เล่ห์แผนรัก

84.0K · จบแล้ว
อาหลานเร่อ
47
บท
22.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เขา...โหดและเย็นชากับทุกคนแต่ทำไมกับเธอเขาถึงได้อยู่เฉยไม่ได้เมื่อต้องเจอ เธอ...เขาเป็นใครถึงกล้ามาดูถูกฉันเห็นอย่างนี้ฉันก็มีดีทั้งตัวนะยะ เมื่อเขาและเธอต้องมาแต่งงานกันจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อคนหนึ่งแสนเย็นชาส่วนอีกคนก็ดื้อไม่ยอมใคร “ใช่…ฉันเป็นภรรยาของลูกชายเจ้าของบ้านหลังนี้” เห็นท่าทีที่ชะงักและเหมือนจะตกใจกับสิ่งที่ได้ยินของอีกฝ่ายทำให้เธอไม่รอช้าที่จะพูดย้ำอีกครั้งเมื่อโดนคนตรงหน้าเอ่ยถาม “ แล้วเราก็รักกันมากด้วย…รู้อย่างนี้แล้วก็ปล่อยมือฉันซะไม่งั้นนายจะเดือดร้อน” หญิงสาวต่อรองอย่างเป็นต่อใจนึกว่าคนตรงหน้าคงจะปล่อยเธอแน่ “ฉันจำไม่เห็นได้ว่าตัวเองมีเมียตั้งแต่เมื่อไหร่” ราฟาเอลเอ่ยออกมาอย่างตั้งใจจะตอกหน้าคนตรงหน้าให้หน้าชาและก็เป็นไปตามคาด เมื่อคนตรงหน้าทำตาโตอ้าปากค้างหมดเคล้าท่าทางมั่นใจที่มีเมื่อครู่ไปจนหมด “ว่าไง…ฉันไปได้กับเธอตอนไหน” ราฟาเอลเอ่ยถามก่อนจะดึงคนตรงหน้าเข้ามาและโอบล็อกเอวไว้แน่น ไม่สนว่าหญิงสาวจะพยายามดิ้นหนี้สุดกำลังเพียงใด

นิยายรักนิยายรักโรแมนติกประธานแต่งงานก่อนรักแต่งงานสายฟ้าแลบฟินๆเศรษฐีโรแมนติก

ตอนที่ 1

ภายในโรงแรมหรูใจกลางกรุงเทพฯ บนชั้นบนสุดในห้องประธานใหญ่ของเครือคาร์ดโปรดักชั่น ที่ในเครือครอบคลุมทั้ง โรงแรม รีสอตร์ ชื่อดังทั่วโลก มีชายหนุ่มเจ้าของนัยตาสีฟ้าที่เปรียบเหมือนดั่งสีของผืนมหาสมุทรที่สุดแสนตึงใจของใครหลายคนที่ได้พบเจอ กำลังทอดกายอยู่บนเก้าอี้ทำงานราคาแพงเสียงโทรศัพท์เครื่องหรูที่คุณสมบัติสมราคาแพงของมันสั่นขึ้น ชายเจ้าของโทรศัพท์เครื่องหรูละสายตาจากเอกสารที่อยู่ตรงหน้า หยิบมันขึ้นมาดูคนที่โทรเข้ามา เมื่อพบว่าเป็น มารดาจึงกดรับสาย

“ครับแม่” ชายหนุ่มกรอกเสียงตอบรับมารดา”

“ลูกเย็นนี้มาทานข้าวเย็นกับแม่นะ”

น้ำเสียงจากคนปลายสายพูดด้วยเสียงติดจะแกล้มบังคับอยู่ในที

“คุณแม่กลับมาจากอิตาลีแล้วเหรอครับ”ราฟาเอลถามมารดาด้วยความสงสัยเพราะถ้ามารดาเอ่ยออกมาเมื่อครู่ว่าให้กลับไปกินข้าวเย็นที่บ้านแสดงว่าจะต้องกลับมาได้หลายวันแล้วเป็นแน่ เพราะปกติแล้วถ้าคุณแม่และคุณพ่ออยู่บ้านเขาจะกลับบ้านแทบทุกวัน

วันไหนงานยุ่งจริงๆถึงจะโทรไปบอกที่บ้านว่าจะค้างที่คอนโดที่อยู่ใกล้ๆแทนหรือไม่ส่วนใหญ่เขาก็จะนอนที่ทำงานซะมากกว่า ยิ่งวันนี้ถึงขนาดโทรมาตามก่อนเวลาเลิกงานด้วยซ้ำแสดงว่าแม่ของเขาจะต้องพยายามสะกดจิตตัวเองเพื่อไม่โทรงมาตามเขาจนหมดความอดทนแล้วเป็นแน่

“ใช่แม่กลับมาได้ 3 วันแล้ว…ลูกคงจะรู้หรอกก็เล่นไม่กลับบ้านทีเป็นอาทิตย์ๆ…แม่รู้ว่างานลูกเยอะแต่หยุดพักหน่อยคงไม่ทำให้โรงแรมเราเจ๋งหรอก…พนักงานเขายังได้หยุดเสาร์-อาทิตย์เจ้าของบริษัทไม่คิดจะหยุดเลยหรือไง” คุณกิ่งแก้วไล่ยาวออกมาใส่ลูกชายเติมที่จนชายหนุ่มแทบจะเอาโทรศัทพ์ออกจากหูแทบไม่ทัน

“โถ่…แม่ครับช่วงนี้ผมกำลังคิดโปรเจ็กต์เปิดตัวโรงแรมใหม่ที่ภูเก็ตอยู่ครับก็เลยไม่มีเวลา” ชายหนุ่มรู้ตัวว่าแก้ตัวอะไรไปก็คงไม่เป็นผลจึงใช้แผนอ้อนขอความเห็นใจจากมารดาบังเกิดเกล้าแทน

“ก็ได้…แม่จะยกโทษให้ถ้าราฟมากินข้าวเย็นกลับแม่วันนี้…ไม่อย่างงั้นก็เลิกเป็นแม่ลูกกันเลยตกลงไหม”จะมีสักครั้งไหมนะที่เธอจะไ ม่แพ้ต่อน้ำเสียงออดอ้อนของลูกชายตัวดี แม้จะรู้ดีว่ามันเป็นแผนเอาตัวรอดของคนที่อยู่ในสายก็ต่างที

“แม่ครับ…สาวๆงอนก็คงน่ารักแต่สำหรับแม่มันหมดเวลาที่จะมางอนแล้วครับ… แล้ววันนี้ผมมีประชุมงบประมาณของบรษัทด้วย” ราฟาเอลพูดพลางยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ไม่ค่อยจะมีให้เห็นบ่อยนัก รู้ดีว่ามารดาแพ้ลูกอ้อนของตนเสมอ

“ตาราฟนี้ลูกว่าแม่เหรอ…ไม่รู้แหละถ้าลูกไม่มาแม่จะไม่หายโกรธลูก”คุณแก้วว่าก่อนจะกดตักสายโดยไม่ฟังคำตอบ

“เฮ้อ…”เสียงราฟาเอลถอนหายใจ อย่างอ่อนใจ ใช้ช่วงนี้งานของเข้ากำลังยุ่งเพราะจะต้องเตรียมแผนงานการเปิดโรงแรมใหม่ที่ภูเก็ต ทำให้เขาไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อนเท่าไหร่ เลยนอนที่ห้องพักในโรงแรมแทนการกลับบ้านทำให้ไม่ได้เจอ บิดามาดารเลยเป็นเหตุที่ทำให้คุณแม่ที่รักน้อยใจ

“เควิน…เข้ามาหน่อย” ราฟาเอลกดโทรศัพท์ที่อยู่บนด้านซ้ายของโต๊ะทำงานตนที่มีไว้ติดต่อเฉพาะภายในบริษัทเท่านั้นกดหาเลขาคนสนิททันที

“ครับนาย” เควินไม่เรียกเขาว่าท่านประธานเหมือนที่พนักงานในโรงแรมเขาเรียกกัน เพราะเควินเป็นทั้งเลขาและบอริการ์ดคนสนิทและทำงานกับเขามาตั้งแต่เขายังไม่ได้เป็นประธานบริษัท ทีแรกเควินเริ่มงานกับเขาโดยตำแหน่งบอรีการ์ดต่อมาเขาขึ้นมาเป็นประธานจึงได้เป็นทั้งเลขาและคนสนิท เควินมีความสามารถในทางบริหารสอดส่องดูแลและการต่อสู้ที่ไม่แพ้ใคร

“เดียวนายยกเลิกประชุมงบประมาณเลื่อนเป็นพรุ่งนี้ตอนบ่ายสองแทนแล้วกัน แล้วสั่งดอกไม้ให้ฉันสักช่อ เตรียมรถให้ฉันด้วยฉันจะออกไปตอน 4 โมงเย็น” ราฟาเอลบอกเลขาด้วยน้ำเสียงหน่ายๆ

“ครับนาย” เควินรับคำพร้อมค่อมหัวเล็กน้อนก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานไป แม้จะอยากเอ่ยถามเหตุผลจากผู้เป็นนายมากเท่าไรแต่เขาก็ทำได้เพียงแค่ทำตามคำสั่งเพราเวลานี้ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้านายของเขาอยากที่จะคาดเดาอารมณ์นะตอนนี้ออกได้ ถ้าทำอะไรขัดหูขัดตาความซวยอาจจะบังเกิดขึ้นได้

“ที่รัก…ได้เวลาทานของว่างแล้วค่ะ” คุณแก้วบอกสามีพลางส่งยิ้มหวานให้ คุณกิ่งแก้วเจอกับเจอราฟเจอกันครั้งแรกตอนเจอราฟมาเมืองไทยเพื่อเปิดสาขาโรงแรมในเครือคาร์ด เมื่อ 32 ปี ก่อนเจอราฟได้ช่วยคุณแก้วจากการถูกกระชากกระเป๋าทำให้ทั้งสองเกิดรักแรกพบต่อกัน”

“ที่รักคะ…เมื่อกี้คุณกิติโทรมาว่ายังไงบ้างคะ” คุณแก้วถามอย่างสนใจในขณะกำลังหยิบคุกกี้ส่งให้สามี

“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ… แค่โทรมาบอกว่าพรุ่งนี้จะเข้ามาหาน่ะ”เจอราฟบอกแล้วยกกาแฟขึ้นดื่มรู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่ภรรยาที่น่ารักของตนเอ่ยถามถึง เพราะปกติภรรยาของเขามักจะไม่ค่อยสนใจหรือจับผิดตนเองมากนัก

ตอนที่แต่งงานกันใหม่ๆเธอบอกกับเขาว่าความรักคือความเชื่อใจกันและกัน ในเมื่อเลือกที่จะใช้ชีวิตร่วมกันก็ยอมต้องซื่อสัตย์ต่อกัน นี้แหละเป็นเหตุว่าทำไมความรักของเขาที่มีต่อเธอถึงไม่เคยลงน้อยตามกาลเวลาเลยสักนิดมันมีแต่เพิ่มขึ้นๆจนไม่อาจหยุดได้

“ดื่มแล้วสดชื่นรู้สึกหัวใจฟองโตคุณแล้วแอบใส่ความรักแทนน้ำตาลลงไปหรือเปล่า”พูดจบก็ส่งสายตาหวานให้ภรรยา”

“บ้าจริง…คุณนี่อายุปูนนี้แล้วยังจะหวานอะไรอีก” คุณแก้วอายหน้าแดงพูดแก้เขิล สามีของเธอมักจะหามุกชวนเลี้ยนมาป้อเธอตลอด มีโอกาสเมื่อไหร่เป็นต้องหยอดทุกทีตั้งแต่ตอนจีบกันจนถึงตอนนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดสักที

“อายุปูนนี้อะไรกัน…คุณสวยที่สุดสำหรับผมเสมอรู้ไหมที่รัก” เจอราฟจองมองกิ่งแก้วแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความจริงใจ เสียงแตรรถที่ดังมาจากหน้าคฤหาสน์ทำให้แก้วและสามีหยุดพูดคุยกันก่อนที่กิ่งแก้วจะเดินไปดูที่หน้าต่างเมื่อเห็นว่าเป็นรถของลูกชายผู้เย็นชาของตนก็พูดขึ้น

“ลูกชายตัวดีของคุณกลับบ้านได้สักทีนะคะ”

“เอาน่า…ที่รักช่วงนี้ลูกยุ่งๆเห็นใจลูกหน่อย” เจอราฟหัวเราะแล้วพูดอย่างยิ้มๆกับท่าที่ของภรรยา แล้วยังจะประโยชน์ประชดน้อยๆนั้นอีก ‘ลูกชายตัวดีของผมคนเดียวซะที่ไหนละลูกชายผมก็ลูกชายคุณนั้นแหละลูกรักซะด้วย’ เขาแอบคิดอยู่ในใจไม่กล้าพอที่จะพูดออกมาไม่งั้นได้โดนงอนไปหายวันแน่

“ก็ฉันมีลูกชายคนเดียวนี้…จะไม่ให้รักให้ห่วงได้ยังไง… อยากมีลูกสาวสักคนจัง” ความจริงคุณแก้วชอบเด็กผู้หญิงน่ารักๆทำให้อยากมีลูกสาวสักคนแต่เพราะร่างกายที่ไม่แข็งแรงทำให้ไม่สามารถมีลูกได้อีกถ้ามีลูกสาวสักคนคงดีเป็นแน่เด็กผู้หญิงน่ารัก ขี้อ่อน และแสดงออกความรักมากความผู้ชายซะอีก

“แต่ไม่เป็นไรเพราะฉันคิดวิธีการมีลูกสาวไว้แล้ว ไม่ต้องเสียเวลารอให้โตเป็นสาวด้วย” คุณแก้วพูดแล้วอมยิ้มก่อนจะเดินออกจากห้องไป

“ยังจำทางกลับบ้านตัวเองได้เหรอตาราฟ” น้ำเสียงประชดดังออกมาจากทางบันไดทางขึ้นชั้นสองของคฤหาสน์

“โถ่คุณแม่ครับอย่าประชดอย่างนี้สิครับ” ราฟาเอลเดินเข้าไปสวมกอดมารดา เขาในสายตาใครอาจจะดูเย็นชาและโหดร้ายแต่กับพ่อแม่เขาไม่เคยที่จะปล่อยปะละเลยท่านสักครั้งเพราะรู้ว่าท่านทั้งสองคือคนที่รักและห่วงใยเขามากที่สุด เขาจึงให้ความสำคัญกับครอบครัวก่อนเสมอ

“นี่ครับดอกไม้สำหรับคุณแม่ที่รักของผม” พูดจบก็ก้มลงหอมแก้มคุณแก้วหนึ่งที

“ไม่ต้องเอาดอกไม้มาล่อแม่เลยนะลูกคนนี้นิ ไปอาบน้ำได้แล้วไปจะได้ลงมาทานข้าว แม่ว่าจะเข้าไปดูเด็กๆในครัวสักหน่อย” คุณแก้วพูดก่อนจะผละออกจากอ้อมกอดลูกชาย

“ครับคุณแม่ที่รัก” ราฟาเอลหันมาจุ๊บแก้มมารดาอีดที่ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปทางห้องตัวเอง

ภายในท่าอากาศยานแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพฯ มีหญิงสาวหน้าตาน่ารักโดดเด่นเป็นที่จับตามองของคนที่เดินผ่านเข้า-ออก กำลังก้าวเดินออกจากช่องทางออกผู้โดยสารอย่างมั่นคง เธอตรงไปยังทางออกของท่าอากาศยานเพื่อมองหารถแท็กซี่ที่มีให้ใช้บริการอยู่บริเวรใกล้ๆ

“ไม่ทราบว่าจะไปไหนครับ” เสียงคนขับแท็กซี่ดังขึ้นถามขณะที่กำลังจะยกกระเป๋าเดินทางเข้าท้ายรถ

“ไปหมู่บ้านพรรณณีบ้านหลังที่ 10 จ้ะ” ลลิตาบอกจุดหมายที่ตนต้องการจะไปแก่คนขับรถแท็กซี่ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่ง

“อีกแค่ไม่ถึงชั่วโมเธอก็จะเจอคนที่เธอคิดถึงแล้ว…ลิต้าอีกแค่แป๊ปเดียวเท่านั้น” เธอบอกกับตัวเองด้วยสีหน้าเปื่อนยิ้มอย่างมีความสุข เวลา 2 ปี ที่เธอจากมามันชั่งเป็นเวลาที่แสนยาวนานเหล่าเกิน

“เท่าไหร่คะ” ลลิตาถามคนขับแท็กซี่เมื่อถึงที่หมาย เธอแทบจะกระโจนลงจากรถด้วยถ้าไม่ติดว่าคนขับรถจะตามไปฆ่าเธอ ข้อหาไม่ยอมจ่ายค่าโดยสาร

“200 บาทครับ”คนขับรถบอกก่อนจะออกไปช่วยยกกระเป๋าลงจากท้ายรถให้ลลิตา เมื่อเห็นว่าเธอมีท่าทีรีบร้อนละคนตื่นเต้นดีใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด

“นี่จ้ะ ขอบใจมากนะจ้ะ”ลลิตาส่งเงินให้คนขับแท็กซี่ และเดินลากกระเป๋ามาที่หน้าประตูรั้ว ก่อนจะเอื้อมมือไปกดกริ่งเพื่อบอกคนในบ้านว่ามีคนมา เธอมองรอดเข้าไปยังบริเวรบ้านที่พอจะมองรอดรั้วไปได้นิดหน่อยด้วยความระทึก

“ค่ะ…มาแล้วค่ะ…คุณมาหาใครคะ” เป็นปาลีที่พึ่งกับมาจากออกไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อที่อยู่ในหมู่บ้านพอดี เธอกำลังจะเข้าบ้านแต่ได้ยินเสียงกริ่งซะก่อนจึงว่าของไว้ที่หน้าประตูบ้านก่อนจะตะโกนบอกคนที่กำลังกดกริ่งอยู่หน้าบ้านและรีบสวมรองเท้าก่อนจะมองออกไปที่ประตูรั้วเพื่อจะมองว่าใครเป็นคนกดกริ่งแต่เพราะประตูรั้วที่เป็นตรางๆทำให้เธอมองไม่เห็นตัวของผู้ที่มากดกริ่งที่ตอนนี้คงกำลังยืนรออยู่เลยสักนิด