บท
ตั้งค่า

บทที่1

ตอนนี้ฉันกำลังยืนอยู่หน้าคอนโดสุดหรูที่คุณแม่(สามี)ได้ให้คนไปสีบเสาะหาที่อยู่ของลูกชายตัวแสบของเขาซึ่งก็คือสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของฉันนั่นเอง

‘เพราะความไม่กินเส้นกับครอบครัวจึงทำให้เขาค่อนข้างที่จะเป็นคนเก็บตัวสักนิดนึง ยังไงก็พยายามเข้านะจ๊ะ ลูกสะใภ้!’ จู่ๆ คำพูดของคุณแม่ก็ผุดขึ้นมาในหัวของฉันในทันที...ไม่ค่อยกินเส้นกับคนในครอบครัวอย่างงั้นเหรอ

แต่ฉันว่านะนิสัยเสียอย่างหมอนั่นคงจะถูกไล่ออกจากบ้านตัดออกจากกองมรดกซะมากกว่าล่ะมั้ง เขากล้าทำมันลงไปได้ยังไง กล้าทิ้งให้ฉันอยู่ในงานหมั้นบ้าๆ นั่นแต่ตัวเองกลับมามุดหัวอยู่ในคอนโดสุดหรูแบบนี้ ยังมีความเป็นคนอยู่รึเปล่านะ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก!

ฉันค่อยๆ เคาะประตูห้องอย่างช้าๆ ใช้เวลาไม่ถึงเสี้ยงวินาทีประตูบานใหญ่ก็ถูกเปิดขึ้นพร้อมทั้ง..ร่างอันเปลือยเปล่าของผู้หญิงคนหนึ่งที่มีเพียงผ้าขนหนูผืนเล็กพันเกาะเอาไว้รอบเอวเท่านั้น

“มาหาใครไม่ทราบย่ะ ยัยเตี้ย”

“ไม่ทราบว่าห้องนี้มีคนชื่อออกัสอยู่รึเปล่า”ฉันสูดลมหายใจเข้าปอด เรียกความกล้าออกมาพร้อมทั้งเปร่งเสียงถามยัยผู้หญิงตรงหน้าออกไป

“เธอเป็นใคร แล้วมีธุระอะไรกับออกัสของฉันไม่ทราบย่ะ!!”สรุปว่ามีสินะ

“ฉันเป็นคนญี่ปุ่นค่ะ ส่วนจะมีธุระอะไรกับออกัสนั้นมันเป็นเรื่องระหว่างบุคคลเพียงคนสองคน คนที่สามไม่เกี่ยว”

“นี่แกว่าฉันเป็นคนนอกอย่างงั้นเหรอห๊ะนังบ้า!”

“ก็แล้วแต่คุณจะคิดสิ จะหลบทางให้ฉันเข้าไปข้างในได้รึยัง ข้างนอกนี่มันหนาวนะ” พูดไม่พูดเปล่าฉันจัดการลากกระเป๋าเสื้อผ้าเดินเข้ามาภายในห้องอย่างถือสิสาสะโดยมียัยผู้หญิงคนนั้นยืนอึ้งอยู่ไม่ห่าง

“นี่! เธอเข้าไปในนั้นไม่ได้นะ หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” ยังไม่ทันที่ฉันจะได้ก้าวขาล้วงล้ำไปมากกว่าสามก้าวเสียงแวดๆ ของยัยบ้านั่นก็ดังขึ้นมาอีกรอบ

“ใครมาเฮซอน เสียงดังเอะอะโวยวายน่ารำคาญจริง” เสียงเข็มๆ ของใครบางคนดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของ..

หนุ่มหล่อ!

สิ่งมีชีวิตเพศชายที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าโดยมีแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กปกปิดร่างกายท้อนร่างเอาไว้ในขณะนี้...ผิวขาวเนียนละเอียด เรือนผมสีทองอร่าม ปากนิด จมูกหน่อย นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนกำลังมองมาที่ฉันด้วยอาการสงสัยอย่างหนัก ก่อนริมฝีปากคู่สวยจะเผยอขึ้นพร้อมทั้งปาประโยคคำถามมาให้ฉัน

“เธอเป็นใครเข้ามาในนี้ทำไม”ร่างสูงเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงเรียบง่ายหากแต่ว่าพอได้ฟังกลับขนลุกไปทั่วทั้งตัว

“คะ...คือว่าฉันเป็น..”

“ว่าไง ตกลงว่าเธอเป็นใคร มีธุระอะไรที่นี้”เสียงเรียบนิ่งที่ลอยมาตามลมทำฉันพูดไม่ออกอย่างไร้สาเหตุ

“ฉันเป็นคู่หมั้นขะ...ของนาย” เหนื่อยเหลือเกินกว่าจะบังคับให้เปร่งเสียงพูดประโยคๆ นั้นออกไปได้

“งั้นเหรอ เธอนี่เองตัวสร้างปัญหาของฉัน”เขาพูดย้ำเตือนในสิ่งที่เป็นอยู่ด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งราวกลับไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับคำพูดของฉันเลยแม้แต่น้อย ช่วยแสดงอารมณ์ร่วมกันสักนิดมันจะตายหรือยังไงกันหมอนี่นิ

“ขอโทษนะเฮซอน วันนี้เธอกลับไปก่อน ฉันมีเรื่องต้องเครียกับว่าที่ภรรยาคนนี้สักหน่อย”

“แต่ว่า..”

“กลับไปซะ ก่อนที่ฉันจะเบื่อเธอ” สิ้นคำขาดที่ประกาศลั่นยัยผู้หญิงคนนั้นก็สวมวิญญาณนักวิ่งทีมชาติประเทศเกาหลีวิ่งออกไปจากห้องอย่างเร่งด่วน บทจะไปก็ไปง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอเนี่ย

“แล้วนั่นจะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม…เธอชื่ออะไร”พอสะบัดคนรักเสร็จเขาก็หันเหความสนใจทั้งหมดมาที่ฉันทันที

“นาริม คิมนาริม!”

“ต่อไปนี้เธอมีหน้าที่เป็นแค่คนอาศัยสำหรับฉัน เพราะฉะนั้น! อย่า-มา-ยุ่ง-เรื่อง-ของฉัน!”

ร่างสูงตวาดดังลั่นพร้อมทั้งเลื่อนใบหน้าคมคายเข้ามาใกล้ฉันจนจมูกเราสองคนแทบจะแนบชิดติดกัน ดวงตาจ้องมองฉันอย่างรังเกียจเดียจฉาน

อะไรกันคนๆ นี้

หน้าตาผิวพรรณก็ดูดีแต่คำพูดคำจาไม่น่าคบหาสมาคมด้วยเลยสักนิด

ใช่ว่าจะมีแต่นายคนเดียวซะเมื่อไหร่กันเล่าที่ไม่อยากให้ไอ้งานหมั้นบ้าๆ นี้เกิดขึ้น ฉันเองก็ไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าตัวเองจะมีคู่หมั้นที่ป่าเถื่อนนิสัยแย่แบบนี้เหมือนกัน

พระเจ้ากำลังเล่นตลกอะไรกับชีวิตของฉันอยู่กันแน่นะ

เมื่อเวลาผ่านไป

“เพราะเจมส์โทรมารายงานกับฉันว่าเธอจะมาที่นี้ ถึงฉันจะไม่รู้ว่าเธอไปใช้เล่ห์กลหรือเสกอะไรใส่ท้องแม่ของฉันก็ตามที แต่ถ้าคิดจะอยู่กับฉันที่นี้ต้องเคารพกฎที่สร้างขึ้น ถ้าทำไม่ได้เธอจะหมดสิทธิ์เรียกตัวเองว่าคู่หมั้นของฉันในทันที”ไม่ว่าเปล่ามือหนาฉวยหยิบสมุดบันทึกที่เขาอ้างว่ามันคือกฎมาให้ฉัน สายตาไม่มองมาที่ฉันเลยแม้แต่น้อย มารยาทหายไปไหนหมด??

“กฎร้อยข้อกับคะแนนเริ่มต้นที่หนึ่งร้อยคะแนน” ฉันเผลออุทานดังลั่นเมื่อเห็นข้อหัวหน้าปกที่ถูกขีดเขียนด้วยลายมือหวัดๆ จ้องหน้าร่างสูงตรงหน้าเพื่อขอคำอธิบายประกอบ

“ในวินาทีนี้เธอมีอยู่กับตัวหนึ่งร้อยคะแนน กฎร้อยข้อที่ฉันตั้งขึ้นมานั้นในแต่ละข้อจะมีคะแนนที่จะถูกหักออกหากเธอฝ่าฝืน และถ้าถูกหักจนคะแนนของเธอติดลบขึ้นมาเมื่อไหร่....เตรียมตัวไสหัวออกไปจากชีวิตฉันได้เลย”

บ้าบอ ไร้สาระ เลือดเย็นที่สุด!

คำพูดของเขาแต้ละคำมันถูกพ่นออกมาอย่างเรียบเฉย ไม่รู้สึกรู้สาว่าคนที่รับฟังมันจะมีความรู้สึกเช่นไร ถึงต่อให้ฉันมีคะแนนสักล้านคะแนนอยู่กับคนๆ นี้แค่สิบนาทีก็คงหมดไปอย่างง่ายดาย

ซึ่งฉันเองภวนาให้มันเป็นเช่นนั้นอยู่เหมือนกัน แต่ปัญหามันดันติดอยู่ตรงที่ว่าเงินค่าสินสอดที่พ่อกับแม่ได้รับนั้นถูกนำไปใช้หนี้สินเสียหมดแล้ว แล้วแบบนี้ฉันจะไปจากคนๆ นี้ ไปจากวงจรชีวิตที่บัดซบนี้ได้ยังไง?

“นี่คือสัญญาระหว่างเรา เซ็นซะ!”

“สัญญา? สัญญาอะไร”

“สัญญาที่ว่าถ้าคะแนนของเธอติดลบเธอจะไสหัวออกไปจากชีวิตของฉันในทันทียังไงล่ะ รีบเซ็นซะแล้วฉันจะพาเธอไปดูห้องนอนที่เธอต้องอยู่!”ฉันจำต้องหยิบแผ่นสัญญามาเซ็นอย่างเลี่ยงไม่ได้เพราะสถานะของฉันในตอนนี้มันไม่มีทางให้เลือกมากนัก ไม่สิ! มันไม่มีทางไหนให้ฉันมีที่จะสิทธิ์มากกว่า

“ตามมา!” ร่างสูงของออกัสเดินนำฉันเข้าไปยังห้องๆ หนึ่งที่ดูยังไงมันก็ไม่น่าจะแปรสภาพเป็นห้องนอนได้เลยแม้แต่น้อย แค่รอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาริมฝีปากบางเฉียบของเขาฉันก็รู้ซึ้งทันทีเลยว่านี่คงจะเป็นการต้อนรับที่เขาได้จัดเตรียมมันเอาไว้ให้กับฉันอย่างแน่นอน

“ห้องน้ำ”

“ทำความรู้จักกับมันเอาไว้สิ เพราะต่อไปนี้มันคือห้องนอนของเธอ แล้วก็ไม่ต้องขอบใจฉัน ผู้หญิงอย่างเธอไม่มีที่ไหนจะเหมาะสมเท่ากับห้องน้ำนี้อีกแล้ว รีบจัดข้าวของให้เสร็จภายในห้านาทีแล้วไปจัดการทำข้างเย็นซะ ไม่งั้นเธออาจจะถูกหักไปสามคะแนนตามกฎข้อที่แปด!”ว่าจบเขาก็เดินล้วงกระเป๋าออกไปทิ้งไว้แต่เพียงคำพูดที่ดูถูกความเป็นคนของฉัน และเพราะความสงสัยทำให้ฉันต้องรีบเปิดอ่านข้อที่แปดตามที่เขาว่าแล้วก็ต้องตกใจเพราะข้อความหรืออีกนัยมันคือข้อบังคับดีดีนี่เอง...

กฎข้อที่แปด :

ทุกๆ วันในตอนเย็นคิม นาริมจะต้องเข้าครัวทำอาหารเย็นไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้นนอกจากจะถูกสั่งให้ละเว้นโดยผู้เป็นเจ้าชีวิต

[ออกัส]

ปีศาจร้ายชัดๆ นี่ถ้าตัดเอาใบหน้าที่หล่อเหลา แววตาเรียบเฉยที่ดูน่าหลงใหลพวกนั้นออกไปล่ะก็ เขามันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับปีศาจร้ายในคราบเทวดาหนุ่มเลยแม้แต่น้อย แค่คิดว่าฉันจะต้องอดทนอยู่กับคนๆ นี้มันอีกสักสองวันฉันก็แทบกระอักเลือดอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าทำไมคุณแม่ของเขาถึงได้เลือกที่เป็นฉันกันนะ เพราะอะไรกันแน่

หลังจากจัดของเล็กๆ น้อยๆ แต่ใช้เวลาไปเกือบห้านาทีฉันก็เดินออกมาจากห้องในขุดกางเกงขาสั้นพอดีเข่าเสื้อยืดสีขาว สายตาคมเฉียบจ้องมาฉันขึ้นลงหัวจรดเท่าอย่างไร้มารยาทอยู่ที่โซฟาห้องนั่งเล่นที่อยู่ติดกับห้องครัว

“มะ...มองอะไรของนาย!”ฉันตวาดลั่นพร้อมทั้งยกมือขึ้นกอดอกตัวเองเอาไว้แน่นเพราะเห็นว่าสายตาของเขาดูเหมือนจะหยุดนิ่งอยู่กับที่นานเกินไป

“ฉันจะมองอะไรมันก็เรื่องของฉัน ไปทำอาหารเย็นได้แล้ว!”นอกจากจะปากร้ายแล้วยังชอบออกคำสั่งอีกต่างหาก ช่างเป็นผู้ชายที่เอาแต่ใจตัวเองเป็นบ้า ฉันได้แต่เก็บกดความโมโหเอาไว้ก่อนจะเดินไปยังห้องครัวเพื่อลงมือทำอาหารเย็นตามคำสั่งของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แต่ถึงยังไงอาหารที่ฉันทำเป็นมันก็มีแค่เพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น และฉันก็ไม่ค่อยจะมั่นใจว่าเขาจะทานมันลงรึเปล่าซะด้วยสิ

#สิบนาทีผ่านไป#

“นี่อะไร!”น้ำเสียงเรียบเฉยเอ่ยถามขึ้นทันทีที่เห็นสิ่งที่เรียกว่า ‘อาหารเย็น’ ที่วางประเคนเอาไว้ตรงหน้า ใจจริงฉันก็อยากจะย้อนถามเขาอยู่เหมือนกันว่าไม่มีตาหรืออย่างไรไม่ทราบ แต่พอได้เห็นสีหน้าที่หงุดหงิดของเขาในตอนนี้ก็ทำเอาฉันพูดไม่ออกบอกไม่ถูกอยู่เหมือนกัน

“กะ...ก็อาหารเย็น”

“อาหารของเธอหน้าตาทุเรศแบบนี้ใครจะกินลง เอาไปทิ้ง!”ไม่ว่าเปล่ามือหนาจัดการปัดจานข้าวไข่เจียวตรงหน้าให้พ้นตัว บ้าไปรึเปล่า ไอ้ไข่เจียวที่ว่าถึงแม้ว่าหน้าตามันอาจจะดูไม่น่ากินไปบ้างก็ตามทีเถอะ แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่อร่อยนี่น่า และที่สำคัญไปมากกว่านั้นฉันใช้เวลาทำตั้งนานกว่ามันจะออกมาเป็นไข่เจียวแบบนี้ ไม่ไว้หน้ากันเลยสักนิด!

“แต่ว่าฉันใช้เวลาทำตั้งนาน ถึงหน้าตาของมันอาจจะไม่....”

ควับ!

ไม่ทันจะได้อธิบายว่าอาหารบางชนิดต้องพิสูจน์กันที่รสชาติข้าวไข่เจียวก็ถูกคว่ำลงบนหัวของฉันอย่างแรงโดยฝีมือของออกัส ทั้งแสบทั้งร้อนแต่น้ำตาที่ไหลในตอนนี้มันไม่ได้เกิดจากอาการพวกนั้น มันเกิดจากการกระทำที่ไร้จิตใจของเขาต่างหาก!

“ฉันไม่ชอบให้ใครขัดใจ และเกลียดที่จะพูดอะไรซ้ำซาก จำเอาไว้ให้ขึ้นใจว่าเธอมาที่นี้ในฐานะอะไร จะไปไหนก็รีบไปให้พ้นหน้าฉัน!!”

“นี่มันจะมากไปแล้วนะ!” สิ้นเสียงตวาดของฉันร่างสูงก็กรูเข้ามาประชิดตัวก่อนจะเอิ้อมมาแกร่งมาบีบคางฉันอย่างแรงพร้อมกับย้ำสถานะของฉันในวินาทีให้ฟังอีกครั้ง...

“อย่ามาขึ้นเสียงกับคนอย่างฉัน ถ้ายังไม่อยากตาย!”

บ้าจริง!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel