บทย่อ
เมื่อร่างกายเจ็บป่วยเพราะความอ้วน เขาจึงตัดสินใจไปพึ่งหมอ(ดู) นั่นจึงเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต ที่ทำให้เขาได้ทะลุมิติไปอยู่ในร่างชายชั่วคนหนึ่งที่ทำร้ายแม้กระทั่งภรรยาและลูกของตน
ตอนที่ 1 พึ่งหมอ
สายลมหนาวพัดผ่านเข้ามาเป็นเวลากว่าสองสัปดาห์ แต่ทว่าชายหนุ่มเจ้าของเขียงเนื้อที่มีน้ำหนักกว่าร้อยห้าสิบกิโลกรัมจะไม่สะทกสะท้านกับลมหนาวเท่าไรนักแม้อุณหภูมิต่ำสุดของวันจะติดลบก็ตาม
หลังจากลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่เขากลับขี้เกียจลุกจากเตียงนอนเอาดื้อ ๆ ดวงตาคมเข้มเลื่อนลอยกวาดมองไปทั่วห้องนอนขนาดใหญ่ บ้านที่เขาอยู่เป็นบ้านปูนสองชั้น หลังจากพ่อกับแม่จากไปโดยไม่มีวันกลับมา เขาอาศัยอยู่ในบ้านนี้เพียงลำพังตั้งแต่อายุสิบแปดปี และสืบทอดอาชีพขายเนื้อวัวจากพ่อกับแม่มาจนถึงทุกวันนี้ เขามีเงินเก็บมากพอที่จะไม่ต้องทำงานอีกหลายสิบปีเพราะพ่อกับแม่ทำประกันชีวิตไว้หลายล้านบาท แต่ทุกวันนี้เขายังทำงานหนัก ชีวิตเขามีทุกอย่างจะขาดก็แต่หญิงข้างกาย บางครั้งรูปร่างที่อ้วนเกินไปของเขาก็อาจจะมีส่วน ความจริงแล้วเขาเป็นคนหน้าตาหล่อ เพียงแต่เมื่อเขาอายุได้สิบห้าปี เขาก็เริ่มอ้วนขึ้นเรื่อย ๆ จนหยุดกินไม่ได้ ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือได้น้ำหนักร้อยกว่าโลมาแทน จากนั้นก็ไม่สามารถลดลงได้อีกเลย
เสกสรรถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แล้วเขาจะทำงานหนักไปเพื่อใคร เวลาร่วมเดือนที่จิตใจเขาค่อนข้างย่ำแย่ มีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ อย่างไร้จุดหมาย เขาไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน อาจจะเพราะอาการปวดเข่าจนขยับกายลำบาก อากาศยิ่งเย็นมันก็ยิ่งปวดจนแทบทนไม่ไหว หรือในร่างกายเขาอาจจะมีโรคอื่นแทรกซ้อนอยู่ด้วยก็ได้ เพราะเขาไม่เคยไปหาหมอสักที
เขาต้องหาที่พึ่งไม่เช่นนั้นเขาอาจจะกลายเป็นโรคความเครียดสะสม นานไปอาจจะป่วยเป็นโรคซึมเศร้าตามมา เพราะตอนนี้ลำพังโรคอ้วนกับโรคปวดเข่าเขาก็จะตายอยู่แล้ว
เสกสรรนอนคิดมาหลายคืนแล้ว เอาล่ะ วันนี้เขาตัดสินใจทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยคิดจะทำมาก่อนนั่นก็คือการไปหาหมอ
ไม่ ไม่ใช่หมอที่โรงพยาบาล แต่เป็นหมอดูต่างหาก เขาได้ยินป้าข้างบ้านพูดถึงพระอาจารย์คนนี้บ่อยครั้ง แต่เขาก็ไม่เคยสนใจเพราะเขาไม่เคยเชื่อเรื่องดวง แต่วันนี้เขาจะลองเสี่ยงดูว่าจะแม่นสมคำล่ำลือหรือไม่
ร่างใหญ่ต้วมเตี้ยมฝืนกายลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวแล้วยกของที่จะนำไปถวายวัดขึ้นไว้บนเบาะหลัง เขาไม่ต้องเตรียมอาหารไปด้วยเพราะพระท่านฉันข้าวแค่มื้อเดียว และนี่ก็เลยเวลาพระฉันอาหารเช้าไปนานแล้ว เขาจึงเตรียมไปแค่น้ำดื่มและอาหารแห้ง
เสรสรรเปิดประตูรั้วบ้านออกมาก็เจอป้าข้างบ้านพอดี “วันนี้ไม่ขายเนื้อเหรอเสก”
“ไม่ครับป้า วันนี้หยุดหนึ่งวันครับ” ป้าข้างบ้านคงลืมว่าวันนี้เป็นวันพระ เขาไม่เชือดสัตว์ใหญ่กัน
เสกสรรขับรถยนต์คันสีขาวออกมาจอดหน้าบ้าน ลงจากรถไปปิดประตูรั้วบ้านแล้วจึงขึ้นรถขับออกไป มุ่งหน้าไปที่วัดป่าพอกเพื่อทำบุญกับพระอาจารย์สิมมา
วันนี้คนที่วัดป่าค่อนข้างแน่นหนาผู้คนนำข้าวสารอาหารแห้งและน้ำดื่มมาถวายวัดเป็นจำนวนมาก จากนั้นพระอาจารย์ก็จะเอาไปบริจาคแก่คนยากไร้ต่ออีกทอดหนึ่ง เพราะวัดป่าแห่งนี้มีพระเพียงสองรูปเท่านั้น
ทุกคนที่มารอคิวเขียนชื่อสกุลและวันเดือนปีเกิดใส่กระดาษแผ่นเล็กพร้อมกับดอกไม้และเทียนอย่างละคู่ใส่ในจานรอไว้ให้ลูกศิษย์อาจารย์เรียกทีละคน เสกสรรอยู่ลำดับที่สามสิบเท่ากับอายุของเขา
เกือบสามชั่วโมงที่เขานั่งรอก็ได้ยินเสียงลูกศิษย์พระอาจารย์เรียกสักที “ต่อไปนายเสกสรร ตั้งจิตภิรมย์” เขาไม่เคยมานั่งทนรอเพื่อดูดวงกับใครนานขนาดนี้มาก่อน จะว่าไปก็ไม่เคยดูดวงเลยด้วยซ้ำ นี่จะเป็นครั้งแรกและคงเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิต
เสกสรรเดินด้วยเข่าเข้าไปหาพระอาจารย์อย่างยากลำบาก เพราะน้ำหนักตัวที่มากกว่าคนอื่นบนศาลาแห่งนี้ทำให้ผู้คนมองมาที่เขาเป็นตาเดียว “นมัสการครับหลวงตา” พูดพร้อมกับพนมมือขึ้นแล้วก้มลงกราบด้วยท่าทางทุลักทุเล พุงก็ติด ขาก็เกะกะไปหมด
“เจริญพร” หลวงตาหยิบจานดอกไม้ของเขาขึ้นมา ไล่สายตาไปตามตัวอักษรเพียงอึดใจเดียว หลับตาแล้วพึมพำภาษาอะไรบางอย่างที่เขาฟังไม่ได้ศัพท์ จากนั้นจึงหยิบกระดาษที่เขียนชื่อสกุลและวันเดือนปีเกิดขึ้นมา
