บท
ตั้งค่า

บทที่ 8 หนังรักโรแมนติก

At Happy Lion

ฉันกลับมากรุงเทพก่อนเพื่อมาจัดการเรื่องที่ยีนส์จะมาเซ็นสัญญากับหนังเรื่องใหม่ ส่วนยีนส์ก็มีหน้าที่ไปบอกคุณเจ้าจันทร์แม่ของมันเรื่องที่เราจะแต่งงานกันแบบเงียบๆ และเรียบง่ายที่เชียงใหม่

บอกตรงๆ ว่าฉันนึกไม่ออกจริงๆ ว่าตัวเองจะบอกเรื่องแต่งงานกับทุกคนยังไง คือที่แน่ๆ ฉันต้องบอกพี่แน่วแน่กับพี่จริงใจเจ้านายของฉัน แล้วก็ต้องบอกเพื่อนๆ คืนนี้ฉันเลยนัดเพื่อนสาวสามคนของฉันออกมา และตอนนี้ก็เป็นเวลาที่ฉันต้องบอกเรื่องนี้กับพี่แน่วแน่แล้วด้วย

“แกไปทำอีท่าไหน จิณณ์ถึงยอมมากำกับหนังเรื่องนี้ รู้ไหมว่าคุณวูดดี้ดีใจมาก” พี่แน่วแน่สั่งปริ๊นท์สัญญาการทำงานของยีนส์ก่อนจะหันมาถามฉันที่นั่งรอเขาอยู่

“จิณณ์อ่านบทแล้วชอบน่ะ เขาเลยไปบอกค่ายโน้นว่าจะมาทำกับเรา ดีนะที่ไม่ได้เซนสัญญาไปก่อน” ฉันเอ่ยตอบด้วยคำโกหก ไอ้ยีนส์ไม่ได้พูดด้วยซ้ำว่าชอบบทหนัง

“ฉันถึงบอกไงว่าเราต้องตัดหน้าค่ายโน้น” พี่แน่วแน่ทำท่าทางมั่นใจ

“พี่แน่ว... ซานมีเรื่องจะบอก” โอเค... ฉันรู้ว่าพี่แน่วต้องสงสัยและถามมากมายแน่ๆ แต่ฉันจะผ่านมันไปได้ด้วยบทที่ไอ้ยีนส์สอนไว้

“เรื่อง?”

“คือ... ซานจะแต่งงานนะ” พูดออกไปแล้วฉันก็เม้มปากสนิทแน่นทันที

“ฮะๆ มุกใหม่แกตลกดีนะไอ้ซาน” พี่แน่วหัวเราะออกมาแล้วทำหน้าตาแสดงออกชัดเจนว่าสิ่งที่ฉันพูดคือเรื่องตลก

“ซานพูดจริงๆ ตอนนี้กำลังหาฤกษ์อยู่ แต่คงแต่งก่อนเปิดกล้องหนังแน่ๆ”

“นี่แกพูดจริงเหรอวะ? แล้วแกจะแต่งกับใคร ฉันไม่เคยเห็นแกมีแฟนเลย ไม่สิ... ฉันไม่เคยเห็นแกพูดถึงผู้ชายด้วยซ้ำ” พี่แน่วแน่ขมวดคิ้วมองฉัน และในตอนนั้นเองพี่จริงใจ ภรรยาของพี่แน่วแน่ที่ร่วมก่อตั้งออฟฟิศนี้ขึ้นมาก็เปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง

“เมื่อกี้ฉันได้ยินใครบอกว่าจะแต่งงานนะ?” เสียงพี่จริงใจเอ่ยถาม

“ซานนี่แหละ”

“กับใคร? แกมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่วะไอ้ซาน หรือไปนอนกับใครมาแล้วท้อง?” พี่จริงใจคิดไปไกลเวอร์ แต่เรื่องจริงมันไกลกว่านั้นอีก

“กับจิณณ์... ว่าที่ผู้กำกับของพวกพี่นั่นแหละ” ฉันสูดหายใจเข้าปอดลึก

“ฮะ?” พี่แน่วแน่ดูตกใจมาก ขณะที่พี่จริงใจนิ่งเพราะกำลังอึ้ง คงอาจจะตกใจพอกัน

“แกเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอวะ?”

“ก่อนหน้านี้เป็นเพื่อน แต่อีกหน่อยก็เป็นผัว” ฉันตอบเสียงเรียบ

“นี่แกไปนอนกับเพื่อนตัวเองเพื่อแลกกับการดึงตัวเขามากำกับหนังหรือเปล่าไอ้ซาน” พี่แน่วแน่จ้องตาฉันไม่กระพริบ

“ไม่ใช่สักหน่อย! คือ... พอจิณณ์กลับมาหลังจากที่เราไม่ได้เจอกันหลายปี ความรู้สึกเก่าๆ มันก็โผล่ขึ้นมา ซานอาจจะไม่ได้เล่าให้พวกพี่ฟัง แต่ตอนที่เรียนมหาลัยซานกับจิณณ์เราเคยแอบคบกันมาก่อน จิณณ์เขาขอซานแต่งงานเพราะเขาเพิ่งรู้ตัวว่ารักซานมากตอนที่ต้องแยกกันไป” จะอ้วก... พูดไปก็พะอืดพะอมขึ้นมา ไอ้ยีนส์เนี่ยนะจะรักฉันมาก... บอกเลยว่าต่อให้เป็นเด็กอนุบาลก็ดูออกว่ามันเป็นไปไม่ได้

“แล้วแกก็ตอบตกลง?” พี่จริงใจเลิกคิ้วถาม... หรือเรื่องที่ไอ้ยีนส์แต่งขึ้นมาให้ฉันพูดมันฟังไม่น่าเชื่อวะ?

“ก็ต้องตกลงสิ ในเมื่อซานก็รักจิณณ์ อย่างที่พวกพี่รู้... ซานไม่ยอมมีแฟนและไม่เคยพูดถึงผู้ชายคนไหนเพราะซานยังรอจิณณ์อยู่ไง” บางทีฉันอาจเป็นพวกโกหกไม่เนียน ฉันเลยคิดว่าจะต้องชิ่งออกไปจากห้องนี้ก่อนที่พวกเขาจะถามอะไรมากมาย

“เดี๋ยวยังไงซานจะเอาการ์ดแต่งงานมาให้นะ งานจัดที่เชียงใหม่” ฉันทิ้งท้ายไว้เพียงเท่านั้นก็รีบออกมากจากห้องทำงานของพี่แน่วแน่ทันที...

ระหว่างที่ฉันเดินมาที่รถของตัวเองซึ่งจอดอยู่หน้าออฟฟิศ สายเรียกเข้าจากยีนส์ก็ดังขึ้นมา ฉันรับสายนั้นทันทีขณะที่กำลังขึ้นไปนั่งบนรถ เตรียมที่จะไปตามนัดของเพื่อนๆ

“ฮัลโหล...”

[กูกำลังจะขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพ พรุ่งนี้กูต้องเข้าไปทำสัญญาที่ออฟฟิศมึงใช่ไหม]

“ใช่... แล้วนี่มึงคุยกับแม่มึงเสร็จแล้วเหรอ เขาว่ายังไงบ้าง?”

[ก็ยอมทำตามที่กูบอกทุกอย่าง แต่งแบบเงียบๆ ที่เชียงใหม่ มีแค่ญาติที่สนิท ส่วนเรื่องครอบครัวของมึง แม่กูเข้าใจ... ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น]

“แล้วงานแต่งจะจัดขึ้นเมื่อไหร่?” บอกเลยว่าอยู่ๆ ฉันก็กังวลขึ้นมาเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองกำลังจะต้องแต่งงาน

[ทำไม? อยากแต่งงานกับกูมากจนทนรอไม่ไหวเลยหรือไง?] แล้วไอ้ยีนส์ก็เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกวนประสาท

“กวนตีนเก่ง” ฉันเอ่ยกลับไป

[เรื่องวันแต่งงาน เดี๋ยวแม่กูจะบอกอีกที ระหว่างนี้มึงกับกูก็แค่ต้องไปหาที่อยู่ แล้วก็ไปจัดการบอกเพื่อนๆ ว่าเราจะแต่งงานกัน]

“กูกำลังจะไปหาเพื่อนๆ”

[งั้นเจอกันพรุ่งนี้ที่ออฟฟิศมึง]

“โอเค”

At Wink Wink Pub&Restaurant

ฉันเลทไปครึ่งชั่วโมง คิดว่าป่านนี้พวกเพื่อนๆ จะมากันครบแล้ว ฉันรีบจอดรถแล้วเดินเข้ามาด้านในร้าน มองไปที่โต๊ะซึ่งฉันเป็นคนโทรจองก็เห็น เชลโล่ เยลลี่และซินกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ ฉันก็เลยรีบเข้าไปหาพวกมันทันที

“มาสักทีนะอีคนงานยุ่ง” เยลลี่เอ่ยทักฉันด้วยน้ำเสียงประชดประชัน

“ก็กูไม่ได้มีผัวรวยเวอร์แบบมึงนี่ กูต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเอง” ฉันเหน็บมันกลับ

“มาถึงก็กัดกันทันที” ซินส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม

“นานมากแล้วนะที่เราไม่ได้มาเจอกันแบบนี้” เชลโล่ยื่นหน้ามาอิงแอบกับแขนของฉัน

“กูแต่งงานมีผัวมีลูกแล้ว จะให้มาเที่ยวเล่นแบบเมื่อก่อนก็ไม่ได้ปะวะ” เยลลี่เอ่ยขึ้น

“จริง... แล้วเมื่อไหร่มึงจะแต่งสักทีเชลโล่” ซินเอ่ยถามเชลโล่ ซึ่งฉันเองก็สงสัยเรื่องนี้เหมือนกัน

“ยังไม่แต่งหรอก... ร็อกไม่เคยพูดถึงด้วยซ้ำ จนกูเริ่มคิดแล้วว่ากูอาจจะไม่ได้แต่งงานแล้วสุดท้ายก็อยู่แบบโสดๆ เหมือนไอ้ซาน” เชลโล่เอ่ยตอยเสียงเศร้า

“แต่กูกำลังจะแต่งงานนะ” แล้วฉันก็ชิงพูดขึ้นมาทันที

“อะไรของมึง... มุกนี้ไม่ผ่านว่ะอีซาน” เยลลี่ถลึงตาใส่ฉัน

“กูพูดจริงๆ ที่กูนัดพวกมึงออกมาวันนี้ก็เพื่อจะบอกว่ากูกำลังจะแต่งงานกับไอ้ยีนส์” ฉันเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ขณะที่เพื่อนๆ ทุกคนกำลังมองฉันด้วยสายไม่เชื่อ

“เดี๋ยวๆ ไอ้ยีนส์มันเพิ่งกลับมาจากแอลเอได้ไม่กี่วันนี้เองไม่ใช่เหรอ แล้วมันจะมาแต่งงานกับมึงได้ยังไง...?!” ซินขมวดคิ้วถามฉัน

“คืองี้... พวกมึงฟังกูนะ เรื่องมันมีอยู่ว่า...” แล้วฉันก็เล่าเรื่องทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบให้เพื่อนๆ ฟัง รวมถึงเรื่องหนี้ที่พ่อสร้างไว้ด้วย

“เชี่ย...” นั่นคือคำสบถแรกที่ออกมาจากเยลลี่หลังจากที่มันได้ฟังเรื่องราวจากฉัน

“นี่มึงคิดว่ากำลังเล่นซีรี่ส์เกาหลีกันอยู่หรือไงวะ แต่งงานปลอมๆ นี่แม่งคือหายนะชัดๆ” ซินเหมือนจะไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของฉัน

“โรแมนติกมาก... มึงทำให้กูนึกถึงซีรี่ส์เกาหลีเรื่อง Full House, Kim Sam Soon, Princess Hour แบบพระเอกนางเอกต้องมาเป็นแฟนแล้วก็แต่งงานกันโดยที่ไม่ได้รัก เชี่ย... โรแมนติกโคตร” มีเพียงเชลโล่ที่กำเพ้อฝันอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ของมัน

“คือถ้ามันเป็นตามซีรี่ส์จริงๆ สุดท้ายอีซานก็จะรักไอ้ยีนส์แล้วก็ต้องเสียใจ กูเห็นมันเป็นแบบนี้เหมือนกันทุกเรื่อง” เยลลี่เบะปากอย่างไม่ชอบใจ

“แต่ตอนจบก็ Happy Ending ปะวะ?” เชลโล่เถียงเยลลี่

“แต่นี่มันชีวิตจริงไง ไม่ใช่ละคร มึงคิดว่ามันจะแฮปปี้ไหม?” แล้วซินผู้ที่อยู่กับความเป็นจริงก็แย้งขึ้นมา

“พอๆ พวกมึงไม่ต้องเถียงกัน เพราะกูตัดสินใจไปแล้ว ยังไงก็ต้องแต่ง แล้วก็... ที่มาเนี่ยกูแค่ต้องการมาเล่าให้พวกมึงฟัง... แล้วไอ้ยีนส์ก็ไม่อนุญาตให้พวกมึงไปงานแต่งงานด้วย มันกลัวแผนจะแตกซะก่อน”

“ได้ไงวะ?! พวกกูเป็นเพื่อนมึงนะเว้ย! ไม่ให้ไปงานแต่งงานแบบนี้มันไม่เกินไปหน่อยเหรอวะ?!” เยลลี่โวยวายยกใหญ่

“ไอ้ยีนส์แม่งใจร้ายว่ะ นิสัยเย็นชาของมันนี่ไม่เคนเปลี่ยนเลย งานแต่งกูกับขุน แล้วก็งานแต่งงานเยลลี่กับเสือ มันไม่มานี่ก็ว่าแย่แล้วนะ แต่นี่อะไร... แม้กระทั่งงานแต่งมันเองมันก็จะไม่ให้พวกเราไปด้วยอีก...” ซินแสดงความไม่พอใจออกมา

“ก็มันเป็นแค่งานแต่งปลอมๆ พวกมึงจะไปทำไม” ฉันว่า

“ยังไม่ทันแต่งเลยมึงปกป้องมันแล้ว นี่แค่งานปลอมๆ นะ แล้วถ้าจริงๆ ขึ้นมาจะเป็นยังไง กูล่ะไม่อยากคิด” เยลลี่ส่ายหน้าใส่ฉัน

“ก็เวอร์ไปมึงอะ!” ฉันถลึงตาเบิกโตใส่เยลลี่

“แต่กูว่าเรื่องนี้มันมีกลิ่นตุๆ นะ” เชลโล่หรี่ตามองฉัน

“กลิ่นตุๆ อะไร?”

“ไอ้ยีนส์อะ มันหนีไปอยู่แอลเอก็เพราะไม่อยากแต่งงานกับคนที่แม่มันหามาให้ แต่อยู่ๆ กลับมาจ้างไอ้ซานไปแต่งด้วย มันดูไม่แปลกไปหน่อยเหรอวะ? เพราะถ้ามันอ้างว่าไม่อยากแต่งกับคนที่ไม่ได้รัก แล้วคือยังไง... มันรักไอ้ซานเหรอมันถึงยอมแต่งด้วย?”

“เออ... เรื่องนี้ก็น่าคิด” เยลลี่เห็นด้วยกับเชลโล่ ซึ่งไม่บ่อยหรอกที่เพื่อนๆ จะเห็นด้วยกับเชลโล่

“พวกมึงจะบ้าเหรอ?! มันก็แค่เบื่อที่แม่มันจ้องแต่จะจับมันแต่งงาน มันจะมารักกูได้ยังไง แล้วอีกอย่างสัญญาก็มีแค่หกเดือน สุดท้ายก็กับมันก็ต้องแยกทาง ย้ำอีกครั้งนะว่ากูกับไอ้ยีนส์แต่งงานกันปลอมๆ พวกกูไม่ได้รักกันอย่างที่มึงคิด” ฉันจ้องหน้าเพื่อนสามคนอย่างจริงจัง

“ระวังเถอะ... ตอนนี้มึงอาจจะไม่รักมัน แต่พอมึงต้องย้ายไปอยู่ด้วยกัน ความใกล้ชิดนี่แหละคือสิ่งอันตราย แล้วถึงตอนนั้นมึงจะรู้ว่าตัวเองคิดผิดที่แต่งงานปลอมๆ กับยีนส์ มึงเล่นตลกกับความรู้สึกที่มึงควบคุมมันไม่ได้... มึงจะต้องเสียใจแน่ๆ ไอ้ซาน” ซินพูดขณะที่มองหน้าฉันด้วยสายตาจริงจัง

“แต่ถ้ามึงไม่ได้รักมันภายในหกเดือนนั้น ก็โชคดีไป” เยลลี่ยกยิ้มอย่างชอบใจ

“พวกมึงตีความได้โหดอย่างกับกำลังดูหนังฆาตกรรม ทั้งที่ๆ หนังเรื่องนี้มันเป็นหนังรักโรแมนติก ไอ้ซาน... มึงเชื่อกู อย่าไปฟังพวกมัน... ปล่อยใจให้นิ่งๆ กูเชื่อว่าสุดท้ายหนังเรื่องนี้มันจะจบแบบ Happy Ending” เชลโล่ส่งสายตาเป็นกำลังใจมาให้ฉัน

“โอ๊ะ!!! พวกมึงเป็นเชี่ยอะไรกันเนี่ย! กูคิดผิดหรือคิดถูกวะที่เล่าความจริงให้พวกมึงฟัง” ฉันคว้าแก้วเหล้ามากระดกดื่มเหมือนคนประสาทกิน รู้อย่างนี้ฉันยอมโกหกอย่างที่ไอ้ยีนส์มันบอกดีกว่า ไม่น่าเลือกพูดความจริงเลย... เฮ้อ!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel