บทที่2
มันจะโหดร้ายเกินไปแล้วนะ เขาคิดว่าตัวเองเป็นพระเจ้าคิดจะทำอะไรก็ได้อย่างงั้นเหรอ
หลังจากปล่อยฉันเป็นอิสระออกัสก็คว้าเสื้อคลุมกับกุญแจรถเดินออกไปจากห้องโดยไม่บอกกล่าว ทิ้งไว้แต่ฉันกับห้องสี่เหลี่ยมที่ใหญ่โต..แต่ทว่าอึดอัดหัวใจ!
ปาเข้าไปตีสองหมอนั่นก็ยังคงไม่กลับมา หลังจากอาบน้ำเป็นรอบที่สองฉันก็มานั่งจัดข้าวของของตัวเองอย่างเงียบเชียบในห้องน้ำที่เขากรุณามอบให้ถึงแม้ว่าจะไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก ชาติที่แล้วฉันคงจะทำกรรมมามาก...ชาตินี้ก็เลยต้องชดใช้หนักกว่าคนอื่นๆ หน่อย
ผลัก!
เสียงประตูห้องถูกกระชากให้เปิดออกอย่างแรงทำให้ฉันค่อยๆ ลุกจากที่นอน (ที่อยู่ข้างส้วม) แง้มประตูมองดูร่างสูงของคู่หมั้นที่ตอนนี้มีสภาพย่ำแย่สุดๆ ในมือถือเบียร์กระป๋องเอาไว้แน่นราวกับมันเป็นสมบัติล้ำค่าก็ไม่ปาน
เมื่อเห็นว่าเขาล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างหมดสภาพฉันจึงค่อยๆ เดินออกจากห้องพร้อมผ้าชุบน้ำในมือมุ่งตรงไปหาร่างสูงอย่างกล้าๆ กลัวๆ ขนาดตอนยังไม่เมายังโหดซะขนาดนั้น แล้วเมาจะขนาดไหนกันนะ?
“นี่! นายโอเคไหม”ฉันถามพร้อมเขย่าตัวเช็กสภาพการฟื้นคืนชีพแต่สิ่งที่ตอบกลับมาคือความนิ่งเงียบ ลมหายใจเบาๆ ผ่อนขึ้นลงตามจังหวะหายใจช้าๆ เท่านั้น
เฮ้อ~ ฉันถอนหายใจอย่างเชื่องช้าก่อนจะค่อยๆ ถอดเสื้อคลุมออกให้เขาพร้อมเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้อย่างแผ่วเบาเพราะถ้าตื่นขึ้นมาตอนนี้เขาต้องทำลุ่มล่ามกับฉันอีกแน่ๆ ผู้ชายอย่างหมอนี่...มีอะไรดีที่ทำให้ฉันนึกอยากจะอยู่ด้วยนะ
เขาเปรียบได้กับกองไฟที่ถ่าโถมและไม่มีความมั่นคงในความคิด ใช้อารมณ์ตัดสินทุกปัญหา
และที่สำคัญ...ไร้หัวใจ!
แต่สำหรับฉัน...ฉันเปรียบตัวเองเหมือนสายน้ำเย็นๆที่แน่นิ่งอยู่ตลอดเวลา แต่ก่อนฉันก็เคยเป็นไฟอย่างเขานี่แหละ แต่พอนานวันขึ้นไหงฉันถึงได้กลายเป็นคนง่ายๆ ก็ไม่รู้
แปลกใจจริงๆ ว่าแม่ของออกัสคิดยังไงว่าเราทั้งคู่จะสามารถรักกันได้!
แต่ก่อนที่ฉันจะได้ผละออกห่างจากออกัส เปลือกตาหนาก็ดันเบิกกว้างขึ้นมาเข้าให้ซะก่อนที่ฉันจได้ทันจากไปอย่างที่ใจหมายปอง
“อะ...เอ่อ คือว่าฉันเห็นว่านายเมามาก แล้วก็...ว๊าย!!”ฉันที่กำลังหาข้อแก้ตัวกลับถูกมือหนากระชากให้ล้มลงไปนอนบนเตียงโดยร่างสูงตวัดตัวขึ้นมาคร่อมฉันเอาไว้อย่างรวดเร็ว เหตุการณ์มันเกิดขึ้นไวมากซะจนฉันเองก็ตกใจจนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
“นะ...นาย!”
“ฉันต้องการเธอ”คำพูดง่ายๆ แต่เล่นสั่นไหวไปทั่วทั้งหัวใจ บ้าบอสิ้นดี. มาพูดกันง่ายๆ แบบนี้เห็นฉันเป็นอะไร คู่หมั้นโสเภณีรึไง!
“มะ...ไม่นะ!” ฉันร้องลั่นทันทีที่ใบหน้าหล่อเหลาโน้มต่ำลงมาซุกไซ้อยู่ในซอกคอขาวของเขาอย่างบ้าคลั้ง โมเดลกำลังเมาและไร้สติ ผิดเองที่ฉันน่าจะกลับเข้าห้องน้ำไปซะตั้งแต่ตอนแรก
บ้าจริง!
ก่อนสติฉันจะกระเจิงไปมากกว่านี้ก็เกิดความนิ่งขึ้นกับออกัสที่ใบหน้ายังคงซุกอยู่ที่ซอกคอของฉัน หลับไปแล้วเหรอเนี่ย
ฮู่~รอดไปได้อย่างหงุดหวิดเลยเชียว
ซ่า!
เพราะความหนาวเหน็บที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ฝันสลายจนฉันสะดุ้งเฮือกขึ้นมาจากที่นอนข้างโถส้วมในทันที ดวงตาเบิกกว้างมองคนตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ
ออกัส....ถังน้ำ?
หมอนั่นสาดน้ำใส่ฉัน
“เธอถูกหักหนึ่งคะแนนเพราะนอนตื่นสายกว่าฉัน”ว่าจบร่างสูงที่มีเพียงบ็อกเซอร์หนึ่งตัวก็เดินจากไปอย่างไร้มารยาท อันที่จริงที่ฉันตื่นสายมันก็เป็นเพราะใครกันล่ะ
เพราะเขาไม่ใช่รึไงนะที่เมาเหมือนหมาอ้วกเรี่ยราดตามพื้นห้องจนฉันต้องทำความสะอาด ไหนจะวีรกรรมที่เขาสร้างขึ้นทำให้หัวใจฉันเต้นไม่เป็นร่ำอีกนั่นอีก ให้ตาย ช่างเป็นผู้ชายที่ไร้เหตุผลเหนือคำบรรยายเลยจริงๆ
หลังจากถูกปลุกด้วยน้ำเย็นเยือกฉันรีบอาบน้ำทำภารกิจส่วนตัวให้เสร็จสิ้นก่อนจะออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนักเรียนใหม่สุดหรูที่คุณแม่ของออกัสให้มา เสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีขาวสวมทับด้วยกระโปรงจีบรอบสีแดงตัวจิ๋วที่แสนสั้นทำให้ฉันรู้สึกประม่าไม่น้อย
ไหนจะสายตาคมกริบของออกัสที่กำลังมองฉันอยู่ที่โต๊ะรับแขกนั่นอีก ไม่เข้าใจความหมายของสายตาเรียบเฉยนั่นเลยสักนิด อยากรู้จังเลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่!
“ไม่มีกระโปรงที่มันยาวกว่านี้แล้วรึไง! หรือว่ากลัวจะหาเหยื่อไม่ได้ในวันที่ไปเรียนวันแรก รูปร่างอัปลักษณ์แบบเธอใครกันจะอยากมอง”อย่างน้อยๆ ตอนนี้เขาก็กำลังมองมันอยู่ไม่ใช่รึไงนะ
“เพราะคุณแม่ของนายท่านให้มา แต่ว่าถ้านายไม่ชอบ....”
“ไม่ใช่แค่ไม่ชอบ แต่ว่าฉันเกลียด!”
ปึก!!
สิ้นคำที่เย็นชาเศษกระดาษพร้อมทั้งเงินก็ถูกโยนลงบนโต๊ะอย่างแรง ฉันเหลือบมองเขาเล็กน้อยอย่างชั่งใจก่อนจะเลือกหยิบเอาแต่เศษกระดาษปริศนาขึ้นมา
“มันคือแผนที่ไปโรงเรียน อ่านกฎข้อที่หกกับเจ็ดให้ขึ้นใจด้วย ฉันไปล่ะ!” พูดจบเขาก็ลุกขึ้นคว้าเสื้อสูทพาดไหล่แล้วจากไปอย่างงุงงง แผนที่ไปโรงเรียนถ้าบวกกับกฎข้อที่หกกับเจ็ดที่ว่านั่น แน่นอนว่าฉันอ่านมันฆ่าเวลาที่รอการกลับมาของเขาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
กฏข้อที่หก :: จนกว่าคะแนนของคิม นาริมจะติดลบ ห้ามพูดคุย สบตา หรือมายุ่งวุ่นวายอะไรกับชีวิตของออกัสไม่ว่าจะด้วยกรณีอะไรก็ตามแต่ หากฝ่าฝืนจะถูกหัก10 คะแนน
กฎข้อที่เจ็ด :: หากมีใครสักคนในโรงเรียนรู้ว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์กัน คิม นาริมจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น
บ้าบอที่สุด! นี่เท่ากับว่าต่อให้เขาเอาเรื่องที่เราทั้งคู่หมั้นกันไปประจานหน้าเสาธงที่โรงเรียนก็ตามแต่ คนที่ผิดก็คือฉันงั้นสินะ
ร้ายกาจเกินไปแล้วนะคนบ้า
ฉันเองก็ภวนาให้คะแนนบ้าๆ นั่นมันติดลบสักทีอย่างใจจดใจจ่อเลยทีเดียว แต่มันติดอยู่ตรงที่ว่าเงินค่าสินสอดที่มากมายมหาศาลนั้น...ฉันจะไปหาที่ไหนมาคืนดี
เฮ้อ~ ตกปลงต่อชีวิตที่น่าเศร้า ได้เวลาไปโรงเรียนแล้วสินะ!
[30 นาทีให้หลัง]
สาบานต่อหน้าประตูเหล็กของโรงเรียนที่ตอนนี้มันได้ผิดลงไปแล้วก็ตามทีเลยว่า ถ้าเจอออกัสอีกครั้งฉันจะหักคอเขาซะ!
ใครจะรู้ล่ะว่าเขาจะใส่ใจแกล้งฉันแม้กระทั้งแผนที่มาโรงเรียนที่มันอ้อมไปซะไกลจนทำให้ฉันต้องมายืนแกร้วเกาะกรงเหล็กประตูหน้าโรงเรียนอยู่แบบนี้
ฉันผิดเองที่ดันโง่ไปเชื่อความหวังดีจอมปลอมของเจ้าหมอนั่น ฉันมันผิดเอง
“ดูเหมือนแถวนี้จะมีกระต่ายน้อยที่น่าสงสารนะเนี่ย”และคงเป็นเพราะน้ำเสียงอารมณ์ดีที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้ฉันต้องละสายตาจากกรงเหล็กหันไปมองผู้มาเยือนใหม่ด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังแรงกล้า
เบื้องหน้าของฉันในตอนนี้คือร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีทอง ใบหน้าหล่อเหลาคมคายในยูนิฟอร์มเหมือนกันกับฉันเพียงแต่เขาเป็นชายหนุ่มปริศนาที่มีพร้อมรอยยิ้มที่สดใส เพราะอะไรในรอยยิ้มนั้นทำให้ฉันต้องส่งยิ้มกลับไปอย่างเก้อๆ เป็นมารยาทที่ดีต่อการพบกันครั้งแรก
“วะ...หวัดดี”
“เข้าโรงเรียนไม่ได้งั้นสิ” เห็นอยู่แท้ๆ จะถามเอาอะไรจากฉันกันล่ะเนี่ย
“อื้ม”
“ฉันชื่อไทจิ เธอล่ะ”
“นาริม ฉันชื่อคิมนาริม”ฉันตอบคนตรงหน้ากลับไปเบาๆ พร้อมกับความหวาดระแวงในกฎข้อที่หกสิบที่ว่าด้วยเรื่อง...
‘ห้าม คิมนาริม คบชู้สู่ชาย ไม่งั้นจะถูกหักสามสิบแต้ม’
เท่าที่อ่านผ่านๆ ฉันคิดว่ากฎข้อนี้ดูงี่เง่าและไร้สาระมากจริงๆ เขาจงใจแกล้งฉันจริงๆ ผู้ชายใจร้ายคนนั้น
“มีเรื่องที่เธอควรรู้เอาไว้อย่างนะเด็กใหม่ ที่นี่ถ้ามาเรียนสายเราจะไม่มายืนอยู่หน้าประตูงี่เง่านี่หรอก มันต้องเข้าทางนี้ตามมาสิ”แม้จะไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่แต่มันไม่มีทางไหนให้ฉันได้เลือกเลยสักทางจริงๆ ฉันเลยจำต้องเดินตามร่างสูงของผู้ชายที่ชื่อไทจิไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขาคงจะไม่คิดทำอะไรฉันหรอกจริงไหม
หน้าตาดีๆ แบบนั้นนิสัยต้องดีด้วยแน่ๆ แต่ก็นะเรื่องแบบนี้จะมั่นใจร้อยเปอร์เว็นเห็นทีคงไม่ได้
ดูอย่างคู่หมั้นฉันสิ
