บทย่อ
“ไม่มีฉัน...เธอก็ไม่ตายงั้นสินะ!” “เอ๊ะ! นายอย่าเพิ่งเข้าใจฉันผิดสิ ฉันแค่จะบอกว่า....” “ถอดเสื้อผ้าออก!” เรียวสวนกลับด้วยคำพูดประหลาดจนฉันต้องรีบหุบปากแล้วหันไปมองหน้าเขาด้วยสายตานิ่งๆ “อะ...อะไรนะ” “ฉันบอกให้เธอถอดเสื้อออก...เราจะได้สนุกกัน เธอมาที่นี่เพื่อเป็นตัวขัดดอกให้พี่ชายที่แสนดีที่คอยปกป้องเธอไม่ใช่รึไง เพราะนั้นก็มาทำหน้าที่ของเธอได้แล้ว!” คำพูดเย็นชาของเรียวเริ่มทำให้ฉันใจหาย …เขากำลังโกรธงั้นเหรอ “นายอย่ามาล้อเล่นแบบนั้นสิเรียว ฉันกลัวนะ” “หน้าฉันเหมือนคนล้อเล่นรึไง...ทำหน้าที่ของเธอให้เสร็จซะ แล้วก็ไสหัวออกไปจากชีวิตฉัน หรือจะลืมไปเลยก็ได้ ว่าเราเคยรู้จักกัน” คำพูดของเขาที่ดังขึ้นทำให้ฉันแทบทรุดลงกับพื้น ทำไมเขาถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้นะ! “นายพูดเรื่องบ้าอะไรของนาย นายต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ทำไมถึงพูดแบบนั้น...ที่ผ่านมาฉันรอคอยการกลับมาของนายตลอด แต่แล้วนายกลับตอบแทนการรอคอยของฉัน ด้วยคำพูดพวกนี้น่ะเหรอ!” “เธอนี่มันโง่จริงๆ” เขาตอบพร้อมกับจ้องมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่แปลกไปจากเดิม..สายตาของเขาเหมือนกับคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักกันไม่มีผิด! แต่นั่นยังเทียบไม่ได้เลยกับคำพูดที่เขาเพิ่งจะพูดมันออกมา...โง่อย่างงั้นเหรอ ฉันมันโง่อย่างงั้นเหรอ! “ไหนๆ นี่ก็จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่เราจะได้เจอกัน...ฉันขอคืนมันให้นาย” เรียวไม่ได้ตอบหรือขยับตัวไปไหนฉันจึงอดไม่ได้ที่จะค่อยๆ ยัดมันใส่มือของเขาอย่างลวกๆ ก่อนจะทำท่าว่าจะเดินออกมาแต่เมื่อคิดอะไรบางอย่างได้ฉันจึงหมุนตัวกลับไปเผชิญหน้ากับเขาอีกครั้ง... ใบหน้าเย็นชา...ดวงตาที่เชยเมิน นี่น่ะเหรอคือสิ่งที่ฉันสู้อุตส่าห์เฝ้ารอมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา “อีกอย่างนะ...ถ้านายสำนึกได้เมื่อไหร่ว่าตัวเองไม่สามารถรักษาสัญญาที่ให้กับใครเอาไว้ได้อย่าแม้แต่จะคิดที่จะเอ่ยมันออกมาอีก คนอย่างนายน่ะ เหมาะสมแล้วที่จะต้องอยู่คนเดียวไปจนตาย!” “……” “ฉันจะหาผู้ชายใหม่ที่รักฉัน ดีกับฉัน จะหาให้ดีกว่าคนอย่างนายร้อยเท่าพันเท่าเลยคอยดู...จูบของฉันที่นายเคยบอกว่าห้ามให้ใครทับรอยเด็กขาดนั่นน่ะ...ฉันจะหาคนที่มีค่าและคู่ควรที่จะเป็นคนลบรอยบัดซบของนายออกให้ดู!” จบประโยคฉันก็วิ่งออกมาจากห้องทันทีไม่รอให้คนใจร้ายตรงหน้าได้เอ่ยอะไรออกมาสักคำ สักวันฉันจะทำให้นายเจ็บปวดกว่าฉันร้อยเท่าพันเท่าเรียว สำหรับสิ่งที่นายทำกับฉัน สักวันฉันจะเอาคืนให้สาสม!
บทนำ
ฉันรักเขา...
แม้จะรู้ดีว่าเขาไม่ใช่คนเดิมที่ฉันเคยรักอีกแล้ว
และก็ยังอยากที่จะรักอย่างนี้...
ตลอดไปอยู่ดี
ผลัก!
สิ้นเสียง ร่างสูงโปร่งของชายปริศนาก็ล้มลงจนกองเลือดทันทีก่อนฝีเท้าหนักๆ ของใครบางคนจะค่อยๆ ดังขึ้นตามหลังมาติดๆ ใบหน้าหล่อคมคายตวัดมองคนตรงหน้าด้วยสายตาโหดเหี้ยม ทุกสิ่งรอบกายพลันเงียบลงนานนับนาที ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะเอ่ยขึ้น...
“ไง...ไซโตะ! หนี้ที่แกติดเอาไว้ เกินกำหนดมาสามวันแล้วนะ!”เสียงเข้มๆ ถามขึ้นพร้อมก้มต่ำมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา รอยยิ้มชั่วร้ายค่อยๆ แสยะขึ้นตามหลังมาติดๆ
“ขอเวลาฉันอีกสักหน่อยเถอะ ‘เรียว’ คราวนี้รับรองไม่พลาดแน่” ชายหนุ่มอีคนตอบกลับ ก่อนจะค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าด้วยสายตาหวาดหวั่น ราวกับรู้ว่าชะตาของตัวเองอยู่หน่อยๆ ว่ากำลังใกล้จะขาดในไม่ช้า...
“ครั้งก่อนแกก็พูดแบบนี้...ฉันให้โอกาสแกมาหลายครั้งแล้ว โอกาสของแกมันหมดแล้ววะพวก!”สิ้นคำมือหนักๆ ก็จัดการกระชากคอเสื้อชายตรงหน้าขึ้นสูงก่อนจะมองด้วยสายตานิ่งๆ อย่างเอาเรื่อง
“จะ...ใจเย็นๆ ก่อนสิพวก ฉันมีน้องสาวอยู่คนนึง ถ้าแกชอบฉันยกให้ก็ได้ ว่าไง! สนไหม!” คิ้วหนาย่นเข้าหากันก่อนรอยยิ้มชั่วร้ายจะค่อยๆ แสยะออกมาให้ได้เห็น เมื่อได้รับข้อเสนอที่น่าสนใจไม่น้อยจากคนตรงหน้า
“จะเอาอย่างงั้นก็ได้ ถ้าน้องสาวแกทำให้ฉันพอใจ...บางทีฉันอาจจะยอมปล่อยให้แกมีลมหายใจไปอีกสักพัก” คำตอบที่ได้รับทำให้ชายหนุ่มถึงกับเหงื่อตก แต่เมื่อไม่มีทางอื่นใดให้ได้เลือก เขาจึงจำต้องยอมทำตามที่ตนเผลอพูดออกไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพียงเพราะอยากจะเอาชีวิตรอดไปจากบุคคลอันตรายตรงหน้าไปให้ได้เท่านั้น
“ขอโทษนะซาโย..แล้วพี่จะรีบหาเงินมาไถ่ตัวน้อง อดทนรอพี่จนถึงวันนั้นนะน้องรัก!”
“เฮ้! หายไปไหนแล้วนะ ให้ตายสิวะยัยนั่น วิ่งไวชะมัด!” น้ำเสียงหงุดหงิดที่ดังขึ้นไปทั่วท้องถนน ส่งผลให้ร่างบางที่กำลังขดกายซุกตัวอยู่ใกล้ๆ ถังขยะสะดุ้งขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อรับรู้ว่าคนที่ชายร่างยักษ์ทั้งสามคนกำลังตามหานั้นคือตัวของเธอเอง ดวงตากลมโตลอบมองบุคคลมากมายตรงหน้าด้วยความกลัวจับใจ พร้อมกับถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย เมื่อเผลอคิดถึงคนที่ทำให้เธอต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ขึ้นมา…
ให้ตาย! พี่ไซโตะหางานมาให้ฉันอีกแล้ว!
หลังจากหลบอยู่นานจนมั่นใจว่าคนพวกนั้นที่คาดว่าคงจะหนีไม่พ้น ‘เจ้าหนี้’ ของพี่ชายฉันอีกตามเคย พากันถอยทับกลับออกไปจนหมดแล้ว ฉันจึงค่อยๆ เดินออกมาจากที่ซ่อนพร้อมยกมือเรียวขึ้นปาดเหงื่อให้ตัวเองเบาๆ อย่างโล่งอก
ให้ตายสิ...
ทำไมชีวิตฉันต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยนะ!
ชื่อของฉันคือ ‘ซาโย’ มันคือชื่อของเด็กสาวอายุยี่สิบปีที่น่าสงสารที่สุดในโลก สาเหตุนั้นก็มาจากพี่ชายต่างมารดา ที่วันๆ สร้างแต่หนี้สินมาให้ฉันต้องหาเงินชดใช้ให้ไม่เว้นแต่ละเว้น พ่อของฉันกับแม่เขาแต่งงานกันเมื่อไม่กี่ปีก่อน นั่นเลยทำให้เขามีโอกาสมีพี่ชายเหมือนคนอื่นๆ แต่ใครจะไม่คิดว่าความฝันที่อยากจะมีพี่ชายคอยปกป้องกับความจริงที่เป็นอยู่นั้น มันจะต่างกันราวฟ้ากับเลวแบบนี้!
ถ้าพ่อของฉันกับแม่เขาไม่ด่วนมาจากไปเพราะอุบัติเหตุพร้อมกัน บางทีชีวิตฉันอาจไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ก็ได้!
พรึบ!
“อะ...โอ้ย!” แค่เพียงจะหันหลังเดินกลับเข้าบ้านตามเดินแท้ๆ จมูกของฉันกลับชนเข้าให้กับแผงอกอุ่นๆ ของใครบางคนเข้าให้อย่างจังจนร่างฉันเซถอยหลังไปหลายก้าว ก่อนจะตั้งตัวได้ในเวลาต่อมาพร้อมกับความสงสัยที่เกิดขึ้นทันที...
ใครกัน!
“ไง...เธอคงจะเป็นซาโย สินะใช่ไหม” และเพราะคำถามที่ดังขึ้นเลยเป็นเหตุให้ฉันต้องรีบเงยหน้ามองคนตรงหน้าด้วยความงุนงง ก่อนจะพบกับนัยน์ตาสีดำสนิทของชายหนุ่มแปลกหน้ารูปร่างสูงโปร่งที่กำลังจ้องมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่ไม่น่าไว้วางใจเท่าไหร่นัก...
“เอ๊ะ!”
“เธอคือน้องสาวของไอ้ไซโตะรึเปล่า…” คนตรงหน้าถามย้ำอีกครั้ง ก่อนที่ฉันจะค่อยคิดกับตัวเองในใจว่าคนๆ นี้เป็นใครกันแน่
“นะ...นายคงไม่ใช่เจ้าหนี้ของพี่ไซโตะหรอกใช่ไหม…”
“ไม่ใช่” เพราะคำตอบที่ได้ทำให้ฉันค่อยใจชื้นขึ้นมาอีกนิดก่อนจะค่อยๆ ส่งยิ้มบางๆ ไปให้คนตรงหน้าอย่างเป็นมิตร ด้วยคิดเอาเองว่าบางทีเขาอาจเป็นเพื่อนของพี่ชายที่ตามมารับฉันไปส่งบ้าน
“ค่อยยังชั่วหน่อย ฉันเป็นน้องสาวของพี่ไซโตะเอง ว่าแต่คุณมีธุระอะไรกับฉันเหรอคะ”
“ฉันน่ะไม่มี...แต่เพื่อนฉันอีกคนน่ะมีแน่ ช่วยไปที่ที่หนึ่งกับฉันหน่อยได้ไหมสาวน้อย” สิ้นคำถามของเขาฉันจึงต้องรีบพยักหน้ารัวอย่างทันทีเพราะเขาไม่ได้ถามเปล่าแต่ทว่ากลับล้วงบางสิ่งออกมาจากเสื้อโค๊ชด้วยนี่สิ
และนั่น…มันคือปืน!
ร่างที่อ่อนปวกเปียกเพราะความกลัวถึงขีดสุดของฉันถูกเหวี่ยงเข้ามาในห้องๆ หนึ่งอย่างแรง ก่อนที่นายหน้าหล่อแต่ทว่าจิตใจกลับร้ายกาจผิดมนุษย์ที่เป็นคนลากฉันมาถึงที่นี่จะล็อคประตูจากด้านนอกทันทีที่เรามาถึงจุดหมายปลายทาง
“นี่! ปล่อยฉันออกไปเถอะ พวกนายไม่มีสิทธิ์มาขังฉันเอาไว้แบบนี้นะ! บอกให้ปล่อยไง!” แม้ฉันจะทั้งออกแรงรัวมือทุบประตูพร้อมตะโกนเสียงดังแค่ไหนแต่ก็ไร้ผล
“นี่!”
“เงียบน่า! เธอนี่มันน่ารำคาญชะมัด หยุดแหกปากได้แล้ว!”ฉันแทบจะล้มทั้งยืนเมื่อจู่ๆ กลับมีเสียงเข้มๆ อีกเสียงที่ดังแข่งกับเสียงของฉันดังขึ้น หนำซ้ำเสียงปริศนานั้นยังดังมาจากด้านหลังของฉันอีกต่างหาก
เมื่อรวบรวมความกล้าได้สำเร็จฉันจึงค่อยๆ หมุนตัวไปด้านหลัง ก่อนที่ดวงตาทั้งสองจะเบิกโพลงขึ้นทันทีเพราะความตกใจ
“นะ...นาย!”
“เธอคงจะเป็นน้องสาวไอ้ไซโตะสินะ” เสียงเข้มดังขึ้นในขณะที่ร่างของฉันชาไปทั้งตัว เมื่อเผลอไปสบเข้าให้กับนัยน์ตาสีเทาที่น่าหลงไหลของชายหนุ่มที่กำลังนั่งจ้องฉันอยู่บนเตียงเข้า ใบหน้าหล่อคมคายค่อยๆ ไล่สายตาของมาที่ฉันก่อนที่เขาจะทำบางสิ่งที่ไม่คาดคิดออกมา
“ทะ...ทำอะไรน่ะ! แล้วนั่นนายถอดเสื้อทำไม!”
“เธอนี่ตลกชะมัด...” เขาตอบแบบไม่ใส่ใจเท่าไหร่นักในขณะที่ฉันช็อกจนแทบจะควบคุมสติของตัวเองไม่อยู่
“ถ้าไม่ถอดเสื้อ...แล้วเราจะสนุกกันได้ยังไงล่ะสาวน้อย” คำตอบที่ได้ทำให้ฉันแทบช็อกไปชั่วขณะก่อนจะค่อยๆ ก้าวขาไปชิดประตูห้องอีกครั้ง พร้อมทั้งส่ายหัวไปมาราวกับคนบ้าไร้สติ
“ฉะ...ฉันไม่รู้จักนาย! พี่ไซโตะอยู่ที่ไหน!”
“พอได้เงินอีกก้อน มันก็หายหัวเข้าบ่อนไปแล้ว มันติดหนี้เพื่อนฉันอยู่สามแสน และไม่มีปัญญาใช้...มันก็เลยยกเธอให้เป็นของขวัญขัดดอกให้เพื่อนฉันไปพลางๆ หรือถ้าเธอไม่เชื่อ จะดูนี่ก็ได้” พูดจบมือหนาก็โยนกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ ฉันมองเขาด้วยอาการไม่ไว้วางใจ ก่อนจะรีบตรงดิ่งไปคว้ากระดาษตรงหน้าขึ้นมาอ่าน
ไม่นะ! พี่บ้าทำไมถึงได้กล้าทำแบบนี้!
“แต่ฉันไม่ยินยอมพวกนายไม่มีสิทธิ์มากักขังฉันเอาไว้แบบนี้”
“นั่นมันเรื่องของเธอ เพราะไอ้บ้านั่นดันติดภาระสำคัญ...มันก็เลยไหว้วานให้ฉันมาเช็คของขัดดอกแทนมันให้หน่อย ฉันก็แค่ทำตามหน้าที่ของฉันเท่านั้น!” ถึงแม้จะพูดแบบนั้นแต่ทว่าร่างสูงใหญ่ของคนตรงหน้ากลับค่อยๆ ก้าวตรงเข้ามาหากันเรื่อยๆ
“แต่นายไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับฉันนะ บ้านเมืองมีกฎหมาย...”
“แต่เผอิญว่าพวกฉันดันอยู่เหนือกฎหมายนี่สิ!” สิ้นคำพูดที่ดูน่าหวาดหวั่นร่างสูงโปร่งของชายแปลกหน้าที่ฉันยังไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อเสียงเรียงนามก็ค่อยๆ ลุกขึ้นพร้อมก้าวฉับๆ เข้ามาหาฉันในทันที
“ยะ...อย่านะ กรี๊ดดดด!!!” แค่เพียงเริ่มหนีมือหนาของเขาก็คว้าเอาชายเสื้อของฉันได้อย่างง่ายดายก่อนจะกระชากฉันเข้าหาตัวพร้อมเหวี่ยงลงบนเตียงอย่างแรงพร้อมกับนำร่างกำยำที่ปราศจากเสื้อผ้า เข้ามาโถมคร่อมร่างของฉันเอาไว้อีกที
“จะขัดขืนไปทำไมกัน... หรือเธอคิดว่าจะมีใครมาช่วยเธอได้”
คำพูดของเขาทำเอาน้ำตาของฉันค่อยๆ ไหลออกมาอย่างหักห้ามไม่อยู่ นั่นสินะ ใครหน้าไหนกันจะมาช่วยฉันได้! ในเมื่อชีวิตฉันในตอนนี้ก็มีแค่ตัวเองกับพี่ชายเท่านั้น แถมพี่ชายที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวบนโลกก็กลับเป็นคนที่โยนฉันให้ปีศาจร้ายตรงหน้านี้เองกับมืออีกด้วย เพราะฉะนั้นเรื่องที่จะมีใครสักคนเข้ามาช่วยนั้นลืมไปได้เลย
ให้ตายสิ!
“ร้องไห้ไป ฉันก็ไม่หยุดหรอกนะจะบอกให้” สิ้นคำพูดที่เย็นชามือหนาของคนตรงหน้าก็ค่อยๆ เอื้อมมากดข้อมือของฉันทั้งสองข้างเอาไว้เหนือหัว ก่อนจะค่อยๆโน้มใบหน้าหล่อเหลาของเขาเข้ามาใกล้
“ยะ..อย่านะ!!”
แม้จะรู้ดีว่าไม่มีใครมาช่วย แต่ฉันก็ทำใจยอมรับเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นตรงหน้านี้ไม่ได้จริงๆ ฉันพยายามรวบรวมกำลังที่เหลือปัดป่ายอย่างเต็มกำลัง ในขณะที่คนตรงหน้าเริ่มมีสีหน้าที่ไม่ชอบใจ
“หยุดดิ้นซะที!”
ปัง!
เสียงตวาดของเขาดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงประตูห้องที่ถูกเตะอย่างแรงจนเปิดอ้าออกทำให้ฉันเริ่มที่จะมีความหวังขึ้นมานิดๆ
“ไหนแกว่าจะไปจัดการกับไอ้พวกชุนอิจิ แล้วทำไมรีบกลับ!” นายตาสีเทาร้องถามก่อนจะค่อยๆ ลุกออกไปจากตัวฉันด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“พวกมันหนีไปได้...คงจะมีหมาคาบข่าวไปบอก ว่าคืนนี้ฉันจะไปเอาคืนเรื่องที่พวกมันบุกมาท้าทายเราถึงถิ่น” น้ำเสียงเย็นๆ ที่ตอบกลับมานั้นมันทำให้ฉันรู้สึกกลัวจนไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองผู้มีบุญคุณที่เพิ่งจะช่วยชีวิตฉัน ให้รอดพ้นจากนายตาสีเทาใจร้ายมาได้หมาดๆ แต่บางอย่างที่นอกเหนือจากความเย็นชาพวกนั้น...เสียงแบบนี้คุ้นหูจัง เหมือนเคยได้ยินที่ไหนกันนะ…
“แล้วนั่น...”
“น้องสาวไอ้ไซโตะ ไอ้ราล์ฟมันเพิ่งไปลากเอามาส่งให้เมื่อกี้ ถ้าแกไม่มีอะไรแล้วก็ไสหัวไปสิวะ! เครื่องฉันกำลังร้อน!” นายหัวเทาตะโกนเสียงสูงอีกครั้ง พร้อมทั้งเอื้อมมือมาฉุดแขนฉันให้ลุกขึ้นยืน
“นั่น-มัน-ของ-ฉัน!”
“แต่ไหนแกบอกยกให้ฉันแล้วไงวะ!”
“ฉันบอกแกแค่ว่าช่วยเช็คสินค้าให้หน่อย ว่ามีตำหนิตรงไหนไหม...หมดหน้าที่ของแกแล้วเฮเซย์...ไสหัวออกไปซะ!” สิ้นคำพูดที่ฟังแต่ละทีก็รู้สึกหนาวเหน็บไปทั่วร่าง นายตาสีเทาที่ตอนนี้ฉันรู้ชื่อของเขาแล้วก็ทำท่าทีไม่พอใจอยู่นาน สุดท้ายก็ยอมเดินจากไปแต่โดยดี
ให้ตาย...หมอนั่นน่ากลัวจริงๆ
“ขอบคุณนะคะที่ช่วย...ถ้าไม่ได้คุณฉันคงแย่ หมอนั่นน่ากลัวมากจริงๆ” ฉันกล่าวคำขอบคุณสั้นๆ แต่ก็ยังไม่กล้าพอที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองคนตรงหน้า ทำได้เพียงแค่ยืนก้มหน้านิ่งๆอยู่กับที่เท่านั้น
“เธอคิดผิดแล้วล่ะ...ฉันไม่ได้ช่วยเธอ”
“เอ๊ะ!”
“ฉันแค่จะทวงสิทธิ์ที่เป็นของฉันคืนต่างหาก” สิ้นคำมือหนาก็เอื้อมมากระชากฉันอย่างแรง จนร่างฉันกระเด็นไปติดแผงอกผุ่นของเขา ไม่ทันจะได้ผละตัวออกมามือหนาก็เอื้อมมาคว้าต้นคอของฉันเอาไว้ด้วยมือข้างเดียว ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะฉกเข้าครอบงำริมฝีปากของฉันอย่างแรง สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ความกลัวหายไปจนหมดสิ้น และเพราะความตกใจมันเลยทำให้ฉันเผลอหันไปสบเข้าให้กับดวงตาสีดำสนิทของคนตรงหน้าเข้าอย่างจัง และนั่นเองเลยทำให้ฉันต้องเบิกตากว้างขึ้นอีกเป็นเท่าตัวเมื่อได้เห็นใบหน้าของเขาชัดๆ
คนๆ นี้...
ใบหน้าแบบนี้...ไม่ผิดแน่!!
“ระ...เรียว....”

