บทที่ 2 ข้อแลกเปลี่ยน
At The Airport
ไม่ใช่เรื่องยากที่ซูซานจะสืบได้ว่าจิณณ์จะกลับจากอเมริกามาถึงประเทศไทยวันไหน เวลาไหน หรือแม้กระทั่งไฟลท์อะไร เธอเพียงสอบถามจากกลุ่มเพื่อนของเขา หรือต่อให้ไปถามจากเจ้าตัวเองก็ทำได้ แต่การจะทำแบบนั้นเธอก็ยังไม่อยากบอกเขาตรงๆ ว่าอยากดึงตัวเขามากำกับหนังเรื่องใหม่
หญิงสาวชะเง้อมองหาชายหนุ่มอยู่ที่ตรงทางออกของผู้โดยสารขาเข้า ตามเวลาจิณณ์ควรจะมาถึงแล้ว ตลอดสามวันมานี้ ซูซานเอาแต่คิดหาทางว่าจะใช้วิธีไหนเพื่อโน้มน้าวใจจิณณ์ได้ เพราะเธอรู้ว่าเขาไม่ใช่คนง่ายๆ ถึงแม้จะทำตัวเหมือนง่ายก็ตาม
และในตอนที่ซูซานกำลังมองหาเพื่อนวัยเรียนของเธออยู่นั้น ร่างสูงก็เดินเข้ามาในระยะสายตาของเธอ ใบหน้าหล่อเหลาดูสะอาดเกลี้ยงเกลา เรียวปากสวยได้รูปนั้น ซูซานมองแวบเดียวก็ยิ้มออกมา เพราะเขาคือจิณณ์ ชายหนุ่มที่เป็นเหมือนแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ของเธอ
“ไอ้ยีนส์!!!” หญิงสาวกระโดดแล้วชูมือขึ้นสูง อีกทั้งยังส่งรอยยิ้มไปหาเขา เป็นเวลาหกปีที่ทั้งสองไม่ได้เจอหน้ากัน ไม่แปลกเลยที่จะดีใจหากได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง
“ซูซาน?” ทว่าชายหนุ่มแสดงทีท่าแปลกใจไม่น้อยเมื่อได้เห็นซูซาน
“ไม่ได้เจอกันโคตรนาน... มึงดูดีขึ้นนะ” ซูซานวิ่งเข้าไปหยุดตรงหน้าจิณณ์พร้อมรอยยิ้มดีใจ
“มึงก็... ดูแก่ แล้วก็ไม่สวยเหมือนเดิม” เขาเอ่ยบอกเธอก่อนจะเผยรอยยิ้มเป็นมิตรออกมา จากนั้นรอยยิ้มนั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นสายที่บอกความหมายไม่ได้
“กวนตีน... มา... กูช่วยถือ” หญิงสาวถลึงตาใส่ร่างสูงก่อนจะส่งมือไปด้านหน้าหวังจะไปช่วยเขาถือกระเป๋าเดินทางใบโต แต่จิณณ์กลับยื้อกระเป๋าของตัวเองไว้พร้อมขมวดคิ้วมองซูซานที่ทำตัวมีพิรุธ
“เดี๋ยว... มึงมาทำอะไรที่นี่? อย่าบอกว่ามารับกูนะ?”
“ก็ใช่น่ะสิ... กูมารับมึง” ว่าแล้วซูซานก็คว้าแขนของจิณณ์ ดึงตัวเขาเดินออกไปจากตรงนั้น
ระหว่างทางจากสนามบินตรงเข้าสู่เมือง ซูซานกับจิณณ์คุยกันไม่หยุด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหญิงสาวที่ชวนชายหนุ่มคุย เธอถามถึงชีวิตความเป็นอยู่และการงานที่รุ่งเรืองของเขาในอเมริกา เรียกได้ว่าเธอถามเขาทุกอย่างจริงๆ
"แล้วนี่มึงจะกลับมาอยู่ไทยถาวรเลยปะ? หรือว่าแค่มาทำงาน..." ซูซานเผลอถามถึงงานที่รู้ว่าเขากำลังจะมาคุยโปรเจคใหญ่กับค่าย Good Vision
"มึงรู้ได้ไงว่ากูจะมาทำงาน" จิณณ์หันมองซูซานพร้อมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
"ก็... กูก็เดาเอาอะ แหม... ก็มึงดังแล้วนี่ งานรัดตัวขนาดนั้นถ้าไม่กลับมาทำงานแล้วจะกลับมาทำไม? ใช่ปะล่ะ? " หญิงสาวดิ้นเอาตัวรอดก่อนจะส่งยิ้มแหยๆ ให้ชายหนุ่ม
"กูมาคุยงาน ถ้าลงตัวก็คงอยู่ที่นี่สักหกเดือนแล้วก็คงกลับไปแอลเอ"
"นี่คือมึงกะจะไม่มาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่แล้วใช่ปะ? "
จิณณ์ส่ายหน้าเป็นคำตอบของคำถามนั้น เขาไม่อยากกลับมาเป็นลูกนกในกรงของใครต่อใครอีก เขาไม่อยากต้องใช้ชีวิตตามใจใครต้องการ หากการจะต้องไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองแต่เป็นอิสระเขาก็จำยอม
"หรือมึงมีเมียรออยู่ที่แอลเอ...?
"เมียเมอที่ไหนล่ะ กูไม่คิดสั้นมีเมียหรอกซาน ว่าแต่มึงเถอะ ป่านนี้มีผัวเป็นสิบแล้วมั๊ง" เขายกยิ้มถามกลับ
"โนค่ะ! กูก็ไม่ขอคิดสั้นมีผัวแบบมึงนั่นแหละ! " หญิงสาวเบะปากตอบ สายตาจับจ้องไปยังถนนเบื้องหน้า คำตอบของเธอทำให้ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มออกมา
"แสดงว่ากูก็ยังเป็นจูบแรกของมึงอยู่อะดิ"
เอี๊ยยยยยด!
ซูซานเหยียบเบรกกะทันหันเมื่อได้ยินคำถามเชิงบอกเล่าของจิณณ์ หญิงสาวถึงกับไปไม่เป็น แล้วภาพจูบแรกเมื่อหลายปีก่อนก็ปรากฎขึ้นมาในโสตประสาททันที
"รถคันหลังจะชนเอา มึงจะเบรกทำไมเนี่ย" ผู้กำกับหนุ่มเลิกคิ้วถามขณะที่หันไปมองรถที่ตามมาด้านหลัง
"ก็แล้วมึงจะพูดเรื่องจูบขึ้นมาทำไมล่ะ! คือกูไม่นับว่ามันคือจูบด้วย! เพราะมึงแค่ผายปอดตอนกูจมน้ำ"
"ปากชนปากก็เรียกว่าจูบแหละ" จิณณ์แกล้งพูด
"พูดจาเหมือนพวกหน้าหม้อ แล้วทำมาบอกว่าไม่คิดสั้นเอาเมีย... ย้อนแย้งฉิบหาย" ซูซานถลึงตาใส่จิณณ์
"เอ้า! ไม่พอใจเชี่ยไรเนี่ย... ไม่เอาเมียก็ไม่จำเป็นว่ากูต้องตายซากปะวะ หรือมึงตายซากไปแล้ว? "
"ตายซากพ่อ! กูอะแซ่บเวอร์ คนจีบกูเยอะนะจะบอกให้" ซูซานยักไหล่ตอบ
"กูไม่เชื่อ ใครแม่งจะโง่เอาหมาทำเมียวะ"
"ไอ้เชี่ยยีนส์! มึงสิหมา! "
"เลี้ยวขวาข้างหน้า" จิณณ์ชี้บอกทางซูซาน
หญิงสาวเลี้ยวรถเข้ามาจอดที่ด้านหน้าของโรงแรมชื่อดัง นึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่จิณณ์เลือกที่จะพักในโรงแรมแทนที่จะกลับไปบ้านหรือคอนโดที่เขาเคยอยู่สมัยเรียน
"เดี๋ยวกูช่วย" หญิงสาวรีบลงจากรถไปทำดีกับคนที่จะมาฉุดให้เธอขึ้นจากโคนตม
"มึง... มาแปลกนะไอ้ซาน" ร่างสูงหรี่ตามองหญิงสาว
"แปลกอะไรวะ? เพื่อนไม่ได้เจอกันนาน..."
หลังจากที่เช็กอินเสร็จ ซูซานเดินตามจิณณ์เข้ามาในห้องพักของเขาซึ่งเป็นห้องสวีท ชายหนุ่มหันไปมองหญิงสาวหลังจากที่ประตูห้องปิดลง
"มึงยังอยู่อีกเหรอ? " จิณณ์ยังคงนึกประหลาดใจกับการตามติดของซูซาน
"จะไล่กันเฉย... ทำไมมึงไม่กลับไปอยู่คอนโดเก่ามึงวะ มาอยู่โรงแรมทำไม"
"คอนโดกูขายไปตั้งแต่ที่ย้ายไปแอลเอแล้ว มึงนี่ยังเสือกเหมือนเดิมเลยนะไอ้ซาน" จิณณ์แสยะยิ้มมองซูซาน
"ความเสือกมันฝังอยู่ในเส้นเลือดกูว่ะ ไหนๆ ก็เสือกแล้ว งั้นกูขอเสือกต่อเลยได้ปะ? ทำไมอยู่ๆ มึงถึงต้องย้ายไปอยู่แอลเอวะ มีอะไรเหรอ? แล้วที่มึงกลับมาคุยงานนี่... มึง... มาคุยงานอะไรเหรอ? " ข้อแรกเป็นเรื่องที่ซูซานสงสัยจริงๆ ส่วนข้อที่สองเธอเพียงแกล้งถามเท่านั้น
"บางเรื่องก็ไม่ควรเสือกปะ? เช่นเรื่องส่วนตัวอะ" จิณณ์ส่งมือไปยีผมซูซานพร้อมรอยยิ้ม
"อื้อ! อย่าเล่นหัวกู! " ซูซานปัดมือจิณณ์ก่อนจะใช้มือสางผมตัวเองให้กลับมาอยู่ในสภาพปกติ
"กลับไปได้แล้วไป... กูอยากพัก"
"เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งไล่ กูยังไม่ได้เข้าเรื่องของกูเลย" ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ซูซานจำต้องเข้าประเด็นของเธอเสียที
"กูว่าแล้ว... ที่อยู่ๆ มึงมารับกูนี่ มันต้องมีอะไรสักอย่างแน่ๆ " จิณณ์เลิกคิ้วพร้อมแสยะยิ้ม
"คืองี้... กูมีบทหนังอยากให้มึงอ่านอะ เป็นหนังของค่าย Wolf pack เขาอยากให้มึงมากำกับ" ซูซานพยายามอธิบายขณะเดียวกันก็เอาบทหนังจากกระเป๋ามายื่นให้จิณณ์ดู
เขารับมันมาอ่าน แต่อยู่ๆ ก็ขมวดคิ้วแล้วยื่นมันกลับให้เธอ
"ไหนบทหนัง? กูเห็นแต่เอกสารแจ้งหนี้กับคำสั่งย้ายออก" ชายหนุ่มพลิกสำเนาเอกสารตัวปัญหาที่ปะหน้าปึกบทหนังให้ซูซานดู
"เชี่ย! " หญิงสาวรีบเข้าไปดึงสำเนากลับคืนมายัดลงกระเป๋า
"มึงมีปัญหาอยู่เหรอซาน? " มองปราดเดียวเขาก็ดูออกว่าหญิงสาวตรงหน้าต้องการที่พึ่ง
"ไม่ต้องไปบอกพวกเพื่อนๆ ล่ะ กูไม่อยากเดือดร้อนคนอื่น" ซูซานยกมือขึ้นเสยผมพลางถอนหายใจ
"แต่ตอนนี้มึงกำลังเดือดร้อน"
"ก็ถ้ามึงยอมมากำกับหนังเรื่องนี้ให้กูแทนที่จะไปกำกับหนังให้ค่าย Good Vision กูอาจจะไม่เดือดร้อนก็ได้... นะยีนส์... กูอ่านบทแล้ว กูการันตีว่าบทมันดีจริงๆ รับรองว่ามันต้องดังแน่ๆ "
"ที่มึงไปรับกูจากสนามบิน... มาตามทำดีกับกูนี่... เพราะมึงอยากดึงตัวกูไปทำหนัง? แค่นั้นใช่ไหม? " สายตาส่อแววผิดหวังเมื่อเขาได้รู้ถึงจุดประสงค์ของหญิงสาว
"อืม... จะว่าแบบนั้นก็ได้ แต่กูก็ดีใจนะที่ได้เจอมึง เพราะเราไม่ได้เจอกันนานมาก"
"กูไม่ทำ" และนั่นเป็นคำตอบของเขา
"เชี่ย! ไอ้ยีนส์... มึงอย่าเพิ่งรีบตัดสินใจดิวะ! มึงลองอ่านบทดูก่อน... นะ... กูขอร้อง มึงอ่านบทก่อนได้ปะ? " ซูซานเข้าไปเกาะแขนร่างสูงที่กำลังมีท่าทีไม่พอใจ
"กูกลับมาไทยเพื่อทำหนังกับ Good Vision อยู่ๆ จะให้กูไปทำหนังกับค่ายอื่นได้ยังไง"
"มึงยังไม่ได้เซนสัญญาเลยนี่ เขานัดมึงคุยอาทิตย์หน้าไม่ใช่เหรอวะ? "
"นี่คือมึงรู้เรื่องกูหมดแล้วใช่ไหมไอ้ซาน? "
"เออ! เอาตามตรงเลยนะ! ตอนนี้กูเดือดร้อนมาก... อยู่ๆ พ่อก็เอาคอนโดกูไปขาย แล้วก็สร้างหนี้ไว้มากมาย... กูต้องย้ายที่อยู่ภายในเดือนนี้! แล้วก็ต้องหาเงินมาใช้หนี้สี่แสนห้า ถ้ามึงมากำกับหนังเรื่องนี้... กูจะได้ขึ้นเป็นโปรดิวเซอร์... และกูก็จะมีเงินมาใช้หนี้... ตอนนี้แม่งมีแค่มึงอะที่ช่วยกูได้จริงๆ ..."
"..." จิณณ์นิ่งไปเมื่อได้ยินปัญหาของซูซาน
"มึงพูดอะไรสักอย่างได้ปะ...? " ซูซานช้อนสายตามองจิณณ์
ครืดๆ ครืดๆ ครืดๆ
ในตอนที่ภายในห้องนั้นเงียบงัน เสียงระบบสั่นจากมือถือของจิณณ์ก็ดังขึ้น เขาหยิบมันขึ้นมาดูสายเรียกเข้า พอเห็นว่ามันเป็นสายของแม่ ชายหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่ายทันที
"ครับแม่..." จิณณ์รับสายโดยสายตานั้นสบสายตาซูซานไม่วาง
"จิณณ์... ลูกกลับมาเมืองไทยแล้วแต่ทำไมถึงไม่มาเชียงใหม่" ผู้เป็นแม่เอ่ยถามจากปลายสาย โดยปกติแล้วครอบครัวและคนหมู่มากจะเรียกชื่อจริงของเขา ส่วนชื่อเล่นนั้นจะมีเพียงเพื่อนวัยเรียนเท่านั้น
"ผมเพิ่งมาถึงเองครับแม่ มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า"
"อย่าลืมนัดของเรา... คราวนี้ลูกจะทำให้แม่เสียหน้าอีกไม่ได้แล้วนะ" เจ้าจันทร์ ผู้เป็นแม่เอ่ยถึงนัดดูตัวที่เธอจัดการให้ลูกชาย แต่เขากลับทำมันพังไปแล้วหลายต่อหลายครั้งก่อนจะย้ายหนีไปอยู่แอลเอเมื่อหลายปีก่อน
"ครับ"
"มะรืนนี้สิบเอ็ดโมงตรงลูกต้องมาถึงเชียงใหม่ แม่จะส่งรถไปรับที่สนามบิน"
"ครับ" เขาตอบรับสั้นๆ ก่อนจะวางสายจากแม่
"มีอะไรวะมึง... หน้าเครียดเชียว" ซูซานถามขึ้นทันทีเมื่อจิณณ์วางสาย
"ไม่ใช่แค่มึงหรอกที่มีปัญหา เพราะกูก็มี" เขาเอ่ยตอบก่อนจะมองหญิงสาวตรงหน้าตั้งแต่หูจรดปลายเท้า
"มองอะไรวะ" คนถูกมองขมวดคิ้วถาม
"มึงอยากให้กูอ่านบทหนังนี่ใช่ไหม? " จิณณ์ชูบทหนังในมือขึ้น
"เออ"
"งั้นมะรืนนี้มึงไปเชียงใหม่กับกู" เขามีแผนอยู่ในใจแล้ว
"ไปทำเชี่ยไร... มึงแค่อ่านบทเอง ทำไมกูต้องไปเชียงใหม่กับมึงวะ? "
"กูยอมอ่านบทที่มึงบอกว่าดีนักดีหนาแลกกับการที่มึงจะไปเป็นแฟนปลอมๆ ให้กู... แค่วันเดียวเอง คุ้มจะตาย"
"เชี่ยอะไรของมึงเนี่ย? แฟนปลอมๆ อะไรของมึงวะไอ้ยีนส์ กูตามไม่ทัน" ซูซานขมวดคิ้วมองร่างสูงอย่างไม่เข้าใจ ขณะที่คนถูกมองกลับกำลังยิ้ม... บางทีอาจจะต้องใช้วิธีน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่ากับผู้หญิงอย่างเธอ...
