เกิดใหม่ยุค80 กุลสตรีอย่างข้าจะพารวยเอง

257.0K · จบแล้ว
เฟยจูจู
122
บท
253.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

อดีตชาติ เธอเพิ่งแต่งงานได้ไม่นานก็หนีจากตระกูลเฉิง สุดท้ายมีจุดจบอย่างอนาถ ฟ้าประทานมาโปรด เธอเกิดใหม่ไปยังคืนวันแต่งงานอีกครั้ง ผู้ที่นั่งอยู่หัวเตียงยังคนเป็นชายผู้หล่อเหลาเย็นชาเช่นเคย หลังจากนั้นเป็นต้นมา เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ของเซวียหลิงคือการที่ได้แสวงหารักจากสามีผู้ที่ภายนอกเย็นชาแต่ภายในกลับร้อนรุ่ม ใช้ชีวิตที่สวยงามกับเขา แล้วยังจะให้เขามีลูกลิงเป็นโขยงกับเธอด้วยเลย!!

นิยายย้อนยุคปลูกผักฟินๆรักหวานๆยุค80

บทที่ 1 เกิดใหม่

ท่ามกลางความมืดสลัว เซวียหลิงตื่นขึ้นมาจากความสับสนงัวเงีย

ที่นี่ที่ไหน?

บ้านอิฐดินที่เหมือนเคยรู้จักมาก่อน มันเก่าชำรุดเกินทน หน้าต่างล้าสมัยแปะด้วยตัวอักษร"สี่"*ขนาดใหญ่สีแดงสดคู่หนึ่ง โคมระย้าขนาดเล็กสีเหลืองสลัวเปล่งแสงสีแดงเจือจาง

เธอนอนบนเตียงไม้ใหม่เอี่ยมแต่งานหยาบไม่ประณีต คลุมด้วยผ้าห่มมงคลสีแดงผืนบาง ปลายเตียงมีชายหนุ่มเจิดจ้าหน้าตาดีสูงโปร่งนั่งอยู่

เซวียหลิงตกตะลึง!

เขา......คือเฉิงเทียนหยวน!!

นั่นเขา!

เขาจริงๆ ด้วย!

เฉิงเทียนหยวน พี่ข้างบ้านที่ตอนเด็กรักและปกป้องเธอ สามีที่แต่งงานกับเธอแต่กลับเป็นพ่อหม้ายตลอดชีวิต ผู้ที่คอยดูแลเธอที่ป่วยหนักเงียบๆ ผู้ชายแสนดีที่กุมมือเธอจนกระทั่งเธอหมดลมหายใจ......

เซวียหลิงนั่งขึ้นมา มองบ้านอิฐดินอันน่าปีติยินดีทันที สัมผัสชัดเจนทุกอย่าง รวมถึงความอบอุ่นของผ้านวมผืนบางบนร่างกาย ทำให้เธองุนงงอย่างแท้จริง!

นี่เธอเกิดใหม่งั้นเหรอ?!

เกิดใหม่ในคืนวันแต่งงานของเธอกับเขา!

อาจจะเป็นเพราะผลบุญตั้งแต่ชาติปางก่อนได้รับการตอบแทนในที่สุด พระเจ้าเมตตาเธอ มอบโอกาสให้เธอได้กลับมาใช้ชีวิตอีกครั้ง

เซวียหลิงคิดถึงตรงนี้ น้ำตาก็ไหลพรากนองหน้าทันที

ในขณะนี้ ชายหนุ่มสูงโปร่งที่นั่งนิ่งอยู่ที่ปลายเตียงหันหน้าเย็นชามา

"เธอโวยวายพอหรือยัง? ถ้าเธอไม่ยอมจริงๆ ฉันจะหาโอกาสหย่ากับเธอทีหลัง คนอย่างเฉิงเทียนหยวนมีจิตใจเด็ดเดี่ยว จะไม่บังคับผู้หญิง!"

