นิยายประวัติศาสตร์
ใต้เงารักทรราช
"เขา" คือ ทรราชที่โลกจารึก ส่วน "นาง" คือวิญญาณหลงยุคที่ย้อนอดีตกลับมาเกิดในร่างใหม่ ตัวอย่าง บางตอน ในที่สุดชิวเยี่ยก็กระจ่าง ที่แท้ตนอยู่ในยุคจ้านกว๋อ ยุคสงครามแย่งชิงดินแดน ยุคของฉินสื่อหวงตี้ ทรราชที่โลกจารึกนั่นเอง พอคิดไปถึงว่าตนย้อนกลับมาเกิดยุคเดียวกับฉินสื่อหวงตี้ ชิวเยี่ยพลันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที อดคิดไม่ได้ว่า หากมีโอกาสได้เห็นฉินสื่อหวงตี้ตัวเป็นๆ คงจะดีไม่น้อย “แล้วตอนนี้ ผู้ใดคือผู้ครองแคว้นฉินหรือ” ชิวเยี่ยเงยหน้าถามมู่ตงด้วยท่าทางกระตือรือร้น “ฉินจวงเซียงหวาง” มู่ตงตอบ นั่นมิใช่พระบิดาของฉินสื่อหวงตี้หรือ ชิวเยี่ยคิด นางมิได้เรียนประวัติศาสตร์มาเสียด้วย ชิวเยี่ยถามต่อไปอีกว่า “ฉินจวงเซียงหวางผู้นี้ ก่อนหน้านั้น ใช่องค์ประกันของแคว้นเจ้าหรือไม่” “โอ้ เจ้ารู้เรื่องนั้นด้วยหรือ” มู่ตงมีท่าทางแปลกใจเป็นคำรบสอง ทว่ายังคงตอบไปตามจริง “ใช่แล้วฉินจวงเซียงหวางเคยเป็นองค์ประกันแคว้นเจ้า พึ่งจะได้ขึ้นเป็นผู้ครองแคว้นฉินเมื่อเดือนก่อน” ชิวเยี่ยพยักหน้าหลายคราติด ใช่จริงด้วย ถ้าอย่างนั้นฉินสื่อหวงตี้ย่อมต้องถือกำเนิดมาแล้ว แล้วเขาอยู่ที่ใดกัน ไม่รู้ว่านางจะมีโอกาสได้เห็นหน้าค่าตาสักครั้งไหมหนอ
หยาดน้ำตาแห่งฤดูใบไม้ร่วง
เมื่อวันที่ประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี้ แห่งสหรัฐอเมริกา ถูกลอบสังหารในดัลลัสนั้น หยาดน้ำตาแห่งฤดูใบไม้ร่วง หล่นพราวลงทั่วแผ่นดินอเมริกา และนับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ยังไม่มีใครช่วยขับหยาดน้ำตานั้นให้เดือดแห้งลงได้.....และหยดน้ำตาหยาดหนึ่งนั้น ได้จารึกไว้ในหนังสือเล่มนี้ "เธอะ เทียร์ส ออฟ ออตั้ม” “...ท่านครับ มันเป็นฤดูใบไม้ร่วงในอเมริกาจริง ๆ เสียด้วย ในวาระที่ท่านประธานาธิบดีเคนเนดี้ถูกลอบสังหาร...วันที่ 22 พฤศจิกายน...คําว่า “เธอะ เทียร์ส ออฟ ออตั้ม” นั้น ทําให้ประชาชนชาวอเมริกันต้องเสียน้ำตาไปมากมายสักเพียงไหนสําหรับฤดูใบไม้ร่วงปีนั้น ท่านก็คงทราบแล้ว..... “...คุณจะเห็นได้ว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในดัลลัสครั้งนั้น เราได้มองเห็นน้ำใจของคนอเมริกันครั้งใหญ่หลวง คือความร่วมอยู่ในความทุกข์อันเดียวกันนั่นแสดงว่าประชาชาติอเมริกันนั้นมิได้แตกแยก...ซึ่งผมขอย้ำอย่างภาคภูมิใจ...” -------------------------------
