8
แสงตะวันเริ่มลับขอบฟ้า ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้มอมม่วงชวนให้รู้สึกว่าเป็นวันที่มีอาหารเย็นอันแสนอบอุ่น กลิ่นกับข้าวยังคละคลุ้งยังคงลอยอยู่ในอากาศ เสียงหัวเราะของคุณตากับคุณยายและรอยยิ้มของพิมโรส ยังในใจของภัทร
"วันนี้อร่อยมากเลยครับคุณยาย คุณตา" ภัทรเอ่ยชมอาหารมื้อเย็นด้วยรอยยิ้มจริงใจ
คุณยายยิ้มรับด้วยความเอ็นดู
"ถ้ากลับบ้านเร็วแวะมาทานได้นะ"
"เดี๋ยวผมช่วยล้างจานนะครับ" ภัทรเสนอตัวอย่างกระตือรือร้น
พี่มะลิที่กำลังเก็บกวาดเศษอาหารบนโต๊ะชะงักไปเล็กน้อย
"ไม่ต้องหรอกค่ะคุณภัทร เดี๋ยวพี่ทำเอง ปกติแล้วหน้าที่ล้างจาน ทำความสะอาดบ้าน ดูแลคุณตาคุณยายเป็นของพี่มะลิอยู่แล้ว”
คุณตาหัวเราะเบาๆ
"ปล่อยให้พี่มะลิเขาทำเถอะ วันนี้พ่อหนุ่มภัทรเหนื่อยมาทั้งวันแล้วนี่"
ภัทรดูเหมือนจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
"ไม่เหนื่อยเลยครับคุณตา ผมอยากช่วยจริงๆ"
คุณยายมองหน้าชายหนุ่มด้วยความเมตตา
"ถ้าอย่างนั้น...พ่อหนุ่มภัทรมาช่วยคุณตากับคุณยายเตรียมของใส่บาตรพรุ่งนี้เช้าดีไหมล่ะ"
ภัทรตาเป็นประกายทันที
"จริงเหรอครับ! ได้เลยครับคุณยาย" เขาเดินตามคุณตาที่กำลังหยิบตะกร้าสานใบใหญ่และถุงใส่ของต่างๆ ออกมาจากห้องครัว
พิมโรสมองตาผู้ชายคนนี้ด้วยความรู้สึกประหลาดใจระคนสงสัย ดูท่าทางกระตือรือร้นเป็นพิเศษ
ขณะที่คุณตากับภัทรกำลังจัดเตรียมข้าวสาร อาหารแห้ง และขนมต่างๆ ใส่ตะกร้าบรรยากาศเงียบสงบอบอวลไปด้วยความอบอุ่นของครอบครัว พิมโรสที่นั่งอยู่ข้างๆคุณยายก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ภาพของภัทรที่กำลังพูดคุยหัวเราะกับคุณตาคุณยายอย่างสนิทสนมทำให้เธอรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังคุกคามพื้นที่ "หลานรัก" ของเธอ
พิมโรสลุกขึ้นเดินเข้าไปใกล้ๆ อย่างเงียบๆ มองดูภัทรที่กำลังตั้งใจฟังคุณตาเล่าเรื่องราวต่างๆ
" เจ้าของเดิมบ้านหลังนั้น มีลูกชายคนหนึ่ง อายุราว ๆ กับยายโรสนี่แหละ" คุณตาเล่าต่อ ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อมองไกลออกไป คล้ายมองผ่านกาลเวลา
"เด็กคนนั้นน่ารักมาก ชอบวิ่งมาเล่นที่บ้าน วิ่งเล่นกับยายโรสอยู่ทุกเย็นเลย" คุณยายยิ้มเมื่อพูดถึงภาพอดีต
"เขาสนิทกันมาก ยายโรสถึงกับร้องไห้ตอนที่เขาย้ายไปต่างประเทศน่ะสิ"
ภัทรนิ่งงัน หัวใจเต้นแผ่วช้าลง ราวกับเสียงของคุณตาคุณยายพาเขาเดินกลับไปยังวันเก่า ๆ ที่เขาลืมไปแล้ว...หรือพยายามลืม
ภาพสนามหญ้า เสียงหัวเราะ และเด็กหญิงยาวที่คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงที่ชอบบังคับเขาเล่นจิบชายามบ่าย ภาพในหัวของเขาเริ่มชัดขึ้น
“แล้ว...ตอนนี้ติดต่อเขาได้ไหมครับ” เขาถามเบา ๆ คล้ายไม่แน่ใจว่าจะมีใครจับสังเกตในอาการของเขาได้หรือเปล่า
คุณตาหัวเราะเบา ๆ
“ก็ไม่เคยติดต่อกันอีกเลย เห็นว่าครอบครัวย้ายไปถาวร ทางนู้นแล้ว”
เขาไม่เคยคิดว่าบ้านหลังนี้จะยังอยู่ หรือผู้คนที่นี่จะยังจำเรื่องราวของเขาได้
‘เด็กคนนั้น’ ที่คุณตาคุณยายพูดถึง...คือเขาเองความอบอุ่น ความผูกพัน และเสียงหัวเราะเมื่อสิบกว่าปีก่อนกำลังหวนคืนมา แต่สิ่งที่เขากลัวมากที่สุดคือกลัวว่า ...พิมโรสยังจำเขาได้...หรือเขาจะใจอ่อนกับแผนการที่คิดไว้
"เขามาเล่นที่นี่บ่อยๆ เลยเหรอครับ" ภัทรถามต่อเหมือนว่ากำลังสนใจเรื่องเล่าอยู่
"มาทุกวันเลยล่ะ" คุณตาหัวเราะเบาๆ "ซนเป็นลิงเชียวไม่รู้ว่าใครชวนใครให้ปีนต้นมะม่วงบางทีก็ ชอบมาวิ่งเล่นตรงสนามหญ้าหน้าบ้าน บางทีก็มานั่งวาดรูปเล่นกับยายโรสใต้ต้นมะม่วงโน่น" คุณตาชี้มือไปยังต้นมะม่วงใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล
คุณยายยิ้มบางๆ ภัทรฟังเรื่องราวเหล่านั้นอย่างตั้งใจ ภาพเด็กชายตัวเล็กๆ วิ่งเล่นอยู่ในบ้านหลังนี้เริ่มผุดขึ้นในความคิดของเขาอย่างเลือนราง ราวกับเป็นความทรงจำที่ถูกเก็บซ่อนไว้ใต้ก้นบึ้งของจิตใจ