เซวียหลิงลุกลี้ลุกลนเงยหน้าขึ้นมอง----คืนแต่งงานชาติที่แล้ว เขาก็เอ่ยปากแบบนี้เช่นกัน

จากนั้นเธอก็โกรธด่าสาปแช่ง เขวี้ยงปาสิ่งของ ถึงขนาดลงมือตีเขา เขาโกรธจนหันหลังเปิดประตูก้าวเท้าเดินออกไปอย่างรวดเร็ว

จนกระทั่งการแต่งงานสิ้นสุด ก็ไม่สนใจเธอเลย และไม่เคยแตะต้องเธอด้วย

เธอไม่ยินไม่ยอมแต่งงานเข้าหมู่บ้านภูเขาเล็กๆ แห่งนี้จากเมืองหลวง ตัวสั่นโคลงเคลงระหว่างทางมาสามสี่วัน กินนอนก็ลำบาก

เพิ่งลงจากรถ ผู้คนมากมายรุมล้อมเธอพลางพูดเจื้อยแจ้วไม่หยุด ทั้งทำความรู้จักญาติทั้งทำพิธีปลุกห้องเจ้าสาว เธอที่ทั้งเหนื่อยและหงุดหงิดก็ทำหน้าเย็นชาทำเสียงทุ้มต่ำไม่พูดอะไรเลย จนกระทั่งแขกไปหมดแล้ว ก็รู้สึกอารมณ์เสียกับคนในตระกูลเฉิง จึงทั้งด่าทั้งโวยวาย แถมไม่ยอมทำพิธียกน้ำชาให้พ่อแม่สามี เข้าห้องแล้วหลับไปเลย

กลับมาเกิดใหม่ในช่วงเวลานี้ เธอจะทำพลาดกับเขาอีกไม่ได้แล้ว ทำลายความสุขในชีวิตนี้ไม่ได้แล้ว

"เฉิงเทียนหยวน นาย----" เธอกำลังจะเอ่ยปาก

ชายหนุ่มจ้องเธออย่างเย็นชาโดยไม่คาดคิด แล้วพูดเสียงเข้ม "ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น เมื่อกี้เธอยังด่าไม่พอเหรอ?"

พูดจบ เขาก็หันหลังเดินไปที่ห้องน้ำหลังบ้านด้วยสีหน้าไม่พอใจ

สภาพการเงินและสถานะทางสังคมของสองครอบครัวก็ต่างกันมากแล้ว เขารู้ว่าการแต่งงานครั้งนี้ทำให้เธอลำบากใจ แต่เมื่อครู่นี้เธอไม่เพียงแต่ไม่ทำพิธียกน้ำชาให้พ่อแม่ แต่ยังพูดจารุนแรงไม่น่าฟังอีก----มันเกินไปแล้วจริงๆ!

ถ้าพ่อแม่ไม่ได้เกลี้ยกล่อม ร้องไห้อ้อนวอนขอให้เขาแต่งงานกับคู่หมั้นคนนี้ เขาก็ไม่อยากจะก้าวเข้าประตูตระกูลเซวียเลยสักนิด

ถ้าเธอไม่ยอมแต่งงานกับเขา ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะไม่บังคับเธอ

คุณพ่อเสียแขนข้างหนึ่งไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน อายุมากแล้ว สุขภาพร่างกายก็ยิ่งแย่

เกิดอาการหนาวสั่นช่วงก่อนหน้านี้ ไปหาหมอกินยาไปเยอะมากก็ไม่ดีขึ้น คุณแม่เชื่อฟังคำพูดผู้สูงอายุในหมู่บ้าน ร้องไห้โทรศัพท์ให้เขารีบกลับบ้านมาแต่งงาน ทำพิธีล้างความอัปมงคลเพื่อครอบครัว

หลังจากเรียนจบมัธยมปลาย สภาพการเงินในครอบครัวก็แย่มากจริงๆ เขาเก็บหนังสือแจ้งเข้ารับเรียนมหาวิทยาลัยโดยไม่ลังเล แล้วรีบไปทำงานพาร์ทไทม์ที่สหกรณ์ร้านค้า*ในอำเภอ

ที่นั่นกินฟรีอยู่ฟรี ค่าจ้างทุกเดือนของเขาส่งกลับบ้านโดยที่ไม่แตะต้องมันเลย น่าเสียดายที่สุขภาพร่างกายคุณพ่อแย่เกินไป หาหมอเกือบทุกวัน สภาพการเงินในครอบครัวก็เลยยากจนข้นแค้นอยู่เสมอ

คุณแม่ก็เป็นผู้หญิงชนบทที่ซื่อตรงขี้อาย เชื่อฟังคำพูดผู้สูงอายุในหมู่บ้าน บอกว่าการแต่งงานใหม่จะล้างความอัปมงคลในครอบครัวได้ และรู้สึกว่าเขาอายุยี่สิบห้าปีแล้ว จะยืดเยื้อการแต่งงานอีกไม่ได้ จึงหน้าด้านติดต่อตระกูลเซวียในเมืองหลวงไป

ความยากลำบากอะไรชายแกร่งทนได้หมด แต่ทนน้ำตาของคุณแม่ไม่ได้

รีบลางานกลับบ้าน ไปที่เมืองหลวงเพื่อขอแต่งงาน กลับมาก็รีบเร่งเตรียมงานแต่งงาน นอกจากนี้ยังดูแลคุณพ่อที่ป่วยหนัก กว่าจะได้ว่าง เจ้าสาวที่เพิ่งแต่งเข้ามากลับโวยวายใหญ่โต

นี่คือผู้หญิงที่ใช้ชีวิตได้เหรอ? แถมยังล้างความอัปมงคล?!

เฉิงเทียนหยวนแค่นหัวเราะ เปิดก๊อกน้ำเติมน้ำ น้ำบ่อเย็นสบายชำระล้างใบหน้าและร่างกาย ถือว่าดับความโกรธที่ร้อนรุ่มในใจลงไปได้บ้าง

เซวียหลิงที่อยู่ในห้องเร่งรีบกระโดดลงจากเตียง วิ่งไปที่โต๊ะเครื่องแป้งล้าสมัยที่มุมห้อง แล้วก้มลงไปมอง

ผิวหญิงสาวในกระจกขาวใสนุ่มนวล ใบหน้าเต็มไปด้วยคอลลาเจนวัยเยาว์ โครงหน้าสวยวิจิตร----คือเธอในวัยยี่สิบปีจริงๆ!

เธอก้มลงไป เห็นสัดส่วนโค้งเว้า กดบริเวณหน้าอกอย่างไม่อยากจะเชื่อด้วยซ้ำ

พระเจ้า! เธอเกิดใหม่จริงๆ!!

ชาติที่แล้ว เธอขาวรวยสวย ผิวสวยขาเรียวยาว หน้าตาสวยและมีเสน่ห์ หุ่นเซ็กซี่ร้อนแรงตามแบบฉบับ เป็นคุณหนูตระกูลดีอีกด้วย

ถ้าไม่โดนผู้ชายห่วยโกงเงิน เธอก็คงไม่เหน็ดเหนื่อยเกินไป จนแก่ก่อนวัย หุ่นเปลี่ยนไปมาก ต่อมาก็ป่วยหนักอีก สุดท้ายก็มีจุดจบน่าอนาถ

ได้รับพรจากพระเจ้า เธอสามารถกลับมาสู่วัยยี่สิบปีที่งดงามที่สุด!

เซวียหลิงตื่นเต้นอย่างยิ่ง กลั้นน้ำตาในดวงตา มองบ้านอิฐดินที่ชาติก่อนถูกเธอรังเกียจเดียดฉันท์ หัวใจก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายความคิดถึง

ในเวลานี้ ประตูห้องน้ำก็เปิดออก

สามีของเธอที่เพิ่งแต่งงานกันเดินออกมา สวมเสื้อเชิ้ตผ้าไนลอนตัวบาง ใบหน้าหล่อเย็นชามีไอน้ำหลังอาบน้ำ

เฉิงเทียนหยวนตัวสูงใหญ่ สูงหนึ่งร้อยแปดสิบกว่า ทั้งหล่อทั้งสูง ผิวสีแทนสม่ำเสมอสุขภาพดี แผ่นหลังกว้างกำยำ ไหล่กว้างเอวแคบ----คำศัพท์ชมสมัยใหม่เรียกว่าพี่ชายสุดเท่ผู้เย็นชา

เซวียหลิงแอบกลืนน้ำลาย

ชาติที่แล้วเธอต้องสมองมีปัญหาแน่ๆ ถึงได้ทิ้งพี่ชายสุดเท่คนนี้แล้วไปคบกับลูกพี่ลูกน้องหน้าละอ่อนผู้บอบบาง----ต้องเป็นอย่างนั้นแน่!

โชคดี วัวหายต้องล้อมคอก

เฉิงเทียนหยวนเหลือบมองเธออย่างเย็นชา แล้วหันหลังก้าวเท้าเดินออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว

"เดี๋ยวก่อน!" เซวียหลิงเรียกเขาไว้ แต่ไม่รู้ควรพูดอะไรสักพักหนึ่ง ก็ถามขึ้นด้วยเสียงลังเล "นายจะไปไหน?"

เฉิงเทียนหยวนไม่หันศีรษะกลับมา พูดเสียงเย็นชา "ไปนอนที่ห้องเก็บฟืน"

ดวงตากลมโตเซวียหลิงเบิกกว้าง แล้วพูดขึ้นเสียง "ไม่ให้ไป! นี่คืนงานแต่งของเรา นายจะไปนอนที่ห้องเก็บฟืน----นายหมายความว่าไงฮะ?"

เธอพูดจาค่อนข้างโผงผางโดยธรรมชาติ แต่เธอเป็นพวกปากร้ายใจดีตามแบบฉบับทั่วไป

เฉิงเทียนหยวนหันใบหน้าหล่อมาด้วยความโมโห แล้วพูดเสียงเข้ม "เมื่อกี้ใครบอกกับฉันล่ะว่าหล่อนไม่สนใจฉัน เพราะหล่อนไม่อยากแต่งงานกับฉันเลย?! เธอไม่ต้องห่วงนะ ฉันก็ไม่อยากแตะต้องเธอสักนิด! ห้องนี้ให้เธอ ฉันจะไปนอนที่ห้องเก็บฟืน"

เซวียหลิงเห็นเขาเปิดประตูจะเดินออกไป ก็ร้อนรุ่มในใจ รีบพุ่งไปข้างหน้า กอดแขนเขาไว้อย่างลืมตัวไปชั่วขณะ

"นาย......ไปไม่ได้นะ!"

เฉิงเทียนหยวนเติบโตมาในชนบท ประเพณีของชาวบ้านในหมู่บ้านช่วงต้นยุคแปดศูนย์ไม่ได้มีวิวัฒนาการขนาดนั้น

สมัยก่อนเขายุ่งกับเรียนทำไร่ทำนา ต่อมาก็ยุ่งกับการทำงาน แล้วรู้ว่าตัวเองมีสัญญาการแต่งงานกับตระกูลเซวียตั้งแต่เด็ก เลยไม่เคยคบกับเด็กผู้หญิงมาก่อน เมื่อถูกเธอกอดแบบนี้ ก็แข็งทื่อไปทั้งร่างทันที!

หูเขาแดงนิดหน่อย แล้วพึมพำเสียงทุ้ม "ปล่อย!"

เซวียหลิงเห็นว่าตัวเองสูญเสียการควบคุม จึงรีบปล่อยเขา แต่ยังคงไม่ให้เขาออกไป

ไม่ว่ายังไงก็ตาม คืนนี้จะไม่ให้เขาไปนอนที่ห้องเก็บฟืน

ชาติที่แล้วเธอไม่สนใจเขา อยากให้เขาอยู่ห่างๆ ตัวเอง ถึงขนาดไล่เขาไปนอนข้างนอกด้วยซ้ำ

เช้าวันต่อมาเพื่อนบ้านละแวกนั้นก็มาหาเจ้าสาวเพื่อรับขนมมงคล เห็นเจ้าบ่าวโดนเตะออกจากห้องหอ ก็ต่างคนต่างนินทา โวยวายจนคนทั้งหมู่บ้านตระกูลเฉิงรู้กันหมด บางคนยังหัวเราะเยาะว่าเขาไร้ความสามารถต่อหน้าเขาด้วย

ไม่มีชายคนไหนทนความอัปยศนี้ได้ ยิ่งทำให้เฉิงเทียนหยวนโกรธเธอ คนในตระกูลเฉิงก็แอบไม่พอใจเธออย่างมากเช่นกัน