
บทย่อ
"สามีโปรดชี้แนะด้วย" มิใช่ว่าภรรยาผู้นี้ของเขาเป็นคุณหนูในห้องหอที่แสนเพียบพร้อมอ่อนหวานหรอกหรือ เหตุใดในคืนวิวาห์นางกับไม่นั่งรออยู่ในห้องหอดีๆ แต่กับชักกระบี่พุ่งตรงมายังเขาเสียอย่างนั้น .................................................................................................................................. แม่ทัพหนุ่มหนิงเฟยอวี้ถึงคราวต้องแต่งภรรยา สะใภ้ที่ท่านแม่ของเขาเลือกมานั้นเห็นว่าเป็นสตรีที่เหมาะสมจะเป็นภรรยาและมารดาที่ดีในอนาคต เป็นคุณหนูในห้องหอผู้เพียบพร้อม แต่ไฉนเมื่อแต่งไป (แค่คืนเข้าหอก็รู้) แล้วกับรู้สึกว่าคำว่าเรียบร้อยอ่อนหวานนั้นช่างห่างไกลจากนางยิ่งนัก ที่เหมาะกับนางควรจะเป็นซุกซนทะเล้นซะมากกว่า คำว่าเรียบร้อยอ่อนหวานนั้นช่างห่างไกลนัก แต่ความขี้อ่อนขี้ประจบกับทำได้ดีทีเดียว ..................................................................................................................................... ยามที่นางขับร้องน้ำเสียงนั้นไพเราะจับจิตกังวานราวกับหยาดฝนจากสวรรค์ เขาได้ยินถึงกับเคลิบเคลิ้มไปกับนางราวกับถูกนางดึงดูดเอาไว้ให้จับจ้องมองไปยังนางได้เพียงผู้เดียวเท่านั้น ยิ่งตอนที่นางเริ่มร่ายรำยามที่เคลื่อนกายร่ายรำนั้นทำเอาเขาและทุกคนในบริเวณที่ได้เห็นล้วนคล้ายราวกับต้องมนต์สะกด เขาไม่คาดว่าฮูหยินตัวน้อยเช่นนางที่ชอบแต่เรื่องกระบี่วิชายุทธ แม้จะดูหัวอ่อนเชื่อฟังแต่ก็มีความดื้อรั้นเฉพาะตัวอยู่ไม่น้อย เวลานี้จะกลายเป็นโฉมสะคราญหมดจดผู้ขับร้องและร่ายรำได้อย่างดีเลิศถึงเพียงนี้ น่าโมโหอยู่นิดหน่อยจริงๆ ที่ไม่ได้มีเพียงแค่เขาที่ได้เห็นและได้เก็บความงามนี้เอาไว้ชื่นชมแต่เพียงผู้เดียว แต่ถึงจะไม่พอใจอย่างไรก็ยังมีความจริงอย่างหนึ่งที่พอจะยับยั้งความโมโหนี้ของเขาเอาไว้ได้บ้าง ความจริงที่ว่านั่นก็คือ นางเป็นฮูหยินของเขา มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถครอบครองนางได้อย่างแท้จริง
บทนำ มงคลคู่
หนึ่งขบวนรับตัวเจ้าสาว หนึ่งเกี้ยวแปดคนหามที่ถูกตกแต่งอย่างประณีตงดงามดูหรูหราไม่น้อย ด้านหน้าสุดของขบวนมีเจ้าบ่าวควบอาชานำทางด้วยท่าทีสง่างาม ตลอดเส้นทางที่ขบวนเกี้ยวเคลื่อนไปเสียงดนตรีบรรเลงนำขบวนไม่มีหยุด ท่วงทำนองครื่นเครงทำให้ดูครึกครื้นบรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนานและกลิ่นอายแห่งความมงคลเป็นสุข
สาวใช้หลายคนที่ติดตามมาพร้อมกับขบวนในมือต่างก็หิ้วตะกร้าติดมือมาด้วย ในนั้นเต็มไปด้วยลูกกวาดมงคลที่ถูกแจกจ่ายให้ผู้คนไปตลอดเส้นทาง ทุกคนที่ได้รับล้วนพากันอวยพรงานมงคลนี้กันด้วยความยินดีอย่างถ้วนหน้า
สกุลหนิงจัดงานมงคลทั้งทีย่อมไม่ธรรมดา ยิ่งเป็นงานมงคลคู่ของแม่ทัพใหญ่หนิงเฟยอวี้บุตรชายคนโตของสกุลหนิงที่มีพร้อมทั้งยศทั้งตำแหน่งย่อมต้องจัดให้ยิ่งให้สมเกียรติของทั้งสกุลหนิงและเพื่อเป็นการให้เกียรติแก่สกุลลู่ที่กำลังจะเกี่ยวดองเป็นญาติสนิทยิ่งต้องเผยให้เห็นถึงความใจกว้างจริงใจ
หากกล่าวว่าสกุลหนิงเป็นสกุลบู๋ สกุลลู่เองก็ถือว่าเป็นสกุลบุนที่เลื่องชื่อ สกุลใหญ่สองสกุลจะเกี่ยวดองกันย่อมต้องเป็นข่าวใหญ่ในเมืองหลวง กลายเป็นหัวข้อน่าสนใจให้พูดถึงกันอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
งานมงคลนี้จึงเป็นที่จับตาของคนทั่วทั้งเมืองหลวงไปโดยปริยาย
เมื่อถึงวัยการแต่งงานระหว่างชายหญิงเพื่อสร้างครอบครัวถือเป็นเรื่องปกติ แม่ทัพใหญ่หนิงเฟยอวี้ผู้นี้ปกติรับราชการทหารที่ต่างเมืองไกลจากเมืองหลวงอยู่มากครั้งนี้ได้หยุดพักนานหน่อยผู้เป็นบิดาอย่างแม่ทัพรักษาราชวังหนิงเฟิ่งจึงได้จัดการให้คุณชายใหญ่ได้แต่งภรรยาผูกผมรับลูกสะใภ้เข้าบ้าน
ส่วนด้านคุณหนูจากสกุลลู่นั้นได้ยินว่าเป็นคุณหนูสามที่อยู่บนเกี้ยวเจ้าสาว มิใช่คุณหนูใหญ่ผู้มีชื่อเสียงดีงามด้านความสามารถรอบด้านที่สตรีชั้นสูงพึงมีและรูปโฉมที่งดงามจนเป็นที่เลื่องลือผู้นั้น
คุณหนูสามลู่เข่อชิงผู้นี้ไม่ค่อยมีผู้ใดได้รู้จักพบหน้านางนัก ได้แต่พากันคิดไปว่านางจะต้องเป็นหญิงสาวที่ไม่ต่างจากท่านแม่หรือพี่สาวผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังว่าเป็นสตรีผู้เรียบร้อยอ่อนหวานเป็นยอดหญิงงามที่เหมาะสมกับการเป็นสตรีในห้องหอเป็นที่สุด
เล่าลือกันว่าตั้งเยาว์วัยก็ติดตามพี่ชายเข้าสำนักศึกษานอกเมือง กราบอาจารย์คนเดียวกัน เห็นทีจะเป็นสตรีน้อยผู้รักเรียนชอบแสวงหาความรู้เป็นสตรีล้ำค่าไม่ต่างกับท่านแม่และพี่สาวของนางเป็นแน่
ทุกคนต่างก็พากันคิดว่าคุณหนูสามสกุลลู่เป็นเช่นนั้น เป็นดั่งภาพวาดล้ำค่าอย่างใดอย่างนั้น แม่ทัพใหญ่กับคุณหนูสามสกุลลู่ช่างเป็นคู่ที่สวรรค์สร้างโดยแท้ เหมาะสมกันยิ่งกว่าอะไรเสียอีก
มีแต่คำว่า เหมาะสม เหมาะสมเต็มไปหมด
ในตอนที่เจ้าสาวก้าวออกมาจากเกี้ยวนั้น เป็นช่วงเวลาที่รอบด้านเงียบไปครู่หนึ่งเลยทีเดียว
แน่นอนว่าเพราะตกใจกับหญิงสาวที่แม้ว่าจะมีผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวคลุมเอาไว้แต่กลับทำให้รู้สึกได้ว่าใบหน้าที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวนั้นงดงามไม่ใช่น้อย รูปร่างก็อรชรอ้อนแอ่นไม่ธรรมดาเลย
เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวจับปมผ้ามงคลเดินเคียงคู่กันมาจนถึงโถงพิธี ถึงฤกษ์มงคลแล้วจึงทำพิธีสามคำนับ ต่อด้วยพิธีส่งตัวเข้าหอแล้วจึงเสร็จพิธี
แขกที่มาร่วมยินดีมีมากมายเจ้าบ่าวต้องออกไปดื่มคารวะแขกตามความเหมาะสม ส่วนเจ้าสาวรั้งให้อยู่รอที่ห้องหอเพียงลำพัง
ผ่านไปครึ่งชั่วยามด้านนอกห้องหอถึงได้มีความเคลื่อนไหว ประตูห้องหอถูกเปิดออกในเวลาต่อมา
และในเวลาเดียวกันก็มีกระบี่อ่อนพุ่งออกมาจากภายในห้อง โชคดีที่แม่ทัพหนุ่มในตอนนี้ไม่ได้เมามายจนขาดสติ เขาใช้สองนิ้วคีบกระบี่ให้หยุดได้อย่างไม่ยากนัก
“เจ้า…” ชายหนุ่มถึงกับเอ่ยไม่ออก เขาในยามนี้รู้สึกตกใจยิ่งกว่าตอนที่ถูกกระบี่พุ่งเข้ามาหาเมื่อครู่เสียอีกเมื่อเห็นว่าผู้ที่กุมกระบี่เอาไว้ในเวลานี้คือสตรีที่ใส่ชุดมงคลสีแดงปักลายมงคลไม่ต่างกันกับเขา
“ได้ยินชื่อเสียงท่านแม่ทัพมานานจึงอดไม่ได้ที่ขอถามไถ่วรยุทธ์ท่าน” หญิงสาวเจ้าของใบหน้าเปื้อนยิ้มกล่าวออกมาก่อนจะกุมกระบี่พุ่งใส่ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของนางอีกครั้ง ทั้งยังไม่ลืมที่จะกล่าวออกมาอย่างมีมารยาทอีกหนึ่งประโยค
“สามีโปรดชี้แนะด้วย”