เนื้อคู่
ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ที่ไหนก็ตามถ้าเป็นเนื้อคู่กันแล้วก็ย่อมมาพบกันในสักวัน และสายน้ำก็พาพัดย้อนกาลเวลาให้เธอและเขาได้พบกัน บัวหญิงสาวหัวสมัยใหม่ที่พยายามหาวิธีกลับคืนสู่ยุคปัจจุบันจำต้องมาใช้ชีวิตร่วมกับพิพัฒน์ชายหนุ่มผู้ต้องการหลุดพ้นจากอดีตของเขา วันเวลาจะช่วยสร้างสายใยแห่งความรักให้เขาทั้งคู่จนกลายเป็นเนื้อคู่หรือไม่ ติดตามอ่านได้ใน เนื้อคู่
บุพนิมิตแห่งรัก
ถวิลรักซึ้งถึงอิศเรศ กาลก่อนเหตุเมื่ออยู่คู่ภิรมย์ คืนวันผันผ่านชีวาระทม ตรอมตรมฤทัยไฟรักสุ่มทรวง โหยหวนให้หวนคืนชื่นฤทัย ปรารถนาไปในหล้าโลกละลวง บุพนิมิตแห่งรักทั้งปวง สลายร่วงฤาพรากจากใจนาง
ล็อคดาวน์ล็อกใจ
“กรี๊ด………” หญิงสาวร้องเสียงหลง หลังจากที่เธอเปิดประตูคอนโด ซึ่งเธอแน่ใจว่านี่คือห้องของเธอ แต่ภาพที่เธอเห็นในห้องบัดนี้ กลับมีชายหนุ่ม เปลือยอก สวมกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียว ดูๆ น่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ ชายหนุ่มผิวแทน รูปร่างสูง จมูกโด่งเป็นสัน ยืนนิ่งจ้องมาที่เธอ เขายืนอยู่โซฟาหน้าทีวี บนโต๊ะกลางระหว่างทีวีและโซฟาเต็มไปด้วยกองหนังสือวางระเกะระกะ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ข้าวของวางเกลื่อนกลาดอยู่เต็มพื้นที่ห้องรับแขก สายตาคู่นั้นเบิกกว้างพุ่งมองเธอด้วยความตกใจเช่นกัน อาจจะเพราะเธอเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับเสียงกรี๊ด นับดาวตกใจมากพอๆกับที่สงสัยว่ามีชายหนุ่มหน้าตาดี มายืนเท่ๆอยู่กลางห้อง
ภพเพาะรัก (พีเรียดร่วมสมัย โรแมนติก วรรณกรรมสำหรับผู้ใหญ่)
หนุ่มชาวดูไบย้อนเวลากลับไปตามหารักแท้ในสมัยอยุธยา เขามักจะฝันเห็นภาพต่าง ๆ ในอดีตรวมทั้งเธอ หญิงสาวที่แสนงดงามและอ่อนโยน ฝันเห็นช่วงเวลาแห่งความสุขกับบรรยากาศเก่า ๆ ที่แสนโรแมนติก ทั้งขบวนพยุหยาตราชลมาค ประเพณีลอยกระทง และการละเล่นต่าง ๆ รวมทั้งบรรดาเพื่อน ๆ ที่สนทนาด้วยถ้อยคำโบราณอีกทั้งยังยศตำแหน่งของเขาที่ได้รับใช้ใกล้ชิดสมเด็จพระนารายณ์ ในฐานะเป็นหัวหน้ามหาดเล็ก ทุกอย่างติดตราตรึงใจเขา และที่สำคัญคือทุกครั้งที่เขาฝันเห็นเธอ หัวใจของเขามันร่ำร้องหาแต่เธอ ทำให้เขาไปที่อยุธยาและได้พลัดตกลงไปในรอยเลื่อนขณะเกิดแผ่นดินไหว เขาย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่เกิดการรัฐประหารโดยฝ่ายหนึ่งคือพระเพทราชา อีกฝ่ายหนึ่งพระยาวิชเยนทร์ ภาพของสามีที่ปรากฏเสมือนคนแปลกหน้าในชุดแต่งกายแบบฝรั่งทำให้เธอรู้สึกราวกับฝันไป แต่ก็ดีใจเหลือเกินที่ได้พบเขาอีกครั้ง แต่เขาก็ได้รับการฝากฝังเธอไว้ ให้ช่วยพาเธอหนีไปจากแผ่นดินที่กำลังจะเปลี่ยนยุคสมัย เขาจึงพยายามสุดชีวิตฝ่าฟันอุปสรรคและความตายพาเธอกลับมาในภพปัจจุบันที่เธอรู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่กับสิ่งที่ไม่คุ้นตา เธอจึงต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เธอจะปรับตัวได้หรือไม่ แล้วยังต้องเผชิญกับหญิงสาวคนหนึ่งที่เฝ้ารักและปรารถนาเขาอยู่ เธอจะสามารถครอบครองหัวใจของเขาไปชั่วกัลป์นานได้ดั่งคำอธิษฐานหรือไม่
รักเอย
สุบินสนั่นทั่วทั้งเมฆา ว่าได้ลูบจูบองค์อรอัปสร กอดกายอ้อนแอ้นอนงค์นวลกร อรชรแนบเนื้อนวลเย้ายวนชื่น หอมดูดดื่มรื่นชิดสนิทใกล้ จรใจลืมหลงระเริงระรื่น ร่วมเรียงเคียงเขนยอยู่ค่อนคืน รนใจตื่นหวิวไหวจำจากพราก
อัปสรามนตรา
อนินนาถ หญิงสาวผู้ถูกชักจูงเข้าไปในอดีตแห่งเมืองวิเภทะ มนตราได้พาเธอกลับไปสู่ยุคแห่งการรวมอาณาจักรเจินละ และได้กลายเป็นผู้รู้เห็นโศกนาฏกรรมแห่งสัญญาที่ไม่อาจปฏิบัติตาม
บ่วงเงา
'ตะวัน' นายทหารหนุ่มรูปงามกำลังจะเข้าพิธีวิวาห์กับ 'สโรชา' แฟนสาวที่คบหากันมานาน แต่ยิ่งใกล้วันวิวาห์ตะวันกลับมีเรื่องให้ต้องกังวลใจ เพราะยามหลับตาครั้งใดเสียงฝีเท้าม้าจะต้องมารบกวนทุกราตรี ทำให้เขาพยายามค้นหาความจริงว่าเหตุใดเสียงนั้นจึงมีอิทธิพลต่อเขานัก จากการแนะนำของเพื่อนรักให้ได้รู้จักกับแพทย์ผู้มีชื่อเสียงซึ่งทำการรักษาด้วยการสะกดจิต ตะวันจึงได้รับรู้ถึงอดีตที่ผ่านมาของตนว่า เขาเคยเป็นทหารในองค์อุปราชแห่งเวียงจันทร์ มีความรักความผูกพันกับแม่หญิงลาวผู้เลอโฉมนามว่า 'คำสี' เงาอดีตทำให้ตะวันพยายามตามหาแม่หญิงคำสีในชาติภพปัจจุบัน แต่ตะวันก็มิอาจสมหวังเพราะไม่เคยมีผู้ใดในลาวพบเห็นหญิงสาวที่มีใบหน้าเหมือนนางเลย ยิ่งผิดหวังก็ยิ่งเหมือนติดอยู่ในบ่วงเงาแห่งอดีต เพราะตะวันไม่สามารถลืมคำสีนางอันเป็นที่รักยิ่งในอดีตได้ สโรชาจะมีส่วนช่วยให้ตะวันหลุดพ้นจากบ่วงเงาแห่งอดีตนั้นได้อย่างไร เขาจะกลับมาอยู่กับปัจจุบันได้หรือไม่คงต้องให้บทอวสานแห่ง "บ่วงเงา" เป็นผู้เฉลยคำตอบ
พระนางแก้วเก็งยา
“ชัยชนะที่วางอยู่บนมือ จักมีค่าอันใดหากมือนั้นปราศจากซึ่งลมหายใจเสียแล้ว” เรื่องราวของพระเจ้าฟ้างุ่ม แห่งเวียงเชียงทอง ผู้ซึ่งทำทุกอย่างเพื่อสตรีที่รักราวแก้วกลางดวงหทัย...พระนางแก้วเก็งยา ทว่า ตัวแทนความรักที่เจ้าฟ้างุ่มมีให้นั้น หาได้มีความหมายต่อนางผู้เป็นที่รัก ทรัพย์สินศฤงคารใดก็ไม่มีค่าพอกับตัวตนของคนที่รัก...เจ้าฟ้างุ่ม มิเคยเข้าใจ ลุ้นติดตามความรักของคนทั้งคู่ ใน พระนางแก้วเก็งยา
มายามหาเทวี
นางเก็บสมบัติของแม่ไว้ที่ข้อเท้า จึงย่างก้าวสู่ความยิ่งใหญ่ แต่ทองพระบาทคู่นี้ ก็คือห่วงคล้องกรรม ที่ทำให้นางมิอาจหลุดพ้นในอำนาจ ------------- เมื่อกรรมที่เคยก่อร่วมกันนั้นนำพาให้ "เกศมณี" และ "พล" ได้ร่วมทางในครั้งไปหลวงพระบาง เหตุการณ์ควรสิ้นสุด ณ จุดที่แยกย้าย แต่สองคนที่ไม่เคยรู้จักกันกลับต้องวิบากร่วมกันอีกครั้ง ด้วยสายใยที่เชื่อมโยงจาก "พระนางแก้วเกดสี" มหาเทวีผู้ยิ่งใหญ่แห่งเวียงเชียงทอง พระนางใช้ทองพระบาทเป็นสื่อ เพื่อให้เกศมณีนำดวงจิตพระนางไปพบกับ "แสน" หรือเจ้าพระยาสามแสนไทไตรภูวนาถฯ เจ้าหลวงแห่ง เวียงเชียงทองในอดีต เพื่อขออโหสิกรรมในสิ่งที่เคยล่วงเกิน มหาเทวีเคยใช้อำนาจสร้างกรรมกับบุคคลมากมาย ด้วยความเข้าใจว่าพระนางได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุด ให้กับเวียงเชียงทอง ด้วยสายเลือดขัตติยะแห่งพระบิดา "เจ้าฟ้างุ่ม" กษัตริย์ผู้มิเคยพ่ายศึกใดในการสงคราม รบชนะทั่วทุกเขตคาม เพื่อขยายอาณาจักรให้กว้างใหญ่ไพศาลกำนัลแด่ "พระนางแก้วเก็งยา" พระราชมารดาแห่งมหาเทวี เหตุนี้พระนางจึงมีใจฝักใฝ่อำนาจอยากทำให้เวียงเชียงทองยิ่งใหญ่ไม่ต่างกับตอนที่พระราชบิดายังครองบัลลังก์เวียงเชียงทอง ความรักความแค้นที่ก่อเกิดขึ้น ในวังวนนี้ยังมีอีกมากมาย มายาต่างๆ ที่เหล่ามนุษย์ทั้งหลายต่างหลงใหลนั้นก็อีกมากมี ท้ายที่สุดแล้วเรื่องราว จะลงเลยอย่างไรติดตามกันต่อได้ใน "มายามหาเทวี"
ทวารวดีศรีนระ
“นางนี้คือหนึ่งเดียวในดวงใจ แม้มิได้เคียงคู่กาย แต่ใจรักนั้นเคียงคู่กันตราบนิรันดร” “เพชรแรก” วณิชชาหนุ่มเชื้อสายกษัตริย์แห่งเมืองอมริสา ผู้เปี่ยมไปด้วยศรัทธาแห่งองค์พระกฤษณะ เดินทางรอนแรมค้าขายจนได้มาพบกับ “มณี” หญิงงามแห่งลุ่มน้ำนครไชยศรี รักแรกนั้นตราตรึงจนทำให้ชายหนุ่มอย่างเขา ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้หญิงอันเป็นที่รักนั้นพึงใจและมีความสุข ส่วนฝ่ายหญิงเองแม้จะแสร้งทำเป็นว่ามิสนใจ แต่ภายในนั้นตระหนักดีว่าตนได้แอบมีใจให้กับชายหนุ่มไปแล้วมิใช่น้อย ความรักของทั้งคู่ดูแล้วน่าจะราบรื่น แต่ความจริงหาได้เป็นเช่นนั้น เพราะทั้งสองต่างคนต่างมีหญิงและชายที่เฝ้าหมายปองต้องการจะครอบครองหัวใจของทั้งคู่
คุณพระของบ่าว
ความจำเป็นทางบ้านทำให้ ‘เปลว’ ต้องถูกพ่อแม่ขายไปเป็นทาสในเรือนของ ‘พระพิชิตพลเดชา’ ขุนศึกผู้เกรียงไกร มีนิสัยเย็นชาและแข็งกระด้าง หน้าที่ของเปลวคือรับใช้คนอย่างคุณพระ แม้จะเป็นหน้าที่อันหนักหน่วงหากทว่าเขากลับไม่ยอมแพ้ให้กับความเย็นชานั่น พยายามทำทุกอย่างเพื่อลดความเย็นชาของคุณพระให้ได้ ..... “บ่าวขอตัวนะขอรับ” “จะไปไหน” “จะกลับไปเรือนนอนของบ่าวขอรับ” “ข้าบอกให้นอนอยู่ที่นี่อย่างใดเล่า อย่าออกไปเพ่นพ่านด้านนอก ไม่เช่นนั้นข้าจะลงโทษเอ็ง” “แต่...” กล่าวคำนี้จบเปลวก็รีบยกมือขึ้นมาปิดปากตนเอง เพราะเมื่อครู่หลังจากพูดคำนี้จบเขาต้องเจอกับอะไรบ้าง ไม่อยากจะโดนอย่างนั้นอีก “เอ็งก็รู้หากดื้อกับข้าจะต้องโดนอะไรบ้าง” “แต่คุณพระก็ไม่มีสิทธิ์ทำกับบ่าวเยี่ยงนี้นะขอรับ” “ข้ามีสิทธิ์ในตัวบ่าวทุกคนในเรือนนี้ แค่นี้เอ็งคงจะรู้นะว่าต้องทำตัวเยี่ยงไร” “แล้วเหตุใดต้องเป็นบ่าวด้วยขอรับ”
สะใภ้น้อยแม่ทัพไร้รัก
ชาติก่อน 6 ขวบ ถูกขายเข้าจวนแม่ทัพเป็นสะใภ้น้อยเลี้ยงบุตรของผู้อื่น 14 ปีถูกส่งตัวเป็นสาวใช้ห้องข้างคนเผด็จการ 17 ปี เหลือเพียงป้ายวิญญาณ ไร้ชื่อแซ่ ในหอบรรพชน เมื่อได้เกิดใหม่ชาตินี้ นางตั้งใจใช้ชีวิตเรียบง่าย ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ เปิดโรงน้ำชาและร้านอาหารเล็กๆ ใช้ชีวิตสุขสงบ แบบ slice of life หาเงินเลี้ยงชีพ ทว่ากลับมีผู้หวังดีหยิบยื่นมีดและยาพิษให้นางเพื่อสังหารศัตรู !?! เอาล่ะ หากสวรรค์ลิขิตเช่นนั้น นางก็จะส่งเสริม ให้เหล่าคนชั่วได้สมหวัง ถูกถีบลงนรกเร็วขึ้น!
มนต์ไอยคุปต์
กี่ภพชาติจะผ่านไป แต่ข้าก็ไม่อาจลืมได้ว่าจะมีชีวิตเพื่อจะได้พบและรักเจ้าอีกสักครั้ง... เรื่องราวการระลึกชาติของอดีตองค์ฟาโรห์หนุ่ม เจ้าของพีระมิดบนทะเลทรายขาว ผู้ไม่เคยปรากฏพระนามบนจารึกใด กับหญิงสาวสามัญชนผู้กุมหัวใจของพระองค์
รักนิรันดร์ราชันสองแผ่นดิน
เมเนส (Menes) ฟาโรห์ที่นักประวัติศาสตร์ไม่แน่ใจว่าพระองค์มีตัวตนจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงเรื่องที่ชาวอียิปต์โบราณแต่งขึ้นมาในภายหลัง ทว่าพระองค์กลับเป็นฟาโรห์องค์แรกที่สามารถรวมอียิปต์บนและอียิปต์ล่างไว้ได้สำเร็จในปี 3150 ก่อนคริสตกาล ชาวอียิปต์โบราณจึงนิยมเรียกชาติของตนเองว่า 'ดินแดนสองแผ่นดิน (Land of Two Lands)' เมเนสทรงสถาปนาตนเองเป็นฟาโรห์องค์แรกแห่งราชวงศ์ที่หนึ่งของอียิปต์โบราณ เรื่องราวข้างต้นช่างห่างไกลเหลือเกินกับปัจจุบันที่อยู่ในคริสตศักราช 5022 นัซย่า สายลับสาวคนสวย มือดีที่สุดของสายลับรัสเซีย ได้รับงานพิเศษเร่งด่วนให้สืบหาสาเหตุการตายและจับคนร้ายที่ฆ่าบุตรสาวของประธานาธิบดีรัสเซีย เธอเดินทางสู่ประเทศอียิปต์ในฐานะนักโบราณคดี ทว่าเธอเผลอแตะต้องรูปสลักของฟาโรห์เมเนสไปอย่างไม่ตั้งใจ สี่เทพผู้ทรงอำนาจแต่ครั้งอียิปต์โบราณปรากฏขึ้นต่อหน้าเธอ เทพทั้งสี่พาเธอย้อนกลับสู่ช่วงเวลาที่อียิปต์ยังคงเป็นสอง มิใช่หนึ่ง ยุคที่ยังไม่มีกระทั่งราชวงศ์ที่หนึ่งแห่งราชอาณาจักรอียิปต์ ยุคที่อียิปต์เพิ่งเริ่มต้น มีเพียงราชาแมงป่องปกครองอียิปต์บนที่กรุงธีบส์ ไม่มีฟาโรห์เมเนส และช่วงเวลานี้มีเพียงนาม 'นาร์เมอร์' หามีนาม 'เมเนส' ไม่ ทั้งนาร์เมอร์ยังมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ว่าคือฟาโรห์ผู้รวมอียิปต์บนและอียิปต์ล่างให้เป็นหนึ่งเดียว เช่นนั้นแล้ว ฟาโรห์เมเนสคือใครในกระแสธารประวัติศาสตร์อียิปต์โบราณ นัซย่าจะทำอย่างไรในช่วงเวลาที่อียิปต์โบราณเพิ่งเริ่มนับหนึ่ง ฟาโรห์เมเนสมีจริงหรือไม่ เรื่องราวของฟาโรห์สองพระองค์แท้จริงแล้วเป็นอย่างไรกันแน่ เธอต้องหาคำตอบด้วยตัวเองเพื่อบรรลุเป้าหมายของภารกิจที่เทพทั้งสี่หวังให้เธอทำสำเร็จ
50's อันธพาลคนนั้นคือสามี
เพราะไม่อยากแต่งงานกับคนที่ไม่รู้จักหน้าค่าตากัน เลยทำให้อินธาราตัดสินใจหนีออกจากบ้าน ก่อนที่เรื่องทุกอย่างจะเกิดขึ้น
เกิดใหม่ทั้งที ดันเป็นเมียโคตรผีดุ
คำโปรย : 'บี' ลูกหลานหมอผีฮวงจุ้ยอันเลื่องชื่อ ที่ไม่ว่าจะปราบผี หรือคนโดนของโดนผีเข้าก็ผ่านมาทุกรุ่นยันรุ่นลูกหลาน เธอชื่นชอบเรื่องผีสางเป็นที่สุด บีเสียชีวิตในห้องผ่าตัด ในขณะที่กำลังผ่าตัดศัลยกรรมเพิ่มขนาดหน้าอกด้วยฝีมือหมอกระเป๋า เธอมาเกิดใหม่ในยุคกรุงศรีอโยธยา ในร่างบุตรีขุนหลวงนามว่า 'นางบัวงาม' นางบัวงามมีสามีที่หมั้นหมายกันอย่างถูกต้อง นามของเขาคือ 'ขุนเเสนคำ' เขาคือชายชาตินักรบรูปงาม ท่าทางดุดันกำยำน่าเกรงขามเป็นที่สุด เเต่ชายผู้นั้นได้เสียชีวิตไปเเล้ว ขุนเเสนคำเป็นหนึ่งในเเม่ทัพที่นำกองทัพไปตีพม่ารามัญ เเละโดนศัตรูปลิดชีพกลางสนามรบ ว่ากันว่าเมื่อนางบัวงามตรอมใจจนป่วย บีเลยได้มาเกิดใหม่ในร่างนี้เเทนเพื่อชดใช้กรรมตั้งเเต่ชาติปางก่อน เเต่ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้น เพราะขุนเเสนคำนั่นกลับโคตรเฮี้ยนจนทั่วกรุงศรีต่างขนานนามว่าโคตรผีดุ มันคอยมาตามอาฆาตหลอกหลอนเมียอยู่ทุกค่ำคืนด้วยสภาพดาบปักคอเลือดอาบ ไม่ว่าจะอาคมสะกดวิญญาณร้าย หรือเเม้เเต่น้ำมนต์เจ็ดวัดจากขรัวตาผู้เกรียงไกรก็เอามันไม่อยู่ เเน่นอนว่าลูกหลานหมอผีอย่างบี ไม่พลาดที่จะไปลองของในนิมิตเเห่งความตายอยู่เเล้ว!! นางบัวงามร่างเก่านั้นเป็นหญิงกาลีบ้านกาลีเมือง ชั่วช้าเเถมยังมากไปด้วยชู้ จึงเป็นเหตุให้ดวงวิญญาณของขุนเเสนคำเเค้นเคือง ยิ่งช่วงมีชีวิตอยู่มีของมีวิชา ยิ่งตายก็ยิ่งเฮี้ยน จักตามอาฆาตมึงไปตลอดชีวี ทั้งลูกในท้อง ทั้งตัวเเละใจมึง เป็นของกูชั่วกัปชั่วกัลป์ สงครามทำให้กูกับมึงพรากกัน เเต่อีบัวงามเอ๋ย... ถึงกูจักตายไปจากมึงสิ้นเเล้ว เเต่กูจักกลับมาหามึง จักกลับมาทวงเเค้นของกูคืน . "คุณพี่คะ เเล้วคุณพี่รู้จักรายการคนอวดผีไหมคะ คิดว่าหนูจะยอมตายเหรอคะ งั้นเรามาเจรจากันดีกว่า" "..." "หนูจะทำบุญให้ทุกวัน บวชชีให้หนึ่งพรรษา คุณพี่จะยอมไปเกิดใหม่ไหมคะ?"
ลิขิต โลหิต จันทรา
บุตรีของเสนาบดีกรมโยธาธิการคนใดจะถูกท่านอ๋องน้อย ‘เว่ยฉืออวี่หยาง’ หมั้นหมาย คนทั่วทั้งเมืองหลวงก็สุดจะรู้ ทว่านาง ‘เซียวม่านหลิว’ หาทางหนีทีไล่ให้ตัวเองได้อย่างทันท่วงทีแล้ว นางปลอมตัวเป็นบุรุษปะปนไปกลับขบวนพ่อค้าเพื่อออกจากเมืองหลวง มิคาดว่าขบวนพ่อค้ากลับมุ่งหน้าไปยังทิศทางของสุสานหลวง กลายเป็นขบวนโจรขุดสุสานไปเสียนี่ ลักลอบขุดสุสานมีโทษประหารเจ็ดชั่วโคตร นางรับผิดชอบไม่ไหวแน่ แต่คนหรือจะสู้ฟ้าลิขิต จู่ๆ นางก็ตกลงไปในสุสานของเชื้อพระวงศ์ผู้หนึ่ง โลหิตเป็นสื่อนำ พลังอำนาจลึกลับกลับชักจูงให้นางไม่อาจหลบหนี กลายเป็นการปลุกให้ใครบางคนตื่นขึ้นมา ทั้งยังตื่นขึ้นมาด้วยใบหน้าหล่อเหลาเหลือร้าย และน่ากลัวอย่างยิ่ง “เว่ยฉือหลี่หมิง คือชื่อของข้า” “ท่านแซ่เว่ยฉือ มิใช่เป็นเชื้อพระวงศ์หรอกหรือ?” “นั่นย่อมใช่แน่นอน” ครั้นได้ยินคำตอบของเขา ขนลุกชูชันไปทั้งกาย จักรพรรดิพระองค์ก่อนมีพระนามเดิมว่า…เว่ยฉือเทียนหลาง สวรรค์! ศพมีชีวิตผู้นี้ถึงกับแก่กว่านางสามรุ่น เขาถือเป็นปู่ทวดของเว่ยฉืออวี่หยาง นี่นางหนีเสือปะจระเข้เช่นนั้นหรือ!?