บท
ตั้งค่า

บทที่ 8 ความลับ

At University

“แบบเมื่อคืนไม่เอาแล้วนะอีห่า บอกจะไปฟังเพลง สุดท้ายเหลือแค่กูกับไอ้ยีนส์อ่ะที่นั่งฟังจนวงเลิก” ซูซานบ่นอุบอิบขณะที่นั่งรอเข้าเรียนอยู่ใต้ตึกคณะนิเทศศาสตร์

“โทษกูไม่ได้ ไอ้เชี่ยเสือมันกวนตีนกูก่อน” เยลลี่ปกป้องตัวเอง

“โทษกูไม่ได้เหมือนกันร็อกบ่นหิวกูเลยต้องพากลับไปป้อนข้าวที่คอนโด” เชลโล่ทำหน้าทำตาหน้าหมั่นไส้

“นั่นผัวหรือหมาที่ต้องป้าข้าวกันอ่ะ” ซูซานเลิกคิ้วถามเชลโล่

“ผัวค่ะ แล้วก็ป้อนข้าวมันแค่คำเปรียบเปรย เพราะกูป้อนอย่างอื่น”

“อีแรด! ระวังท้องนะมึงอ่ะ!”

“แล้วนี้ซินมันไปไหน?” เยลลี่ถามขึ้นเมื่อไม่เห็นซินมาตั้งแต่เช้า

“ไม่รู้ มันหายไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว โทรไปก็ไม่รับ กูกะจะรอถามไอ้เชี่ยขุนอยู่เนี่ยว่าคืนมันทะเลาะอะไรกัน” ซูซานตอบพลางหยิบขนมเข้าปาก

“เมื่อคืนมันสองคนทะเลาะกันเหรอวะ” เยลลี่ขมวดคิ้วถาม เธอนึกแปลกใจที่ขุนเขาทะเลาะกับซิน เพราะสองคนนั้นไม่เคยทะเลาะกันมาก่อน

“เออ ซินมันเมา ลากไอ้ขุนออกไปคุยข้างนอก กูจะตามไปอยู่แล้วเชียว ไอ้เชี่ยยีนส์เสือกห้ามซะก่อน”

“เออมึง... เมื่อคืนอ่ะ ตอนที่กูกลับคอนโดมากับร็อก แม่งเมาใช่ป่ะ แล้วเหมือนมันจะหลุดพูดอะไรสักอย่างออกมาด้วย” เชลโล่ทำน้ำเสียงลึกลับ จนเพื่อนอีกสองคนรีบสุมหัวเข้ามา

“มันพูดไร”

“มันบอกว่าขุนอ่ะ มันมีปัญหาที่หนักมากๆ เกี่ยวกับที่บ้าน แล้วก็รุ่นพี่ที่ชื่อเรย์” เชลโล่พยายามนึก

“แล้วอะไรอีก” เยลลี่ทำหน้าทำตาอยากรู้

“กูจับใจความได้แค่นี้ว่ะ อ้อๆ แล้วร็อกมันบอกว่าขุนเลิกกับมินไม่ได้ พอกูถามว่าเพราะอะไรแม่งเสือกหลับก่อน”

“โถ่เอ้ย! ทำไมมึงไม่ปลุกมันมาถามเล่า!” ซูซานส่ายหน้าไปมาอย่างไม่ได้ดั่งใจ

“มันรู้มาแค่นี้ก็ดีกว่าพวกเราป่ะ ที่ไม่รู้เชี่ยไรเลย” เยลลี่หรี่ตามองซูซาน

“แต่กูสงสัยว่ารุ่นพี่ที่ชื่อเรย์ นี่คนไหนวะ ทำไมกูไม่คุ้นชื่อเลย” เชลโล่เอียงคอนึก

“กูคุ้นนะ แต่ไม่แน่ใจว่าใช่คนเดียวกันไหม” ซูซานว่า

“ใครวะ?”

“มึงจำได้ป่ะ ตอนรับน้องที่พวกเราเข้าปีหนึ่งอ่ะ ที่จริงมันต้องรับน้องสองเดือนใช่ป่ะ แต่สาขาเรารับแค่เดือนกว่าๆ เพราะมีรุ่นพี่ปีสามคนนึงตาย... คนนั้นแหละที่ชื่อเรย์”

“เชี่ย... จริงป่ะ? แล้วเราจะรู้ได้ยังไงวะว่าเป็นคนเดียวกับที่ร็อกพูดถึง แล้วเกี่ยวอะไรกับไอ้ขุน กับปัญหาที่บ้านมันแล้วก็อีนังน้องมินนั่น” เยลลี่เริ่มอยากรู้ขึ้นมา

“สัด! ยากเลย แต่จิตวิญญาณนักสืบของกูแม่งเริ่มทำงานแล้วว่ะ เรื่องนี้กูต้องรู้ให้ได้” ซูซานทำหน้าตามั่นใจ

“นักสืบหรือนักเสือก? อีกอย่างเรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับการที่ไอ้เชี่ยขุนทะเลาะกับอีซินวะ?” เชลโล่ยังคงไม่เข้าใจเป้าหมายของซูซาน

“นั่นดิ กูก็ไม่เห็นว่ามันจะเกี่ยวกันตรงไหนเลย” เยลลี่เสริม ทว่าซูซานไม่สนใจเรื่องที่เพื่อนทั้งสองตั้งคำถาม เธอกำลังคิดแผนในใจว่ายังไงก็ต้องไขปริศนานี้ให้ได้

“พวกมึงไม่เข้าเรียนกันเหรอวะ?” ซินที่เพิ่งมาเรียนเอ่ยถามขึ้นขณะที่เดินเข้ามาหยุดตรงหน้าเพื่อนสามคน

“รอมึงไง หายไปไหนมาตั้งแต่เช้า ไม่เข้าเรียนตอนเช้าก็ไม่บอกพวกกู โทรไปก็ไม่รับสาย” ซูซานร่ายใส่เพื่อนชุดใหญ่

“กูปวดหัว เลยนอนอยู่บ้าน เข้าเรียนดิ”

“ปวดหัวหรือปวดใจ?” เชลโล่เลิกคิ้วถาม

“ปวดหัว เพิ่งพูดไปเมื่อกี้ หูมึงเสียเหรอเชลโล่” ซินทิ้งท้ายไว้เท่านั้นก่อนจะหันหลังเดินออกไป แต่พอสายตาสบเข้ากับสายตาคู่หนึ่งเธอชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเดินผ่านสายตานั้นไปโดยไม่มีคำพูดจา

“กูว่างานนี้มีแตกหัก” เยลลี่ที่มองตามซิน เมื่อเห็นว่าเพื่อนเดินผ่านขุนเขาไปอย่างเงียบๆ ไม่ทักทาย ทำเหมือนคนไม่รู้จักแบบนั้น

“เมื่อคืนมึงทะเลาะอะไรกันวะไอ้ขุน” ร็อกเก็ตที่ก็รู้สึกได้ถึงสถานการณ์เอ่ยถามขึ้นมา

“อย่าโกรธกันนาน ยังต้องทำงานด้วยกันอีกสองปี” ยีนส์พูดขึ้น

“จับปล้ำเชื่อกู หายงอนทันตาเห็น” เสือยกยิ้ม

“กูไม่เข้าเรียนนะ” ขุนเขาที่เงียบฟังเพื่อนอยู่ชั่วครู เอ่ยขึ้นก่อนจะหันหลังเดินตามซินไป

“ร็อก... ไปไหนมา เมื่อเช้าทำไมไม่เข้าเรียน เค้าไลน์ไปก็ไม่ตอบ” เชลโล่ทำเสียงออดอ้อนเมื่อเห็นแฟนหนุ่มเดินเข้ามาใกล้

“ไปไหว้...” ร็อกเก็ตทำท่าจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ต้องเงียบไปเมื่อโดนสายตาทิ่มแทงของเสือและยีนส์

“ไปไหว้อะไรวะ?” ซูซานจับท่าทีทั้งสามได้ก็ถามขึ้นมาทันที

“รับผิดชอบเลยไอ้เชี่ยร็อก” เสือถอนหายใจออกมาอย่างไม่สบอารมณ์

“ไปไหว้พระมา ไม่ต้องถามต่อนะ กูขี้เกียจคิด... เข้าเรียนกันเถอะที่รัก” ร็อกเก็ตตอบแบบปัดๆ ใส่ซูซานก่อนจะเข้าไปโอบไหล่เชลโล่แล้วเดินออกไปจากตรงนั้น

“หึ! จับพิรุธได้เห็นๆ” ซูซานที่ทำตัวเป็นโคนันแสยะยิ้ม

“เยลลี่! เข้าเรียน!” อยู่ๆ เสือก็ออกคำสั่งใส่เยลลี่ แล้วหญิงสาวก็เดินตามเขาต้อยๆ ทำเอาซูซานอึ้งในทันที

“เชี่ยไรวะนั่น? อีเยลมันว่านอนสอนง่ายกับไอ้เชี่ยเหรอได้ไงวะ?!” ซูซานขมวดคิ้วสงสัย เมื่อคืนนี้คงเป็นคืนแห่งโลกาวินาศแน่ๆ อยู่ๆ เช้าขึ้นมาทุกคนถึงได้ผิดเพี้ยนกันไปหมด

“ซาน... กูแนะนำอะไรอย่างนะ เอาเวลาไปใส่ใจเรื่องของตัวเองเถอะ ตามบทไอ้ซินด้วย ถ้าครบอาทิตย์แล้วมันยังทำบทไม่เสร็จ มึงแย่แน่โปรดิวเซอร์” ยีนส์คาดโทษซูซานก่อนจะเดินตามเสือกับเยลลี่ไป

“โอ๊ะ! ไอ้ห่านี่ก็จิกกูเป็นไก่เลย!”

หมั่บ!

เท้ายาวของร่างสูงก้าวเข้าไปจนประชิดกับร่างบาง เขาคว้าข้อมือเล็กแล้วออกแรงเพียงนิดเดียวรั้งเธอให้เดินตามเขาไปที่ด้านหลังตึกเรียน

“ปล่อย!” ซินพยายามขัดขืน แต่แรงของเธอน้อยเกินกว่าจะต้านทานแรงของขุนเขาได้

“บอกให้ปล่อยไง!”

สุดท้ายเธอก็ต้องมาอยู่ตรงกลางระหว่างสองแขนของเขาที่ยันกับผนักตึกเรียนขังเธอไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้ ซินเม้มปากแน่น ไม่มีที่ให้เธอถอยหนีเขาอีกแล้วเพราะเวลานี้แผ่นหลังของเธอชิดติดกับผนังตึกเป็นที่เรียบร้อย

“มึงต้องการอะไร?” ขุนเขาเอ่ยถามน้ำเสียงรอดไรฟัน เขาทำเหมือนว่าเขากำลังโกรธเธอมาก ทว่าเปล่าเลย... เขากำลังโกรธตัวเอง

“กูหรือเปล่าที่ต้องถามว่ามึงจะเอาอะไรจากกู!” ซินจ้องหน้าขุนเขาไม่ว่างตา

“กูบอกได้ว่ากูต้องการอะไร แต่กูอยากรู้ว่ามึงอ่ะเป็นอะไร ทำไมต้องทำเหมือนว่ากูเป็นอากาศ”

“ก็กูไม่อยากมองหน้ามึงไงขุน! มึงลองคิดกลับกันดูดิ ถ้ามึงเป็นกู... มึงจะยังอยากมองหน้าตัวมึงเองอยู่ไหม!”

“ทำไมวะ! มึงโกรธที่กูจูบมึงหรือโกรธที่กูกลับไปคบกับมิน หรือมึงโกรธอะไร!” ขุนเขามองหน้าซินอย่างเหลืออด

“เหอะ! มึงแค่อยากรู้ว่ากูโกรธอะไรมึงแค่นั้นใช่ป่ะ ได้... กูบอกให้ก็ได้ ว่ากูไม่ได้โกรธมึง! แต่กูโกรธตัวเองที่โง่ไปชอบมึงอยู่ได้ตั้งสามปี! คำตอบแค่นี้มึงพอใจหรือยัง?”

ขุนเขาข่มตาหลับเมื่อได้ยินคำตอบของซิน เขารับรู้ถึงความเจ็บปวดที่เธอกำลังเผชิญ แต่เขาทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากเป็นเพื่อนเธอต่อไป

“มีอะไรที่กูต้องทำบ้าง... เพื่อให้มึงรู้สึกดีขึ้น” เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

“ปล่อยกูไป อย่ามาแสดงว่ามึงสงสารกู อย่ามาทำเหมือนว่ามึงอยากเป็นเพื่อนกับกูจนใจจะขาด ขอร้อง... มึงช่วยทำเหมือนว่ากูไม่เคยบอกว่าชอบมึงที ช่วยปฏิเสธกูมาทีว่ามึงไม่ได้ชอบกู ไม่ได้รู้สึกดีกับกู กูขอเวลาไม่นานหรอก วันนึงที่กูทำใจได้ กูจะกลับมาเป็นเพื่อนกับมึง”

“ได้... ถ้ามึงต้องการแบบนั้นก็ตามใจมึง” ขุนเขาถอนหายใจเอาลมร้อนออกมาจากจมูก เขาหลุบตามองต่ำ ก่อนจะเอื่อนเอ่ยคำปฏิเสธซินออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“เลิกชอบกูซะซิน เพราะมึงกับกูมากที่สุดเราก็เป็นได้แค่เพื่อนกัน”

สิ้นคำพูดของชายหนุ่ม น้ำตาเจ้ากรรมก็ร่วงเผาะลงมากระทบแก้มซีดเซียวของหญิงสาว เธอแสร้งยกยิ้มขึ้นมาแล้วปาดน้ำตาทิ้งอย่างลวกๆ

“อืม กูเข้าใจ” เธอเอ่ยออกไปสั้นๆ ก่อนที่ชายหนุ่มจะปล่อยให้เธอเป็นอิสระจากเกาะกุม

“กูขอโทษ ที่ทำให้มึงได้แค่นี้” เขาเอ่ยออกมาอีกครั้ง

“ที่มึงทำอยู่ ดีที่สุดแล้วขุน” พูดจบซินก็เดินออกไปจากตรงนั้นทันที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel