิเศษ ถ้าใครชอบ พระเอกดิบ เถื่อน ปากร้าย ทำร้ายจิตใจ และคลั่งรักชนิดรุนแรง หึงมาก หวงมาก เดี๋ยวยกพาดบ่าเข้าห้องบ้างอะไรบ้าง ผายมือเชิญขอบกระทะทองแดงเลยค่ะ เราจะกอดคอลงนรกไปด้วยกัน อิอิ นางเอก ‘น้องนิดา’ ใสซื่อ เชื่อฟัง เป็นลูกเลี้ยงแม่พระเอก ตัวพระเอกมีปมครอบครัว เป็นคนซับซ้อนแต่ก็ไม่ได้เข้าใจยาก และปมที่ว่าก็มาจากนางเอกนี่แหละค่ะ ใครชอบแนวนี้ทดลองอ่านก่อนได้นะคะ ถ้าไม่ใช่ทางก็กดซื้อไปเถอะค่ะ คุ้มแน่นอน ฮ่า! นิยายเรื่องนี้ไม่อิงความจริง เน้นจิตนาการที่คลั่งรักของนักเขียนนะคะ ตอนจบสุขนิยมค่ะ ครองรักกันอย่างมีความสุข แม้จะทำให้เสียใจและเสียน้ำตาแต่นักเขียนก็อยากจะปลอบโยนนักอ่านนะคะ ถ้าผิดพลาดประการใด พระเอกเลวเกินไป เชิญด่าพี่วินเลยค่ะ แสงเทียนไม่รับรู้ ? ฝากพี่วิน น้องนิดา และน้องนิล กาวใจคนสำคัญไว้ในอ้อมอกอ้อมใจนักอ่านด้วยนะคะ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะรักและเข้าใจพี่วินของเค้า! โชคดีมีสุขค่ะ ด้วยรัก แสงเทียน บทนำ หญิงสาวกำปากกาหมึกซึมในมือไว้แน่น ตรงหน้าคือกระดาษทะเบียนสมรสที่จะตีตราชีวิตเธอกับผู้ชายข้าง ๆ ไปตลอดชีวิต แผ่นหลังบอบบางถูกลูบอย่างปลอบประโลมด้วยคนที่เธอเชื่อใจและดีกับเธอที่สุดตั้งแต่เธอจำความได้ “เซ็นนะลูก พี่เขาเซ็นแล้ว...” ดวงตากลมโตช้อนสายตาขึ้นสบมองแม่เลี้ยง ก่อนจะตวัดปากกาลงลายมือชื่ออย่างไม่ได้ลังเลเช่นคราแรก “จบเรื่องแล้วแม่จะหอบเสื้อผ้าไปอยู่กับผมจนลูกสาวแม่ตั้งท้องก็ได้นะครับ... ผมไม่ติด” น้ำเสียงที่ออกจะเย้ยหยันเอ่ยพร้อมกับร่างสูงที่ยืนขึ้นจนเงาทะมึนทาบทับเธอไว้ “ฉันไปแน่ ไปถ่ายรูปก่อนอย่าให้เสียฤกษ์” น้ำเสียงจริงจังของมารดาทำให้ ‘เนวิน’ อดที่จะเหยียดยิ้มไม่ได้ ญานิดา กุลภักดิ์พินิจ หญิงสาวรูปร่างอ้อนแอ้นอรชรในชุดแต่งงานสีขาวงาช้างเปิดเปลือยหัวไหล่กลมกลึง บนศีรษะประดับด้วยมงกุฎดอกไม้เพชรน้ำงามที่แวบวับล้อเล่นกับแสงไฟในห้องจัดเลี้ยง ใบหน้ารูปไข่สวยหวานราวตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ ดวงตากลมโตโอบล้อมด้วยแพขนตาเงางามธรรมชาติที่ลอบมองเขาแทบจะตลอดเวลา เธอบอบบางมากขนาดที่ว่าเขาถอยหลังไปชนเธอก็แทบจะล้มหงายหลังไปแล้ว “ยืนให้มันมีกระดูกหน่อย อย่ามาสำออยฉันไม่ชอบ!!” ริมฝีปากอวบอิ่มเม้มเพียงนิดก่อนจะคลายออก และยืนเคียงข้างกันไปกับเขาโดยไม่สนใจน้ำเสียงที่แดกดันเธอแทบจะตลอดเวลา เธอยกมือไหว้แขกเหรื่อที่เข้ามาแสดงความยินดี ทุกคนเป็นแขกของแม่เลี้ยงทั้งนั้นเธอจึงต้องสุภาพกับคนพวกนี้ ต่างกับเขาที่ใบหน้าเรียบนิ่งไม่ยกมือไหว้ใครสักคน... หลังจากร้างผู้คน เนวินหัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน และสะบัดแขนที่หญิงสาวคล้องให้หลุดออก ญานิดารู้ตัวเองดีถอยห่างออกมาไม่ได้เกาะแขนเขาไว้ตามคำสั่งของแม่เลี้ยง ตอนนี้แค่เขาไม่พังงานแต่งงานฉีกหน้าแม่เลี้ยง ไม่ไล่เธอกระเจิดกระเจิง หรือเอาไวน์แดงสาดใส่หน้าเธอแบบทุกครั้งที่เจอกัน แค่เขาไม่เดินหนีหายไปไหนนั่นก็ดีมากแล้วในสำหรับเธอ... “ฉันละอยากให้แม่มาเห็นความร้ายกาจในตัวเธอจริง ๆ” เนวินก้มหน้าลงมากระซิบประโยคยียวนกับร่างบางระหงข้าง ๆ มองมุมนี้หน้าอกหน้าใจก็อวบอัดเสียจริง! “นิดาไม่อยากเถียงกับคุณวิน... เรามาทำเรื่องนี้ให้จบเถอะค่ะ” หญิงสาวรู้ว่าเขามองอะไรเธอจึงยกมือข้างซ้ายที่ประดับด้วยแหวนเพชรเม็ดโตมาปิดช่องอกเอาไว้ “หึ! ทำเป็นหวงตัว... ทีเมื่อคืนครางหงิงเป็นลูกหมาเชียว” ‘ถ้าคุณวินคิดว่านิดาเป็นลูกหมา... งั้นคุณก็เป็นสามี ลูกหมานั่นแหละค่ะ เป็นหมาเหมือนกัน’ ญานิดาได้แต่พูดในใจไม่กล้าเอ่ยปากออกไป “อย่ามาด่าฉันทางสายตา!!” ริมฝีปากหยักกระตุกขึ้น และวาดลำแขนแกร่งไปดึงเอวบางมาใกล้ชิด ชายหนุ่มบีบเอวบางจนญานิดารู้สึกเจ็บ เธอกะพริบตาถี่ ๆ กลั้นน้ำตาไม่ให้รินไหล “แต่ไม่เป็นไร... ด่าไปเถอะ แล้วฉันจะเอาคืนตอนเธออ้าขาอยู่บนเตียง!” ชายหนุ่มเอียงใบหน้าลงมากดจูบที่ลำคอเธอพร้อมกับขบเม้มแรง ๆ ทั้งที่เรายังยืนอยู่หน้าแบ็กดร็อปในงาน แต่งงานอยู่เลย! เนวินหัวเราะร่วนเมื่อนึกไปถึงเมื่อคืนกว่าเขาจะปล่อยร่างนุ่มนิ่มที่ยืนเคียงข้างกันก็เกือบรุ่งสาง ขนาดเขานอนมากกว่าเธอยังเพลียเลย แต่ยัยเด็กไร้หัวนอนปลายเท้าคนนี้กลับยืนรับแขกในงานได้หน้าตาเฉย!

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

ผูกหัวใจญานิตา

19.0K· นามปากกา แสงเทียน

บทนำ “พ่อคะ แม่คะ...นิลว่าจะสละสิทธิ์ที่มหาลัยค่ะ” เป็นการตัดสินใจที่ยากที่สุดในชีวิตก็ว่าได้กว่าจะรวบรวมความกล้าเข้าไปคุยกับพ่อแม่ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย “สละสิทธิ์ทั้งที่พยายามมาแทบตายน่ะหรือ?” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถามเสียงเข้มขึ้น “ถ้านิลห่วงแม่ ไม่ต้องห่วงเลย งามที่ฟาร์มมันลงตัวมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แม่จะย้ายไปอยู่กับนิลที่กรุงเทพ บ้านที่นั่นเราก็มี...” “แล้วน้องล่ะคะ...นิลไม่อยากให้น้องต้องย้ายโรงเรียนเพราะนิล เขาต้องหาเพื่อนใหม่ ปรับตัวใหม่อีก ไม่จำเป็นค่ะแม่ นิลว่าตัวนิลเองเรียนที่นี่ก็ไม่ต่างกัน” เนวินขมวดคิ้วและจ้องมองลูกสาวที่นั่งพับเพียบอยู่บนพื้นตรงหน้า สองมือที่เอาแต่เขี่ยกันไปมา...ลูกมีเรื่องให้คิดสินะ “เรื่องที่นิลควรทำคือตั้งใจเรียน...เรื่องอื่นไม่ต้องมาคิดแทนพ่อกับแม่ เรื่องน้องพ่อไม่ได้คิดย้ายโรงเรียนไอ้นาวมัน” “แต่นิลจะต้องไปอยู่คนเดียวนะคะ นิดาไม่ยอมหรอก!” ญานิดาเสียงเขียวขึ้นมา เมื่อสามีคิดว่าลูกสาวโตแล้วและสามารถดูแลตัวเองได้ แต่คนเป็นแม่จะปล่อยลูกให้เผชิญความยากลำบากได้อย่างไร อยู่กรุงเทพคนเดียว จะอยู่จะกินยังไง “ผมก็ไม่มีวันแยกกันอยู่กับคุณเหมือนกัน” เนวินรู้ว่าญานิดาคิดจะทำอะไร จะให้เขาอยู่ที่นี่กับลูกชายส่วนเธอไปอยู่กับลูกสาว...เมื่อเป็นต้นเหตุให้พ่อแม่ต้องเถียงกันญานิตาก็กระบอกตาร้อนผ่าว “อย่าทะเลาะกันเลยค่ะ นิลจะไปอยู่กรุงเทพคนเดียวเอง” เนวินหันมามองลูกสาวพร้อมกับเอื้อมมือไปคว้ามือนุ่มมากุมไว้ และดึงให้ลูกมานั่งติดท่อนขาแกร่งของเขา “นิล...มองพ่อ นิลอย่าคิดว่าพ่อไม่รักหรือผลักไส แต่เราคุยกันก่อนที่นิลจะลงทะเบียนสอบแล้ว และนิลตอบพ่อว่านิลอยากเรียนที่มหาลัยนี้ นิลตั้งใจมากแล้วทำไมมาเปลี่ยนใจเอาตอนนี้” ดวงตาสีนิลเฉกเช่นเดียวกันมองกันคนละความรู้สึก แต่แล้วคนเป็นลูกก็ก้มหน้าหลบสายตา “นิลโตแล้วนะลูก...พ่อเชื่อว่าลูกของพ่อเข้มแข็งเกินกว่าจะมายอมแพ้อะไรง่าย ๆ แบบนี้ กรุงเทพไม่ได้น่ากลัว ลุงกระทิง ลุงฐาก็อยู่ที่นั่น พ่อกับแม่ก็จะไปหานิลทุกอาทิตย์ อนาคตดีสดใสรอลูกสาวพ่ออยู่นะ” ญานิตาก้มหน้าลงพยายามบังคับน้ำตาตัวเองไม่ให้รินไหล “อย่ากลัว...ชีวิตมันไม่ง่ายนะลูก และที่มหาลัยก็ยังมีพี่กวิ้นอีกคน นิลจะกลัวอะไร...พ่อโทรบอกพี่กวิ้นให้จัดการเรื่องหอพักให้เราแล้ว” เขานั่นแหละ....ที่เธอกลัว

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว

หยุดหัวใจตุลธร

13.0K· นามปากกา แสงเทียน

บทนำ ภายในร้านอาหารกึ่งผับในตัวเมืองชลบุรี ร่างเพรียวระหงในชุดเดรสรัดรูปสีขาวบริสุทธิ์ ผมยาวสลวยสีน้ำตาลเข้มปล่อยสยายเต็มแผ่นหลัง ใบหน้าเฉี่ยวคมตกแต่งอย่างสวยจัด กลีบปากบางทาเคลือบด้วยลิปสติกสีชมพูเข้ม และมันกำลังยกยิ้มพร้อมกับจ้องมองไปมุมในสุดของไนต์คลับนี้… “สนใจเหรอ?” เสียงหวานเอ่ยถามพร้อมกับใช้หัวไหล่ดันต้นแขนของคนที่จ้องมองไปทางนั้นตาไม่กะพริบ “อืม...สนใจ” คำตอบนั้นทำให้เพื่อนสาวถึงกับเอียงใบหน้าไปมองและมองคนที่ตอบประโยคนั้นออกมาด้วยแววตาเป็นประกาย “จะสึกเหรอ?” “ไม่รู้สิ...จะลองดู” “เห่ย! เดี๋ยว! มาตอบคำถามก่อนหมิว!” ‘มินตรา’ เดินจากโต๊ะประจำของตนเองมาแล้ว เธอเดินทอดน่องเข้ามาถึงโซนด้านในที่เป็นบาร์ตรงนั้นไม่มีใครนั่งอยู่เลยยกเว้นเขา ‘ตุลธร’ “กึก” เสียงแก้วไวน์ถูกวางลงบนเคาน์เตอร์บาร์ ก่อนที่กลิ่นน้ำหอมคล้ายดอกไม้ป่าจะลอยมาให้ได้กลิ่น ชายหนุ่มที่นั่งควงแก้วบรั่นดีเหลือบตาไปมองพร้อมกับพ่นลมหายใจอุ่นร้อนคล้ายรำคาญก็ไม่ปาน ดวงตาสีเหล็กเบนสายตากลับมาจดจ้องที่แก้วในมือของตัวเองราวกับว่าเมื่อครู่เขาไม่ได้เผลอสบเข้ากับดวงตากลมโตที่เปล่งประกายราวไข่มุกแต่ก็แฝงความร้ายกาจจนไม่อยากจะมองมัน “ไม่คิดว่าจะเจอคุณเตอร์ที่นี่นะคะ ขอหมิวนั่งด้วยนะ” มินตราถือวิสาสะนั่งลงโดยไม่รอให้เจ้าของที่อนุญาต เธอยกมือขึ้นและชี้ไปที่ตู้ไวน์ด้านหลังและเพียงเท่านั้นไวน์แดงรสชาติดีที่นำเข้ามาจากฝรั่งเศสก็ถูกนำมาเสิร์ฟให้เราทั้งคู่ “คุณเตอร์มาคนเดียวหรือคะพวกคุณเจมส์ไม่มาด้วยหรือ?” “ถ้าคุณอยากจะรู้ก็โทรไปถามมันเอง และผมต้องการความเป็นส่วนตัว” คำพูดไม่ไว้หน้านั่นไม่ได้ทำให้มินตรารู้สึกหน้าแตกอะไร หญิงสาวยกยิ้ม ก่อนจะใช้ข้อศอกเท้าลงไปที่เคาน์เตอร์บาร์และเอียงทั้งตัวหันหน้ามาทางชายหนุ่ม “งั้นหมิวจะโทรไป...โทรไปตอนนี้เลยคุณเจมส์คงอยู่กับคุณครีม” ดวงตาคมเข้มตวัดมองมาทางเธอก่อนที่เขาจะจ้องมองเธออยู่แบบนั้นชั่ววินาที เขาไม่ควรปากไวกับผู้หญิงไวไฟอย่างเธอ! “หมิวจะบอกว่าแบบมีปัญหา...” หญิงสาวพูดไม่ทันจบคนข้าง ๆ ก็พูดแทรกและนั่นก็ทำให้เธออยากจะหัวเราะให้ลั่น “คุณคิดว่าไอ้เจมส์มันโง่หรือไง?” เพราะ ‘งาน’ ที่เขาทำมันไม่เคยมีปัญหาเพราะฉะนั้นเรื่องนี้ผู้หญิงตรงหน้าจะมาอ้างไม่ได้ “งั้นร้องไห้ดีไหมคะ...ร้องไห้โวยวายและบอกว่าอยากจะเจอเพื่อนคุณ” “คุณเป็นคนขาดความอบอุ่นหรือไง” “แล้วคุณคิดว่าหมิวเป็นอย่างนั้นรึเปล่าคะ?” ตุลธรขบสันกรามแน่น ก่อนจะยกแก้วเหล้าในมือตัวเองขึ้นดื่ม ชายหนุ่มบีบแก้วเปล่าในมือจนแทบจะแหลกลาญคามือ ลึก ๆ ในใจอยากจะเขวี้ยงใส่ผู้หญิงร้ายกาจตรงหน้านี้ต่างหาก “ดื่มสิคะ...แล้วคืนนี้หมิวจะไม่โทรไปยุ่งวุ่นวายกับเพื่อนคุณ” แก้วไวน์ทรงสูงที่มีลิปสติกสีชมพูติดอยู่ขอบแก้วยื่นมาให้เขา ตุลธรเหยียดยิ้มและเอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชูมาวางไว้ที่ขอบแก้ว ก่อนจะใช้นิ้วชี้วางทาบลงไปบนกระดาษและดันแก้วนั่นกลับคืนหญิงสาวไป การกระทำของเขาทำให้มินตราหัวเราะร่าเริง เธอยกมือขึ้นเรียกบริกรหน้าบาร์และขอแก้วไวน์มาเพิ่มอีกหนึ่งใบ พร้อมกับผ้าขนหนูอีกผืนมาจับขวดไวน์และเทรินให้กับเขา “โทษทีนะ พอดีผมไม่ชอบยุ่งกับของคนอื่น...ยิ่งของที่ใช้ซ้ำ ๆ และผมเลือกมากแถมกินยาก ผมไม่ได้รังเกียจคุณนะคุณหมิว” ตุลธรยิ้มทั้งดวงหน้าเขามองหน้าเธอด้วยสีหน้าและแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดที่เผลอทำกิริยากับเธอเช่นนั้น แต่มินตรารู้...เขาตั้งใจทำแบบนั้นกับเธอ ตุลธรบอกอย่างโจ่งแจ้งว่า เขารังเกียจเธอ...รังเกียจผู้หญิงคาวโลกีย์อย่างเธอ หน้าลิขสิทธิ์ ชื่อเรื่อง : หยุดหัวใจตุลธร ผู้เขียน : แสงเทียน ปก : กระต่ายวาดรูป Font : ยูจีน แต่ง สิงหาคม 2564 ช่องทางการติดต่อ เพจ : นวนิยาย By แสงเทียน E-mail : saengtian2019@gmail.com ไม่อนุญาตให้ทำซ้ำดัดแปลง สแกน คัดลอก เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงาน ** ตัวละครและเนื้อเรื่องเป็นเพียงจิตนาการของผู้เขียน หากกระทำการล่วงเกินใด ๆ ขออภัยมา ณ ที่นี้ ขอให้นักอ่านมีความสุขกับนิยายแสงเทียนค่ะ

นิยายรักโรแมนติกจบแล้ว