พยศรักนายมาเฟียPart2 (ขิมxอีริค)

63.0K · จบแล้ว
Kids room
24
บท
2.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เนื้อเรื่องมี 2 คู่หลัก จากนิยายเซตมาเฟีย อีริค ลูกน้องของภาคิน ขิม เพื่อนของมิลนิกส์ “คราวนั้นที่ชวนขิมไปดินเนอร์ ไม่เห็นเย็นชาแบบนี้เลยนะ” แบล็ค ลูกน้องของพรีน จากเรื่อง เมินรัก คริสซี่ เป็นเพื่อนสนิทเจลลี่ ยัยกระต่ายน้อยที่รัก นายเย็นชาที่รัก

นิยายปัจจุบันนิยายรักโรแมนติกนิยายรักบอดี้การ์ดรักแรกพบมาเฟียพระเอกเก่งดราม่ารักหวานๆ

อีริค x ขิม (1)

ร้านเสริมสวย

10:00 น.

บอดี้การ์ดสาวเดินเข้ามาภายในร้านเสริมสวยแล้วโค้งศีรษะทำความเคารพคุณหนูของบ้าน ที่กำลังนั่งพิงหลังกับเก้าอี้โซฟาให้พนักงานสาวแต่งเติบสีสันบนเล็บเท้า

“คุณคนนั้นอยู่ที่บริษัทโฆษณา P. Production ค่ะคุณหนู ดิฉันให้คนของเราจับตาดูความเคลื่อนไหวจนกว่าคุณหนูจะไปที่นั่นค่ะ”

“อือ ดีมากค่ะ พี่แพนกลับไปได้เลยนะคะ ขิมจะขับรถไปเอง”

“จะดีเหรอคะคุณหนู ถ้านายน้อย...”

“ทำตามที่ขิมบอกเถอะค่ะ”

บอดี้การ์ดสาวโค้งศีรษะน้อมรับคำสั่งโดยไม่เซ้าซี้ต่อแล้วเดินออกจากร้านไป ขิมอมยิ้มมีความสุขใบหน้าเรียวสวยกำลังวาดฝันถึงบางสิ่งบางอย่าง

@P. Production

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“เข้ามา” อีริคเอ่ยอนุญาตทันทีที่เสียงเคาะประตูจากคนด้านนอกดังขึ้น โดยที่สายตายังไม่ละไปจากตัวอักษรบนแผ่นกระดาษเอสี่ ก่อนจะปลายตาขึ้นมองร่างสูงของลูกน้องคนสนิทเพียงนิด เมื่อบานประตูถูกผลักเข้ามา

เซนโค้งศีรษะทำความเคารพแล้วกล่าวรายงาน

“น้องสาวไอ้ภาคินมาครับนาย ตอนนี้รออยู่หน้าเคาน์เตอร์”

อีริคหม่นคิ้วเข้าหากันทันทีพลางหยุดชะงักปากกาในมือที่กำลังเขียนอะไรบางอย่างลงบนกระดาษเอสี่

“นายจะให้เธอเข้าพบหรือเปล่าครับ?”

“กูไม่ว่าง ไล่กลับไปซะ”

“ถ้าเธอไม่ไปล่ะครับ” เซนหลุบตามองต่ำทันควันเมื่อเจอกับสายตาดุดันของผู้เป็นนายที่ตวัดมองมาอย่างเอาเรื่อง เชิงต่อว่าไม่มีปัญญาจัดการเหรอ จึงโค้งศีรษะทำความเคารพแล้วหมุนตัวเดินออกไปทันที

“จะเซ้าซี้ไปถึงไหน!” อีริคบ่นพึมพำอย่างหงุดหงิด เพราะตั้งแต่ที่เขาช่วยเหลือน้องสาวของศัตรูหัวใจ เธอมักจะเข้ามาวนเวียนอยู่ในชีวิตแทบจะทุกวัน เขาจึงหาทางหลีกเลี่ยงทุกครั้ง

ขิมยืนชะเง้อชะแง้มองบานประตูลิฟต์ตัวใหญ่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ต้อนรับอย่างใจจ่อใจจอ เมื่อบานประตูลิฟต์เปิดออก ปรากฏร่างสูงลูกน้องคนสนิทมาเฟียหนุ่มเธอจึงรีบวิ่งเข้าไปทันที

“เจ้านายคุณอนุญาตให้ขิมขึ้นไปพบแล้วใช่ไหม?”

เซนมองใบหน้ามีความหวังของหญิงสาวตรงหน้านิ่ง ๆ หากเขาตอบออกไปเธอคงผิดหวังอีกตามเคย

“นายไม่ว่างครับ คุณกลับไปเถอะครับอย่าเสียเวลากับเจ้านายผมเลย” รอยยิ้มสดใสบนใบหน้าน่ารักของหญิงสาวหายไปในพริบตาเดียวถูกความเศร้าหมองเข้ามาแทนที่จนน่าสงสาร

“ขิมจะรอจนกว่าจะพักเที่ยง แค่จะชวนไปกินชาบูด้วยกัน ตอบแทนที่คราวนั้นขิมต้องกลับก่อน”

“นายคงไม่ไปหรอกครับ ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ” ว่าจบเซนก็หมุนตัวเดินตรงไปที่ลิฟต์ตัวใหญ่ทันที ทิ้งให้หญิงสาวยืนหน้าหงอยอยู่ตรงนั้นคนเดียว

ขิมระบายลมหายใจออกมาเบา ๆ พลางเลื่อนนัยน์ตาหม่นมองตามหลังลูกน้องคนสนิทของมาเฟียหนุ่มเดินจากไป แต่ขณะเดียวกันเธอเห็นว่าพนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์มีสีหน้าปวดอะไรบางอย่าง กำลังรีบเร่งถือกระดาษทิชชูวิ่งไปอีกทาง ทำให้หน้าเคาน์เตอร์ไม่มีใครอยู่ เธอมองซ้ายมองขวาดูลาดราว เมื่อสบโอกาสจึงรีบวิ่งไปกดปุ่มลิฟต์ทันที...

“คุณหนีฉันไม่พ้นหรอก” ขิมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ในลิฟต์ต่างจากสีหน้าเศร้าสร้อยเมื่อหลายวินาทีก่อน กระทั่งถึงชั้นเป้าหมาย หลังจากถามไถ่ถึงห้องทำงานของมาเฟียหนุ่มกับพนักงานที่ขึ้นลิฟต์ด้วยกัน

“โชคชะตาฟ้าลิขิตแหละ ฮึ” ริมฝีปากบางเคลือบด้วยลิปสติกสีชมพูอมส้มมันวาวน่าสัมผัสพึมพำออกมา ขณะที่หยุดเดินอยู่หน้าห้องประธานบริษัทซึ่งไร้เลขาหน้าห้อง เธอจึงถือวิสาสะเคาะประตูสองสามทีแล้วผลักเข้าไปทันที โดยไม่รอให้เจ้าของห้องอนุญาต

“มีอะไรอีก ยัยเด็กน่ารำคาญนั่นไม่ยอมไปหรือยังไง” อีริคเงยหน้าขึ้นเพราะคิดว่าเป็นลูกน้องคนสนิท แต่กลับต้องชะงักอึ้งทันควัน จนเก็บสีหน้าไม่อยู่เมื่อบุคคลตรงหน้าคือคนที่เขากำลังกล่าวถึง

ปรั่ก!

“ใครอนุญาตให้เธอเข้ามา!” วางปากกาในมือบนโต๊ะทำงานอย่างแรงพร้อมกับผุดตัวลุกขึ้นใส่เสียงถามอย่างเกรี้ยวกราด ทำเอาหญิงสาวร่างเล็กน่าตาใสซื่อตรงหน้าสะดุ้งตัวโหยง

“ไม่มี อนุญาตตัวเองเนี่ยแหละค่ะ เที่ยงนี้ไปกินชาบูเป็นเพื่อนหน่อยสิคะ ขิมเลี้ยงเองถือว่าตอบแทนที่คุณช่วยพาขิมไปส่งโรงพยาบาล” ขิมกล่าวออกไปอย่างไม่รีรอ แม้ลึก ๆ ใจเธอจะเจ็บกับประโยคของมาเฟียหนุ่มเมื่อสักครู่มากอยู่ก็ตาม

“กลับไปซะผมไม่ว่าง!”

“ก็รอพักเที่ยงไงคะ ถ้าคุณไม่ไปขิมก็จะไม่ไปไหน” ขิมเชิดหน้ากล่าวอย่างหนักแน่น แล้วสาวเท้าเดินมาทรุดตัวนั่งบนโซฟารับแขกโดยไม่สนใจว่ามาเฟียหนุ่มจะพอใจหรือไม่

“จะนั่งอยู่ตรงนี้ก็แล้วแต่!” อีริคถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่อย่างหงุดหงิด มือหนาคว้าโทรศัพท์เครื่องหรูบนโต๊ะทำงานแล้วสาวเท้าเดินตรงไปยังประตูทางออก ทว่ากลับต้องหยุดชะงักฝีเท้า...

