บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 แต่งงานกันปะ?

At Bencharongakornkul’ s Home

Susan said :

ให้ตายเถอะโรบิน! ไม่มีอะไรจะบรรลัยเท่าชีวิตฉันในตอนนี้อีกแล้ว ทุกอย่างมันผ่านไปเร็วมาก ฉันจำได้ว่าล่าสุดฉันกำลังร้องไห้หัวเสียเพราะหนี้ที่พ่อสร้างไว้ แต่อยู่ๆ เมื่อภาพตัดมาอีกที... ตอนนี้ฉันกำลังมานั่งอยู่ในบ้านหลังใหญ่มหึมาของไอ้ยีนส์ โดยมีแม่ของมันนั่งจ้องหน้าตาไม่กระพริบ... และฉันก็ดันมาที่นี่ในฐานะคนรักของลูกชายเขา!

“เล่าให้แม่ฟังหน่อยว่าไปเจอกันที่ไหนยังไง แล้วคบกันได้ยังไง” คุณเจ้าจันทร์ หรือแม่ของยีนส์เอ่ยถามฉัน คือมันเหมือนกับที่ยีนส์เตี๊ยมฉันมาไม่มีผิด แล้วฉันก็เกิดความสงสัยขึ้นมาว่ายีนส์มันเคยพาผู้หญิงมาเจอแม่ก่อนหน้านี้ หรือมันฉลาดมากจนรู้ว่าแม่จะถามอะไร

“เรา...” แล้วในขณะที่ยีนส์กำลังจะตอบ คุณเจ้าจันทร์ก็ยกมือทำปางก์ห้ามญาติใส่ เพื่อห้ามไม่ให้มันพูด บ้าจริง... คือแล้วต้องเป็นฉันใช่ไหมที่ต้องตอบ

“ว่าไง... คำถามแม่ยากไปเหรอซูซาน?” คุณเจ้าจันทร์ถามซ้ำ... เอาจริงไหม... ฉันว่าเขาต้องดูออกแน่ๆ ว่าฉันกับยีนส์กำลังสตอเบอร์แหลกันอยู่

“เอ่อ... เราเจอกันตอนเรียนค่ะ หนูเรียนที่เดียวกับยะ... กับจิณณ์ค่ะ เราเป็นเพื่อนกันมาก่อน แล้วตกลงเป็นแฟนกันตอนที่ไปเที่ยวสมุย” เฮ้อ! พระเจ้าช่วยด้วย...

“ผมชอบซูซานก่อนน่ะครับ แอบชอบเขาแต่ไม่เคยบอก เราทำงานวิชาเรียนด้วยกันบ่อยๆ ผมชอบที่เขาตั้งใจทำงาน เขาจัดการทุกอย่างได้หมด แล้วก็รอบรู้” ยีนส์เอ่ยกับแม่ของมันด้วยรอยยิ้ม สายตาและคำพูดของมันดูจริงมาก จริงจนฉันเกือบจะเชื่อ ถ้าเกิดว่ามันไม่หลอกด่าฉันว่าขี้เสือกโดยเลือกใช้คำว่ารอบรู้!

“อืม... จิณณ์ชอบทำผู้หญิงเก่ง ถ้าอย่างนั้นแม่ก็คงเบาใจว่าหนูคงจะเก่งอย่างที่เขาว่าจริงๆ” คุณเจ้าจันทร์ยกยิ้มมองฉัน ไล่สายตามองตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า

“แล้วหน้าตาของหนูก็สวย ผิวพรรณก็ดี อย่างงั้นแล้ว... ไปใจตรงกันตอนไหน เพราะจิณณ์บอกว่าเขาชอบหนูก่อนนี่... หนูรู้ไหมว่าเขาชอบ?” ฉิบหาบละ! อันนี้ไม่ได้เตี๊ยมมา ใครจะคิดวะว่าแม่จะถามลึกเบอร์นี้

“เขาจะไปรู้ได้ยังไงล่ะครับถ้าผมไม่สารภาพ” จิณณ์รีบโพล่งออกมา คงเห็นท่าทีที่ฉันส่งสายตาขอร้อง

“คนอย่างลูกเนี่ยนะ? จะสารภาพว่าชอบผู้หญิง... ไม่มีทาง แม่ไม่เชื่อ” เอาละ... คุณเจ้าจันทร์ไม่ใช่เล่นๆ นะคะท่านผู้ชม

“ทำไมครับ? ผมดูเยือกเย็นขนาดนั้นเลยเหรอ?” ยีนส์ยกยิ้มถามแม่

“แม่เป็นแม่ลูกจะจิณณ์ มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าลูกไม่มีทางสารภาพรักใครแน่ๆ ถ้าลูกไม่มั่นใจมากพอว่าเขาจะรักลูกตอบ” ว้าว! อันนี้ฉันก็เพิ่งรู้นะ ดูสิไอ้ยีนส์มันจะแก้สถานการณ์ยังไง

“แต่กับบางคนเราก็ต้องสอนให้เขารู้จักคำว่ารักด้วยการบอกรักนะครับแม่ ไม่อย่างนั้นเขาจะรู้ได้ยังไงว่าต้องรักเราตอบ” เฉียบ! ฉันว่าไอ้ยีนส์มันยืนหนึ่งมากเลยนะตอนนี้

“ก็จริง... แล้วอย่างนั้นลูกไปบอกรักซูซานเขาอีท่าไหน เขาถึงตอบตกลง” ตอนนี้บทของฉันหมดแล้วล่ะ ฉันเลยนั่งฟังสองแม่ลูกของคุยกันอย่างเงียบๆ

“ตอนแรกผมกะจะบอกเขาตอนวันเกิดน่ะครับ... แต่วันนั้นซูซานเมาหนักมากแล้วงานวันเกิดของเขาก็ล่ม ผมเลยต้องรอโอกาสอีกครั้ง แล้วตอนที่ไปสมุย... ซูซานจมน้ำ ผมช่วยเขาขึ้นมาและผาดปอด... ผมใช้สัมผัสบอกรักเขา ใช้สายตาบอกเขาว่าผมแอบรักเขาข้างเดียวมาตลอด...”

ยีนส์มองฉันด้วยรอยยิ้มขณะที่ตอบคำถามของคุณเจ้าจันทร์ แล้วอยู่ๆ ฉันก็รู้สึกถึงความไม่ปกติในตัวเอง... คือตัวฉันเย็นวาบไปหมด มันแปลกมากจริงๆ

“แล้วเราก็ตกลงคบกันหลังจากนั้น เพราะซูซานก็เพิ่งรู้ตัวว่าชอบผมเหมือนกัน” ประโยคนี้ไอ้ยีนส์ไม่ได้มองหน้าฉันแล้ว มันหันไปมองหน้าแม่ของมันที่กำลังยิ้มหวานหยาดเยิ้มอยู่

“ซูซาน... หนูรู้สึกยังไงที่ลูกชายแม่รักหนูมากขนาดนี้?” ชิท! ต้องรู้สึกยังไงวะ? ในเมื่อมันไม่ใช่เรื่องจริงอะค่ะคุณแม่...

“ก็... รู้สึกดีค่ะ เพราะหนูก็รักเขามากๆ เลย” ไม่เนียนหรอก... แต่ก็ทำไปแล้วไง...

“ซูซานเป็นคนบอกความรู้สึกไม่เก่งครับแม่ เขาไม่ค่อยพูดหรอกว่ารักผม” ยีนส์กู้สถานการณ์กลับคืนมา

“แล้ว...” เหมือนคุณเจ้าจันทร์ต้องการจะถามอะไรสักอย่าง

“คือ... อย่าว่าแม่ถามเยอะเลยนะ ลูกสองคนนี่... เอิ่ม...” เอิ่มอะไรวะ?

“เรามีอะไรกันแล้วครับ... คนรักกันมีอะไรกันก็ไม่น่าแปลกหรอกใช่ไหม อีกอย่างพวกเราก็โตกันขนาดนี้แล้ว” เชี่ยยีนส์! ฉันถลึงตาเบิกโตใส่มันทันทีที่มันพูดประโยคนั้นออกมา

“งั้นวางแผนจะแต่งงานกันเมื่อไหร่? เพราะยังไงลูกก็ต้องแต่งภายในปีนี้”

“...!!!” ผ่างงงงง!!! เชี่ยไรเนี่ย?!!! อะไรคือแต่งงานภายในปีนี้... โนนนนน!!!

“เรายังไม่ได้คิดเรื่องนั้นครับแม่... ผมกับซูซานยังไม่พร้อม”

“ใช่ค่ะๆๆ หนูยังไม่พร้อมมากๆ เลยค่ะคุณแม่... แหะๆ” ฉันรีบออกตัวเลย

“ไม่พร้อมก็ต้องพร้อม ผู้ใหญ่ฝั่งซูซานรับรู้หรือยัง? อยากให้แม่ไปสู่ขอเมื่อไหร่บอกมาได้เลยนะ สินสอดเรียกได้ไม่อั้น แต่ยังไงทั้งสองคนก็ต้องแต่งงานกันภายในปีนี้ ไม่งั้นจิณณ์ก็ต้องไปแต่งกับคนอื่น” คุณเจ้าจันทร์พูดด้วยรอยยิ้ม ใช่... แม้จะยิ้มแต่คำพูดแต่ละคำที่ฆ่ากูเถอะค่ะ!

ตอนนี้หากจะมีคำพูดสักคำที่ฉันพอจะนึกออก มันมีอยู่คำเดียวจริงๆ คำที่วัยรุ่นเขาใช้กัน คำที่ชาวเน็ตเขากำลังฮิต... คำนั้นคือ... อิหยังวะ?

At The Sky Chiangmai

ฉันกับยีนส์นั่งดื่มเหล้ากันอยู่ที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่งในตัวเมืองเชียงใหม่ บรรยากาศร้านคือดีมากเวอร์ เพลงเปิดคลอๆ ไม่ดังจนคุยกันไม่ได้ยิน เป็นร้านที่ใช้พื้นที่ดาดฟ้าของตึก ลมเย็นกำลังดีไม่หนาวจนทนไม่ไหว... สรุปคือดีอะ

ฉันนั่งเล่นมือถือไปเรื่อย รอให้ไอ้ยีนส์มันอ่านบทหนังให้จบ เพียงเท่านั้นฉันก็จะทำงานสำเร็จ ถ้ามันชอบแล้วอยากกำกับขึ้นมานั่นถือเป็นเรื่องดี... แต่ถ้ามันเกิดไม่ชอบขึ้นมา จะไม่กำกับ... แล้วฉันจะไปบังคับมันได้ยังไง...

ปึง!

ยีนส์โยนบทลงบนโต๊ะหลังจากที่อ่านหน้าสุดท้ายจบ ฉันเม้มปากลุ้นว่ามันจะพูดอะไรออกมา แต่ใบหน้าของมันนิ่งมาก แถมยังไม่ยอมพูดอะไร ทำเพียงหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ

“เงียบคือ?” ฉันยื่นหน้าไปถามมัน

“อยากฟังอะไรอะ? ความจริงหรือโกหก?” ยีนส์เลิกคิ้วถามฉันกลับ

“อะๆ กวนตีนไง... พอได้สิ่งที่ต้องการแล้วก็จะชักดาบหนีกู... ว่างั้น?”

“กูชักดาบตรงไหน? กูให้มึงมาเป็นแฟนปลอมๆ เพื่อแลกเปลี่ยนกันการอ่านบท นี่กูก็อ่านแล้ว... ถือว่าเราแลกเปลี่ยนกันแล้วไง”

“ไอ้สาดดด! มึงก็บอกกูสักหน่อยไหมล่ะว่าบทเป็นไง อ่านแล้วชอบไหม สนใจอยากกำกับหรือเปล่า”

“หึ” ยีนส์เพียงทำเสียง ‘หึ’ ออกมา

“อะไร? หึ คือเชี่ยไร?”

“ถ้าไม่ได้คิดจะกำกับ กูไม่คอมเมนท์บทใครมั่วๆ หรอก” ยีนส์ส่ายหน้าตอบ

“แสดงว่ามึงจะไม่มากำกับหนังเรื่องนี้ใช่ไหม?” ฉันเลิกคิ้วถาม

“อืม” เหอะ... ตอบได้โคตรไร้นำ้ใจ

“เชี่ย! หลอกลวง” แล้วฉันก็อดจะโกรธขึ้นมาไม่ได้

หมั่บ!

อยู่ๆ ไอ้ยีนส์ก็คว้าข้อมือฉันไปกำไว้แน่นตอนที่ฉันกำลังลุกขึ้นยืน

“จับทำไม?”

“กูไปหลอกลวงอะไรมึงวะ?” ยีนส์จ้องหน้าฉันนิ่ง

“ก็มึงมาทำให้กูมีความหวังไง กูหวังไว้มากว่าพอมึงอ่านบทแล้วมึงจะชอบแล้วอยากกำกับ แต่กูแม่งโง่เองอะที่คิดไปเองว่ามึงจะเห็นใจกูบ้าง” เออ... ฉันงี่เง่าที่โมโห

“ทั้งๆ ที่มึงก็น่าจะรู้ว่าตอนนี้กูลำบาก! หนังเรื่องนี้จะทำให้กูมีเงินใช้ ทำไมกูต้องเอาเวลามาเล่นตลกกับมึงแทนที่จะไปหาที่อยู่ใหม่ แทนที่จะไปวิ่งเต้นหาเงิน... เชี่ย! พอคิดดีๆ กูแม่งโง่จริงๆ ที่ยอมมากับมึง!”

“มาอยู่ที่โรงแรมกับกู ต้องการเงินเท่าไหร่อะ เดี๋ยวกูโอนให้ตอนนี้เลย” ยีนส์ยังคงมองหน้าฉัน... คำพูดของมันยิ่งทำให้ฉันรู้สึกแย่ขึ้นไปอีก

“นี่มึงคิดว่าที่กูพูดไปเนี่ยเพราะจะขอเงินขอที่อยู่มึงเหรอ? กูลำบาก... แต่กูไม่ใช่ขอทาน! ถ้าไม่จนตรอกจริงๆ กูไม่หน้าด้านไปขอเงินใครฟรีๆ หรอก!” ตัวฉันสั่นทั้งร่างเพราะความโมโห

“ก็แล้วใครบอกว่ากูจะให้มึงฟรีๆ”

“แล้วมึงจะเอาอะไร!” ฉันจ้องหน้ายีนส์อย่างไม่เข้าใจ

“นั่งลงก่อน... คุยกันดีๆ เรื่องนี้สำคัญ” ยีนส์ดังฉันให้กลับลงไปนั่งที่โต๊ะ

“ไม่... กูโกรธมึงอยู่” แต่ฉันไม่ยอม

“โกรธอะไร... โกรธทำไม เราตกลงกันมาแบบนี้ไม่ใช่เหรอ มึงคิดดีๆ ไอ้ซาน” ขณะที่ปากบอกให้ฉันคิด มือของยีนส์ก็ยังฉุดให้ฉันลงไปนั่ง จนสุดท้ายฉันก็ต้องยอมลงไปนั่งตามที่มันต้องการ

“ฟังที่กูพูด แล้วก็คิดตาม ใช้สมอง... อย่าใช้ความรู้สึก... มึงมีปัญหาอยู่ แล้วปัญหาของมึงอะ กูช่วยได้ มันก็แค่เงินสี่แสนห้ากับที่อยู่... กูมีทุกอย่างให้มึง ไม่ได้ให้ฟรีๆ แล้วมึงก็ไม่ต้องหามาคืนกูด้วย” ฉันเม้มปากตั้งใจฟังที่ไอ้ยีนส์มันกำลังพูด

“แต่งงานกันปะ?”

ขวับ!

ฉันหันไปมองหน้าไอ้ยีนส์ทันควันเมื่อมันถามคำถามบ้าๆ ออกมา

“มึง... จะบ้าเหรอ? อย่ามาล้อเล่นนะ! กูไม่ตลกด้วย!” ใช่ ฉันโคตรไม่ตลกเลย ไม่ง่ายเลยที่จะตัดสินใจเรื่องนี้

“กูไม่ได้ล้อเล่น... ถ้ามึงยอม กูก็จะยอมทำตามเรื่องที่มึงขอด้วย แลกเปลี่ยนกันแบบแฟร์ๆ” ยีนส์มองหน้าฉัน สายตาของมันทำให้ฉันเชื่อจริงๆ ว่ามันไม่ได้ล้อเล่น มันจริงจัง...

“แต่มึงกับกูไม่ได้รักกัน เราจะแต่งงานกันได้ยังไง?” คนไม่ได้รักกันจะแต่งงานกันได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ฉันที่บอกว่ารักกันยังเลิกกันเลย

“ไม่ได้รักกันนั่นแหละดี... เวลาเลิกกันจะได้ไม่มีใครเจ็บไง” ฉันรู้... ฉันรู้ว่ามันคือการแต่งงานจอมปลอม

“เลิก?”

“แต่งกันแบบจดทเบียน... แค่หกเดือน แล้วกูจะปล่อยให้มึงเป็นอิสระ แต่หกเดือนนี้มึงห้ามไปยุ่งย่ามกับใครเด็ดขาด ผู้ชายคนเดียวที่มึงจะเข้าหาได้มีแค่กูเท่านั้น ตกลงไหม?”

“ละ... แล้วกูจะได้อะไรบ้าง?” โอ๊ย! ฉันถามเหมือนว่าฉันสนใจข้อเสนอของไอ้ยีนส์ทำไมเนี่ย!

“ตำแหน่งโปรดิวเซอร์ เงิน บ้าน คอนโด... มึงจะเอาอะไรล่ะ?”

พระเจ้า... หกเดือนแลกกับการได้ทำหนังในตำแหน่งที่ฉันใฝ่ฝัน ได้ทั้งเงินมาปลดหนี้ ได้บ้านอีกด้วยเหรอ?

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel