คู่รักลิขิต

ชาตินี้ ข้าไม่ขอรัก
ชาติที่แล้วนางรักเขาสุดหัวใจแต่กลับต้องเจ็บปวดจนชีวิตพังทลาย ครานี้เหยียนซือเหยียนย้อนเวลากลับมา จึงตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ขอรักเขาอีกแล้ว! แต่ผู้ใดจะคิดเล่า ว่าสุดท้ายแล้ว กลับกลายเป็นเขาที่ตามนางไม่ปล่อย ต่อให้หนีก็ไม่พ้น ต่อให้หลบก็ไม่รอด บอกไว้เลยว่า... ชาตินี้นางไม่ขอรักเขาอีกแล้วจริงๆ!

ย้อนเวลากลับมารักครอบครัว
ตลอดชีวิตของมาตา มีแต่เรื่องผิดพลาดเหมือนเดินถนนผิดสาย เมื่อได้ย้อนกลับมาแก้ไข ครั้งนี้เธอตั้งใจจะไม่เดินทางเก่าจะเริ่มต้นใหม่

เกิดใหม่เป็นนางบำเรอตัวร้ายในนิยายน้ำเน่า
รู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู่ในร่างนางร้ายในนิยายน้ำเน่าที่ตัวเองเกลียด ตอนจบต้องถูกพระเอกสังหารอย่างน่าอนาถ เมื่อมาอยู่ในร่างตัวละครที่ตัวเองเกลียดและรู้จุดจบของตัวเอง ภารกิจเอาชีวิตรอดจึงเกิดขึ้น

ชายาข้าคือธิดามังกร
ธิดาพญามังกรหนันไห่ แอบหนีความผิดขึ้นมายังเมืองมนุษย์ นางได้พบกับองค์หญิงของแคว้นฝานหรง ในศาลเจ้าแม่หนวี่วา แต่องค์หญิงผู้แสนอ่อนแอกำลังป่วยหนัก และใกล้จะตาย ทั้งคู่มีหน้าตาที่เหมือนกันราวกับฝาแฝด ทั้งสองพูดคุยปรับทุกข์ให้กันและกันฟังอย่างถูกคอ ธิดามังกรถูกเจ้าแม่หนวี่วาสั่งให้เข้าร่างขององค์หญิง เพื่อทดแทนพระคุณแก่คนผู้หนึ่งเป็นเวลา 3 ปี ธิดามังกรจึงอยู่ในร่างองค์หญิงแคว้นฝานหรงนับแต่นั้น องค์หญิงต้องไปอภิเษกกับรัชทายาทหนุ่มรูปงามแห่งแคว้นฮุยหวง เขาคือผู้ที่นางต้องมาแทนคุณ 3 ปี ธิดามังกรหลงรักเขาทันทีที่เห็น นางต้องเผชิญกับการกลั่นแกล้งในวังหลวง แล้วแบบนี้นางจะทำยังไง คนกับมังกรจะลงเอยกันได้ไหม เชิญหาคำตอบได้ค่ะ...

วาสนากาฝาก
โปรย :ชาติก่อนเธอเป็นขอทานที่ต่อสู้ชีวิตมาเพียงลำพังและจากไปอย่างสงบ เกิดชาติหน้าขอให้มีสักคนที่อยู่เคียงข้างเธอบ้าง ไม่อดอยากเท่าชาตินี้ ที่สำคัญขอให้เธอได้ตอบแทนบุญคุณผู้ชายคนนั้นบ้างก็พอแล้ว ตัวอย่าง “อุแว้! อุแว้! อุแว้!” ดอมชะงักเท้าเมื่อได้ยินเสียงเด็กดังแว่วมาแต่ไกล เขาเงยหน้าขึ้นแล้วตั้งใจฟังอีกครั้ง เสียงเด็กก็ร้องไม่ยอมหยุด คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อย เพื่อไขข้อข้องใจเขาเดินไปตามเสียงที่ได้ยิน เขาคิดว่าตัวเองคงหูฝาด เด็กเล็กที่ไหนจะมาร้องอยู่กลางทุ่งนาเช่นนี้ ฝนก็ยังโปรยปรายลงมาบาง ๆ ตลอดเวลาทำให้บรรยากาศโดยรอบเย็นจัดจนถึงขั้นหนาว ถ้ามีเด็กจริงก็คงหนาวไม่น้อย เขาได้ยินเสียงเด็กร้องดังขึ้นเรื่อย ๆ และมองไปยังต้นตะโก ตรงนั้นมีจอมปลวกขนาดใหญ่ขึ้นอยู่รอบโคนต้นและจอมปลวกนั้นยังใกล้กับถนนที่มุ่งสู่หมู่บ้านออกไปยังถนนใหญ่ที่เชื่อมระหว่างอำเภอ ดอมสาวเท้าให้เดินเร็วขึ้นอีก ยิ่งเดินเข้ามาใกล้เสียงเด็กร้องก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น พอเดินมาถึงใต้ต้นตะโกต้นใหญ่ร่างของเขาถึงกับผงะ เด็กทารกตัวสีแดงที่ห่อหุ้มด้วยผ้าซิ่นไหมลายสวยกำลังดิ้นกระแด่ว ๆ อยู่บนลานจอมปลวกพร้อมส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ตัวของเด็กเริ่มมีริ้วสีเขียวคล้ำ มดคันไฟที่หนีน้ำขึ้นมาบนจอมปลวกกำลังรุมกัดทารกตัวน้อยคนนั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย ดอมทิ้งจอบไปอย่างไร้ทิศทาง ปรี่เข้าหาร่างเด็กทารกที่นอนอยู่บนจอมปลวกนั้นโดยเร็ว ใครนะช่างกล้านำเด็กมาทิ้งในวันที่ฝนตกเช่นนี้ได้ ใจคอช่างโหดร้ายนัก นิ้วหยาบกร้านทั้งปัดทั้งหยิบตัวมดออกจากผิวบอบบางของเด็กราวยี่สิบตัวอย่างรวดเร็ว เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะหยิบแหวนที่ร้อยด้วยด้ายสีขาวที่ห้อยอยู่ที่คอเด็กขึ้นมาดู ตอนนี้ชีวิตเด็กสำคัญยิ่งกว่า ดอมกอดเด็กแนบอกแล้วรีบวิ่งฝ่าฝนกลับไปหาเมียกับลูกที่กระท่อมท้ายหมู่บ้าน ดีที่นาของเขาติดกับถนนแต่กระนั้นก็ยังเป็นถนนลูกรังตลอดทั้งสาย

ลุงยักษ์กระบองใหญ่
นิยายเรื่องนี้… ไม่มีแก่นสารสารัตถะอะไรนักหนา ทั้งเรื่องขับเคลื่อนด้วยอารมณ์อันมืดดำของมนุษย์ ดำเนินเรื่องด้วยตัณหาราคะสุดร้อนแรง ท่านใดที่ไม่ชอบโปรดหลีกเลี่ยง *เราเตือนท่านแล้ว*

ตรวนรักพิทักษ์ใจ
เมื่อคนทั้งสองผิดหวังจากความรักมาเจอกัน ระหว่างผู้คุมหน้านิ่งสุดโหดที่เหล่าผู้ต้องขังหวาดกลัว กับคุณหมอขวัญข้าว ขวัญใจทุกคน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะพัฒนาเกินคำว่าเพื่อนร่วมงานได้หรือไม่

ข้าไม่เป็นแล้วภรรยาผู้แสนดี
หลิวเยว่ชิง สาวงามของเมืองหลวง บุตรสาวของท่านหมอหลวงหลิว ความงามของนางเป็นที่ประจักษ์ ทั้งเรื่องความสามารถเรื่องการรักษานางก็เก่งไม่แพ้ผู้เป็นบิดา แต่เพราะด้วยที่นางเป็นสตรี นางจึงมิอาจเดินตามรอยเท้าของบิดาได้ ทำได้เพียงรักษาให้กับสตรีที่ต้องการความช่วยเหลือจากนาง นางยังคิดจะเปิดโรงหมอ เพื่อรักษาให้กับสตรีโดยเฉพาะ แต่เพราะคู่หมั้นของนาง กงหลี่เฉียงมิเห็นด้วย นางจึงได้เลิกล้มไปเสีย นางแต่งให้กงหลี่เฉียงท่ามกลางความเสียดายของบุรุษมากมายในเมืองหลวง งานมงคลของนางเป็นที่พูดถึงนานหลายเดือน เพราะสินเดิมที่บิดาจัดเตรียมให้ เรียกได้มามากมายจนไม่ต้องทำสิ่งใดอีกแล้ว นางใช้ชีวิตเป็นฮูหยินของกงหลี่เฉียง ดูแลจวน ทั้งยังดูแลแม่สามีที่เจ็บป่วยอยู่เสมอ จนมีแต่คนเอ่ยชมกงหลี่เฉียงที่ได้ภรรยาเช่นนางไปครอบครอง ในวันแต่งงาน เรื่องที่ไม่อาจไม่พูดถึงไม่ได้คือเรื่องคำสาบานของกงหลี่เฉียง “ข้ากงหลี่เฉียง ขอสาบานต่อฟ้าดิน ว่าชีวิตนี้จะมีเพียง หลิวเยว่ชิงเป็นภรรยาเพียงผู้เดียว” เรื่องนี้ยังสร้างความอิจฉาให้กับเหล่าสตรีในเมืองหลวงอยู่นานหลายเดือน หากบุรุษบ้านใดที่รับอนุเพิ่ม จะถูกเปรียบเทียบกับกงหลี่เฉียงในยามนั้นทันที แต่แล้วความสุขของนางก็อยู่ได้ไม่นาน หลังแต่งงานได้เพียงสองปี กงหลี่เฉียงที่เพิ่งจะได้รับตำแหน่ง รององครักษ์เสื้อแพรมาหมาดๆ ก็พาญาติผู้น้องของเขา ตู้ซิงเยียน เข้าจวนในตำแหน่งฮูหยินรอง เรื่องนี้สร้างข่าวลือไปทั่วเมืองหลวง เพราะไม่คิดว่า กงหลี่เฉียงที่กล้าเอ่ยคำสาบานในวันงานแต่งเช่นนั้น จะกล้ารับสตรีเข้าจวนได้อีก “ท่านทำกับข้าเช่นนี้ได้อย่างไร” หลิวเยว่ชิงดวงตาแดงก่ำ มองกงหลี่เฉียงประคองตู้ซิงเยียนอยู่หน้าเรือนของนาง น้ำตาค่อยๆ ไหลออกมาจากดวงตาคู่งามของนาง บ่าวไพร่ที่รู้จักฮูหยินน้อยว่านางแสนดีเพียงใด ก็อดจะเห็นใจนางไม่ได้ “บุรุษใดเล่าในเมืองหลวงที่ไม่มีสามภรรยา สี่อนุ” กงหลี่เฉียงเอ่ยออกมาอย่างหน้าด้านๆ โดยที่ตัวเขาก็หลงลืมเรื่องคำสาบานในวันแต่งงานไปแล้ว “หึ เช่นนั้นรึ ท่านคงหลงลืมไปแล้วกระมังเรื่องคำสาบาน” “แล้วอย่างไรเล่า ชิงชิง เจ้าแต่งเข้าจวนข้ามาสองปี ท้องเจ้ายังมิได้เรื่อง หากข้ารับเยียนเออร์เข้าจวนจะผิดอันใดเล่า” “อ้อ เพราะเรื่องนี้อย่างนั้นรึ” นางยิ้มเยาะตนเอง เป็นนางที่คิดแทนผู้เป็นสามี ไหนจะเรื่องภายในจวน ที่ค่าใช้จ่ายทั้งหมดล้วนต้องควักมาจากสินเดิมของนาง ไหนจะเรื่องของอาการป่วยของแม่สามีที่แทบจะเรียกหานางทุกหนึ่งชั่วยาม นางและเขาจึงคิดตรงกันเรื่องที่ยังไม่อยากมีบุตร ทุกครั้งที่ร่วมรักกันนางจึงกินยาห้ามครรภ์มาตลอด แต่การที่หวังดีต่อเขาเช่นนี้ ไม่คิดเลยว่าเขาจะกล้าหักหาญน้ำใจของนาง “หากท่านดึงดันจะรับนางเข้าจวน เช่นนั้นก็หย่าขาดจากข้าเสีย” “เพ้ย ไม่หย่า เจ้าอย่าได้ใจแคบนักเลย เยียนเออร์ย่อมเชื่อฟังเจ้าอย่างดี ไม่ดีหรือที่จะมีคนมาช่วยดูแลเรือนเพิ่มอีกคน” “วาจาของท่านช่างน่าขันนัก หากข้าไม่รับน้ำชาของนาง นางรึจะเข้ามาอยู่ในจวนได้” “หึ ต่อให้เจ้าไม่รับน้ำชาของนาง นางก็เข้ามาอยู่ในจวนได้ เพราะเยียนเออร์นางตั้งครรภ์แล้ว” คำพูดของกงหลี่เฉียง เหมือนฟ้าผ่าลงมากลางศีรษะของเยว่ชิง นางเกือบจะล้มไปกองกับพื้น ยังดีที่สาวใช้ของนางเข้ามาประคองนางไว้เสียก่อน เขาให้นางกินยาห้ามครรภ์มาโดยตลอด แต่กลับพาญาติผู้น้องที่ตั้งครรภ์กลับเข้ามาในจวน นางจะทนฟังเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร “อาอิง เจ้าไปเก็บของข้าจะกลับจวนตระกูลหลิว” นางเอ่ยสั่งสาวใช้ที่ติดตามนางมาจากบ้านเดิม “หยุด!!! หากเจ้าจะไปก็กลายเป็นศพออกไปเสีย แต่งเข้าตระกูลกงแล้ว ถึงตายก็ต้องเป็นผีตระกูลกง” กงหลี่เฉียงตวาดออกมาเสียงดัง แต่ที่น่าขันที่สุดเห็นจะเป็นแม่สามีของนาง กลับลุกออกมาจากเรือนของนางได้ ทั้งๆ ที่ในแต่ละวันล้วนแต่นอนป่วยอยู่บนเตียง “ใช่แล้ว อาเฉียงพูดถูก หากเจ้าจะออกไปก็ต้องกลายเป็นวิญญาณเท่านั้น” นางเดินเข้าไปจับมือของซิงเยียนราวกับปลอบใจนางที่ได้รับความไม่ยุติธรรม "หึหึ ท่านแม่ ท่านหายป่วยแล้วรึเจ้าคะ” นางจ้องมองพวกเขาอย่างโกรธแค้น ไม่ว่ายาดีอันใดที่นางเพียรหามารักษา สมุนไพรราคาแพงนางก็ยอมจ่ายเงินซื้อ ก็ไม่อาจทำให้แม่สามีของนางลุกขึ้นมาจากเตียงได้ เห็นทีคงเป็นเพียงละครงิ้วบทหนึ่งเท่านั้น “ข้าเป็นอันใดอย่างงั้นรึ” นางมองเยว่ชิงด้วยใบหน้าที่ใสซื่อ ราวกับว่ากำลังถูกเยว่ชิงใส่ร้าย “ข้าเข้าใจแล้ว เป็นข้าที่โง่เขลามาตลอด ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายในจวนที่มาจากสินเดิมของข้า และเรื่องรักษาท่าน เพื่อให้หลี่เฉียงมีเวลาไปอยู่กับแม่นางตู้ หึหึ ตัวข้าช่างน่าขันนัก” ใบหน้าของสองแม่ลูกเบ้อย่างไม่น่ามอง เมื่อถูกเยว่ชิงเปิดโปงเรื่องที่พวกเขานำสินเดิมของนางมาใช้จ่าย นางหัวเราะออกมาราวกับคนเสียสติ ก่อนจะกระซิบสั่งสาวใช้ที่อยู่ข้างกาย “ฮูหยิน” นางเอ่ยเรียกเสียงสั่น “ไปเอามา” นางเอ่ยเสียงเบา พร้อมกับผลักสาวใช้เบาๆ อาอิงรู้ดีว่าคุณหนูของนางใจกล้าเพียงใด แต่ไม่คิดว่านางจะเลือกหนทางนี้ แต่ก็ยังไปทำตามคำสั่งอยู่ดี ทั้งสามไม่รู้ว่า สองนายบ่าวกระซิบกระซาบอันใดกัน ได้แต่มองอาอิงหมุนตัวกลับเข้าไปในเรือนอย่างสงสัย เมื่อนางกลับมาพร้อมมีดสั้นในมือ ทั้งสามก็มีใบหน้าที่ซีดขาวอย่างเห็นได้ชัด “เจ้าจะทำอันใด” กงหลี่เฉียงดันตัว">ตู้ซิงเยียนไปไว้ด้านหลัง ยิ่งทำให้เยว่ชิงปวดใจมากกว่าเดิม บุรุษที่นางเลือกเองกับมือ กล้าทำร้ายจิตใจของนางมากถึงเพียงนี้ แต่เรื่องนี้จะโทษใครได้ หากเขาไม่เอาใจใส่นางตลอดหลายปีก่อนที่จะแต่งงาน นางจะเลือกเขาได้อย่างไร ทั้งหน้ากากบุรุษแสนดีที่เขาสวมไว้ ทำให้นางเชื่อหมดใจว่าเขารักนางมากจริงๆ เยว่ชิงเดินเข้าไปหาทั้งสามคนช้าๆ พร้อมทั้งกำมีดในมือแน่น “กง หลี่ เฉียง ท่านฟังคำข้าให้ดี” นางยิ้มเย็นออกมาอย่างน่ากลัว “เจ้า เจ้า อย่าได้คิดบ้าๆ เด็ดขาด” ต่อให้เขาจะได้เป็นรององครักษ์เสื้อแพร แต่ทั้งหมดก็เป็นเพราะบารมีของพ่อภรรยา เรื่องวรยุทธ์ของเขาก็เรียนรู้มาเพียงงูๆ ปลาๆ เท่านั้นจะไปสู้ผู้ใดได้ “ข้า หลิวเยว่ชิง ชาตินี้คิดผิดที่เลือกบุรุษเช่นท่านเป็นสามี หากมีชาติหน้าจริง ขออย่าได้พบเจอท่านอีก หากพบเจอก็ให้นึกรังเกียจราวกับพบเดรัจฉาน ข้าขอให้ท่านมิได้สิ่งใดหรือสมหวังเรื่องใดอีกเลย” เยว่ชิงใช้มีดสั้นในมือของนางปักเข้าที่หัวใจของนางทันที เลือดจำนวนมากพุ่งเข้าไปโดนใบหน้าและลำตัวของคนทั้งสามที่ยื่นตกตะลึงอยู่กับที่ เสียงกรีดร้องของบ่าวในจวนดังกึกก้องไปทั่วจวนตระกูลกง เยว่ชิงล้มทรุดตัวลงช้าๆ ก่อนที่นางจะจบชีวิตลง ได้ยินเสียงร้องเรียกราวกับจะขาดใจของผู้เป็นบิดา ที่รู้เรื่องกงหลี่เฉียงรับสตรีเข้าจวน จึงได้รีบเร่งรุดมาหาบุตรสาว และอีกเสียงที่นางได้ยินไม่ชัดเจน เขากำลังจัดการกับกงหลี่เฉียง นางรับรู้เพียงเท่านั้น ก่อนที่ทุกอย่างจะจบสิ้นลง

สาวน้อยซ่อนรูปของท่านประธาน
“เขาไม่เคยพูดว่ารัก...แต่กลับหวงเธอยิ่งกว่าลมหายใจ” เธอเป็นแค่เลขาชั่วคราวในสายตาใครหลายคน แต่สำหรับเขา...เธอคือร่างกายที่เขาไม่เคยพอ และหัวใจที่เขาไม่กล้ายอมรับ เมื่อสาวน้อยซ่อนรูปผู้ไร้เดียงสาก้าวเข้ามาในโลกของท่านประธานสุดเย็นชา ทุกสัมผัสของเขาก็แปรเปลี่ยนจากเยือกเย็นเป็นร้อนรุ่ม และเมื่อเธอกำลังจะหายไป...เขาจึงยอมละทิฐิทั้งหมด เพียงเพื่อให้เธอรู้ว่า... "เขาอาจไม่ใช่คนดี แต่เขาจะรักเธอให้ดีที่สุดเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะรักได้"

ใกล้กันแค่ลมหายใจ
เขา...ชายหนุ่มที่ไม่เคยให้สถานะใคร แต่กลับ จูบเธอซ้ำ ๆ จนลมหายใจติดกันแทบทุกคืน เธอ...หญิงสาวที่คิดว่าแค่ผ่านมาแต่หัวใจกลับ ถลำลึกในความสัมพันธ์ไร้ชื่อจนถอนตัวไม่ขึ้น พวกเขาอยู่ห้องติดกันเพียงผนังบาง ๆ แต่ความร้อนแรงที่เริ่มต้นจากเสียงครางในคืนหนึ่ง… กลับกลายเป็นไฟปรารถนาที่ลามไปถึงหัวใจ

ลุงดุนะหนูไหวป่ะ
เรไรสะบัดใบหน้าทรทาน ร้องครางตามจังหวะนิ้วสไลด์เข้าออกกระแทกรูจนกลีบสาวตื่นตัวเบ่งบวมขึ้นมาเป็นร่อง เมฆนึกในใจว่าแค่นิ้วยังแน่นยังเสียวขนาดนี้ แล้วถ้ามันถูกแทนที่ด้วยดุ้นเอ็นยาวใหญ่ หล่อนจะต้องร้องครางลั่นห้อง “ลุงเมฆ… หนูไม่ไหวแล้วจะใส่ก็ใส่เถอะ… คนใจร้าย” เรไรเสียงสั่นพร่า บิดตัวไปมา สองมือขยุ้มผ้าปูที่นอนแน่น แอ่นร่องให้เบิร์น

น้องชายข้างบ้านน่ากินจัง
คำโปรย เขา...น้องชายข้างบ้านที่เคยตามหลังฉันมาแต่เด็ก แต่วันนี้...เขาคือผู้ชายที่กล้ากระซิบข้างหูฉัน “พี่นิด...ผมหิว อย่าหนีอีกเลยครับ” จากริมรั้ว...สู่เตียงของเรา เขากลายเป็นผู้ชายที่ฉันไม่อาจหนี และไม่อยากหนีอีกต่อไป…

แผนร้ายแฝงรัก
จากแผนร้ายที่เห็นเธอเป็นแค่หมาก เขาต้องการแยกเธอออกห่างจากว่าที่สามีของน้องสาวตน แต่ดันตกหลุมรักหมากตัวนี้จนโงหัวไม่ขึ้น

รักเอย
สุบินสนั่นทั่วทั้งเมฆา ว่าได้ลูบจูบองค์อรอัปสร กอดกายอ้อนแอ้นอนงค์นวลกร อรชรแนบเนื้อนวลเย้ายวนชื่น หอมดูดดื่มรื่นชิดสนิทใกล้ จรใจลืมหลงระเริงระรื่น ร่วมเรียงเคียงเขนยอยู่ค่อนคืน รนใจตื่นหวิวไหวจำจากพราก

หลังน้องสาวแย่งคู่ครอง ข้าได้ครองบัลลังก์จักรพรรดินีสรวงสวรรค์
ข้ากับน้องสาวถูกเลือกไปเชื่อมสัมพันธ์สมรส ณสวรรค์เก้าชั้นฟ้า จักรพรรดิสรวงสวรรค์มีบัญชา ข้ากับน้องสาวใครให้กำเนิดบุตรมังกรสวรรค์ได้ เขาก็จะพระราชทานบัลลังก์จักรพรรดินีสรวงสวรรค์ให้ ในอดีตชาติเสด็จพ่อลำเอียง ให้ตำแหน่งกับน้องสาวโดยเป็นพระชายาเอกของไท่จื่อแห่งสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ข้าได้เพียงเป็นสนมของชนชั้นต่ำอย่างจิ้งจอกเทา ใครจะไปรู้ว่าสามีของน้องสาวป่วยเป็นโรคร้ายแรง น้องสาวตั้งครรภ์หลายครา แต่ก็คลอดหนูน้อยที่สกปรกมอมแมม กลายเป็นคนที่ถูกเย้ยหยันในสามโลก และข้าที่ไม่เคยเป็นยอมรับ คลอดไข่มังกร10ใบออกมาในสองปี ทุกใบต่างมีสายเลือดที่บริสุทธิ์ ในนั้นยังมีมังกรสวรรค์ที่เกิดมาอีกด้วย สืบทอดบัลลังก์จักรพรรดิสรวงสวรรค์ น้องสาวริษยาข้าจนคลั่ง หนึ่งดาบแทงข้าสิ้นลมหายใจไป พอเบิกตาขึ้น ข้ากับน้องสาวกลับไปยังสถานที่เชื่อมสัมพันธ์สมรสอีกครั้ง น้องสาวรีบเลือกจิ้งจอกเทาก่อนใคร นางคิดว่าตนนั้นจะให้กำเนิดมังกรสวรรค์ออกมาในชาตินี้ แต่นางไม่รู้เลยว่า ข้าให้กำเนิดมังกรสวรรค์ ไม่เกี่ยวอะไรกับจิ้งจอกเทาเลยแม้แต่นิดเดียว ครั้งนี้ แม้แต่หนูน้อยก็ยังมีไม่ได้เลย

ยามเมื่อใจเพรียกหาเพียงเจ้า
นางคือคู่หมายที่เขาปฏิเสธการมีตัวตนมาโดยตลอด แต่เมื่อได้สบกับดวงตาสีดำขลับนั่น ราวกลับมีผีเสื้อนับพันบินอยู่ในอก ตั้งแต่พริบตานั้นใจเขาก็เพ้อหาแต่เพียงนาง

วิศวะอาคม NC25+
จะไสยหรือจะเสว... เดี๋ยวได้รู้กัน!

รักเธอเข้าแล้วยัยตัวร้าย
"เธอทำให้ฉันเจ็บก่อนนะ" เขากดดวงตาคมจ้องฉันพลางต้อนให้ฉันเดินถอยหลังไปอย่างช่วยไม่ได้ "เธอร้ายกับฉันก่อนเอง" เขาพูดเมื่อขาของฉันชนกับเตียงที่อยู่ด้านหลังแล้วเกือบจะหงายหลังแต่เขารั้งแขนฉันไว้ "เหนือ...อื้อ" พูดแต่แค่คำเดียวเขาก็ฉกริมฝีปากลงมาปิดปากฉันพลางใช้ฟันขบผิวปากของฉันจนรู้สึกถึงคาวเลือดด้วย ฉันเจ็บและตกใจเลยดันอกเขาไว้แต่เขากลับยื้อฉันด้วยการทิ้งน้ำหนักลงมาที่ตัวฉันพร้อมกับสอดเรียวลิ้นเข้ามาในปากและช่วงชิงลมหายใจของฉันผ่านรสจูบที่ร้อนแรงนั่น "จะ เจ็บ" ฉันร้องออกมาเพราะพอเขาถอนจูบกระชากวิญญานออกไปเขาก็ก้มลงไปขบเม้มบริเวณต้นคอฉันจนเจ็บแปล่บ จากนั้นก็รวบข้อมือฉันด้วยมือข้างเดียวแล้วดันขึ้นไปกดไว้กับฟูกเตียงเหนือหัวของฉัน "ฉันก็เจ็บ เจ็บกว่านี้เยอะ" เขากัดฟันพูด แววตาเขาแสดงออกว่าเจ็บปวดจริงๆ…

แผนร้ายรัก
"จะพูดว่าคบกับฉันน่ะ...ผู้ชายในสต็อกโละหมดหรือยังล่ะ" "แล้วไง? ก็ถ้าฉันอยากจะโยนนายเข้าไปไว้ในสต็อกอีกคนมันจะมีปัญหาอะไรหรือไงล่ะ?" ฉันผลักอกเขาออกไปจ้องหน้าเขาแล้วพูดขึ้น ตะวันเซถอยหลังไปก้าวเดียวเท่านั้นก่อนจะเดินเข้าหาฉันอีกครั้ง "ชอบฉัน?" เขาเลิ่กคิ้วถามพลางผลักไหล่ฉันจนฉันเซถอยหลังไปชนกับกำแพงของตึกไหนสักตึกในคณะเนี่ยแหละก่อนจะยกแขนขึ้นมาเท้ากับกำแพงเพื่อกักฉันไว้ ฉันเชิดหน้ามองเขาอย่างท้าทาย "ที่อยากจะได้ฉันไว้ในสต็อกเนี่ย เกิดชอบฉันขึ้นมาแล้วหรือไง?" เขาก้มหน้าลงมาถามฉันดวงตาของเราจ้องประสานกันฉันใช้ดวงตากลมโตมองเขาอย่างหว่านเสน่ห์พลางกระตุกยิ้มมุมปาก "แล้วถ้าฉันบอกว่าใช่ล่ะ?" ฉันถามเขาออกไปนายนั่นก็ได้แต่มองฉันนิ่งไม่ได้แสดงท่าทีตกใจหรือแปลกใจอะไรออกมาเลย บางทีฉันก็ไม่ชอบผู้ชายโหมดนี้น่ะเพราะมันดูยากไม่รู้ว่าเขาคิดหรือรู้สึกอะไรบ้างมั้ยไง ตะวันกระตุกยิ้มมุมปากเหมือนที่ฉันทำก่อนจะก้มหน้าลงมาจนปลายจมูกของเราชนกัน "ชอบฉันจริงเหรอ?" เขาถามขึ้นอีกครั้ง ฉันมองตาเขาก่อนจะกลั้นใจตอบออกไป "อืม...ชอบ" สิ้นสุดประโยคจากปากฉันเขาก็ตามมาทาบทับริมฝีปากลงบนปากฉันและถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้ขัดขืนหรือผลักเขาออกเหมือนทุกทีแต่ฉันก็แอบตกใจอยู่ลึกๆน่ะ ตะวันแค่สัมผัสริมฝีปากลงบนปากฉันกดมันลงมาเน้นๆแค่นั้นก่อนจะผละออกไปเขาก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวแล้วพูดขึ้น "แต่ฉันไม่ชอบ...ง่ายไป" พูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปทันที ฉันได้แต่จ้องแผ่นหลังของเขาแล้วกำมือแน่นอย่างโกรธเคือง เขาด่าฉันแบบนี้อีกแล้วน่ะ คอยดูเถอะ!ไม่ชอบเหรอ...คอยดูต่อไปแล้วกันไอ้บ้าตะวัน!

เล่ห์รักผู้กองเพลิง
ซีรีส์เล่ห์รักผู้กอง ประกอบด้วย 1. เล่ห์รักผู้กองเพลิง 2. ผู้กองปราบกำราบรัก ซึ่งหลังจากลงภาคแรกจบ นักอ่านสามารถอ่านภาค 2 ต่อได้เลย เพราะไรต์ลงเนื้อเรื่องต่อกันค่ะ ฝากผู้กองเพลิงและผู้กองปราบ สองหนุ่มสุดหล่อ พระเอกธงเขียวของไรต์ด้วยนะคะ ***** ตัวอย่าง “ผู้กองเพลิง” นายตำรวจหนุ่มแห่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษได้เข้าจับกุมทลายแก๊งค้ามนุษย์ข้ามชาติ จนได้พบกับ “ณิชญารีย์” หรือ หนูนิด ที่กระโดดเอาตัวขวางหน้ารถระหว่างที่เขากำลังขับรถกลับบ้าน หญิงสาวอ้างตัวว่าไม่มีที่ไป ออกจากบ้านมาหางานทำแต่กลับไม่มีใครรับ ทั้งที่บ้านก็ยากจนข้นแค้น เมื่อได้ฟังเรื่องราวที่ถูกเธอปั้นแต่งผู้กองหนุ่มจึงรับเธอมาเลี้ยงต้อย เอ๊ย! เลี้ยงดูด้วยความจำใจ ทว่าความจริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะเธอคือลูกสาวของผู้บังคับบัญชาผู้เป็นนายของเขา เขาจะทำอย่างไรเมื่อหนูนิดคนนี้ทั้งเอาแต่ใจและดื้อรั้น แต่ก็มากไปด้วยความอ่อนหวานไร้เดียงสาที่พร้อมจะเขย่าหัวใจเขาตลอดเวลา ผู้กองหนุ่มจะตัดสินใจแบบไหน ระหว่างส่งคืนเธอให้ผู้เป็นพ่อ หรือ! เก็บเธอไว้ข้างกาย ***** ตัวอย่าง 2 ‘ผู้กองปราบ’ นายทหารหนุ่มแห่งหน่วยปราบปรามพิเศษได้ปฏิบัติภารกิจสืบหาตัวคนร้ายเกี่ยวกับคดีค้าไม้เถื่อนอย่างลับ ๆ จึงได้พบกับ ‘สามินี’ ครูสาวที่หวังมาใช้ชีวิตเรียบง่ายในชนบท แล้วก็มีเหตุให้เขาและเธอได้อยู่ด้วยกันระหว่างที่เขาสืบคดี ทุกอย่างเหมือนจะไปได้ดีหากไม่ติดว่านิสัยของครูสาวที่ใครหลายคนบอกว่าดีน่ารักนักน่ารักหนาแล้วล่ะก็เขาคงไม่ต้องปวดหัวแบบนี้ กับคนอื่นเธอดีแสนดีแต่กับเขาเธอกลับมีท่าทางพยศยิ่งกว่าม้าศึก ภายใต้ท่าทางเชื่อฟังแต่ความจริงกลับดื้อรั้น ดื้อเงียบ และชอบต่อต้านเขาของเธอนั้น ทำให้ผู้กองอย่างเขาต้องปาดเหงื่อไม้เว้นแต่ละวัน นั่นจึงเป็นเหตุให้ผู้กองหนุ่มต้องงัดทุกกลเม็ดเพื่อมาปราบและกำราบเธอโดยเฉพาะ ทว่าเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยเขาสามารถจับคนร้ายและปิดคดีได้ เรื่องก็สมควรจะจบ ทว่าความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะคดีความจบแต่คดีหัวใจกลับไม่จบ เขาจึงต้องทำทุกอย่างเพื่อกักขังเธอให้อยู่กับเขาตลอดไป
