
บทย่อ
“ข้าอยากให้เจ้าเห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัวให้มาก มากจนไม่อาจคิดแบ่งปันข้าให้กับผู้ใดได้อีก” จากบุตรสาวคนเล็กของเสนาบดีกรมคลังสู่ตำแหน่งฉินหวังเฟย พระชายาของฉินอ๋องพระอนุชาร่วมพระมารดาเดียวกันกับฮ่องเต้ อีกทั้งยังเป็นผู้ปรีชาสามารถเป็นอย่างยิ่งในเชิงยุทธศาสตร์การทหารและการรบ คนหนึ่งหลงใหลในอิสระ ติดจะเป็นคุณหนูที่ถูกตามใจและถูกปกป้องราวไข่ในหิน ผู้ซึ่งปรารถนาจะใช้ชีวิตอย่างเกียจคร้านไปวันๆ อีกคนหนึ่งคือบุรุษผู้สูงศักดิ์ ผู้ได้ชื่อว่าเป็นรองเพียงหนึ่งเหนือคนนับหมื่น อย่างแท้จริง ทั้งยังผ่านสมรภูมิรบมาอย่างโชกโชน ชื่อเสียงขจรไกล ในสนามรบทรงเป็นเช่นพยัคฆ์ผู้โหดร้ายเลือดเย็น แล้วในสนามรักเช่นนี้เล่าเห็นทีว่าจะไม่ต่างกันกระมัง “หากเจ้าอยากได้ปลาในน้ำ เปิ่นหวางสามารถช่วยเจ้าจับขึ้นมาได้ ทว่าหากสิ่งที่เจ้าต้องการคือดาวบนท้องฟ้า เปิ่นหวางแน่นอนไม่อาจหยิบมันลงมาให้เจ้าได้ คงได้แต่เฝ้ามองดาวเป็นเพื่อนทุกคืนแทนแล้ว”
บทนำ คุณหนูสี่แห่งจวนสกุลเซี่ย
บทนำ
คุณหนูสี่แห่งจวนสกุลเซี่ย
ท้องฟ้าสดใส ฝูงนกโบยบินอิสระ
น้ำในบึงใสสะอาด ฝูงปลาแหกว่ายไร้กังวล
เซี่ยจูจูท่องบทกลอนในใจพลางหลับตาลงอย่างนิ่งสงบ ในใจคิดไปถึงความหมายแฝงของบทกลอนที่ท่องเมื่อครู่
ชีวิตหนึ่งไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ต่างต้องการเพียงความสุขและความอิสระในการใช้ชีวิต แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะสามารถมีอิสระได้อย่างที่ใจคิด ตัวนางนั้นโชคดีได้เกิดในสกุลใหญ่อย่างสกุลเซี่ยอีกทั้งยังมีบิดาเป็นถึงขุนนางขั้นสองดำรงตำแหน่งเป็นถึงเสนาบดีกรมพระคลัง และมีมารดาเป็นฮูหยินใหญ่ของจวน ชีวิตนางในฐานนะคุณหนูสี่ของสกุลเซี่ยถือว่าเป็นไปอย่างสงบสุขและมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง
ตัวนางนั้นมีพี่ชายหนึ่งคนก็คือคุณชายใหญ่แห่งจวนสกุลเซี่ยนามว่า เซี่ยกวงจิ้งซึ่งยามนี่ก็รับราชการอยู่ในกองพระคลังเช่นเดียวกับท่านพ่อ และมีพี่สาวอีกสองคนพวกนางทั้งสองเกิดจากฮูหยินรองจางและก็อนุหยาง พี่สาวที่เกิดจากฮูหยินรองจางหรือแม่รองจางชื่อว่าเซี่ยอวี้หลัน นางคือพี่สองหรือก็คือพี่รองของนาง ส่วนพี่สามมีชื่อว่าเซี่ยถิงถิง
แม้ว่านอกจากพี่ใหญ่แล้วพี่สาวทั้งสองคนของนางต่างเกิดมาจากคนละมารดากัน ภายนอกอาจจะดูเหมือนฐานะของพวกเราพี่น้องออกจะแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่ในใจนางกับไม่คิดว่าแตกต่าง เหล่าพี่สาวและท่านแม่รองรวมไปถึงอนุหยางต่างก็ดีกับนาง นางย่อมต้องดีต่อพวกนางไม่ต่างกัน
ด้วยเหตุนี้นางจึงคิดว่านางนั้นช่างโชคดีที่ได้เกิดในครอบครัวที่ดีเช่นนี้ นางมีทั้งพ่อแม่พี่ชายพี่สาวที่ดี
บนแผ่นดินนี้ยังจะมีผู้ใดมีความสุขไปมากกว่านางอีกเล่า
ชีวิตอันเรียบง่ายและสงบสุขของนางคงจะดำเนินต่อไปได้อย่างดี หากช่วงสายของเช้าวันหนึ่งไม่ได้เกิดเรื่องบางอย่างขึ้นที่จวนสกุลเซี่ย เรื่องบางอย่างที่ทำเอานางยืนนิ่งไปนานหลังจากได้ฟังจนกระทั่งท่านแม่ของนางต้องรีบเข้ามาเรียกสติ
“คุณหนูสี่สกุลเซี่ย โปรดเข้ามารับราชโองการด้วย” น้ำเสียงแหลมสูงของหลี่กงกง ผู้เป็นกงกงคนสนิทของไทเฮาเอ่ยขึ้น
สิ้นเสียงหลี่กงกงแน่นอนว่าทุกคนในจวนสกุลเซี่ยต่างพากันคุกเข่า ก้มศีรษะลงต่ำเพื่อรอรับฟังราชโองการ
“คุณหนูสี่สกุลเซี่ย นามเซี่ ยจูจู รูปโฉมงดงาม กริยาวาจาอ่อนโยน อีกทั้งเฉลียวฉลาดเปี่ยมด้วยคุณธรรมปัญญา เหมาะสมกับตำแหน่งพระชายาเอกในฉินอ๋อง อีกหนึ่งเดือนให้อภิเษกสมรสเข้าวังฉินอ๋องเป็นฉินหวังเฟย”
ด้านเซี่ยจูจูยามนี้ราวกับไม่รับรู้สิ่งใดอีก นางถูกมารดาที่คุกเข่าอยู่ด้านข้างจับมือของนางที่แทบจะไร้เรี่ยวแรงไปรับราชโองการจากไทเฮาเอาไว้
“ท่านเสนาบดีเซี่ยข้าน้อยขอแสดงความยินดีด้วย ว่าที่ฉินหวังเฟยข้าน้อยขอแสดงความยินดีด้วยขอรับ”
“ขอบคุณ ขอบคุณหลี่กงกง” เสนาบดีเซี่ยรีบเข้ามารับคำยินดี พร้อมกับทำหน้าที่ส่งหลี่กงกงที่หน้าประตูจวนอย่างดี
จวบจนกระทั่งในห้องโถงใหญ่ด้านหน้าเหลือเพียงคนในครอบครัวแล้ว เซี่ยจูจูจึงได้ดึงสติกลับมาได้
นางร้องไห้ออกมาเสียงดังทันทีอย่างหยุดไม่อยู่ แล้วร้องไห้อยู่เช่นนั้นตลอดถึงสามวันสามคืนเลยทีเดียว ไม่ว่าท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านแม่รอง อนุหยาง หรือพี่ชายพี่สาวเข้ามาปลอบต่างก็ไม่อาจทำให้นางหยุดร้องไห้ได้
เห็นทีสามวันสามคืนนี้นางคงจะร้องไห้ให้กับตัวเอง ให้กับชีวิตที่ต้องเปลี่ยนแปลงของนางในอีกหนึ่งเดือน ให้กับความสงบสุขสบายใจที่จะต้องหายไปในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าซึ่งนางไม่อาจหลบเลี่ยงได้
ในขณะที่ด้านว่าที่พระชายากำลังนั่งร้องไห้ด้วยความเศร้าเสียใจ กลับกันทางด้านฉินอ๋องยามนี้กับกำลังนั่งจิบชายามบ่ายอย่างไร้กังวล
กล่าวไปแล้วคงไม่มีผู้ใดจะเชื่อได้ว่าฉินอ๋องผู้นี้ที่หลีกเลี่ยงการอภิเษกสมรสมาโดยตลอดครั้งนี้จะเป็นผู้เลือกพระชายาเองอีกทั้งยังให้ความร่วมมือกับองค์ไทเฮาผู้เป็นพระมารดาของพระองค์เป็นอย่างดี ถึงขั้นเรียกให้ช่างมาเตรียมการปรับปรุงตำหนักใหม่ให้ว่าที่พระชายาโดยเฉพาะ
“เรียนท่านอ๋อง ราชโองการสมรสพระราชทานถูกนำไปแจ้งโดยหลี่กงกงที่จวนท่านเสนาบดีเซี่ยเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“แล้วทางว่าที่พระชายาเล่าเป็นอย่างไร” เจ้าของน้ำเสียงทรงอำนาจ ถามออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“ทูลท่านอ๋อง ว่าที่พระชายา คือ…ทางว่าที่พระชายา ยามนี้ประตูเรือนปิดสนิทแต่มีเสียงร้องให้ดังออกมาให้ได้ยินอยู่ตลอดพ่ะย่ะค่ะ” อาเฟิงทูลผู้เป็นนายเหนือหัวตามจริง อย่างที่ได้รับรายงานมาจากองครักษ์ที่ให้ไปสืบความที่จวนสกุลเซี่ย
หลังจากที่ได้ฟังรายงานจากคนสนิทของตน ก่อนที่เขาจะโบกมือให้คนสนิทออกไปจึงนึกได้เรื่องหนึ่ง จึงได้สั่งออกไปทันที
“เจ้าออกไปแล้วก็อย่าลืมไปกำชับหัวหน้าช่างด้วยว่าให้เสริมผนังกำแพงของเรือนพระชายาให้ดี” ฉินอ๋องตรัสเสร็จก็โบกมือไล่คนสนิททันที
ส่วนคนสนิทอย่างอาเฟิงหลังจากออกมาจากห้องหนังสือของท่านอ๋องจึงได้เข้าใจได้ถึงสิ่งที่ท่านอ๋องสั่ง
นี่ท่านอ๋องกำลังจะสั่งให้เขาไปบอกให้ช่างสร้างตำหนักที่พอว่าที่พระชายาย้ายเข้ามาแล้ว เวลาร้องไห้เสียงไม่ดังออกมาจากในตำหนัก
ยามนี่เขาเริ่มรู้สึกสงสารว่าที่พระชายาเสียแล้ว ไม่รู้ว่าท่านอ๋องของเขาทำไมจึงจงใจเลือกคุณหนูสี่บุตรสาวท่านเสนาบดีมาเป็นพระชายา แต่ที่แน่ๆไม่ใช่ว่าท่านอ๋องเกิดไปถูกใจว่าที่พระชายาเข้าแน่ๆ
ท่านอ๋องช่างเป็นผู้เกินคาดการณ์ได้จริงๆ ตัวเขาเองจากนี้คงได้แต่เอาใจช่วยว่าที่พระชายาเท่านั้นไม่ให้ท่านอ๋องกลั่นแกล้งพระชายาจนเกินไป
