


นิยาย


หวนคืนครานี้เห็นทีข้าคงต้องร้าย
หลี่เยว่เล่อได้โอกาสย้อนกลับมาก่อนที่สกุลหลี่จะโดนประหารสิ้นทั้งสกุล สิ่งแรกที่นางคิดจะทำคือการกำจัดตัวต้นเหตุผู้ที่ใส่ร้ายสกุลหลี่ให้ตายไปเสีย เพื่อที่สกุลหลี่จะได้ไม่ต้องพบจุดจบเช่นเดิมอีก นางไม่อาจลงมือ ยิ่งไม่อาจให้เรื่องนี้ล่วงรู้ถึงท่านพ่อท่านแม่จึงคิดที่จะจ้างมือสังหารลับให้เป็นผู้จัดการแทน ให้ผู้อื่นลงมือตนรอดูเพียงผลลัพธ์ ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นไปตามที่นางคาดเอาไว้เป็นอย่างดี หากไม่ใช่ว่า ‘เซียวหลิงหลาง’ หรือหย่งไห่ชินอ๋องผู้มีอำนาจล้นมือดันมาล่วงรู้เรื่องที่นางตั้งใจจะทำเข้าเสียก่อน “สังหารขุนนางในราชสำนัก มีโทษประหารทั้งสกุล เปิ่นหวางไม่คิดว่าที่แท้คุณหนูเช่นเจ้าจะกล้าคิดทำการใหญ่เช่นนี้ได้” นางไม่มีทางเลือก จึงจำต้องทำข้อตกลงกับหย่งไห่ชินอ๋องผู้นี้เพื่อไม่ให้เขาเปิดโปงนางทำให้สกุลหลี่ต้องเผชิญเคราะห์กรรมที่เลวร้ายไม่ต่างจากชาติก่อน


[亲爱的] ท่านอ๋องโปรดถนอมชายาอย่างข้าด้วย!!!
“ข้าอยากให้เจ้าเห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัวให้มาก มากจนไม่อาจคิดแบ่งปันข้าให้กับผู้ใดได้อีก” จากบุตรสาวคนเล็กของเสนาบดีกรมคลังสู่ตำแหน่งฉินหวังเฟย พระชายาของฉินอ๋องพระอนุชาร่วมพระมารดาเดียวกันกับฮ่องเต้ อีกทั้งยังเป็นผู้ปรีชาสามารถเป็นอย่างยิ่งในเชิงยุทธศาสตร์การทหารและการรบ คนหนึ่งหลงใหลในอิสระ ติดจะเป็นคุณหนูที่ถูกตามใจและถูกปกป้องราวไข่ในหิน ผู้ซึ่งปรารถนาจะใช้ชีวิตอย่างเกียจคร้านไปวันๆ อีกคนหนึ่งคือบุรุษผู้สูงศักดิ์ ผู้ได้ชื่อว่าเป็นรองเพียงหนึ่งเหนือคนนับหมื่น อย่างแท้จริง ทั้งยังผ่านสมรภูมิรบมาอย่างโชกโชน ชื่อเสียงขจรไกล ในสนามรบทรงเป็นเช่นพยัคฆ์ผู้โหดร้ายเลือดเย็น แล้วในสนามรักเช่นนี้เล่าเห็นทีว่าจะไม่ต่างกันกระมัง “หากเจ้าอยากได้ปลาในน้ำ เปิ่นหวางสามารถช่วยเจ้าจับขึ้นมาได้ ทว่าหากสิ่งที่เจ้าต้องการคือดาวบนท้องฟ้า เปิ่นหวางแน่นอนไม่อาจหยิบมันลงมาให้เจ้าได้ คงได้แต่เฝ้ามองดาวเป็นเพื่อนทุกคืนแทนแล้ว”


ศิษย์พี่โปรดอย่าหนีรัก
'หลิงฟูหรง'บุตรสาวเพียงคนเดียวของเจ้าสำนักบำเพ็ญเซียนอันดับหนึ่งที่แอบหลงรักศิษย์พี่สาม 'หานซือหมิง' ศิษย์เอกของสำนักผู้เย็นชาซ้ำยังไม่เคยชายตามองนางเลยแม้แต่น้อย หลายครั้งนางไล่ตามเขาถอยหนีมันเป็นเช่นนี้เสมอหากแต่นางก็ไม่เคยย่อท้อ หมายมั่นที่จะพิชิตใจเขาต่อไป "ศิษย์พี่ข้าชมชอบท่านยิ่งนัก ท่านสู่ขอข้าเป็นภรรยาเถิดนะเจ้าคะ ข้าต้องเป็นภรรยาที่ดีของศิษย์พี่ได้อย่างแน่นอน"


วาสนารักฮูหยินแม่ทัพตัวร้าย
"สามีโปรดชี้แนะด้วย" มิใช่ว่าภรรยาผู้นี้ของเขาเป็นคุณหนูในห้องหอที่แสนเพียบพร้อมอ่อนหวานหรอกหรือ เหตุใดในคืนวิวาห์นางกับไม่นั่งรออยู่ในห้องหอดีๆ แต่กับชักกระบี่พุ่งตรงมายังเขาเสียอย่างนั้น .................................................................................................................................. แม่ทัพหนุ่มหนิงเฟยอวี้ถึงคราวต้องแต่งภรรยา สะใภ้ที่ท่านแม่ของเขาเลือกมานั้นเห็นว่าเป็นสตรีที่เหมาะสมจะเป็นภรรยาและมารดาที่ดีในอนาคต เป็นคุณหนูในห้องหอผู้เพียบพร้อม แต่ไฉนเมื่อแต่งไป (แค่คืนเข้าหอก็รู้) แล้วกับรู้สึกว่าคำว่าเรียบร้อยอ่อนหวานนั้นช่างห่างไกลจากนางยิ่งนัก ที่เหมาะกับนางควรจะเป็นซุกซนทะเล้นซะมากกว่า คำว่าเรียบร้อยอ่อนหวานนั้นช่างห่างไกลนัก แต่ความขี้อ่อนขี้ประจบกับทำได้ดีทีเดียว ..................................................................................................................................... ยามที่นางขับร้องน้ำเสียงนั้นไพเราะจับจิตกังวานราวกับหยาดฝนจากสวรรค์ เขาได้ยินถึงกับเคลิบเคลิ้มไปกับนางราวกับถูกนางดึงดูดเอาไว้ให้จับจ้องมองไปยังนางได้เพียงผู้เดียวเท่านั้น ยิ่งตอนที่นางเริ่มร่ายรำยามที่เคลื่อนกายร่ายรำนั้นทำเอาเขาและทุกคนในบริเวณที่ได้เห็นล้วนคล้ายราวกับต้องมนต์สะกด เขาไม่คาดว่าฮูหยินตัวน้อยเช่นนางที่ชอบแต่เรื่องกระบี่วิชายุทธ แม้จะดูหัวอ่อนเชื่อฟังแต่ก็มีความดื้อรั้นเฉพาะตัวอยู่ไม่น้อย เวลานี้จะกลายเป็นโฉมสะคราญหมดจดผู้ขับร้องและร่ายรำได้อย่างดีเลิศถึงเพียงนี้ น่าโมโหอยู่นิดหน่อยจริงๆ ที่ไม่ได้มีเพียงแค่เขาที่ได้เห็นและได้เก็บความงามนี้เอาไว้ชื่นชมแต่เพียงผู้เดียว แต่ถึงจะไม่พอใจอย่างไรก็ยังมีความจริงอย่างหนึ่งที่พอจะยับยั้งความโมโหนี้ของเขาเอาไว้ได้บ้าง ความจริงที่ว่านั่นก็คือ นางเป็นฮูหยินของเขา มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถครอบครองนางได้อย่างแท้จริง


我已经爱上你了 ฮูหยินน้อยปรารถนาเคียงรัก
ได้รักท่านหมดหัวใจถือเป็นวาสนาของข้า ถึงจะเป็นเพียงข้าที่รักท่านเพียงฝ่ายเดียวก็ไม่เป็นไร เช่นเดียวกับการได้ใช้ชีวิตคู่กับท่าน นั่นคงเป็นเพราะสวรรค์เบื้องบนเห็นใจสตรีขี้โรคเช่นข้ากระมัง นี้ถือเป็นเรื่องเดียวในชีวิตข้าที่ช่างวิเศษที่สุด หากการตายจากจะมาถึงในอีกไม่ช้าก็ถือว่าข้าได้ใช้โชคดีของตัวเองในชาตินี้ไปจนหมดสิ้นแล้วเพียงเท่านั้น หาได้มีสิ่งใดต้องตัดพ้อต่อชะตาชีวิตตนไม่... “ค่อยๆหายใจ อย่าได้เร่งรีบนัก” เสียงเรียบเอ่ยขึ้นในความเงียบ น้ำเสียงของเขาที่ดังอยู่ใกล้ๆ ทำให้เหลียงซูเมิ่งนั้นแน่นใจในที่สุดว่ายามนี้การที่นางได้นอนเคียงข้างอยู่กับบุรุษที่นางแอบมีใจมานานไม่ใช่ความฝัน ยามนี้การที่นางแต่งงานเป็นภรรยา เป็นฮูหยินของเขาคือเรื่องจริง เรื่องที่นอนบนเตียงเดียวกันข้างๆเขาก็เป็นเรื่องจริง


รักรุ่มเร้า
“คนที่ไม่ชอบหน้ากัน ทำไหมเวลา แซ่บ กันมันถึงได้รู้สึกดีนักนะ เราสงสัยเหมือนที่พี่สงสัยไหมหวาย” ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรา มันควรจะเป็นแค่เพื่อนสนิทของน้องสาวกับพี่ชายเพื่อนสนิทเพียงท่านั้น ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ความสัมพันธ์ของเธอและเขาเริ่มเปลี่ยนแปลงไป ทุกอย่างระหว่างพวกเราเริ่มที่จะไม่อาจจะควบคุมและเก็บซ่อนมันเอาไว้ได้แล้วอีกแล้ว “ระหว่างเราเป็นมากกว่านี้ได้ไหม” “พี่ว่า พี่ไม่ได้อยากเป็นแค่พี่ชายเพื่อนสนิทหวายอีกแล้ว” “มึงเคยคิดไหม ถ้าคำตอบที่มึงรอ มันไม่ได้เป็นคำตอบที่มึงหวังเอาไว้ ตอนนั้นมึงจะเป็นยังไง” “ถึงตอนนั้นกูก็คงจะต้องยอมรับการตัดสินใจและคำตอบของเขา แม้ว่ากูจะไม่อยากยอมรับมันก็ตาม


บุปผาไร้ใจแห่งตำหนักทิศประจิม
ข้ามิหมายหมั่นเป็นหนึ่งเหนือสตรีใดในตำหนักบูรพา หวังเพียงชั่วชีวิตที่มิอาจเลือกชะตาตนเองนี้ ตัวข้าที่มิอาจหลุดพ้นกรงทอง ใจแท้จริงจะหลุดพ้นเป็นอิสระชั่วกาล ***************************************************************** เพราะความฝันบอกเหตุร้ายที่กำลังกล้ำกลายถึงชีวิต นางจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาชีวิตตนไว้ ซ้ำร้ายนางยังถูกราชโองการโยนเข้าตำหนักบูรพาที่มีแต่การแย่งชิง ทำให้ต้องระแวดระวังยิ่งขึ้นทุกฝีก้าว สงครามการแย่งชิงความโปรดปรานจากองค์ไท่จื่อ ใครอยากจะเข้าร่วมก็ตามสบาย นางของนั่งจิบชาดูเฉย ๆ ดีกว่า จะไม่ขอแกว่งเท้าหาเสี้ยนเร่งเวลาตายให้ตนเองเป็นเด็ดขาด แต่ดูเหมือน องค์ไท่จื่อ ผู้ชื่นชมความครื้นเครงนั้นจะไม่อยากปล่อยให้นางได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขยืนยาวนี่สิ ***************************************************************** “เจ้า…กำลังทำสิ่งใด” นางนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะอ้างตอบกลับไป “อุ่นผ้าห่มให้พระองค์ไงเพคะ” “พระชายารองของข้าช่างใส่ใจนัก” “เป็นเรื่องที่หม่อมฉันควรใส่ใจเพคะ” “ได้ยินเจ้าเอ่ยเช่นนี้ก็แสดงว่าเป็นผู้ที่รู้จักหน้าที่ของตนเองเป็นอย่างดีใช่หรือไม่” คราวนี้ชายหนุ่มตรัสออกมาด้วยพระสุรเสียงที่จริงจัง พระพักตร์คมเข้มน่ามองยามนี้ดูเจ้าเล่ห์เล็กน้อย “หม่อมฉันไหนเลยจะกล้าเอ่ยว่ารู้ชัดเจนทุกเรื่อง” “เช่นนั้นในฐานะที่เจ้าเป็นชายารองของข้าหน้าที่สำคัญหลัก ของเจ้าคือสิ่งใด” โม่หลงอวี้ตรัสถาม สายพระพักตร์ยังคงจับจ้องไปที่เจ้าของร่างบางที่ยามนี้ยังคงนั่งห่อตัวเป็นเม่นน้อยอยู่ด้านในเตียงใหญ่ “หน้าที่ของหม่อมฉัน แน่นอนว่าย่อมต้องเป็นการตั้งใจดูแล ปรนนิบัติพระองค์เพคะ” เจ้าของใบหน้าอ่อนหวานเอ่ยตอบกลับไป “ปรนนิบัติอย่างไร” “เวลาเสวยหม่อมฉันคอยดูแล ยามพระองค์อ่านหนังสือหม่อม ฉันก็ควรคอยรินชาแก้กระหาย หากทรงอักษรหม่อมก็ควรคอยฝนหมึก เพคะ” “ที่เจ้าเอ่ยมาล้วนเป็นการปรนนิบัติข้าก็จริง แต่กลับเป็นเพียง การปรนนิบัติบนโต๊ะ การปรนนิบัติจริง ๆ กลับยังขาดอยู่”


มัจจุราชโอบรัก [愛毒藥]
เพราะความนึกสนุกเป็นเหตุทำให้นางเสียความทรงจำ แถมพอฟื้นขึ้นมากลับพบว่าตัวเองอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ แถมมีสามีพ่วงมาด้วยอีกต่างหาก สิ่งเดียวที่นางมีหลังจากที่ฟื้นขึ้นมาและพบว่าตัวเองสูญเสียความทรงจำไปจนหมดสิ้นคือสามีที่ดูเหมือนจะเป็นผู้ที่นางสามารถพึ่งพาและพึ่งพิงได้หลังจากเสียความทรงจำ แม้เขาจะดูเย็นชาสายตาที่มองนางก็ไร้ซึ่งความรัก หากแต่ในเมื่อเขาเป็นผู้ยืนยันว่านางคือฮูหยินของเขาและเขาก็คือสามีของนาง อย่างไรเสียอยู่กับเขาก็เป็นทางเลือกเดียวของนางแล้ว เพียงเพราะรักจึงทุกข์ถึงเพียงนั้น เพียงเพราะรักจึงสุขถึงเพียงนี้


ประดุจหนึ่งหอมหวานปานน้ำผึ้ง [你笑得甜蜜蜜.]
กาลก่อนไม่เคยสัมผัสกับรัก ครั้งเมื่อได้สัมผัสกลับดำดิ่งหลงใหลลึกซึ้ง ไร้ขอบเขต ถลำลงสู่ห้วงรักอย่างมิอาจหักห้ามใจ ********** ไม่ว่าสิ่งใดก็ตามที่ทำให้นางได้เกิดใหม่ในมิตินี้ ให้นางได้มีโอกาสกลับมามีชีวิตอีกครั้งในฐานะ หลิวซือนัว บุตรสาวคนเล็กของสกุลหลิวที่ทำการค้าเกี่ยวกับอาภรณ์ ซ้ำยังร่ำรวยเป็นอันดับต้นๆของเมือง ด้วยฐานะใหม่อันแสนมั่งคั่งนี้ นางจึงตัดสินใจอย่างแนวแน่ว่า จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ในโลกต่างมิติที่แสนรุ่งโรจน์นี้อย่างกระตือรือร้น อย่างน้อยๆก็ไม่ให้ชีวิตใหม่ในมิตินี้ต้องมีจุดจบอย่างน่าอเนจอนาถเช่นกาลก่อนอีก ********** “ตัวข้าแม้ไม่ได้สูงส่งมาจากไหน ทว่ากลับเข้าใจดีว่าผู้ที่ได้รับการอบ รมสั่งสอนมาอย่างดีนั้นย่อมไม่นินทาว่าร้ายผู้อื่นลับหลังอย่างสนุกปากเช่นที่พวกเจ้าทำเมื่อครู่” “นินทาผู้อื่นแล้วเกี่ยวอันใดกับเจ้า อย่ามายุ่งเรื่องของผู้อื่นจะดีกว่า หรือว่าบังเอิญคุณหนูสกุลหลิวนั่นเป็นคนรู้จักของเจ้า เจ้าถึงได้เป็นเดือดเป็น ร้อนแทนนางเช่นนี้” “นั่นสิ ไม่ใช่เรื่องของตัวเองแท้ๆ ช่างยุ่งไม่เข้าเรื่องเสียจริง” “พวกเรากล้าพูดย่อมไม่กลัวถูกผู้อื่นได้ยินอยู่แล้ว อีกอย่างเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าจะต้องยุ่งให้ได้เสียหน่อย เช่นนั้นก็อย่าให้ต้องมีเรื่องมีราวกันเลยจะดีกว่า” “เอาอย่างนี้เป็นอย่างไร ร้านเครื่องหอมนี้เป็นของสกุลอี้ข้า ไม่สู้เจ้าเลือกเครื่องหอมที่ถูกใจสักสองสามอันสิ ข้ายินดีจะมอบให้เจ้านำกลับไปได้เลย ถือซะว่าเป็นของขวัญจากข้า” หลิวซือนัวจ้องมองไปที่เจ้าของคำพูดเมื่อครู่ ซึ่งนางเพิ่งบอกว่าตัวเองคือคุณหนูสกุลอี้ผู้เป็นเจ้าของร้านเครื่องหอมแห่งนี้ แถมนางยังมาแสดงความใจกว้างเพื่อแก้ปัญหา ทว่าทีท่าของแม่นางอี้ผู้นี้ช่างดูเย่อหยิ่งขัดใจนางยิ่งนัก นางยิ่งมองก็ยิ่งไม่ชอบใจแม่นางอี้ผู้นี้มากขึ้น มากยิ่งขึ้น “เครื่องหอมบ้านข้ามีมากมายพอแล้ว คงไม่ต้องรบกวนแม่นางอี้หรอก ท่านเก็บเอาไว้ให้พวกนางก็แล้วกัน” “อวดดีเสียจริง” “ร้านเครื่องหอมสกุลอี้ขึ้นชื่อแค่ไหนในเมืองนี้เจ้าไม่รู้หรืออย่างไร ระวังจะเสียดายภายหลัง” “ของสิ่งใดที่ข้าหลิวซือนัวไม่ต้องการ ข้าย่อมไม่มีวันนึกเสียใจแน่ พวกเจ้าเองก็อย่าได้เสียใจต่อการกระทำของตนที่หลังก็แล้วกัน”


เล่ห์แผนรัก
เขา...โหดและเย็นชากับทุกคนแต่ทำไมกับเธอเขาถึงได้อยู่เฉยไม่ได้เมื่อต้องเจอ เธอ...เขาเป็นใครถึงกล้ามาดูถูกฉันเห็นอย่างนี้ฉันก็มีดีทั้งตัวนะยะ เมื่อเขาและเธอต้องมาแต่งงานกันจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อคนหนึ่งแสนเย็นชาส่วนอีกคนก็ดื้อไม่ยอมใคร “ใช่…ฉันเป็นภรรยาของลูกชายเจ้าของบ้านหลังนี้” เห็นท่าทีที่ชะงักและเหมือนจะตกใจกับสิ่งที่ได้ยินของอีกฝ่ายทำให้เธอไม่รอช้าที่จะพูดย้ำอีกครั้งเมื่อโดนคนตรงหน้าเอ่ยถาม “ แล้วเราก็รักกันมากด้วย…รู้อย่างนี้แล้วก็ปล่อยมือฉันซะไม่งั้นนายจะเดือดร้อน” หญิงสาวต่อรองอย่างเป็นต่อใจนึกว่าคนตรงหน้าคงจะปล่อยเธอแน่ “ฉันจำไม่เห็นได้ว่าตัวเองมีเมียตั้งแต่เมื่อไหร่” ราฟาเอลเอ่ยออกมาอย่างตั้งใจจะตอกหน้าคนตรงหน้าให้หน้าชาและก็เป็นไปตามคาด เมื่อคนตรงหน้าทำตาโตอ้าปากค้างหมดเคล้าท่าทางมั่นใจที่มีเมื่อครู่ไปจนหมด “ว่าไง…ฉันไปได้กับเธอตอนไหน” ราฟาเอลเอ่ยถามก่อนจะดึงคนตรงหน้าเข้ามาและโอบล็อกเอวไว้แน่น ไม่สนว่าหญิงสาวจะพยายามดิ้นหนี้สุดกำลังเพียงใด