บทที่2
“ก็กำลังจะงาบอยู่ แต่แกดันโผล่มาขัดจังหวะก่อนเลยหมดอารมณ์ ทำไม...ยัยนั่นมันฟ้องอะไรแกรึไง”
“แกแน่ใจนะ”
“ก็เออน่ะสิวะ ไอ้นี่ท่าจะบ้า!” เมื่อได้รับคำตอบที่พอใจ ผมจึงค่อยๆ ปล่อยคอเสื้อเพื่อนสนิทออกอย่างช้าๆ ก่อนจะพบว่าตอนนี้ทั่วทั้งห้อง ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนสนิท หรือแม้แต่คนอื่นๆ ต่างก็กำลังจ้องมองผมเหมือนรอคำอธิบายอยู่
“ซาโย…ใครกันวะ” ไคล์ เพื่อนอีกคนที่มีนิสัยขี้เล่นถามขึ้น
“น้องสาวไอ้ไซโตะ” ราล์ฟที่นั่งเงียบอยู่นานเป็นฝ่ายตอบคำถามนี้ให้ไอ้ไคล์ ก่อนที่มันจะรีบหันมามองผมด้วยสายตาจับผิด
“แกมีปัญหาอะไรกับฉันรึเปล่าราล์ฟ!” ผมร้องถามพร้อมจ้องมองเพื่อนรักตรงหน้าอย่างหาเรื่อง
“เปล่า..ก็แค่แปลกใจ ดูแกจะสนอกสนใจยัยนั่นมากผิดปกติ”
“ไร้สาระ!”ผมตอบไปแบบขอไปทีก่อนจะเลี่ยงเดินออกมาที่ระเบียงเพื่ออยู่กับตัวเองเงียบๆ เหมือนอย่างที่เคยทำเป็นประจำ
สามปีที่ผ่านมา มีเรื่องมากมายเกิดขึ้นในชีวิตผม...และสิ่งที่ผมต้องทนรับมันจากพ่อที่เสียชีวิตไปนั้น มันคือหน้าที่ที่สำคัญ...บทบาทอันตรายของผู้เป็นลูก ที่ต้องสืบทอดกิจการมากมายของมาเฟียอันดับต้นๆ ของประเทศ และเมื่อรับมันมาแล้ว...ผมจึงไม่สามารถเดินถอยกลับกลับไปหาอดีตที่เต็มไปด้วยความสุขได้อีก ต่อให้จะแสนคิดถึงจับใจแค่ไหน ก็กลับไปไม่ได้อยู่ดี!
หากพวกศัตรูของพ่อและในตอนนี้ก็คือศัตรูของผมด้วยเช่นกันรู้เรื่องซาโยเข้า...ผู้หญิงคนนั้นจะตกอยู่ในอันตราย
ผมไม่มีวันยอมให้เรื่องมันกลายเป็นแบบนั้น ไม่มีวันที่ใครหน้าไหนจะมาทำร้ายเธอได้..ตราบใดที่ผมยังมีลมหายใจอยู่ ไม่มีวัน!
หลังจากที่นั่งร้องไห้จนเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ฉันก็ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่พบว่ามีใครบางคนกำลังนอนอยู่ข้างๆ ตัว และนั่นทำให้ฉันต้องรีบผุดกระโดดลงจากเตียงทันที
“นาย! เรียว...นายเข้ามานอนในห้องนี้ได้ยังไง!” แม้จะตะโกนเสียงดังลั่นห้องขนาดนั้นแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าร่างสูงที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงจะยอมตื่นขึ้นมาอธิบายเลยสักนิด ชักเกินไปแล้วนะ!
“เรียว!”
