บทที่ 3 แฟนปลอมๆ
At The Rich Condominium
ร่างบางนอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียง เธอกำลังสับสนอย่างหนักกับข้อเสนอของจิณณ์ เธอไม่เข้าใจว่าการไปเป็นแฟนปลอมๆ ของเขามันคืออะไร และมันคุ้มค่าจริงหรือเปล่า เพราะแค่เพียงเขาอ่านบทหนังมันก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะตกลงมากำกับเสียหน่อย
"เชี่ย! " ซูซานลุกขึ้นนั่งบนเตียงแล้วยีหัวตัวเองจนยุ่งเหยิงไปหมด
และเมื่อทนไม่ไหว เธอต้องการที่ปรึกษา และเวลาแบบนี้ซินกับเยลลี่ก็คงเข้านอนพร้อมลูกน้อยไปแล้ว คงเหลือเพียงเชลโล่เท่านั้น หญิงสาวเอื้อมไปคว้ามือถือที่วางอยู่บนหัวเตียง กดโทรออกหาเชลโล่ทันที
"ฮัลโหล..." ปลายสายรับสายด้วยน้ำเสียงงัวเงีย
"มึงนอนแล้วเหรอเชลโล่? " ซูซานเหลือบไปมองนาฬิกาหัวเตียงเห็นว่าเป็นเวลาห้าทุ่ม
"เพิ่งนอน ว่าไงมึง"
"กูมีเรื่องอยากปรึกษา คือ..." ซูซานเล่าถึงเรื่องหนังเรื่องใหม่ที่ค่ายต้องการให้จิณณ์มากำกับ ยาวไปถึงเรื่องที่ชายหนุ่มบอกให้เธอไปเป็นแฟนปลอมๆ ของเขา
“เดี๋ยวๆ กูงง คือนี่มึงไปเจอไอ้ยีนส์มาแล้วเหรอ แล้วมันกลับมาจากอเมริกาเมื่อไหร่วะ?” เชลโล่ตามเรื่องราวไม่ทัน
“กลับมาวันนี้ไง ก็ที่กูเพิ่งเล่าให้มึงฟังไปว่ากูไปรับมันมาจากสนามบิน พามันไปส่งที่โรงแรม”
“แล้วมึงไปรับมันทำไมวะไอ้ซาน?”
“อีนี่! กูก็เล่าให้มึงฟังไปหมดแล้วว่ากูอยากให้มันมาทำหนังเรื่องใหม่ที่ออฟฟิศกูเพิ่งรับมา นี่มึงได้ฟังกูบ้างปะเนี่ย?!”
“เออๆ ฟังๆ สรุปคือมึงแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงต้องยื่นข้อแลกเปลี่ยนให้มึงไปเป็นแฟนปลอมๆ ของมันเพื่อแลกกับการยอมอ่านบท... ใช่ปะ?”
“เออ...”
“มึงก็ยอมไปดิ แค่เป็นแฟนปลอมๆ เอง มันคงไม่มีอะไรหรอก” เชลโล่เอ่ยอย่างคนไม่คิดมาก
“เชี่ย! แต่กูก็ยังรู้สึกแปลกๆ อยู่ว่ะ ทำไมมันต้องให้กูไปเป็นแฟนปลอมถึงเชียงใหม่ แล้วมึงรู้ปะว่าทำไมไอ้ยีนส์แม่งต้องไปอยู่โรงแรมแทนท่ีจะอยู่คอนโดเดิมของมัน” ซูซานเป็นจอมสงสัยอยู่เสมอ
“แปป... กูต้องออกไปคุยข้างนอก”
“นี่มึงอยู่ไหน?”
“อยู่บ้านร็อก เดี๋ยวเกิดร็อกได้ยินว่ากูเล่าอะไรให้มึงฟังแล้วจะมาหาว่ากูเป็นพวกปากสว่างอีก”
“มึงก็เป็นพวกปากสว่างอย่างที่มันว่านั่นแหละ”
“จะฟังไหมอีซาน?”
“ฟังๆ”
“ที่จริงกูว่ามันก็ไม่เป็นความลับอะไรหรอก แต่กูแค่สงสัยว่าทำไมอยู่ๆ ไอ้ยีนส์มันก็ขายคอนโด ขายรถ ขายทุกอย่างแล้วย้ายไปเรียนอเมริกา ทั้งๆ ที่ตอนเรียนจบก็มีค่ายหนังรอเรียกมันไปทำงานด้วยอยู่แล้ว ร็อกก็เลยเล่าให้ฟังว่าไอ้ยีนส์มันหนีแม่มัน”
“หนีแม่?”
“เออ... มึงก็รู้ใช่ปะว่าที่บ้านไอ้ยีนส์มันเป็นพวกผู้ดีเก่า มีชื่อเสียง เป็นที่นับหน้าถือตาในเชียงใหม่ นั่นแหละปัญหา... คือพอชาติตระกูลดี รวยทั้งฐานะและหน้าตาก็ดี ก็เลยมีพวกอยากตกถังข้าวสารพาลูกสาวมาขายให้ถึงที่ แม่ไอ้ยีนส์เลยนัดดูตัวให้ไอ้ยีนส์เป็นว่าเล่น แล้วไอ้ยีนส์มันเกลียดอะไรแบบนี้มาก มันก็เลยหนีแม่งเลย... มึงคิดดู งานแต่งเพื่อนเราจัดตั้งสองงานมันยังไม่ยอมกลับมาเลย”
“มันก็เลยจะเอากูไปเป็นไม้กันหมา... งี้เหรอ?” ซูซานเพิ่งถึงบางอ้อ
“ก็คงงั้น... แล้วมึงจะยอมปะ?”
“ถ้าแค่เป็นแฟนปลอมๆ กูก็ยอมได้ แต่กูแค่กลัวจะเสียเวลา ถ้าเกิดกูยอมไปเชียงใหม่กับมัน แล้วมันเล่นตุกติกกับกูอะ? เกิดแม่งไม่อ่านบทหรือบอกว่าอ่านแล้วบอกว่าไม่สนใจไม่อยากทำขึ้น กูไม่เสียเวลาไปฟรีๆ เหรอวะ?”
“นี่อีซาน... นี่ไอ้ยีนส์นะ ไม่ใช่ไอ้เสือหรือร็อกเก็ตที่จะมีนิสัยปลิ้นปล่อนหลอกลวง มึงลืมแล้วเหรอว่ายีนส์คือคนที่นิสัยดีที่สุดและมีความเป็นผู้ใหญ่ที่สุดในกลุ่มพวกเราแล้ว”
“ก็จริงของมึง”
“มึงเชื่อกูสิ... สุดท้ายไอ้ยีนส์มันจะช่วยมึง” เชลโล่ดูมั่นใจเรื่องนั้น
“ทำไมมึงดูมั่นใจจังวะ?”
“เออน่ะ ไปเชียงใหม่แล้วมีอะไรคืบหน้าก็โทรมาเล่ากูด้วย แล้วมึงกับไอ้ยีนส์ก็หาเวลามาเจอเพื่อนบ้าง”
“เออ”
At Chiangmai
เวลานี้จิณณ์และซูซานได้เดินทางมาถึงเชียงใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองเดินเคียงข้างกันมาหยุดยืนรอรถจากที่บ้านของจิณณ์มารับ
ซูซานพยายามเหล่มองร่างสูงอยู่หลายรอบ เธอกำลังรอให้เขาพูดอะไรสักอย่าง หรืออย่างน้อยเขาควรบอกว่าการเป็นแฟนปลอมๆ ของเขานั้นเธอต้องทำอะไรบ้าง แต่เขากลับไม่พูดอะไรเลย
“มึง” หญิงสาวเม้มปากเอ่ยเรียกชายหนุ่ม
“อย่าเรียกแบบนั้น คุณเป็นแฟนผมอยู่นะครับคุณซูซาน” อยู่ๆ จิณณ์ก็พูดอะไรแปลกๆ ออกมา เล่นเอาซูซานถึงกับประหลาดใจ
“ไอ้ยีนส์... มึงควรไปหาร้านกาแฟเพื่อคุยเรื่องนี้กับกูก่อน ไม่ใช่อยู่ๆ ก็จะให้กูเป็นแฟนมึงโดยที่ไม่เตี๊ยมอะไรเลย”
“ข้อแรก... ห้ามพูดมึง-กู และคุณต้องเรียกผมว่าจิณณ์ ไม่ใช่ยีนส์” ร่างสูงหันมามองซูซานด้วยสายตาจริงจัง
“ไอ้เชี่ย! มึงควรให้กูตั้งตัวก่อนปะ?” หญิงสาวถลึงตาเบิกโตใส่ชายหนุ่ม
“คุณก็ไม่โง่นะครับ ไม่น่าจะเข้าใจอะไรยาก... ใช่ไหม?” ทว่าชายหนุ่มยังไม่ยอมเลิกแสดง
“คือยังไง... มึงทำเหมือนว่ามีคนกำลังแอบมองเราอยู่อย่างนั้นอะ”
หมั่บ!
“อ๊ะ!”
ซูซานตกใจจนเผลอร้องออกมาเมื่ออยู่ๆ จิณณ์ก็คว้าเอวบางของเธอเข้าไปกอดไว้แน่น ก่อนจะซุกหน้าลงมาคลอเคลียที่พวกแก้มแดงก่ำ ทำเหมือนว่าเขาทั้งคู่เป็นคู่รักที่รักกันสุดๆ
“ยิ้ม... ทางขวามือ มีคนรู้จักของแม่กู กูเคยเกือบต้องไปดูตัวกับลูกสาวเขามาแล้ว ดีที่ไหวตัวทัน” จิณณ์ส่งเสียงกระซิบลงที่ใบหูของหญิงสาว
“ละ... แล้วจำเป็นต้องกอดด้วยเหรอวะ?”
“เขินทำไม... จูบมึงกูก็ทำมาแล้วไง...”
“เชี่ยยีนส์!”
“อย่าโวยวาย ถ้าแผนล่ม กูไม่อ่านบทมึงนะซาน” เขาขู่พร้อมส่งรอยยิ้มไปให้เธอ
ไม่นานรถตู้ก็มาจอดที่ตรงหน้าทั้งสอง จิณณ์และซูซานขึ้นรถไปด้วยกัน ชายหนุ่มยอมปล่อยหญิงสาวออกจากอ้อมกอดแต่เขาก็ยังส่งสัญญาณให้เธอรู้ว่าคนขับรถนั้นก็เป็นคนของแม่เขาด้วย เพราะอย่างนั้นซูซานยังคงต้อง Keep charactor เอาไว้ก่อน...
At The Hotel
จิณณ์บอกให้คนขับรถมาส่งเขาที่โรงแรมหรูในย่านตัวเมืองเชียงใหม่แทนที่จะกลับไปพักที่บ้านในอำเภอแม่ริม ร่างสูงเดินนำหญิงสาวเข้าไปเช็กอินที่ฟรอนต์ เขาได้ทำการจองห้องมาแล้วล่วงหน้า แต่เขากลับจองมาเพียงห้องเดียว นั่นจึงทำให้ซูซานเกิดความสงสัยไม่น้อย แต่เธอยังไม่ได้ถามออกไป ทำเพียงเดินตามชายหนุ่มมาจนถึงห้องพัก และเมื่อประตูห้องปิดลง เมื่อแน่ใจแล้วว่าพวกเขาอยู่ด้วยกันเพียงสองต่อสอง หญิงสาวก็ระเบิดถอนหายใจเอาความอึดอัดออกมา
“เฮ้ออออ!” หญิงสาวทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้มุมห้อง
“ขนาดนั้นเลยดิ?” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามก่อนจะนั่งไขว่ห้างที่ปลายเตียง
“มึงจองโรงแรมห้องเดียวจริงๆ หรือแค่แกล้งทำเพื่อหลอกตาแก๊งสอดแนมของแม่มึง?” เธอดูหนังดูละครมามากพอที่จะรู้สาเหตุว่าพระเอกจะทำแบบนี้ไปทำไมในเมื่อเขาไม่ได้รักนางเอกจนอยากอยู่รวมห้องกับเธอ...
“มึงรู้ปะ... ว่าทำไมเวลาดูหนังแล้วเราถึงอินกับตัวละคร?” จิณณ์ยกแขนขึ้นเท้าข้อซอกลงบนหน้าขาแล้ววางคางลงบนฝ่ามือ ส่งสายตาเปื้อนรอยยิ้มไปยังซูซาน
“...”
“เพราะเขาเล่นจริงๆ ไม่ได้แสดงหรือพยายามหลอกอะไรให้ใครเชื่อ เขาเล่นมาจากอินเนอร์ รู้จริงๆ ถึงแสดงออกมา... เพราะงั้นคำตอบคือกูจองห้องเดียวจริงๆ เพราะกูต้องการเป็นแฟนของมึงจริงๆ เพื่อให้แม่กูเชื่อแบบนั้น...”
“...!!!”
“คิดจะถามกูสักคำปะว่ากูมีอินเนอร์ร่วมกับมึงหรือเปล่า? เราจะนอนห้องเดียวกันได้ไงวะ? เราเป็นแฟนปลอมๆ กันไงเพื่อน... มึงไม่ต้องเล่นจริงเจ็บจริงทุกอย่างก็ได้ปะ? กูซูซานไง... ไม่ใช่จา พนม กูต้องมีสตั๊น!” ซูซานถลึงตาใส่จิณณ์อย่างรำคาญใจ
“กูไม่ปล้ำมึงหรอก...” ชายหนุ่มแสยะยิ้ม
“กูไม่ได้กลัวมึงปล้ำ! กูแค่ไม่ชอบนอนร่วมเตียงกับคนอื่น” หญิงสาวทำหน้ามุ้ย
“แต่ทำไมกูรู้สึกเหมือนมึงกลัวเลยวะ?”
“กู... กูจะกลัวมึงทำไม? มึงคงไม่คิดจะปล้ำกูหรอกเราเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานนะเว้ย! อีกอย่าง... มึงไม่ได้อยากจะมีเมียไม่ใช่เหรอ กูก็ไม่อยากมีผัวเหมือนกัน”
“ไม่อยากมีเมียก็ปล้ำคนได้... เราไม่จำเป็นต้องเป็นผัวเมียกับผู้หญิงทุกคนที่นอนด้วยปะวะ? อีกอย่าง... มึงกับกูน่าจะรู้ดีที่สุดว่าเพื่อนกันแม่งเอากันได้ เพราะเพื่อนเราหกคนมันพิสูจน์ไว้แล้ว” จิณณ์จ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยของหญิงสาว
“เชี่ย! กูไม่อยากคุยเรื่องนี้แล้ว!” เมื่อโดนต้อนจนหลังชนฝาไปต่อไม่ได้ หญิงสาวก็ทำโวยวายเปลี่ยนเรื่อง
“เย็นนี้กูจะต้องไปตามนัดของแม่... แล้วกูจะพามึงไปด้วย เพราะงั้นเราต้องมาคุยกันว่ามึงต้องทำอะไรบ้าง... ไปเตรียมตัวซะ กูจะพาไปกินกาแฟดีๆ ของเชียงใหม่” จิณณ์เอ่ยบอกก่อนจะทิ้งตัวลงนอนหงายลงบนเตียงแล้วถอนหายใจออกมาแสดงออกถึงความเหนื่อยหล้า...
