นิยาย
เมียเด็ก(ใน)สมรส
“พะ…พอเท่านี้เถอะนะคะ สาไม่ไหวแล้ว” มาริษาขอร้องด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา รู้ว่าเปอร์เซ็นต์ที่แทนคุณจะเห็นใจแทบไม่มีก็ตาม แต่เธอก็อยากลองเสี่ยงดูอีกสักครั้ง ร่างกายโรยราเต็มที จนเธอรู้สึกเริ่มไม่ไหว เมื่อถูกคนพี่ทำรุนแรงเกินไป “ฉันไม่เคยหยุดแค่ครั้งเดียวเธอก็น่าจะรู้ดีหนิ ทำไมถึงยังกล้าร้องขอในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อีก” “สักครั้งก็ไม่ได้เหรอคะ?” “หน้าที่เมียอย่างเธอ คืออ้าขาให้ฉันเอา…แค่นั้น” “…” มาริษาหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า รู้สึกชาหนึบที่หัวใจทันที หลังจากประโยคเลือดเย็นของผู้ชายที่รัก ส่งผลให้น้ำตาล้นปริ่ม หยุดแหมะลงบนหมอนหยุดแล้วหยุดเล่า ไม่มีท่าที่ว่าจะแห้งเหือด
ตกหลุมรักยัยเด็กฝึก
" คุณเข้ามาได้ยังไง คุณเป็นพนักงานที่นี่หรือไง? " คริสต้าเลิกคิ้วถามน้ำเสียงดุ ท่าทางดูตกใจไม่น้อยที่เห็นเธออยู่ในห้อง " อะ..เออ ฉันเอาเอกสารนี้มาให้รองประธานน่ะคะ " ฉันตอบไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักรู้สึกว่าตัวเองประหม่าอยู่ไม่น้อยที่ได้อยู่กับเขาสองคนอีกครั้ง " เมื่อกี้ไม่ได้ยินที่ถาม? " " ไม่ได้เป็นค่ะ แต่พี่พนักงานขอให้เอามาให้ " " ชั่งใจดีจริงนะ " คริสต้าพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันพร้อมกับค่อยๆ เดินตรงเข้ามาหาเรด้าช้า ๆ จนเธอต้องก้าวถอยหลังหนีทีละก้าว " ถะ...ถอยออกไปหน่อยได้ไหมคะ " เขาเดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ทำให้ฉันต้องเดินถอยหลังหนี จนกระทั่งบั้นท้ายแนบติดกับขอบโต๊ะทำงาน " ถ้าบอกว่าไม่ละ " คริสต้าแสยะยิ้มร้ายมุมปาก แล้วค่อยๆ โน้มตัวลงมาหาเรด้าพร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างค้ำยันบนโต๊ะไว้ จนเรด้าต้องโน้มตัวลงตามอย่างเลี่ยงไม่ได้ " จะ ... จะทำอะไรคะ? " ฉันถามออกไปด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักอีกครั้งพร้อมกับหัวใจที่มันสั่นแรงขึ้นราวกับมันจะหลุดออกมาอย่างไงอย่างงั้น เพราะตอนนี้ฉันถูกเมนเทอร์คริสต้าขังไว้ด้วยท่อนแขนแกร่งทั้งสองข้าง " คุณกับผมนี่มีเรื่องให้ต้องอยู่กันสองคนบ่อยนะ " " ถอยออกไปได้ไหมคะ " " รีบไปไหนล่ะ คุณอุตส่าห์มีน้ำใจเอาเอกสารมาให้ผมแทนพนักงานคนนั้นนะ " " คุณเป็นรองประธานที่นี่เหรอคะ? " ฉันถามด้วยใบหน้า งุนงง