“คราวนั้นที่ชวนขิมไปดินเนอร์ ไม่เห็นเย็นชาแบบนี้เลยนะ”

อีริคชำเลืองหางตาไปด้านข้างมองตามประโยคตัดพ้อของหญิงสาว ก่อนจะตอบความจริงออกไปน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ก็แค่ใช้เธอเพื่อต่อรองกับพี่ชายเธอเท่านั้น...” อีริคหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้า

“...ไม่มีอะไรไปมากกว่านั้น เลิกตามผมได้แล้ว รู้ไหมว่าน่ารำคาญ!” ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มอย่างร้ายกาจหวังทำให้หญิงสาวเกลียดชัง เธอจะได้เลิกตามเขาสักที ส่วนขิมกำหมัดแน่น คำพูดของพี่ชายที่กรอกหูแทบจะทุกวันประดังประเดเข้ามาในหัวให้นึกโกรธ “มันไม่ได้จริงใจกับเธอ”

“อือ! เที่ยงแล้วไปกินชาบูกัน ถ้าไม่ไปขิมก็จะตามคุณไปทุกที่คอยดู!” ขิมยื่นคำขาดพยายามกักเก็บความเสียใจเอาไว้ให้ลึกที่สุด ทั้งที่ตอนนี้เธอชาไปทั้งตัว แต่คำพูดเหล่านั้นไม่ทำให้เธอล้มเลิกความตั้งใจได้หรอก ทำเอาอีริคกัดฟันดังกรอดอย่างพยายามทำใจให้เย็นลง ก่อนจะเป็นฝ่ายละสายตาออกจากหญิงสาวแล้วหมุนตัวสาวเท้าไปข้างหน้าอย่างไม่สนใจ ทว่า...

“อ๊ะ!” เสียงร้องของหญิงสาวดังขึ้นราวกับว่าเธอกำลังเจ็บปวดอะไรบางอย่าง ทำให้มาเฟียหนุ่มต้องชะลอฝีเท้า “โอ้ย!”

ขิมกุมศีรษะเอาไว้แน่น เมื่อความเจ็บปวดกำลังกัดกินภายในรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากหายขาดไปได้หลายอาทิตย์ ทว่าวันนี้กลับรู้สึกปวดร้าวอีกครั้งราวกับสมองกำลังระเบิด

อีริคหลับตาพลางพ่นลมหายใจออกมาหนัก ๆ ด้วยความรำคาญเสียงร้องโอดโอยของหญิงสาว ทำให้เขาจำใจต้องหมุนตัวเดินตรงไปยังหญิงสาวอย่างไม่มีทางเลือก

พรึ่บ !

“อ๊ะ! ทำอะไร?” ขิมเบิกตากว้างถามออกไปน้ำเสียงสั่นเครือ เมื่อถูกท่อนแขนแกร่งช้อนร่างขึ้นในท่าเจ้าสาวทำให้เธอตวัดรัดลำคอแกร่งกร้านเอาไว้ตามสัญชาตญาณทั้งที่ความเจ็บปวดไม่มีท่าทีว่าจางหาย

“พาไปไกล ๆ ลูกตาไง”

“อึก!” ขิมก้มหน้าร้องไห้ออกมาด้วยความทรมาน ทั้งอาการที่เป็นทั้งความรู้สึกแย่ ๆ ที่โถมซัดเข้ามามากมาย ใช้มือข้างขวากดศีรษะตัวเองย้ำ ๆ หวังให้คลายจากความเจ็บปวด อีริคถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อีกครั้ง อยากจับหญิงสาวในอ้อมแขนโยนออกไปนอกห้องเต็มทน ทว่ากลับต้องใจอ่อนให้เธอจนได้

“ฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาล”

น้ำเสียงที่อ่อนลงของอีริคช่วยทำให้ขิมอุ่นใจ เธอส่ายหน้าไปมาปฏิเสธ “ย..ยาอยู่ในรถชั้น5ไปเอาอึก!...ให้หน่อย”

อีริคดันปลายลิ้นเข้าหากระพุ้งแก้มไปมา ก่อนจะวางหญิงสาวบนโซฟาตัวยาวอย่างเบามือ คว้ากระเป๋าสะพายข้างแบรนด์เนมของหญิงสาวบนโต๊ะกระจกขึ้นมาเปิดล้วงหยิบกุญแจรถ แล้วเดินเร็วออกไปทันทีเพื่อตัดความรำคาญ โดยไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น