Why love make me crazy? กูบ้าเพราะรักมึง

110.0K · จบแล้ว
ผืนแพร
40
บท
5.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ในช่วงที่จังหวะชีวิตพลิกผัน 'ซูซาน' ได้รับข้อเสนอจาก 'จิณณ์หรือยีนส์' เพื่อนเก่าสมัยมหาวิทยาลัย... เขาต้องการให้เธอมาแต่งงานหลอกๆกับเขาโดยปราศจากความรัก แต่ใครจะรู้ว่าความรักมันจะเล่นตลกได้ถึงเพียงนี้ SET •WHY• เรื่องที่ 3 Why love make me crazy? จิณณ์ แต่งงานกันป่ะ? ซูซาน มึง... จะบ้าเหรอ?! อย่ามาล้อเล่นนะ! กูไม่ตลกด้วย! จิณณ์ กูไม่ได้ล้อเล่น... ถ้ามึงยอม กูก็จะยอมทำตามเรื่องที่มึงขอด้วย แลกเปลี่ยนกันแบบแฟร์ๆ ซูซาน แต่มึงกับกูไม่ได้รักกัน เราจะแต่งงานกันได้ยังไง? จิณณ์ ไม่ได้รักกันนั่นแหละดี... เวลาเลิกกันจะได้ไม่มีใครเจ็บไง ซูซาน เลิก? จิณณ์ แต่งงานแบบจดทะเบียน... แค่สามเดือน แล้วกูจะปล่อยให้มึงเป็นอิสระ แต่หกเดือนนี้ มึงห้ามไปยุ่งย่ามกับใครเด็ดขาด ผู้ชายคนเดียวที่มึงจะเข้าหาได้มีแค่กูเท่านั้น ตกลงไหม? ซูซาน ละ... แล้วกูจะได้อะไรบ้าง? จิณณ์ ตำแหน่ง Producer เงิน บ้าน คอนโด... มึงจะเอาอะไรล่ะ?

นิยายรักโรแมนติกผู้ชายอบอุ่นแต่งงานสายฟ้าแลบสัญญาทางรักฟินๆวงบันเทิงแต่งงานก่อนรักดราม่าโรแมนติก18+

บทที่ 1 ปฐมบทความบรรลัย

At The Rich Condominium

ร่างบางนอนอ้าปากหวอ น้ำลายยืดย้อยห้อยหกตกลงหมอนใบสีขาว สายแดดของยามบ่ายไม่อาจปลุกให้เธอตื่นจากการนอนได้ ซูซาน ในวัยยี่สิบเจ็ดปี ผู้รักการนอนเป็นชีวิตจิตใจ เธอไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าการกินอิ่มและนอนหลับ เพราะงานที่เธอทำมันวุ่นวาย และผลาญพลังจิตพลังใจ รวมถึงพลังร่างกายของเธอไปจนหมดสิ้น จึงไม่แปลกเลยที่หลังจากเรียนจบมาเป็นเวลาห้าหกปี เธอแทบไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากงาน...

ซูซานไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวยและอบอุ่น แต่เธอก็ไม่ได้ลำบาก เธอมีย่าที่คอยช่วยเหลือเธอเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ในช่วงเวลาตลอดการเรียน เธอมีรถและคอนโดที่ย่าใช้เงินจากการขายที่มาซื้อให้... จนเมื่อสามปีก่อน ย่าของเธอเสียชีวิตจากโรคชรา ซูซานเสียศูนย์อยู่หลายเดือน เพราะเธอคิดมาตลอดว่าย่าคือครอบครัวเดียวที่เธอเหลืออยู่

ซูซานไม่นับทั้งพ่อและแม่เป็นครอบครัว... ตั้งแต่วันที่พวกเขาตัดสินใจหย่าขาดจากกันเมื่อยี่สิบปีก่อน พ่อแยกไปใช้ชีวิตของตัวเอง นั่นคือการทำธุรกิจที่เจ๊งแล้วเจ๊งอีก ส่วนแม่ก็ไปมีครอบครัวและมีลูกใหม่... ซูซานจึงเหลือเพียงย่าและป้าใจร้ายที่เธอก็ไม่นับเป็นครอบครัวด้วยเหมือนกัน... ป้าซึ่งเป็นพี่สาวของพ่อที่ควบคู่มากับลูกสาวนิสัยแย่ ซูซานเกลียดพวกเขาทั้งหมด ทำให้ตั้งแต่ที่ย่าตายจากไป ซูซานไม่เหลือเหตุผลที่จะติดต่อใครอีก... เธอกลายเป็นคนที่เหลือตัวคนเดียว... ทว่า... เธอไม่แคร์!

ปัจจุบันซูซานทำงานเป็นผู้จัดการกองถ่ายภาพยนตร์ เธอค่อนข้างมีชื่อเสียงด้านการทำงานดี ด้วยวัยยี่สิบเจ็ด ซึ่งหากเทียบกับคนอื่นๆ ที่ทำตำแหน่งนี้ ซูซานถือว่าโตเร็วมากในสายงาน และเพราะเธอโตเร็วเกินไป ความรับผิดชอบของเธอจึงมีมากเหลือเกิน

ติ๊งต่อง

เสียงกริ่งหน้าห้องดังขึ้น สร้างความขัดใจแก่คนนอนหลับไม่น้อย ใบหน้าสวยขมวดคิ้วนิ่วหน้าทั้งๆ ที่ยังหลับ

ติ๊งต่อง

เสียงกริ่งดังขึ้นอีกครั้ง... คราวนี้หญิงสาวลืมตาขึ้นมามอง เธอพลิกตัวลุกขึ้นจากเตียง เดินอ้าปากหาวหวอดๆ ไปเปิดประตูห้องอย่างไม่สบอารมณ์

"มาหาใครคะ? " ซูซานขมวดคิ้วถามชายแปลกหน้าที่ยืนอยู่หน้าห้องของเธอ

"คุณ... วรัชญา หรือเปล่าครับ? "

"ค่ะ... คุณเป็นใคร มาหาฉันมีธุระอะไรคะ? " ซูซานยังคงอยากรู้เหตุผลการมาของชายแปลกหน้า

"พอดีว่าคุณวริท ไม่ได้จ่ายค่าเช่าห้องมาสามเดือนแล้วน่ะครับ ทางเจ้าของห้องจึงให้ผมมาตามดูจากลูกสาวของเขา คุณวรัชญาคือลูกสาวของคุณวริทใช่ไหมครับ? "

"เดี๋ยวนะ... ฉันไม่เข้าใจ ฉันเป็นลูกสาวของเขาค่ะ แต่ห้องที่คุณพูดถึงมันคือห้องอะไร? "

"ก็ห้องนี้ไงครับ" ชายหนุ่มผู้ทำหน้าที่นายหน้า ชี้ไปยังห้องที่อยู่ด้านหลังซูซาน

"จะบ้าเหรอคุณ?! นี่มันห้องฉัน ฉันเป็นเจ้าของ ฉันซื้อห้องนี้ด้วยเงินสดตั้งแต่เจ็ดแปดปีที่แล้วโน่น! อย่ามามั่วนิ่มนะ! " ซูซานโวยวายขึ้นมาในทันที

"ใช่ครับ คุณวรัชญาเป็นเจ้าของห้องนี้ตั้งแต่แรกจนถึงเมื่อปีก่อน ตอนที่คุณเซ็นสัญญาขายห้องนี้ให้เจ้านายผมในจำนวนเงินหกล้านบ้าน และคุณก็ได้เซ็นสัญญาเช่าห้องต่อในราคา ห้าหมื่นบาทต่อเดือน... นี่คือสัญญาทั้งหมดครับ" นายหน้ายื่นเอกสารให้เธอ

แทบล้มทั้งยืน...

ซูซานเปิดอ่านเอกสาร พลิกไปพลิกมาแล้วอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างละเอียด น้ำตาก่อหน่วยขึ้นในทันทีเมื่อยืนยันกับตัวเองได้ว่ามันคือเรื่องจริง ทั้งหน้าบัตรประชน หน้าลายเซ็น ทั้งหมดมันคือหน้าและชื่อของเธอ... หญิงสาวรู้ตัวแล้วว่าเธอโดนพ่อแท้ๆ หลอกเข้าเต็มเปา ยังจำวันนั้นได้ดี... วันที่เขามาหาเธอเมื่อปีก่อน มาพาเธอไปกินข้าว ทำเหมือนว่ารักเธอเสียเต็มประดา ที่แท้... ไอ้เอกสารเอกสารที่บอกว่าเอาไปซื้อไข่มุขนั่น... มันคือการหลอกเอาลายเซ็นของเธอ!

หญิงสาวปาดน้ำตาแห่งความเสียใจแล้วเดินกลับเข้ามาในห้อง ตรงไปยังลิ้นชักหัวเตียง คว้าเอากล่องกำมะหยี่มาเปิดดู... เธอคว้าเอาสร้อยไข่มุขที่คนหลอกกลวงบอกว่าให้เป็นของขวัญมากระชากจนขาดไม่เหลือชิ้นดี...

ตุบ!

"ฮือๆ ไม่เหลืออะไรเลย!!! ฮือๆ " ซูซานทิ้งตัวลงร้องไห้กับพื้น เธอเสียใจเหลือเกิน ที่สุดท้ายก็เสียรู้ให้ผู้ชายคนนั้น เขาหลอกได้แม้กระทั่งลูกของตัวเอง... เขาทำได้ยังไง...

ในตอนที่ซูซานกำลังเสียใจ อยู่ๆ กระดาษสีขาวแผ่นหนึ่งก็ถูกยื่นเข้ามาตรงหน้าเธอ เธอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นเป็นนายหน้าคนเดิมที่ยืนยิ้มมองเธออยู่

"รบกวนคุณวรัชญาช่วยเซ็นย้ายออกภายในหนึ่งเดือนนี้ด้วยครับ"

“ฮึก! ทำไมฉันต้องย้ายออกด้วย?! ในเมื่อฉันมีปัญญาจ่าย!”

“แต่เจ้านายของผมไม่ต้องการต่อสัญญาแล้วครับ รบกวนคุณวรัชญาย้ายออกภายในหนึ่งเดือนนี้แล้วจ่ายค่าเช่าที่ค้างอยู่เป็นจำนวนเงินหนึ่งแสนห้าหมื่นบาทด้วยครับ” ซูซานมองหน้านายหน้าหนุ่มทั้งน้ำตา เธอยอมเซ็นเอกสารฉบับนั้นและมองดูเขาเดินจากไป

ไม่มีที่อยู่...

หญิงสาวคิดคำนั้นอยู่ภายในใจ เธอต้องพบเจอปัญหาเรื่องเงินของพ่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งๆ ที่ตัดเขาออกไปจากชีวิตแล้วแท้ๆ

ปัง! ปัง! ปัง!

ซูซานมาที่บ้านของผู้เป็นพ่อหลังจากที่ตั้งสติได้ เธอต้องการมาบอกเขาว่าเธอรู้แล้วว่าเขาหลอกเธอ ไร้น้ำตาเปรอะเปื้อน มีเพียงความโกรธเคืองที่เคลือบอยู่เต็มใบหน้าสวย

เธอทุบประตูบ้านของย่าซึ่งปัจจุบันคือที่อยู่ของป้าและพ่อของเธอ พ่ออาศัยอยู่กับครอบครัวของป้าที่นี่ เพราะเขาไม่มีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง

ปัง! ปัง! ปัง!

มือบางทุบซ้ำอย่างแรงที่กลางประตูบ้านจนเกิดรอยแดง และไม่นานประตูบ้านก็ถูกเปิดออก เป็นป้าแท้ๆ ของเธอที่ยืนอยู่ตรงหน้า

“ซูซาน... แกมาทำไม นังเด็กชั่ว!” ป้าวรรณหรือวรรณา ถลึงตาเบิกโตทันทีเมื่อเห็นซูซาน เธอเกลียดซูซานที่ได้ทุกอย่างจากผู้เป็นย่า

“เขาอยู่ไหน?!” หญิงสาวไม่เคยเอ่ยคำว่าพ่อออกจากปากเป็นเวลาหลายสิบปี

“หนีไปแล้ว! พ่อแกมันโดนเจ้าหนี้ตามจนต้องหนีออกจากประเทศ! แล้วแกรู้ไหมว่ามันสร้างความฉิบหายไว้ยังไงบ้าง?! มันเอาเงินฉันไปสามแสน! ตอนนี้ฉันหมุนเงินไม่ทัน ไม่มีปัญญาหาดอกไม้มาลงที่ร้าน ฉันกำลังจะเจ๊งเพราะพ่อแก...!”

สามแสนที่เอาไปจากป้า... หกล้านที่แอบขายคอนโดของเธอ... แล้วก่อนหน้านั้นเธอก็เคยให้เงินเขาไปแล้วหนึ่งแสน... ตอนนี้ซูซานเพียงอยากรู้ว่าพ่อของเธอเอาเงินไปทำอะไร

“แกมาก็ดีแล้ว! ถ้ายังมีความเป็นคนเหลืออยู่... ก็เอาเงินมา... เอาเงินสามแสนที่พ่อแกเอาของฉันไปคืนมา!!!” วรรณาเข้ามาเขย่าตัวซูซานจนร่างบางนั้นสั่นสะเทือน หยดน้ำตาเริ่มไหลออกมาช้าๆ เมื่อเธอส่ายหน้า

“ไม่มี” นั่นคือคำตอบของเธอ

“ฉันไม่เชื่อ! แกจะไม่มีเงินได้ยังไงในเมื่อคุณแม่ยกสมบัติทั้งหมดให้แก แกได้ทั้งรถ ได้ทั้งคอนโด แกต้องมีเงินสิ!”

“ก็บอกว่าไม่มีไง! น้องชายคุณเอาคอนโดไปขายแล้ว! ตอนนี้ฉันไม่มีที่จะอยู่ด้วยซ้ำ!”

“วะ... ว่าไงนะ? พ่อแกเอาคอนโดไปขายแล้วอย่างนั้นเหรอ?!” วรรณาส่ายหน้ารับไม่ได้

“ถ้าเขาติดต่อมา... ฝากบอกเขาด้วย ว่าฉันแม่งโคตรรังเกียจตัวเองเลยที่เกิดมาจากน้ำเชื้อห่วยๆ ของเขา!” ซูซานสะบัดมือของวรรณาออก แล้วหันหลังหอบร่างอันไร้เรี่ยวแรงเดินออกมา

“ไปขอเงินแม่แกมาคืนฉันซะ! ได้ข่าวว่าแต่งงานกับคนรวยนี่... ฉันให้เวลาแกเดือนนึงนะซูซาน... หาเงินสามแสนมาคืนฉัน ไม่อย่างนั้นฉันจะบอกเจ้าหนี้ให้หมดว่าพ่อแกหนีไปอยู่ที่ไหน!”

เธอได้ยินทุกอย่างที่วรรณาพูด แต่เธอเพียงปล่อยให้มันเข้าหูซ้ายแล้วทะลุออกหูขวา... เพราะถึงพ่อจะทำเรื่องแย่ๆ ไว้กับเธอมากแค่ไหน เธอก็ยังไม่เกลียดเขามากเท่าผู้เป็นแม่... ที่นอกใจไปมีชู้ จนทำให้บ้านพังไม่เป็นท่าแบบนี้...

At Happy Lion Production

แต่ถึงอย่างไร... ถึงปัญหาจะรุมเร้าเพียงไหน ซูซานยังคงหอบร่างไร้วิญญาณเข้าไปออฟฟิศที่เธอทำงาน วันนี้เธอต้องเข้ามาคุยงานกับหัวหน้าเรื่องหนังเรื่องใหม่

หญิงสาวเดินถือแก้วน้ำส่วนตัวที่ปกติเธอจะใส่กาแฟ แต่วันนี้เธอเลือกที่จะใส่เบียร์เข้าไปแทน ถึงจะรู้ว่ามันไม่ควร แต่เวลาแบบนนี้เธอคิดว่าคงมีเพียงแอลกอฮอล์เท่านั้นที่จะเยียวยาเธอได้

ซูซานเดินเข้ามานั่งในห้องประชุม ในหัวสมองของเธอเต็มไปด้วยคำถาม... เธอจะไปหาเงินสี่แสนห้ามาจากไหนภายในเวลาหนึ่งเดือน... และด้วยนิสัยของเธอ... ไม่มีทางที่เธอจะบากหน้าไปเล่าเรื่องนี้และขอความช่วยเหลือจากใครแน่ๆ ถึงแม้พวกเขาจะเป็นเพื่อนรักของเธอก็ตาม...

“มาแล้วเหรอซาน...”

เสียงพี่แน่ว หรือแน่วแน่ ผู้ครองตำแหน่งโปรดิวเซอร์ เขาคือหัวหน้าของซูซานและเป็นเจ้านายของเธอด้วย

“...” ซูซานเพียงยกมือไหว้แน่วแน่เท่านั้น ไม่ได้คิดจะตอบรับอะไร

ปึง!

แน่วแน่โยนบทหนังปึ๊งโตลงบนโต๊ะพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่หัวโต๊ะประชุม

“มีหนังเข้ามา พี่อยากให้แกช่วยอะไรหน่อย” สิ้นคำพูดแน่วแน่ ซูซานก็เหลือบตาไปมองบทหนังที่วางอยู่บนโต๊ะ เธอโน้มตัวไปดึงบทหนังมาอ่านที่หน้าปก

“สืบ” เธออ่านชื่อเรื่องออกมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน

“ใช้ชื่อนี้ทำงานไปก่อน เดี๋ยวหนังเสร็จพวกเขาคงคิดชื่อเรื่องอีกที” แน่วแน่ว่า

“ของค่ายอะไรพี่แน่ว?”

“Wolfpack นั่นแหละ”

“ใครกำกับอะ?”

“นี่แหละปัญหา... คุณวู๊ดดี้เจ้าของค่ายเขาอยากได้จิณณ์มากำกับ แต่มันมีประเด็นอยู่... คือจิณณ์อยู่อเมริกาแต่กำลังจะกลับมาคุยโปรเจคใหญ่กับค่าย Good Vision พวกเขากำลังจะทำหนังสืบสวนที่แม่งดันมาทับไลน์กับหนังที่เราจะทำ...”

“สรุปคือ คุณวู๊ดดี้อยากได้จิณณ์มากำกับแต่จิณณ์กำลังจะไปทำหนังกับค่ายคู่แข่ง... ใช่ปะ?” ซูซานเลิกคิ้วถามแน่วแน่ ก่อนจะคว้าแก้วบรรจุเบียร์มากระดกดื่ม

“ใช่... ซึ่งคุณวู๊ดดี้แม่งก็กวนตีน มันบอกฉันว่าถ้าหนังเรื่องนี้ไม่ได้จิณณ์มากำกับ แม่งก็จะไม่ทำ นั่นแปลว่าปีนี้ออฟฟิศเราก็จะไม่มีหนังทำ... แกจะยอมให้มันเป็นแบบนั้นเหรอซาน”

“เกี่ยวอะไรกับซานวะพี่?” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างไม่รู้ตัว

“ก็จิณณ์เขาเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับแกไม่ใช่เหรอ? แกลองคุยกับเขาดูหน่อยสิ... เอาบทไปให้เขาอ่าน เผื่อเขาจะสนใจ แกน่าจะตามได้นะว่าเขาจะกลับประเทศไทยวันไหน เราแค่ต้องได้คุยกับเขาก่อนที่เขาจะเข้าไปคุยกับพวก Good Vision”

“...” ซูซานนิ่งคิด

จิณณ์หรือก็คือยีนส์ เป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่ทำงานวิชาเรียนกับเธอมาตลอด ซูซานสนิทและรู้จักกับจิณณ์ดี แต่ตั้งแต่ที่เขาไปเรียนต่อด้านภาพยนตร์และทำงานที่อเมริกาทำให้เธอไม่ค่อยได้ติดต่อกับเขานานถึงหกปี เธอรู้ว่าจิณณ์กำลังโด่งดังมากในวงการจอเงิน แต่การที่อยู่ๆ เธอจะโผล่ไปหาเขาและขอความช่วยเหลือนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย... ใครๆ ก็รู้ถึงความหยิ่งของจิณณ์ดี...

“ถ้าแกดึงตัวจิณณ์มาได้ งานนี้แกขึ้นมาทำโปรดิวซ์ได้เลย ฉันยกให้แก”

ซูซานตื่นจากภวังค์แล้วหันไปมองหน้าแน่วแน่... ราวกับว่าเขารู้ว่าตอนนี้เธอกำลังตกที่นั่งลำบากและต้องการความก้าวหน้าในสายงาน และที่สำคัญ... การได้เป็นโปรดิวเซอร์หนังมันคือความฝันของเธอ...