“เงียบ!” เรียวตวาดเสียงดังลั่นเพื่อกลบเสียงของฉันขึ้นมาพร้อมกับคว้าตัวฉันให้ล้มลงบนเตียงอย่างแรง และเมื่อทำท่าว่าจะขัดขืน...นัยน์ตาสีดำที่แสนจะเชยชาของเขาก็ค่อยๆ ลืมขึ้นอย่างช้าๆ
“จะยอมนอนนิ่งๆ หุบปากให้ฉันกอด...หรือว่าอยากจะโดนอย่างอื่นก็เลือกเอา” เพราะคำขู่ที่ใช้ได้ผลทันตาของเขา ฉันเลยจำต้องยอมนอนอยู่นิ่งๆ ให้เขานอนกอดจนได้ ให้ตายคนๆ นี้...ทำไมถึงเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้นะ เรียวคนเดิมของฉันเป็นคนสุภาพ อ่อนโยนและที่สำคัญ..เขาไม่เคยฝืนใจฉันเลยสักครั้ง
“อีกอย่าง...ถ้าถอดมันออกอีกครั้ง เธอตายแน่” จบคำพูดของเขาฉันถึงได้ค่อยๆ ก้มมองที่คอของตัวเองอย่างรวดเร็วก่อนจะพบว่าสร้อยเส้นนั้นที่เขาเคยให้เอาไว้ สร้อยที่ฉันได้คืนมันให้เขาไปแล้วเมื่อคืนตอนนี้มันกลับมาสวมอยู่ที่คอของฉันอีกครั้งตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“มันจะสำคัญอะไร ในเมื่อตอนนี้ นายไม่ได้รู้สึกกับฉันเหมือนกับตอนที่นายมอบสร้อยเส้นนี้ให้ฉันอีกแล้ว”
“เอาไว้ถ้าฉันเจอคนที่เหมาะสมกับสร้อยเส้นนี้มากกว่าเธอ...ฉันจะมาทวงมันคืนเอง” เรียวทิ้งท้ายประโยคสุดท้ายเอาไว้ก่อนที่เขาจะผล็อยหลับไปอีกครั้งและนั่นทำให้ฉันเริ่มมองเห็นบางสิ่งที่วางอยู่ข้างๆ เตียงเข้าโดยบังเอิญ มันคืออิสรภาพที่ฉันต้องการมากที่สุด
กุญแจห้อง!
ยังเป็นคนที่หลับลึกเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนไปเลยสินะ!
ฉันคิดในใจพลางลอบมองใบหน้าหล่อเหลาของเรียวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะค่อยๆ ก้าวขาออกมาจากห้องอย่างเงียบเชียบที่สุด
ท่ามกลางความหนาวเหน็บที่ถาโถมเข้าหาฉันไม่ยั้งมันทำให้ฉันรู้สึกหนาวไปทั่วร่างเพราะในตอนนี้ร่างกายของฉันมีเพียงเสื้อสีขาวตัวโครงคลุมร่างเอาไว้เท่านั้น ชุดที่ใส่มาก็ดันถูกอีตาบ้าเฮเซย์กระชากจนขาดไปหมดแล้ว โชคยังดีที่ฉันค้นเจอเสื้อตัวที่กำลังใส่อยู่นี้ในตู้เสื้อผ้าในห้อง
ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น!
“นั่นเธอคิดว่าเธอจะไปไหน” ฉันสะดุ้งสุดตัวเมื่อจู่ๆ ก็ดันมีเสียงเข้มๆ ดังขึ้นตรงหัวมุมกำแพงทางเดินเข้าก่อนที่ฉันจะค่อยๆ หันไปมองคนตรงหน้าด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าเขาจะมาอยู่ตรงนี้
“นะ...นาย!! คนที่พาฉันมาที่นี่!”
“ชื่อของฉันคือ ราล์ฟ เผื่อเธออยากจะรู้” คำตอบที่ได้มาทำให้ฉันต้องมองเขาอย่างนิ่งๆ
“นายจะมาขวางไม่ให้ฉันหนีใช่ไหม!”
“ฉันพูดแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ถ้าอย่างงั้น...”
“สิ่งที่ไอ้เรียวมันวานให้ฉันทำให้มัน เพื่อแลกกับกีต้าร์ตัวใหม่ที่ฉันอยากได้คือให้ฉันไปลากเธอมาที่นี่...และตอนนี้ฉันก็ทำสำเร็จแล้ว ส่วนเธอจะอยู่หรือตาย...มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องมานั่งสนใจเลยสักนิด”แม้คำพูดของเขาจะชวนงุนงงไปบ้าง แต่เท่าๆ ที่ฟังดูแล้ว
คนๆ นี้...ไม่คิดที่จะขวางถ้าเกิดฉันจะหนีไปล่ะสินะ!
“งั้นฉันไปนะ” พูดจบฉันก็ค่อยๆ เดินผ่านร่างสูงของราล์ฟ...ผู้ชายที่แปลกประหลาดที่สุดเท่าที่ฉันเคยพบเจอมาอย่างช้าๆ แต่ยังไม่ทันจะเดินไปถึงไหนเสียงเข้มๆ ของเขากลับดังตามหลังขึ้นมาเสียก่อน...
“แต่ก่อนจะไป ฉันอยากจะเตือนอะไรเธอเอาไว้อย่าง...”
“…..”
“กฎของที่นี่เมื่อเข้ามาแล้ว...จะออกไปได้ก็ต่อเมื่อวิญญาณออกจากร่างเท่านั้น เราจะมีลูกน้องมือดีคอยเฝ้าอยู่ในทุกๆ ที่ที่เธอเดินผ่าน และไอ้พวกนั้นมันก็ดันชอบ...ผู้หญิงต้นขาเรียวๆ ขาวๆ เสียด้วยสิ” สิ้นคำบอกเล่าของราล์ฟหน้าฉันก็เริ่มซีดขึ้นมาทีละนิดๆ แต่ก็ยังข่มความกลัวเอาไว้ก่อนจะหันไปเผชิญหน้าเขาอีกครั้ง
“คิดว่าฉันจะกลัวคำขู่ของนายรึไง!!”
“ไม่ใช่แค่คิดนะ..แต่สายตาของเธอมันฟ้องว่าเธอกำลังกลัวอยู่จริงๆ” เขาพูดจบก็เดินจากไปซะดื้อๆ มาทิ้งประโยคที่โหดร้ายเอาไว้แล้วก็หนีไปง่ายๆ แบบนี้เนี่ยนะ!
“เดี๋ยวสิ! ถ้าอย่างนั้นนายพาฉันไปส่งหน่อยได้ไหม”
“ทำไมฉันจะต้องช่วยเธอด้วย”
“เพราะ...เพราะนายเป็นคนลากฉันมาที่นี่! นายต้องรับผิดชอบ”ราล์ฟหันกลับมามองฉันอีกหน ก่อนจะกระตุกยิ้มที่มุมปากพร้อมเอ่ยเสียงเรียบ
“ก็ได้”
“จริงนะ!”
“แต่เธอต้องถามความเห็นใครอีกคน ที่กำลังยืนหน้าบึ้งอยู่ข้างหลังของเธอก่อนนะว่าอนุญาตให้ฉันพาเธอออกไปจากที่นี่รึเปล่า” สิ้นเสียงของราล์ฟหัวใจของฉันก็แทบจะล่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่มก่อนจะค่อยๆ หันกลับหลังไปมองทางที่เขาชี้ให้ดูเมื่อสักครู่อย่างช้าๆ
พระเจ้า...ฉันอยากหายตัวได้จริงๆ วินาทีนี้!
“ระ...เรียว”
ตุบ!
ร่างของฉันถูกเหวี่ยงกลับลงไปบนเตียง อีกครั้งทันทีที่เรียวลากฉันกลับมาถึงห้องได้สำเร็จ นัยน์ตาสีดำอันทรงพลังของเขากำลังจ้องมองฉันราวกับอยากจะสาปให้ฉันกลายเป็นหิน แต่นั่นยังไม่เท่ากับท่าทีเย็นชาที่เขากำลังแสดงใส่ ซึ่งนั่นต่างหากที่มันทำให้เจ็บ!
“มีอะไรจะพูดไหม!” เรียวตวาดเสียงสูงก่อนจะเดินเข้าประชิดตัวฉันและกระชากแขนฉันให้ลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับเขา ความรุนแรงที่เขามอบให้ทำให้ฉันต้องลุกขึ้นสู้อีกครั้งด้วยอารมณ์ที่โกรธไม่แพ้กัน
“นายก็รู้เรื่องหมดแล้วนี่ ยังอยากจะได้ยินอะไรจากฉันอีก”
“อย่ามาอวดดีกับฉันซาโย! เธอยังรู้จักคนอย่างฉันไม่ดีพอ”ไม่พูดเปล่ามือหนาค่อยๆ ออกแรงบีบต้นแขนของฉันอย่างแรงจนฉันต้องนิ่วหน้าเพราะความเจ็บปวด
นั่นสินะ...ฉันแทบจะไม่รู้จักคนๆ นี้เลยสักนิด เพราะเขาไม่ใช่เรียวคนเดิมของฉันอีกต่อไปแล้ว
“ฉันจะให้โอกาสเธอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว...ถ้าเธอยังคิดที่จะหนีฉันอีกเป็นครั้งที่สอง...ก็จงหนีไปให้ไกลอย่าให้ฉันเจอเธอ เพราะถ้าฉันเจอ...ฉันจะฆ่าเธอซะ!” เรียวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่โกรธจัดก่อนจะยอมปล่อยต้นแขนของฉันแต่โดยดีและค่อยๆ เดินออกไปจากห้องทิ้งให้ฉันอยู่คนเดียวอีกครั้ง
“นายผิดแล้วล่ะเรียว...นายได้ฆ่าฉันให้ตายไปแล้วต่างหาก นายฆ่าซาโยที่นายเคยรักคนนั้นไปแล้ว!”
ฉันก็ทำได้เพียงพร่ำกับตัวเองในใจก่อนจะค่อยๆ ล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างช้าๆ และเผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าเต็มที
อยากให้สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นทั้งหมดนี้เป็นแค่ฝันร้ายจริงๆ
เช้าวันใหม่ที่ฉันถูกปลุกด้วยเสียงที่ดังมาจากนอกห้องจนสะดุ้งตัวโหยง นี่ใครกำลังทำสงครามกันที่ข้างนอกนั่นรึไงนะ! ฉันคิดในใจก่อนจะค่อยๆ ย่องไปที่ประตูอย่างช้าๆ และทำท่าว่าจะเปิดมันออกแต่เสียที่ว่าประตูเจ้ากรรมดันถูกเปิดจากด้านนอก ก่อนที่นิ้วของฉันจะได้ทันสัมผัสแตะโดนลูกบิดเสียอีก
“ไง”
เรียวนั่นเองที่เดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางเคร่งขรึม เขาจ้องหน้าฉันเหมือนกำลังสงสัยอะไรบางอย่างแต่ก็เลือกที่จะเก็บมันเอาไว้พร้อมทั้งส่งบางสิ่งมาให้ฉัน
“ไปอาบน้ำแต่งตัว...เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว”
“......”
“เธอไม่อยากรู้เหรอว่าฉันจะพาเธอไปที่ไหน” เขาเอียงคอถามอย่างอดสงสัยไม่ได้เมื่อเห็นว่าฉันไม่มีทีท่าอยากจะรู้เรื่องที่เขากำลังจะบอกนี้เลย
“ไม่” ฉันตอบกลับไปแบบขอไปทีก่อนจะเดินผ่านหน้าเรียวตรงเข้าห้องน้ำอย่างเงียบเชียบ
แน่สิ...เขาคงไม่ได้จะพาฉันไปส่งที่บ้านแน่ๆ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะไปที่ไหน...มันก็ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมาเลยสักนิดเดียว
