บทย่อ
โปรย: กมลาภาทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายลูกสอง สามีหนีไปมีหญิงอื่น ลูกชายคนโตหูหนวก อาชีพเดิมคือขอทาน แล้วอย่างนี้นางเอาอะไรเลี้ยงลูก .................... ดลธีกับบ่าวรับใช้มาที่ร้านเถ้าแก่เส็งอีกครั้ง คราวนี้มีสินค้าที่ดูแปลกตากว่าครั้งที่แล้ว เขามองอยู่นานก่อนจะเอ่ยถามเถ้าแก่ “เป็นฝีมือนางอีกแล้วรึ” “ขอรับ วันนี้มีพนักงานในอำเภอมาซื้อไปหนึ่งใบด้วยนะขอรับ” “อืม… สำหรับสตรีก็เหมาะสมอยู่เหมือนกัน” “นายท่านไม่ลองซื้อไปให้คนสนิทสักใบหรือขอรับ” เถ้าแก่ไม่กล้าพูดออกไปตรง ๆ ว่าคนสนิทที่เขากล่าวถึงหมายถึงคนรัก ดลธีทำเหมือนไม่เข้าใจกับสิ่งที่เถ้าแก่กำลังจะสื่อหันหน้าไปทางบ่าวรับใช้แล้วเอ่ยขึ้น “เอาไหมหม่ำข้าจะซื้อให้เจ้า” หม่ำหัวเราะแห้ง ๆ “นายท่านล้อข้าเล่นแล้ว” ทั้งเถ้าแก่เส็งและดลธีต่างหัวเราะเสียงดัง “นายท่านมาวันนี้มีอะไรให้ข้ารับใช้หรือขอรับ” เถ้าแก่เส็งรู้ดีว่าถ้าเขาไม่มีธุระจะไม่แวะมาที่ร้านบ่อยขนาดนี้ “ข้าอยากเจอนาง” “แม่นางที่ถักกระเป๋านี้หรือขอรับ” “ใช่ เป็นนาง” “เอ่อ…แต่นาง…” ปรารถนาขอร้องกับเถ้าแก่เส็งไว้ว่าไม่อยากให้ใครรู้จักตัวตนของนาง ขอให้พวกเขารู้จักแค่สินค้าของนางก็พอแล้ว เขาไม่เปิดโอกาสให้เถ้าแก่ปฏิเสธ “บอกนางว่าข้ามีงานให้นางทำรายได้ไม่ต่ำกว่าสี่สิบเหรียญทอง นางจะสนใจทำหรือไม่ก็แล้วแต่นาง” เขากล่าวต่อพร้อมยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้ “ถ้านางพร้อมเมื่อไรก็เข้าไปแจ้งคนของข้าตามที่อยู่นี้” “ขอรับ” “กระเป๋าสามใบนี้ข้าจะรับซื้อทั้งหมดเอง จัดการให้ข้าด้วย” “ขอรับนายท่าน” เถ้าแก่กุลีกุจอจัดการให้เขาทันที
ตอนที่ 1 ร่างใหม่
มือบอบบางที่กำลังถักกระเป๋าใบเล็กรูปทรงสี่เหลี่ยมฐานสอบเล็กน้อยสีม่วงอ่อนค่อย ๆ เลื่อนตกลงมาบนตักด้วยความเหนื่อยล้า ดวงตากลมแหงนมองรังผึ้งตรงระเบียงบ้านอย่างหมดอาลัยตายอยาก
“ฉันคงอยู่กับพวกแกได้อีกไม่นานแล้วนะ” กมลาภาเอ่ยกับผึ้งน้อยเสียงแผ่วราวกับแรงหายใจก็ยังไม่มี ผึ้งพวกนี้เกิดจากที่เธอช่วยชีวิตผึ้งไว้หนึ่งตัวให้รอดพ้นจากการจมน้ำ จากนั้นมันก็ชวนพวกพ้องมาตั้งหลักปักฐานอยู่ที่บ้านของเธอ และไม่เคยจากไปไหนเป็นเวลากว่าห้าปีแล้ว ซึ่งเธอไม่เคยโดนพวกมันต่อยเลยแม้แต่ครั้งเดียว ตอนนี้เธอป่วยเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย แรงจะเดินจะพูดก็ยังไม่มี แต่ยังฝืนร่างตื่นขึ้นมาถักโครเชต์เป็นครั้งสุดท้าย พ่อกับแม่ของเธอจากไปนานแล้ว ด้วยโรคมะเร็งเช่นเดียวกัน เธอยังมีอาผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง เพียงแต่เธอคนนั้นหลังจากมีครอบครัวแล้วก็ไม่ได้มาสนใจเธออีก อาจจะมาเยี่ยมเยียนเธอปีละครั้งเท่านั้น ตอนนี้อายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอป่วยหนักและกำลังจะจากโลกนี้ไป
กมลาภาตรวจเจอมะเร็งปอดระยะสุดท้ายเมื่อเดือนที่แล้ว หมอบอกให้ทำใจ อยากกินอะไรก็กินอยากทำอะไรก็ทำ เธอจึงขอกลับมาอยู่บ้านเพียงลำพัง หวังเอาธรรมชาติเข้าช่วย และทำงานที่เธอรัก อย่างถักโครเชต์ ยอดสั่งซื้อสินค้ามีเป็นจำนวนมาก แต่เธอทำไม่ไหวแล้ว เพราะตอนนี้เธอรู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัวจนแทบทนไม่ไหว
ร่างซูบผอมที่เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกดิ้นทุรนทุรายจนตกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ ไม่กี่อึดใจต่อมา ร่างนั้นก็สงบแน่นิ่ง เป็นอันว่ากมลาภาได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว
บนถนนในตลาดประจำอำเภอแห่งหนึ่งมีสามแม่ลูกกำลังเดินจูงมือกันกลับบ้าน ทั้งสามแต่งกายด้วยชุดมอซอ เนื้อตัวดำด่าง เสื้อผ้าทั้งเก่าและขาด ผมเผ้ายุ่งเหยิง ผู้เป็นแม่หยุดยืนอยู่ริมถนนก่อนจะพาลูกข้ามถนนไปอีกฝั่งเพื่อหาซื้อของกินก่อนกลับบ้าน สามแม่ลูกนี้คือขอทานประจำตลาดแห่งนี้ ไม่มีใครที่ไม่รู้จัก
กมลาภาแหงนหน้าขึ้นมองบนท้องฟ้า แล้วแค่นยิ้มในใจทั้งรู้สึกสงสารและสมเพชตัวเองเป็นที่สุด เมื่อยี่สิบนาทีที่ผ่านมานางเพิ่งเข้ามาสิงสู่ในร่างนี้ที่นอนเป็นลมหมดสติอยู่ข้างถนน พอตื่นขึ้นมาก็กลายเป็นขอทาน แถมยังเป็นแม่ม่ายที่ถูกสามีทิ้งไปมีภรรยาใหม่ ซ้ำนางยังต้องดูแลลูกตั้งสองคน สำคัญกว่านั้นลูกชายคนโตที่อายุเพียงแปดขวบดันหูหนวก เพราะโดนพ่อแท้ ๆ ตบอัดกกหูทั้งสองข้างพร้อม ๆ กัน เพราะทะเลาะกับนางแล้วพาลลงที่ลูก
การได้เกิดใหม่อีกครั้งมันก็ดีอยู่หรอก แต่มันออกจะโหดร้ายเกินไปสำหรับผู้หญิงที่เคยโสดมานานอย่างนาง และที่นี่ก็ไม่ใช่โลกใบเดิมที่นางเคยอาศัยอยู่ เงินติดตัวตอนนี้มีเพียงยี่สิบเหรียญทองแดงเท่านั้น เทียบกับเงินบาทของไทยแล้วก็คงเท่ากับยี่สิบบาท และตอนนี้นางก็มีชื่อว่า ‘ปรารถนา’
ปรารถนากำลังจะจูงมือลูกข้ามถนน แต่ก็มีชายคนหนึ่งวิ่งมาทางนางกับลูกพอดี พร้อมกับเสียงตะโกนของผู้ชายอีกคนตามหลังมา
“ช่วยด้วย! โจรวิ่งราวกระเป๋า”
ปรารถนาได้ยินดังนั้นไม่รู้จะช่วยอย่างไร จึงยื่นปลายเท้าออกไปขัดขาผู้ชายคนที่ถือกระเป๋าพกผู้ชายวิ่งมา