ไม่คิดว่าเมนเทอร์คริสต้านอกจากเป็น คนดัง แล้วยังเป็นถึงรองประธานบริษัทของช่องทีวี " ผมไม่จำเป็นต้องตอบคำถามคุณ " คริสต้าพูดเสียงเรียบขณะเดียวกันก็ขยับตัวออกไปพร้อมกับดึงเอกสารจากมือของเรด้าไปหน้าตาเฉย " งั้นขอตัวก่อนนะคะ " พรึ่บ "อ๊ะ!" ขณะที่ฉันกำลังจะก้าวเดินออกไป เมนเทอร์คริสต้ากลับกระชากข้อมือของฉัน ให้เข้าไปประชิดกับแผงอกแกร่ง โดยที่ฉันยังไม่ทันได้ตั้งตัว แล้วตอนนี้ฉันก็อยู่ในอ้อมกอดของคนตรงหน้าเป็นที่เรียบร้อย
เมินรัก
" ไอ้พรีน มือขวามึงเป็นน้องชายไอ้ธันหรือเปล่าวะ? ตั้งแต่กูเป็นเพื่อนมึงมา กูสามารถนับคำพูดจากปากมันได้เลยว่ะ " แพททริคเอ่ยถามก่อนจะจิบไวน์ไปด้วยพลาง ๆ " นั่นดิ " " พวกมึงจะอยากเสือกเรื่องของมันทำไมวะ? " " กูอยากรู้ไม่ได้? " แพททริคเลิกคิ้วถามอย่างกระแนะกระแหน " นิสัยมันก็อย่างเนี่ยแหละไม่ถามหรือไม่สั่งอะไรมันก็ไม่พูด " " ไปเป็นลูกน้องไอ้ธันน่าจะดี " กรพูดพลางกระดกไวน์เข้าปากอึกใหญ่ " แล้วมันจะกลับมาไทยเมื่อไหร่ ? " " เมียมันกลับมาเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นหรอกมั้ง " " ไอ้พรีนมึงไม่ต้องไปอยากรู้เรื่องของไอ้ธันเลยไอ้สัส! ห่วงตัวมึงเองเถอะ แม่งเมียในอนาคตมึงรู้ได้ไงก็ไม่รู้ว่ากูเป็นเพื่อนมึง " " อะ...แอ๊ก! " ปังง ! ประโยคของกร ทำให้พรีนที่กำลังกระดกไวน์เข้าปากสำลักออกมาหน้าดำหน้าแดง ก่อนจะวางแก้วกระทบกับโต๊ะเสียงดังพร้อมกับหยิบทิชชู่มาเช็ดปากทันควัน " ถึงกับสำลักเลยว่ะไอ้สัส " แพททริคเอ่ยแซวอย่างขบขำ " กูบอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ใช่เมียในอนาคตกู!!! " " ไม่ใช่ตอนนี้ไงไอ้ควาย!! " " แรงว่ะไอ้กร " " กูไม่มีทางเอายัยเด็กแรดที่วิ่งเข้าหาผู้ชายก่อนอย่างนั้นมาเป็นเมียกู! " พรีนโพล่งขึ้นเสียงดุดันอย่างโมโห " เออ กูจะคอยดู " ประโยคเย้ยหยันของกรทำให้พรีนเสียอารมณ์ไม่น้อยเขาใช้ปลายลิ้นดันกระพุ้งแก้มตัวเองอย่างหงุดหงิด ก่อนจะหยิบแก้วไวน์ขึ้นมากระดกเข้าปากรวดเดียวหมดอีกครั้ง " ไหนมึงเล่ามาสิไอ้กร " " เมื่อวานยัยเด็กนั่นมาสนามแข่งกูพอเจอกูเท่านั้นแหละแม่งตะโกนเรียกชื่อกูเสียงดัง แถมยังพรวดพราดวิ่งเข้ามาถามหามึงจากกูอีก ดีนะมีการ์ดกันไว้ " " แล้วมึงได้อยู่คุยกับน้องมันไหม? " " ไม่..กูรีบหนีออกมาก่อน ขนาดกูมาไกลแล้วยังได้ยินเสียงว่ะดังฉิบหาย ยัยเด็กนั่นแม่งของจริง! " " ยัยแรดมันรู้ได้ไงวะ แม่งตัวอันตรายสำหรับกูจริง ๆ " " เอาแล้วไอ้พรีนจะมีเมียเป็นรายต่อไปปะวะเนี่ย ฮ่า ๆๆ " " ไอ้แพทมึงดูปากกูนะ กู-ไม่-มี-ทาง-เอา-ยัย-เด็ก-แรด-แบบ-นั้น-มา-เป็น-เมีย-กู-เด็ด-ขาด!!! " พรีนเอ่ยปากทีละคำด้วยท่าทางจริงจัง " แล้วแต่มึงล่ะกัน มึงก็เลิกหนีน้องมันได้ละกูเห็นมึงไปฮ่องกงเมื่อไหร่เกี่ยวกับน้องมันตลอด " " กูรำคาญไม่อยากเจอไม่อยากคุย!!! " " กูว่าอีกไม่นานบ้านมึงยัยเด็กนั่นมันต้องหาเจอแน่ ขนาดพวกกูเป็นเพื่อนมึงน้องมันยังรู้เลย " พรีนถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่อย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะเอาแต่กระดกไวน์เข้าปากใบหน้าอันหล่อเหลาดูเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด
เมียรักมาเฟีย(เจ้าชู้)
“งั้นจินขออะไรเฟิงอีกอย่างหนึ่งได้ไหม เรื่องนี้จริงจัง” “ว่ามาได้เลยครับคนสวย” “เลิกยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงทุกคน มีเมียแล้วต้องซื่อสัตย์กับเมียแค่คนเดียว พอจะทำจริง ๆ จัง ๆ ได้ไหม ไม่ใช่รับปากแค่ให้ผ่าน ๆ ไปเหมือนทุกครั้งที่จินจับได้อะ” “…” คำขอของจินหมี่ทำเอาเฟิงเฮยใบหน้าถอดสี แววตาเลิ่กลั่กอย่างฉับพลัน เพราะเมื่อไหร่ที่เธอหยิบยกเรื่องผู้หญิงที่เขาแอบชุ่มคบมาพูด แสดงว่าเธอต้องได้ข้อมูลอะไรมาบางอย่าง “ตั้งแต่ที่เฟิงรับปากกับจินเมื่อสองเดือนก่อน เฟิงก็ไม่ได้อะไรกับผู้หญิงพวกนั้นแล้วนะ นอกซะจากจะบังเอิญเจอกัน แค่บังเอิญเจอกันนะจิน ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น” “คนดีชอบแก้ไข คนหลายใจชอบแก้ตัว!” “เฟิงไม่หลายใจนะ มีหัวใจดวงเดียวแต่มีสี่ห้อง” น้ำเสียงคึกคักเอ่ยอย่างหยอกเย้า แต่คนเป็นเมียกลับไม่ขำด้วย หนำซ้ำยังง้างกำปั้นเล็ก ๆ ขึ้นพร้อมตะบันหน้าผัวที่พูดจาไม่เข้าหู “นี่!ยังทำเป็นเล่นอีกเหรอ!” “ใจเย็น ๆ สิจ้ะคนสวย อย่าพึ่งโมโห ยังพูดไม่จบเลย…” มือหนาเลื่อนมากุมมือเล็กแน่น “…เฟิงจะพูดต่อว่า ทั้งสี่ห้องหัวใจยกให้จินไปหมดแล้ว และ จินคือผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เป็นทั้งรักแรก และรักสุดท้ายของเฟิง ไม่ได้พูดเพื่อเอาใจ แต่เพราะอยากให้จินรู้ไว้ว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เฟิงก็รักจิน รักมาก…มากกว่าชีวิต” “…” ประโยคหวานซึ้งเหล่านั้น จินหมี่เชื่อโดยไร้ข้อกังขา ตลอดสิบกว่าปีที่รักกันจนกระทั่งวันนี้ เฟิงเฮยยังคงดูแลเอาใจใส่เธอเสมอต้นเสมอปลายเหมือนเดิม ถึงจะทะเลาะกันบ้าง แต่เธอก็มั่นใจในความรักที่เขามอบให้ เฟิงเฮยทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวดีทุกอย่าง เสียอย่างเดียวนิสัยเจ้าชู้ ที่เริ่มออกลายให้เห็นหลังจากแต่งงานได้หนึ่งปี ถึงอย่างนั้นเธอก็เลือกปล่อยผ่าน แม้จะต้องหวาดระแวงแทบทุกครั้งที่เขาคาดสายตาก็ตาม แต่เพราะรักเพียงคำเดียวเธอถึงยอมทน “จินเองก็รักเฟิงมากเหมือนกัน เพราะงั้นเลิกอย่างเด็ดขาดเลยได้ไหม จินไม่อยากเลิกกับเฟิง อยากอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า” คำขอร้องแกมข่มขู่กลาย ๆ ของจินหมี่ที่ดูจะจริงจังกว่าทุกครั้ง ทำให้เฟิงเฮยรู้สึกกลัวเป็นพิเศษ อีกทั้งยังหวิว ๆ ที่ใจแปลก ๆ จนเผลอรอบกลืนน้ำลายลงท้องอึกใหญ่ “ว่ายังไง?” เพราะเห็นว่าไม่มีคำตอบจากเฟิงเฮย ฉะนั้นจินหมี่จึงถามขึ้นมาใหม่ สร้างความกดดันให้เฟิงเฮยเป็นอย่างมาก ที่เขายังไม่เอ่ยตอบรับออกไปในทันที เพราะกลัวทำไม่ได้
เผลอใจรัก( Fall in love )
เพียะ! ฝ่ามือเรียวเล็กอีกข้างที่ว่างอยู่พาดเข้าแก้มสากของชายร่างสูงอย่างจัง จนใบหน้าอันหล่อเหลาหันไปตามแรงตบ เธอจึงใช้จังหวะนั้นสะบัดข้อมืออีกข้างออกพร้อมกับออกเสียงก่นด่าสองตาจ้องเขม็ง “หน้าตาหล่อซะเปล่า! ปากดันสกปรก โสโครก หยาบคาย…ไอ้ปากลามก!” “..” ทินกรยกฝ่ามือขึ้นมาลูบบริเวณแก้มสากที่ถูกตบเบา ๆ พร้อมกับดันปลายลิ้นเข้าหากระพุ้งแก้มอย่างใจเย็น แม้ว่าการกระทำและคำพูดของหญิงสาวตรงหน้าจะทำให้เขาหงุดหงิดก็ตาม อีกทั้งยังรู้สึกเจ็บแป๊บ ๆ ก่อนจะกลายเป็นอาการชา แต่เขาก็ยังข่มอารมณ์โทสะของตัวเองเอาไว้ “พึ่งมาทำงานได้วันแรกก็ปากเน่าใส่ลูกค้าแล้วนะแม่สาวน้อย แถมยังกล้าตบหน้าฉันอีก รู้ไหมไม่มีผู้หญิงคนไหนหรือใครหน้าไหนกล้าตบฉัน “มุมปากหนาเหยียดยิ้มจ้องมองหญิงสาวด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ถึงเธอจะหยิ่งยโสมากแค่ไหน แต่ทว่าใบหน้าน่ารักแก้มป่องของเธอดันทำให้เขาถูกใจ จนเขาสามารถมองข้ามความผิดที่เธอทำไปได้ไม่ยาก “บอกทำไมไม่อยากรู้! โดนแค่ตบยังน้อยไปด้วยซ้ำกับการกระทำเสียมารยาทของนาย! ไอ้ปากลามก! “พิรดากอดอกพร้อมกับเชิดหน้าขึ้นเอ่ยปากยอกย้อนมาเฟียหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่เกรงกลัว เธอรู้แค่ว่าเธอไม่ได้ผิดอะไร จึงไม่จำเป็นต้องเกรงใจหรือหวาดกลัวเขา หนำซ้ำยังรู้สึกไม่ถูกชะตากับรอยยิ้มและสายตาเจ้าเล่ห์ที่เขามองมาโดยไม่รู้สึกผิด “ยังไม่ทันได้เริ่มงานปากดีซะแล้วนะยัยหนู อยากรู้ว่าถ้าโดนคxยฉันกระแทกปากเล็ก ๆ ของเธอจะยังปากดีอย่างนี้ไหม” “อี๋~ไอ้ทุเรศ พูดออกมาได้ยังไงไม่อายปาก “
Love Secret รัก(ลับ)ร้าย
" เธอเลือกเองนะมีนตรา อย่ามาโทษฉันทีหลังก็แล้วกัน " " .....ค่ะ " " หึ งั้นก็ถอดชุดออกให้หมด แล้วขึ้นไปนอนอ้าขาให้ฉันบนเตียง "
พนันรักอาจารย์สาว
" ยังไม่เคยสินะครับ " " อืม " " ไม่ต้องกลัวนะครับ ครั้งแรกของพี่ฟ้าผมจะทำเบา ๆ"
พยศรักนายมาเฟีย
ปรั่ก! แก้วไวน์ถูกกระแทกลงบนโต๊ะกระจกอย่างแรง ก่อนที่เจ้าของแก้วไวน์จะดันตัวลุกขึ้นจากโซฟา หวังเดินเลี่ยงออกจากห้องเจ้าของผับทว่า... หมับ! “นี่!” แผดเสียงใส่ทันทีที่ถูกมือหนาคว้าข้อมือไว้ “ฉันยังไม่อนุญาตให้เธอออกไป เธอก็ไม่มีสิทธิ์ออกไป” “แล้วจะให้ฉันอยู่ทำไมอีก นายให้ฉันมาทำความสะอาดที่นี่ไม่ใช่?” มิลนิกส์ใช้ข้อเสนอหยิบยกขึ้นถามหวังใช้เป็นข้ออ้างหนีออกจากผับ หากเธอไม่รีบออกไปภายในหนึ่งนาทีคงไม่รอดจากฤทธิ์ของยากล่อมประสาท “ใช่” “งั้นก็ปล่อย ฉันจะไปทำงาน” “อยู่กับฉันก็ทำงานของเธอได้” นัยน์ตาคมกริบโลมเลียไปตามส่วนเว้าโค้งของหญิงสาวด้วยแววตากะลิ้มกะเหลี่ย “หมายความว่ายังไง?” มิลนิกส์ขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ หัวดวงใจน้อยเต้นแรงไม่เป็นส่ำ ลางสังหรณ์บางอย่างผุดขึ้นในหัว “ก็ทำงานบนเตียงกับฉันไง ต้องให้บอกทุกอย่างเลย?” “ฝันไปเถอะ!
แค้นนี้ของนายมาเฟีย
ความรักที่เกิดจากความแค้นของมาเฟียหนุ่มชื่อเทวิน เขามีความแค้นต่อพี่ชายนางเอกคือมิลิน ความแค้นเป็นเหตุทำให้พระเอกต้องจับตัวนางเอกมาเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการแก้แค้น
ข่มรักเมียแต่ง
หลังจากส่งบ่าวสาวเข้าหอตามธรรมเนียมปฏิบัติของประเทศไทย ซึ่งต่อจากธรรมเนียมประเทศญี่ปุ่น จึงเหลือเพียงฮัททสึและมีนาอยู่ในห้องด้วยกันสองคน “ฉันจะทำยังไงดีเนี่ย “มีนาพึมพำถามตัวเองอยู่บนเตียงใหญ่ด้วยความกระวนกระวาย หัวใจดวงน้อยเต้นไม่เป็นส่ำจนรู้สึกเกร็งไปทั้งตัว ซึ่งฮัททสึหนีเข้าห้องน้ำตั้งแต่เข้ามาแล้ว แกร๊ก ~~ ระหว่างนั้นบานประตูห้องน้ำก็เปิดออก พลันให้หญิงสาวที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดสะดุ้งตัวโหยงตกใจกับเสียง แล้วหันขวับมองด้านหลังโดยอัตโนมัติ ก็เจอกับร่างสูงของฮัททสึที่ยืนอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงยีนสีดำ เซตผมหน้าม้าขึ้นอย่างหล่อเหลาเตรียมตัวออกไปเที่ยว ทั้งที่เป็นคืนเข้าหอของตัวเองแท้ ๆ “มองทำไม!? “เจ้าของใบหน้าหล่อตะคอกถามอย่างไม่สบอารมณ์ ครั้นสบเข้ากับนัยน์ตาคู่งามที่ฉายแววหวาดระแวงอย่างเห็นได้ชัด “เปล่าค่ะ” ฟิ้ววว ~ แหวนแต่งงานถูกชายหนุ่มโยนมากลางเตียงใหญ่ “ฉันให้ เผื่อเธอจะได้เอาไปขายแลกเป็นเศษเงิน” “ฉันไม่ได้ต้องการ! “มีนาอึ้งอยู่สักพักก่อนจะดันตัวลุกโต้เถียงอย่างไม่พอใจ ยามที่ถูกเขาพูดเชิงดูถูก “แล้วแต่มึงดิ “ฮัททสึไหวไหล่ ก่อนจะเดินออกไปทันทีโดยไม่สนใจท่าทางของหญิงสาว ทำเอามีนาถึงกับกำหมัดแน่นด้วยความเจ็บใจ ในหัวอยากจะฟาดคนปากหมาหยาบคายด้วยรองเท้าแตะซะเต็มประดา
ปมรักของนายมาเฟีย
“งานมันไม่ยุ่งหรอกคุณ ผมว่ามันติดผู้หญิงมากกว่าวัน ๆ เอาแต่คลุกอยู่กับผู้หญิง “ทอลสันโพล่งเสียงแข็ง เขารู้ความเคลื่อนไหวของลูกชายมาตลอด “ถึงผมจะเป็นอย่างที่พ่อว่าแต่ผมก็ทำงาน!” “หึ! อย่าให้พลาดท่าเหมือนสามปีก่อนก็แล้วกัน ติดผู้หญิงจนเกือบเสียงาน ถ้าฉันไม่ตามสืบเรื่องผู้หญิงคนนั้นป่านนี้แกพ่ายให้ศัตรูไปนานแล้ว!!” พรึบ ! “พ่อหยุดพูดเรื่องนี้ได้ไหม!!! “แพททริคพรวดพราดลุกขึ้นตวาดลั่นด้วยความโมโห เจอหน้าผู้เป็นพ่อทีไรมักจะพูดเรื่องที่เขาไม่อยากจำ และ ต้องการลืมมันให้สนิทใจอย่างนี้ทุกที “ใจเย็น ๆ ก่อนลูก” “ผมขอโทษครับแม่..ผมขอตัว! “แพททริคทิ้งท้ายแค่นั้น ก่อนจะหันหลังเดินออกไปทันที ใบหน้าคมคายฉายสีแดงซ่านเต็มไปด้วยอารมณ์เดือดดาล ยามที่นึกถึงเรื่องราวเก่า ๆ ทีไรความต่ำต้อย และ ความน่าสมเพชที่ฝังใจมานาน เป็นสิ่งที่ไม่อาจขจัดออกไปได้ง่าย ๆ ผุดขึ้นมาในโซนความคิดทันที คล้ายกับถูกตอกย้ำให้จมดินจนหาทางออกไม่เจอ
คู่หมั้นหมอมาเฟีย
พระเอกเป็นหมอเจ้าของโรงพยาบาล และ เป็นมาเฟีย เขาถูกบังคับให้หมั้นกับกับนางเอก เธอเป็นนักเขียนนิยายอยู่ในสำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง ทั้งคู่เคยเจอกันมาก่อนแล้ว แต่เกลียดขี้หน้ากันเจอกันเมื่อไหร่เป็นต้องมีปากเสียงเถียงกันตลอด พวกเขาสองคนมีเหตุจำเป็นต้องมาหมั้นกันนางเอกย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านพระเอกทันทีหลังจากเสร็จงานหมั้น เห็นบังเอิญของทั้งคู่ ทางสำนักพิมพ์ได้หมอบหมายให้นางเอกเข้าไปศึกษาหาข้อมูลในโรงพยาบาลของพระเอก ซึ่งนางเอกยังไม่รู้ว่าโรงพยาบาลที่เธอต้องไปคือโรงพยาบาลของพระเอก อีกทั้งพระเอกยังเป็นเพื่อนกับหัวหน้างานของเธอ