

นิยาย


ทะลุมิติไปเป็นพ่อเลี้ยงของเจ้าก้อนแป้งทั้งสาม
โปรย : เป็นหนุ่มโสดจนอายุสามสิบปี อยู่ดี ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นพ่อเลี้ยงเด็กตั้งสามคน มิหนำซ้ำยังต้องดูแลภรรยาในนามที่ป่วยปางตายอีกหนึ่ง ไม่เป็นไรข้าจะเลี้ยงดูพวกเจ้าเอง ว่าแต่แค่รับจ้างรายวันอย่างเดียวจะพอหรือ เป็นเรื่องราวของชาญชัยหนุ่มจากยุคปัจจุบันที่ทะลุมิติย้อนเวลาไปสวมร่างคนที่มีชื่อเดียวกัน และผู้ชายคนนั้นก็ได้แต่งงานกับแม่ม่ายมีลูกติดสามคนที่ชื่ออัจฉรา ซึ่งเธอเป็นคนจ่ายค่าสินสอดทั้งหมดเพื่อให้เขามาเป็นพ่อเลี้ยงเด็ก เนื่องจากตัวเธอเองป่วยหนักและคิดว่าตนเองคงอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ชาญชัยจะทำทุกวิถีทางเพื่อยื้อชีวิตของเธอไว้ แต่เขาจะมีเงินมารักษาเธอหรือไม่นั้นโปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ ……………………………………………… ภายในห้องนอนลูกทั้งสามนอนหลับไปแล้ว ส่วนภรรยาลืมตาขึ้นมาตอนที่เขาเดินเข้ามาในมุ้งพอดี “ยังไม่หลับอีกเหรอ” เขาถามภรรยา พร้อมกับนั่งลงตรงปลายเท้าของเธอ “กำลังจะหลับแล้ว” อัจฉราตอบเสียงเบา ความจริงเธอนอนไม่หลับเพราะกังวลเรื่องลูก หลังจากที่เธอไม่อยู่บนโลกนี้แล้วลูกของเธอจะอยู่อย่างไร สมองเธอคิดไปสารพัดจนทำให้นอนไม่ค่อยหลับ ทุกคืนก็เป็นเช่นนี้ เพียงแต่สามีไม่เคยใส่ใจก็เท่านั้น ต่างจากวันนี้ที่เขาเดินเข้ามาถาม “พี่ขอคุยด้วยแป๊บนึงได้ไหม” “ว่ามาสิคะ” ร่างผอมบางค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้น เอนกายพิงผนังห้องเบา ๆ แววตาดูอ่อนล้าเต็มที “พี่อยากพาเธอไปหาหมอ” หลายอึดใจกว่าอัจฉราจะเอ่ยออกมา “พี่มีเงินเหรอคะ” “เราเอาที่ห้าไร่ตรงนั้นไปจำนองกับธนาคารดีไหม” หลังจากนั้นเขาจะทยอยขายข้าวในมิติแล้วนำเงินไปใช้หนี้ ถึงจะเสียดอกเบี้ยแต่วิธีนี้ก็ปลอดภัยที่สุดแล้ว เธอส่ายหน้าน้อย ๆ “อย่าเสียเวลาเลยค่ะ เอาที่ไปจำนองก็เป็นหนี้ อีกอย่างพี่ทำงานคนเดียว ต้องหาเงินเลี้ยงฉันกับลูก ทั้งยังต้องหาเงินใช้หนี้แล้วพี่จะทำไหวได้ยังไง” คนตัวใหญ่ลอบถอนหายใจ คิดไว้ไม่ผิดจริง ๆ ว่าเธอต้องไม่ยอมแน่ อัจฉราพูดขึ้นอีกครั้ง “พี่ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก ขอแค่พี่ทำตามในสัญญาก็พอ” สัญญาฉบับนั้นก็คล้ายกับพินัยกรรม ข้อตกลงมีอยู่ว่า ชาญชัยต้องเลี้ยงดูลูกของเธอทั้งสามให้เติบใหญ่ จวบจนสตางค์ลูกสาวคนเล็กอายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์เขาถึงจะมีสิทธิ์ในที่ดินสองไร่นั้น ส่วนลูกของเธอก็ได้คนละหนึ่งไร่ รวมเป็นห้าไร่ ส่วนที่ดินแปลงที่ปลูกบ้านมีพื้นที่อยู่หนึ่งไร่สองงาน เธอแบ่งให้เขากับลูกคนละหนึ่งงานเศษเท่า ๆ กัน และเมื่อเขาอยู่ครบตามสัญญาแล้ว ถึงเวลานั้นเขาจะอยู่หรือไม่อยู่กับลูกของเธอก็แล้วแต่ตามที่เขาต้องการ ที่ดินใน


สามี... ลืมไปแล้วหรือว่าเราหย่ากันแล้ว
ทะลุมิติมาเป็นภรรยาได้วันเดียวก็โดนสามีขอหย่า เพราะความจำเป็นหย่าแล้วจำต้องอาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกัน ทว่าเขายังทำท่าคล้ายหึงหวงเธออีก สามี… นี่เราหย่ากันแล้วนะ


ทะลุมิติไปเป็นภรรยาที่สามีไม่รัก แล้วอย่างไรใครสนนางแค่อยากจะปลูกผัก
มีมี่ได้ทะลุมิติเข้าไปอยู่ในร่างที่มีชื่อเดียวกันกับนาง ผู้หญิงคนนั้นมีสามีอัปลักษณ์และลูกแฝดอีกสองคน นางจะทำอย่างไรในเมื่อคนรอบข้างไม่มีใครรักนางเลยแม้แต่สามีของนางที่ป่วยหนักจนเดินไม่ได้


เขยบ้านนากับภรรยาขาพิการของเขา
จะเลวร้ายเพียงใดเมื่อต้องย้อนเวลาไปเป็นเขยบ้านนาที่มีพ่อตาสุดโหด ซ้ำภรรยายังขาพิการ


สาวใช้อุ่นเตียงผู้ร่ำรวยของท่านโหวเย็นชา
เมื่อเจ้าของธุรกิจสปาและนวดแผนไทยต้องทะลุมิติไปเป็นสาวใช้อุ่นเตียงของท่านโหว หากอยากเป็นอิสระนางต้องหาเงินสองร้อยตำลึงเงินมาไถ่ตัว เช่นนั้นนางจะหาเงินด้วยวิธีใดได้เล่า


สามีชั่วช้าหวนคืน
เมื่อร่างกายเจ็บป่วยเพราะความอ้วน เขาจึงตัดสินใจไปพึ่งหมอ(ดู) นั่นจึงเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต ที่ทำให้เขาได้ทะลุมิติไปอยู่ในร่างชายชั่วคนหนึ่งที่ทำร้ายแม้กระทั่งภรรยาและลูกของตน


ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายท้ายหมู่บ้านผู้มั่งคั่ง
โปรย: กมลาภาทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายลูกสอง สามีหนีไปมีหญิงอื่น ลูกชายคนโตหูหนวก อาชีพเดิมคือขอทาน แล้วอย่างนี้นางเอาอะไรเลี้ยงลูก .................... ดลธีกับบ่าวรับใช้มาที่ร้านเถ้าแก่เส็งอีกครั้ง คราวนี้มีสินค้าที่ดูแปลกตากว่าครั้งที่แล้ว เขามองอยู่นานก่อนจะเอ่ยถามเถ้าแก่ “เป็นฝีมือนางอีกแล้วรึ” “ขอรับ วันนี้มีพนักงานในอำเภอมาซื้อไปหนึ่งใบด้วยนะขอรับ” “อืม… สำหรับสตรีก็เหมาะสมอยู่เหมือนกัน” “นายท่านไม่ลองซื้อไปให้คนสนิทสักใบหรือขอรับ” เถ้าแก่ไม่กล้าพูดออกไปตรง ๆ ว่าคนสนิทที่เขากล่าวถึงหมายถึงคนรัก ดลธีทำเหมือนไม่เข้าใจกับสิ่งที่เถ้าแก่กำลังจะสื่อหันหน้าไปทางบ่าวรับใช้แล้วเอ่ยขึ้น “เอาไหมหม่ำข้าจะซื้อให้เจ้า” หม่ำหัวเราะแห้ง ๆ “นายท่านล้อข้าเล่นแล้ว” ทั้งเถ้าแก่เส็งและดลธีต่างหัวเราะเสียงดัง “นายท่านมาวันนี้มีอะไรให้ข้ารับใช้หรือขอรับ” เถ้าแก่เส็งรู้ดีว่าถ้าเขาไม่มีธุระจะไม่แวะมาที่ร้านบ่อยขนาดนี้ “ข้าอยากเจอนาง” “แม่นางที่ถักกระเป๋านี้หรือขอรับ” “ใช่ เป็นนาง” “เอ่อ…แต่นาง…” ปรารถนาขอร้องกับเถ้าแก่เส็งไว้ว่าไม่อยากให้ใครรู้จักตัวตนของนาง ขอให้พวกเขารู้จักแค่สินค้าของนางก็พอแล้ว เขาไม่เปิดโอกาสให้เถ้าแก่ปฏิเสธ “บอกนางว่าข้ามีงานให้นางทำรายได้ไม่ต่ำกว่าสี่สิบเหรียญทอง นางจะสนใจทำหรือไม่ก็แล้วแต่นาง” เขากล่าวต่อพร้อมยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ “ถ้านางพร้อมเมื่อไรก็เข้าไปแจ้งคนของข้าตามที่อยู่นี้” “ขอรับ” “กระเป๋าสามใบนี้ข้าจะรับซื้อทั้งหมดเอง จัดการให้ข้าด้วย” “ขอรับนายท่าน” เถ้าแก่กุลีกุจอจัดการให้เขาทันที


วาสนากาฝาก
โปรย :ชาติก่อนเธอเป็นขอทานที่ต่อสู้ชีวิตมาเพียงลำพังและจากไปอย่างสงบ เกิดชาติหน้าขอให้มีสักคนที่อยู่เคียงข้างเธอบ้าง ไม่อดอยากเท่าชาตินี้ ที่สำคัญขอให้เธอได้ตอบแทนบุญคุณผู้ชายคนนั้นบ้างก็พอแล้ว ตัวอย่าง “อุแว้! อุแว้! อุแว้!” ดอมชะงักเท้าเมื่อได้ยินเสียงเด็กดังแว่วมาแต่ไกล เขาเงยหน้าขึ้นแล้วตั้งใจฟังอีกครั้ง เสียงเด็กก็ร้องไม่ยอมหยุด คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อย เพื่อไขข้อข้องใจเขาเดินไปตามเสียงที่ได้ยิน เขาคิดว่าตัวเองคงหูฝาด เด็กเล็กที่ไหนจะมาร้องอยู่กลางทุ่งนาเช่นนี้ ฝนก็ยังโปรยปรายลงมาบาง ๆ ตลอดเวลาทำให้บรรยากาศโดยรอบเย็นจัดจนถึงขั้นหนาว ถ้ามีเด็กจริงก็คงหนาวไม่น้อย เขาได้ยินเสียงเด็กร้องดังขึ้นเรื่อย ๆ และมองไปยังต้นตะโก ตรงนั้นมีจอมปลวกขนาดใหญ่ขึ้นอยู่รอบโคนต้นและจอมปลวกนั้นยังใกล้กับถนนที่มุ่งสู่หมู่บ้านออกไปยังถนนใหญ่ที่เชื่อมระหว่างอำเภอ ดอมสาวเท้าให้เดินเร็วขึ้นอีก ยิ่งเดินเข้ามาใกล้เสียงเด็กร้องก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น พอเดินมาถึงใต้ต้นตะโกต้นใหญ่ร่างของเขาถึงกับผงะ เด็กทารกตัวสีแดงที่ห่อหุ้มด้วยผ้าซิ่นไหมลายสวยกำลังดิ้นกระแด่ว ๆ อยู่บนลานจอมปลวกพร้อมส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ตัวของเด็กเริ่มมีริ้วสีเขียวคล้ำ มดคันไฟที่หนีน้ำขึ้นมาบนจอมปลวกกำลังรุมกัดทารกตัวน้อยคนนั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย ดอมทิ้งจอบไปอย่างไร้ทิศทาง ปรี่เข้าหาร่างเด็กทารกที่นอนอยู่บนจอมปลวกนั้นโดยเร็ว ใครนะช่างกล้านำเด็กมาทิ้งในวันที่ฝนตกเช่นนี้ได้ ใจคอช่างโหดร้ายนัก นิ้วหยาบกร้านทั้งปัดทั้งหยิบตัวมดออกจากผิวบอบบางของเด็กราวยี่สิบตัวอย่างรวดเร็ว เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะหยิบแหวนที่ร้อยด้วยด้ายสีขาวที่ห้อยอยู่ที่คอเด็กขึ้นมาดู ตอนนี้ชีวิตเด็กสำคัญยิ่งกว่า ดอมกอดเด็กแนบอกแล้วรีบวิ่งฝ่าฝนกลับไปหาเมียกับลูกที่กระท่อมท้ายหมู่บ้าน ดีที่นาของเขาติดกับถนนแต่กระนั้นก็ยังเป็นถนนลูกรังตลอดทั้งสาย


สตรีผู้อาภัพกับชายเร่ร่อน
หญิงวัยสี่สิบทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างหญิงอายุสิบเก้ากับย่าที่นอนป่วยติดเตียง ชีวิตยากจนไร้ญาติขาดมิตร เธอต้องเก็บผักบุ้งขายเพื่อประทังชีวิต ซ้ำยังต้องคอยสู้รบปรบมือกับแก๊งเลี้ยงควายและชายเร่ร่อนอีก


แม่ม่ายจำยอมพร้อมกับกระพรวนสมบัติ
โปรย: ทะลุมิติมาอยู่ในร่างที่ชื่อคล้ายตน มีลูกสองคนแต่ไม่รู้ว่าสามีเป็นใคร เป็นม่ายโดยไม่ได้ตั้งใจ ซ้ำร้ายยังโดนไล่ออกจากบ้าน แล้วเธอจะพาลูกหนีไปอยู่ที่ไหน ....................... หลายอึดใจกว่าจันดีจะหาเสียงตัวเองเจอแล้วถามเขาว่า “คุณมาทำอะไรที่นี่แต่เช้าคะ” พร้อมทั้งก้าวเท้าเดินช้า ๆ เข้ามาหาคนที่บุกรุกบ้านของเธอตั้งแต่เมื่อไรก็สุดรู้ “เอ่อ… คือฉัน ฉันมานอน” “มานอนในบ้านหลังนี้?” “ครับ” สุริยายอมรับไปตามตรงว่ามานอนที่นี่นานแล้ว เพราะบ้านหลังนี้ทำให้เขานอนหลับได้อย่างสนิท “นอนที่ไหนคะ” “โน่นไง กระท่อม” เขาชี้นิ้วบอก จันดีเขย่งเท้าชะเง้อคอมองผ่านกอหญ้าไป เห็นกระท่อมเพียงราง ๆ “ฉันขอเช่าเธอก็ได้” สุริยายังอยากมานอนที่นี่ต่อ “ฉัน…” จันดียังสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอมาทำความสะอาดบ้านหลังนี้หลายวันแล้ว แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีคนมาอาศัยอยู่บ้านเดียวกันกับเธอด้วย “หรือว่าเธอกลัวผัวจะว่าเอา ถ้างั้นฉันไม่…” “ฉันไม่มีผัว” จันดีรีบแย้งขึ้นทันควัน อย่ามาหาว่าฉันมีสามี ฉันไม่มีวันยอมเด็ดขาด “อ้อ” งั้นดีเลย “แล้วเธอจะคิดค่าเช่าเดือนละเท่าไร ฉันรับรองว่าเธอกับลูกจะปลอดภัย และฉันจะมาเฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้น” สุริยายังยืนยันที่จะมานอนที่กระท่อมแห่งนี้ เพราะถ้าให้นอนบ้านพ่อซึ่งโอนให้แม่เลี้ยงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาคงนอนไม่เป็นสุขสักวัน


ม่านหมอกพรางใจ
โปรย: เพราะคำว่าพ่อเลี้ยง จึงทำให้ยากที่จะยอมรับความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายในใจ เรืื่องนี้ยังอยู่ในจักรวาลของประกายฤกษ์ เป็นภาคต่อของ ‘เล่ห์รักน่านฟ้า’ นะคะ เป็นเรื่องราวของม่านหมอกพี่ชายคนโตและกัลยา ลูกสาวของหรรษธรเพื่อนรักของม่านหมอกค่ะพล็อตไม่ซับซ้อนค่ะ อ่านสบายๆค่ะ ฝากทุกคนกดถูกใจกดติดตามด้วยน้า ………………………………………………….. “ฉันอยากฟังจากปากเธอชัด ๆ อีกครั้งว่าเธอไม่ต้องการเห็นหน้าฉันตามที่เธอพูดจริง ๆ” ทั้งสองจ้องตากัน “ค่ะ ขิมไม่อยากเห็นหน้าพ่อเลี้ยง ขิมกำลังจะแต่งงาน ขิมไม่อยากให้มีเรื่องอื่นมาทำให้ขิมไม่สบายใจ” “ขิมยังโกรธฉันอยู่ใช่ไหม” “ไม่ได้โกรธค่ะ พ่อเลี้ยงก็แค่ทำไปเพราะความเมา ขิมจะถือว่าระหว่างเรามันไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ต่อไปนี้ถ้าไม่จำเป็นขิมไม่อยากให้พ่อเลี้ยงมาที่บ้านนี้อีก” น้ำตาของคนตัวเล็กเริ่มเอ่อคลอเบ้าตา ว่าจบร่างเล็กกำลังจะเดินผละไป แต่มือหนากลับคว้าแขนเธอไว้แล้วหมุนร่างเธอเข้ามากอด “อ๊ะ!” มือเล็กทั้งสองยันอกแกร่งของชายร่างโตไว้ สายตาทั้งสองประสานกันชั่วขณะ เขากำลังรู้สึกสับสนกับสาวรุ่นลูกตรงหน้า ทั้งสงสารระคนเจ็บปวดในใจลึก ๆ ที่ได้ยินคำพูดเหมือนโดนผลักไสไล่ส่งจากปากเธอ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าความสัมพันธ์ที่รักกันแน่นแฟ้นเหมือนพ่อกับลูกระหว่างเขากับเธอจะจบลงแบบไม่เหลือเยื่อใยต่อกัน และทุกอย่างมันก็เกิดจากการกระทำที่ผิดพลาดของเขาทั้งนั้น แล้วเขาจะโทษใครได้


ทะลุมิติไปเป็นฮูหยินแม่ทัพอัปลักษณ์
คำโปรย :นลินธาราสาวอีสานครึ่งคนครึ่งนาคทะลุมิติไปอยู่ในยุคจีนโบราณ ซ้ำยังได้รับสมรสพระราชทานจากฮ่องเต้ให้แต่งงานกับแม่ทัพอัปลักษณ์แดนบูรพา เช่นนั้นแล้วเธอจะทำอย่างไรกับชีวิตต่อจากนี้ดี ........................ เนื้อเรื่องอ่านสบาย ๆ ค่ะ มีภาษาอีสานบ้างประปรายแต่ไรต์มีคำแปลให้นะคะ ใครชอบของแปลกนิด ๆ เชิญทางนี้เลยค่ะ เรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของไรต์ทั้งสิ้นไม่ได้อิงประวัติศาสตร์ใด ๆ หากผิดพลาดประการใด ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ


เล่ห์รักน่านฟ้า
จำไว้! ต่อไปอย่ามาอวดเก่งกับฉันอีกฉันยังไม่อยากใช้ของร่วมกับผู้ชายคนอื่น


สามีข้าเป็นมากกว่าชายพิการ
เธอไปเก็บเห็ดแต่ดันได้สามี ซ้ำเธอยังไม่ใช่เจ้าของร่างนี้ สำคัญกว่านั้นเขาพิการ ไม่ใช่พิการธรรมดาแต่พิการแบบตะโกน


นิทราหวามรัก
ความทรงจำที่ขาดหายไป...มีเธอเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยเขารื้อฟื้นกลับคืนมาได้


ไม่รักก็ไม่ว่าอะไร
โอ้ยจะบ้าตาย! หาเมียภายในสองเดือนเนี่ยนะ อายุก็ไม่ใช่น้อยๆใครจะไปหาทันว้า


เกิดใหม่มีสามีตาบอด
ย้อนเวลากลับมาอดีตก็ว่าแย่แล้ว จะมีสามีกับเขาทั้งทีกลับได้สามีตาบอด เฮ้อ! ชีวิตจะเศร้าไปไหน


ภรรยาแสนร้ายกับนายขี้โรค
เธอตื่นขึ้นมาในร่างใหม่ก็โดนสามีบอกเลิกซะแล้ว ได้สิถ้าเขาต้องการอย่างนั้นเธอก็ไม่ขัดข้อง แต่ลูกทั้งสองที่นั่งกอดคอกันร้องไห้นี่สิทำให้เธอตัดสินใจได้ยากยิ่ง


เด็กเลี้ยงของนายหัว
แค่คืนเดียวเขาก็รู้แล้วว่าเธอต้องเป็นของเขาเท่านั้น


ทะลุมิติไปเป็นสามีตัวอ้วนของหญิงอัปลักษณ์
หนุ่มวิศวะผู้หวงความโสดต้องทะลุมิติไปเป็นสามีของหญิงสาวหน้าผีที่มีแต่คนรังเกียจ แต่พ่อกับแม่ของเขาอยากได้หลานแล้วเขาจะทำอย่างไรเมื่อเขาก็ไม่สามารถมีลูกกับคนที่ไม่ได้รักได้เช่นกัน


ทะลุมิติไปเป็นสะใภ้ยุค 80
โปรย: ให้ตายเถอะ! ทะลุมิติมาทั้งทีได้มาเป็นสะใภ้ก็ถือว่ายากแล้ว แต่นี่ต้องมาเป็นสะใภ้อีสาน โอ้ยอยากตายแล้วเกิดใหม่จริงโว้ย กันเป็นลูกชายของพ่อใหญ่ศิลากับแม่ใหญ่ปุ่น ซึ่งเขามีพี่น้องทั้งหมดหกคนเขาเป็นพี่ชายคนโตตอนนี้อายุย่างเข้ายี่สิบสามปี พ่อกับแม่อยากให้ออกเรือน และเห็นว่าเอมอรมีฐานะดีมีไร่นาหลายสิบไร่พ่อกับแม่จึงได้จับจองเป็นลูกสะใภ้ใหญ่ของบ้าน “จั่งได๋ข่อยกะบ่อแต่ง” (ยังไงผมก็ไม่แต่ง) กันยืนกรานกับพ่อแม่ขณะที่แม่ของฝ่ายหญิงกลับไปแล้ว “จั่งได๋มึงกะต้องแต่ง มึงไปอุ้มลูกสาวเพิ่นแล้ว ลูกเพิ่นเสียหาย” (ยังไงมึงก็ต้องแต่ง มึงไปอุ้มลูกสาวเขาแล้ว ลูกเขาเสียหาย) ศิลาดุลูกเสียงแข็ง เขาไม่เคยยอมให้ใครมาต่อว่าถึงเรือนฟรีๆ อีกอย่างพ่อกับแม่ของเขาก็ชอบเอมอรยังไงก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจง่ายๆ กันได้แต่นั่งเงียบไม่กล้าเถียงพ่ออีก เขารู้ว่าพ่อเขาโหดแค่ไหน ถ้าเกิดทะเลาะกันไปมีหวังโดนหวายลงหลังแน่ วันนี้เขาต้องไปเจอหน้าเอมอรด้วยเพราะต้องไปเกี่ยวข้าวช่วยว่าที่เมียในอนาคต บรรดาลูกๆอีกทั้งห้าคนได้แต่นั่งเงียบเมื่อเห็นพ่อกำลังโกรธเพราะไม่อยากโดนหางเลขไปด้วย


หวนกลับมาครานี้ไม่เป็นแล้วภรรยาชั่วร้าย
โปรย: ปางก่อนเธอเคยละเลยเขากับลูก เมื่อได้มีโอกาสย้อนกลับไปแก้ไขชะตาอีกครั้งเธอจำต้องทำทุกอย่างเพื่อให้เขาอภัยให้กับผู้หญิงชั่วร้ายอย่างเธอ .................... นิยายเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่พระเอกพิการนะคะ พื้นที่ยังคงเป็นภาคอีสาน เกี่ยวกับวิถีชาวบ้านและความเป็นอยู่ อ่านได้เรื่อย ๆ ค่ะ เป็นเรื่องสั้น ๆ ไม่น่าจะเกินหกหมื่นคำค่ะ กชกรได้ย้อนกลับไปแก้ไขอดีตที่เธอเคยทำไม่ดีกับลูกกับสามี โดยเธอต้องทำงานหนักทุกอย่าง เพราะเธอกลับไปคราวนี้พบว่าสามีของเธอพิการและต้องเลี้ยงลูกสองคนเพียงลำพัง ไปติดตามกันค่ะ ว่าเธอจะเอาชนะใจสามีได้หรือไม่ ………………………………. เท้าของเธอหยุดเดินและยืนอยู่บนคันนาเมื่อมาถึงนาของสามีที่ส่วนลุ่มอยู่ติดกับลำน้ำปาว ส่วนนาดอนด้านบนติดกับนาเธอ ใบตองพลวงหลุดจากมือตอนไหนเธอไม่ได้รู้ตัวเลย น้ำตารินไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ สามีกับลูกทั้งสองกำลังช่วยพ่อขุดดินและปักดำต้นกล้าลงไป ลูกชายคนโตกำลังใช้จอบเล็กขุดดินส่วนคนเล็กใช้เสียมขุดบางครั้งก็นั่งลงแช่ในน้ำ เดือนลูกสาวคนเล็กก็ทำตามประสาเด็กคงไม่ได้ช่วยพ่อมากนัก ในแปลงนามีน้ำท่วมถึงตาตุ่ม สามีใช้จอบเล่มใหญ่เขานั่งคุกเข่าด้วยขาข้างซ้ายลากขาอีกข้างตามไปอย่างทุลักทุเล เนื้อตัวพ่อลูกทั้งสามคนเต็มไปด้วยโคลนตม ปีที่แล้วเขาไม่ได้ทำนา ถ้าปีนี้ไม่ได้ทำอีกก็คงไม่มีข้าวให้กินแล้ว เพราะในยุคนี้ผู้คนล้วนขาดแคลนข้าวกันทั้งนั้น ครั้นจะจ้างก็คงไม่มีเงิน อีกอย่างเขาคงอยากทำเอง อุดรฯ ก็แห้งแล้งเหลือเกิน แต่พอถึงฤดูน้ำหลากนาของสามีที่อยู่ติดกับลำน้ำปาวน้ำก็ท่วมขังทุกปี หากจะขอพี่น้องหรือพ่อแม่กิน พวกเขาก็คงไม่มีให้เพราะนาพวกเขาก็ท่วมเหมือนกัน ก่อนหน้าที่เขายังเดินได้ก็ยังพออยู่พอกิน ตอนนั้นเขาเลี้ยงดูลูกเมียได้เป็นอย่างดี เกสรยกมือขึ้นปาดน้ำตาซ้ายขวา วางกระเป๋าย่ามไว้บนคันนาถอดรองเท้าวางไว้ข้างย่ามแล้วเดินลงไปในแปลงนามุ่งหน้าไปหาสามีกับลูก เดือนยืนมองเธออยู่พักใหญ่เมื่อมั่นใจจึงตะโกนเรียกเสียงดัง “แม่!” จ๋อม! จ๋อม! จ๋อม! ดำและลูกชายต่างละสายตาจากดินที่ขุดอยู่แล้วมองไปตามเสียงฝีเท้าที่เดินในน้ำเข้ามาใกล้ “แม่!” ลูกทั้งสองวิ่งเข้าไปกอดแม่ซ้ายขวาด้วยความดีใจที่สุดในชีวิตที่เห็นแม่กลับมา น้ำตาของเธอก็ยิ่งไหลพรากออกมา ชาติที่แล้วเธอกล้าทิ้งเด็กน้อยหน้าตาน่ารักอย่างนี้ไปได้อย่างไร ถึงแม้ตอนนี้เนื้อตัวจะมอมแมมมากก็ตาม “แม่เกสรสวยขึ้น ขาวขึ้น” ดินบอกแม่ “จริงด้วยค่ะ พ่อบอกว่าแม่ไปทำงานที่กรุงเทพฯ เพื่อส่งเงินมาให้พวกเรา แม่ไปทำงานอะไรหรือคะ ทำไมสวยจัง” สิ้นคำลูกสาวน้ำตาก็ไหลทะลักออกมาเป็นสายยาว เขาคงไม่เคยบอกลูกในสิ่งที่เธอทำไม่ดีเอาไว้ และคงยังไม่กล้าบอกลูกเรื่องที่เธอเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อวาน “แม่…แม่ขอโทษนะลูก แม่ขอโทษที่ไม่ได้อยู่กับพวกหนู” เธอไม่รู้จะพูดคำไหนกับลูกดี ในใจตอนนี้รู้สึกผิดกับลูกกับสามีจนไม่อยากให้อภัยตัวเอง รู้สึกเกลียดตัวเองที่ทำตัวเหมือนสองปีที่ผ่านมา เป็นใครก็คงยากจะให้อภัย เห็นแม่สะอื้นหนัก ทั้งสองก็ทำได้เพียงใช้มือที่เปื้อนตมเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มให้แม่ จนหน้าขาวนวลของแม่เลอะไปด้วยดินโคลน เกสรเงยหน้าขึ้น ดวงหน้ายังเต็มไปด้วยน้ำตา ดวงตาพร่ามัวมองหน้าสามีนิ่ง ทั้งสองสบตากัน แววตาของเกสรเต็มไปด้วยคำว่าขอโทษเป็นล้านคำ ส่วนเขานั้นมองเธอด้วยสายตาเย็นชา ในดวงตาคมเข้มคู่นั้นไม่มีแม้แต่เงาของเธอหลงเหลืออยู่เลย เขาวางหน้านิ่งมาก มากเสียจนไม่รู้ว่าเขารู้สึกอย่างไรที่เห็นเธอกลับมา ใบหน้าเขายังหล่อเข้มเหมือนที่เธอเคยฝันถึง กรอบหน้าล้อมรอบไปด้วยเคราดกดำ ผมยาวมวยไว้ด้านหลังเหมือนคนป่า ผิวสีเข้มเพราะกรำแดดแต่เธอมองว่านั่นคือเสน่ห์ของเขา กล้ามเนื้อส่วนบนถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อผ้าฝ้ายแขนสั้นสีซีด กล้ามแขนเขายังดูแข็งแรงและบึกบึน ส่วนท่อนล่างมีกางเกงขายาวสีดำปิดบังไว้ เธอจึงมองไม่เห็นว่าขาของเขาเป็นอย่างไรบ้าง ขาข้างขวาของเขาจะลีบหรือไม่ เขาคงเกลียดเธอมาก และเธอคงไม่หวังให้เขาอภัยให้เธอในวันนี้ เกสรนั่งคุกเข่าลงในน้ำจนผ้าถุงเปียกชื้นเพื่อให้กอดลูกได้ถนัดขึ้น หอมแก้มลูกซ้ายขวาทั้งสองคน อยากขอบคุณคุณยายคนนั้นเหลือเกินที่ทำให้เธอได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง ถึงแม้ว่าต่อจากนี้ไปเธอไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไรบ้าง แม่ลูกทั้งสามต่างร้องไห้ไปด้วยกัน ดำละสายตาจากสามแม่ลูก ไม่มีเสียงใดหลุดออกจากปากของเขาแม้แต่คำเดียว มือหนาสับจอบลงบนหน้าดินแล้วค่อย ๆ คลานออกจากตรงนั้น ปีนขึ้นคันนาแล้วใช้แรงจากแขนทั้งสองข้างและขาข้างซ้ายส่งตัวเองเคลื่อนตัวไปตามคันนาที่มีแต่หญ้าขึ้นปกคลุม เขาไม่รู้ว่าเธอต้องการอะไร และไม่รู้ว่าเธอมาที่นี่เพราะเหตุผลอันใดอีก ทั้งที่วันนั้นเขาพูดชัดเจนแล้ว แต่คนอย่างเขาจะไม่มีวันเสียน้ำตาให้ใครเป็นครั้งที่สองอีก


ทะลุมิติไปเป็นสาวใช้ผู้มั่งคั่งในยุค 90
โปรย: เธอทะลุมิติไปเป็นสาวใช้ส่วนตัวที่เขาซื้อมาจากครอบครัวที่เก็บขยะขาย ในยุคปัจจุบันก็ทำงานจนตัวตาย มาอยู่อดีตก็กลายเป็นคนอัตคัดขัดสน ชีวิตจะลำบากซ้ำซ้อนไปถึงไหน ............................. เช็ดท่อนบนเสร็จเนื้อนวลก็เตรียมถอดชิ้นล่างที่เป็นกางเกงผ้านิ่มขายาว มือเล็กกำลังจับขอบกางเกงเตรียมจะถอดออก หมับ! แต่ก็มีมือใหญ่มายึดไว้อีกครั้ง พร้อมเปล่งเสียงแหบพร่าออกมา “อย่า!” เด็กอะไรแก่แดดขนาดนี้ ไม่รู้จักอายผีอายสาง กลางวันแสก ๆ ยังจะแก้ผ้าผู้ชาย ถึงปู่กับย่าจะไม่ค่อยมีเวลาอบรมบ่มนิสัยให้รักนวลสงวนตัวแต่เธอก็น่าจะคิดเองเป็นบ้าง หรือเธอเป็นเด็กใจแตกถึงไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้ เช่นเดิมเนื้อนวลไม่ได้สนใจ เพราะกลิ่นตัวของเขาที่โชยเข้าจมูกเธอคิดว่าน่าจะเกือบเดือนแล้วที่เขาไม่ได้เช็ดตัว เพราะเท่าที่เนื้อนวลเข้ามารับใช้เขาไม่กี่วัน สุรเชษฐ์ก็ไล่เธอท่าเดียว แต่อย่าหวังว่าเนื้อนวลคนนี้จะยอมแพ้ง่าย ๆ “ถ้าอายก็หลับตา” เนื้อนวลพูดเสียงเรียบเรื่อยเหมือนเป็นเรื่องปกติสำหรับเธอ มือข้างหนึ่งจับสะโพกเขายกขึ้นมืออีกข้างดึงกางเกงนอกลงมาจนสุดปลายเท้าตามด้วยกางเกงผ้าอ้อมผู้ใหญ่ เพราะเขาไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายทั้งหนักและเบาของตัวเองได้ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันระวังตัว เมื่อนั้นแหละสุรเชษฐ์จึงนอนแน่นิ่งปิดเปลือกตาแน่น ร่างใหญ่แข็งทื่อไปทั้งตัว จากที่ไม่รู้สึกแค่ฝั่งขวาตอนนี้เหมือนจะชาไปทุกสัดส่วนบนร่างกาย ให้ตายเถอะ! ผู้หญิงคนนี้ช่างไร้ยางอายสิ้นดี เกิดมาเขายังไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนเห็นร่างเขาตอนเปลือยเปล่าแบบนี้มาก่อน เว้นเสียแต่ภรรยาของเขาเพียงคนเดียว เธอช่างเป็นผู้หญิงที่…หน้าด้านเหลือทน มีผู้หญิงคนไหนกันที่อยู่กับชายแปลกหน้าที่นอนเปลือยล่อนจ้อนแบบนี้ในห้องสองต่อสองเหมือนเธอบ้าง ถ้าคนอื่นรู้เข้ามีหวังเธอไม่มีทางหาสามีได้แน่ อย่างว่าล่ะนะก็คนไม่ได้เรียนหนังสือก็คงไม่รู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร พ่อจ๋า! แม่จ๋า! ช่วยลูกด้วย ผมกำลังโดนแทะโลมทางสายตา สุรเชษฐ์พร่ำบ่นในใจเมื่อคิดว่าสาวใช้คงใช้สายตาจ้องมองเขาไปทั้งตัว


ก็เด็กมันร้าย
โปรย:สิ่งที่มีค่าที่สุดในตอนนี้ก็คือร่างกายเธอ เมื่อเธอพลาดท่าเสียให้เขาไปแล้วเธอก็ต้องทำให้มันมีค่าขึ้นมาให้ได้ ..................... ค่ำคืนนั้นทุกอย่างบรรเลงไปอย่างนุ่มนวลบ้างเร่าร้อนบ้าง ชานนท์กระแทกกระทั้นไปอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ปารียาร้องครางเสียวจนแทบจะขาดใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า รู้ตัวอีกทีคอนดอมมีอยู่ก็ใช้หมดไปแล้ว คนร่างใหญ่จึงยอมทิ้งตัวลงนอนอย่างอิ่มเอมถึงแม้ใจยังอยากเอาต่ออีกหลายครั้งก็ตาม ปารียาค่อยๆลืมตาขึ้นมาเพราะแสงที่สาดส่องเข้ามาในห้องรำไร บ่งบอกให้รู้ว่าสายมากแล้ว เธอเหลือบมองหน้าใบหน้าชายหนุ่มที่เธอกำลังนอนซบอยู่ที่อกเขาได้กลิ่นแอลกอฮอล์จางๆบวกกับกลิ่นกายมันช่างเป็นกลิ่นที่หอมเย้ายวนแต่สบายจมูกเหลือเกิน ลมหายใจอุ่นๆเป่ารดหน้าผากของเธออย่างสม่ำเสมอ หลังจากปารียาพิจารณาใบหน้าอย่างดีแล้ว “อร้ายยย” เสียงกรีดร้องดังลั่นห้องหลังจากตื่นมาพบว่าตัวเองนอนอยู่ข้างชายหนุ่มรูปงามอย่างท่านรองประธาน แถมซบอกอกแกร่งอย่างหน้าไม่อาย ‘เมื่อคืนทุกอย่างเธอไม่ได้ฝันไปหรือนี่ แล้วฉันมานอนในห้องนี้ได้ยังไง’ ชานนท์ปรือตาขึ้นมาด้วยความตกใจ ปารียากระถดกายหนีจากอ้อมแขนของชายหนุ่ม แล้วมองหาชุดที่ตนใส่มาเมื่อคืน คำถามหลายอย่างถาโถมเข้ามาในหัวของเธอ รู้สึกปวดศีรษะจนหัวแทบระเบิด ร่างกายปวดเมื่อยไปทั้งตัว รับรู้ได้ถึงจุดบอบบางของเธอมันเจ็บแสบระบมไปหมด ร่างเธอสั่นเทาด้วยความกลัวและตกใจทั้งยังประหม่าที่ตอนนี้ร่างเนียนเปลือยเปล่าไปทั้งตัว ‘เมื่อคืนฉันโดนกระทำอะไรไปบ้างเนี่ย สภาพฉันตอนนี้คงดูไม่ได้เลยสินะ’ “ผมจะรับผิดชอบคุณเอง คุณต้องการเท่าไหร่” ชานนท์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังปากที่ไวกว่าความคิดนั้นทั้งที่ความจริงแล้วไม่ได้หมายความอย่างนั้น แต่เพราะไม่รู้จะแสดงความรับผิดชอบออกไปแบบไหนดี ถ้าจะขอเธอแต่งงานปารียาก็คงจะไม่ยอม โดยชานนท์ไม่รู้ว่าคำถามนั้นมันบาดลึกลงไปข้างในหัวใจของหญิงสาวมากเพียงใด ทำไมชีวิตเธอต้องมาเจอเรื่องร้ายซ้ำๆแบบนี้ เรื่องเก่ายังไม่ทันได้เคลียร์ เรื่องใหม่ดันเข้ามาแทรกอีก “ฉันไม่ต้องการ” ปารียาตอบเสียงเรียบ น้ำตาที่กำลังคลออยู่เบ้าตาทั้งสองข้าง เธออดกลั้นและกลืนมันกลับเข้าไปไม่ยอมให้มันไหลออกมา ชานนท์มองร่างเล็กที่กำลังสวมเดรสอย่างเงอะงะด้วยสายตาที่มีแต่คำถามเต็มอยู่ในหัว “ถ้าคุณต้องการให้ผมช่วยอะไรก็บอกผมแล้วกัน” ปารียาไม่รอฟังฝ่ายนั้นพูดอีก ทั้งกระดากอายทั้งโกรธทุกอย่างมันประดังประเดเข้ามาในเวลาเดียวกันจนเธอจับต้นชนปลายไม่ถูก ปารียาหยิบกระเป๋าแล้วรีบวิ่งออกจากห้องนั้นทันที ปลายทางคือคอนโดของเธอ ดีนะที่วันนี้เป็นวันเสาร์ที่ไม่ต้องทำงานเพราะบริษัทหยุดเสาร์เว้นเสาร์


ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวนาผู้ยากจนซ้ำสามียังพิการ
ว่าที่แพทย์หญิงที่ย้อนกลับไปสู่อดีตในร่างหญิงอวบอ้วนที่สามีและลูกชิงชัง และอยากให้เธอตายอยู่ทุกวัน เธอจะไม่ยอมใช้ชีวิตอยู่กับผู้ชายที่ไม่ได้รักเธอเป็นอันขาด


ทะลุมิติมาอยู่ในร่างหญิงปัญญาอ่อนซ้ำยังต้องแต่งงานกับบุรุษใบ้
มาอยู่ในร่างหญิงปัญญาอ่อน ถูกตราหน้าว่าเป็นลูกโจรที่เคยเข่นฆ่าผู้คนไปทั่ว ซ้ำร้ายเขายังต้องการล้างแค้นแทนพ่อโดยใช้หัวใจเป็นเดิมพัน