8 คนขี้โมโห
ฉันมองตามรถของพายุวิ่งออกไปจนลับตาก็นึกขึ้นได้ว่าต้องรีบกลับไปที่ลานรับน้องเพื่อช่วยเพื่อนๆเก็บของ แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาเดินก็เห็นว่าจุนกำลังยืนมองฉันอยู่จากอีกด้าน
“กลับ” เขาพูดขึ้นลอยๆแล้วเดินผ่านหน้าฉันไป ในมือของเขากำลังถือกระเป๋าฉันอยู่
“ยังกลับไม่ได้” ฉันวิ่งตามเขาไปติดๆจนเรามาหยุดยืนอยู่ที่หน้ารถ
“ทำไม” เขาหันมาจ้องหน้าฉันเขม็ง... นี่ฉันไปทำอะไรผิดอีกหรือไง
“วันนี้ต้องประชุมแล้วก็ยังไม่ได้ช่วยเพื่อนๆเคลียร์ลานเลย” ทุกครั้งหลังน้องๆกลับพวกเราต้องทำความสะอาดกันน่ะ
จุนจ้องหน้าฉันนิ่ง เขาไม่ได้ตอบอะไรมา ดูจากสายตาของเขาที่มองฉันอยู่ตอนนี้มันคือสายตาที่มีแต่ความรำคาญ... รำคาญ... ฉันมันคงน่ารำคาญมากเลย
“จุนเป็นอะไร ทำไมต้องมาทำอารมณ์ไม่ดีใส่”
“เมื่อกี้คุยอะไรกัน” อยู่ๆจุนก็ถามอะไรแปลกๆออกมา
“คุยอะไร” ฉันขมวดคิ้วถาม
“กับไอ้เด็กปีหนึ่ง”
“อ๋อ... พายุเหรอ เค้าก็แค่มาส่งน้องเฉยๆ”
“แลกไลน์กันด้วยหรือไง”
“อื้ม พายุขอไลน์เค้าไปน่ะ” ฉันตอบตามความจริง
“ตกลงจุนเป็นอะไร โมโหอะไรเค้า”
สิ้นคำถามฉันจุนก็มามองฉันด้วยสายตาที่ไม่พอใจหนักกว่าเดิม นี่เขาเป็นอะไรของเขากันเนี่ย!
“ก็ใครทำให้โมโห ใครที่พูดคำเดียวไม่รู้เรื่อง”
“เค้าเหรอ” ฉันถามออกไป
“โง่”
“จุน!”
“รู้อยู่แล้วจะถามทำไม”
“โอเคๆ เค้าเอง! ทุกครั้งที่จุนโมโหหรือรำคาญใจก็มีแค่เค้านี่แหละที่เป็นต้นเหตุ! ทั้งๆที่ก็ยังไม่รู้เลยว่าไปทำอะไร ก็รู้อยู่แล้วว่าเค้าต้องเคลียร์ลานจะมาบังคับให้กลับทำไม!” ตะคอกใส่เขาแต่ทำไมจะต้องรู้สึกเหมือนยากร้องไห้ด้วย
“ไม่รู้จริงๆเหรอว่าทำไมฉันถึงโมโห” เขาเลิกคิ้วถามฉัน
“จะไปรู้ได้ยังไง!” ฉันตอบกลับก่อนจะเม้มปากเพื่อกลั้นน้ำตาไว้ ทำไมจะต้องเสียใจด้วยก็ฉันยังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนี่!
“เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้มารับน้อง... ทำไมไม่ฟัง รู้ไหมว่าฉันต้องอดทนอะไรบ้าง!”
“เค้าก็ไม่ได้อยากทำนี่! แต่จะให้ทำยังไงล่ะก็เพื่อนเค้าบังคับ! ทำไมจุนไม่เข้าใจ! นี่เค้าก็จะไม่ได้รู้ใช่ไหมว่าเค้าทำอะไรให้จุนโกรธ” ว่าแล้วน้ำตาฉันก็ไหลออกมาจนได้
“กลับ” จุนเข้ามาคว้าแขนฉัน
“ไม่กลับ!” ฉันสะบัดมือเขาออกอย่างแรง
“จุน” ในตอนนั้นฉันก็ได้เสียงหวานใสดังมาแต่ไกล พอฉันไปมองก็ได้เห็นพี่อินดี้ที่กำลังเดินมาพร้อมรอยยิ้มสวยใสของเธอ
“เอากระเป๋ามา! เค้าจะกลับเอง!” ฉันกระชากกระเป๋าออกจากมือของจุนแล้วเดินสวนกับพี่อินดี้ออกมาจากตรงนั้น
แต่พอเดินออกมาได้ไม่กี่ก้าว อยู่ๆขาฉันมันก็ก้าวไม่ออก ฉันหยุดเดินแล้วหันไปมองพี่อินดี้กับจุน สองคนนั้นกำลังคุยอะไรกันสักอย่าง ไหนบอกว่าไม่ได้คบกันไง กี่ครั้งๆก็เห็นอยู่ด้วยกันตลอด เวลาที่คุยกับฉันเขามักจะทำหน้าเบื่อหน่ายอยู่ตลอด แต่พอพี่อินดี้เข้ามารอยยิ้มของเขาก็ปรากฎทันที
พี่อินดี้หยิบอะไรบางอย่างออกจากกระเป๋าแล้วยื่นให้จุน เขารับไว้พร้อมรอยยิ้มแล้วก็พูดอะไรสักอย่างที่ฉันไม่ได้ยิน พี่อินดี้ยิ้มรับก่อนจะเอาหัวไปซบจุนแล้วหันมาโบกมือให้ฉัน...
“พี่กลับก่อนนะน้ำหอม” พี่อินดี้หันมาบอกลาฉันด้วยรอยยิ้ม
“คะ? เอ่อ...ค่ะ สวัสดีค่ะพี่อินดี้!” ฉันยกมือขึ้นไหว้แล้วตะโกนสวัสดีพี่อินดี้ ที่ต้องตะโกนเพราะเราอยู่ไกลจากกัน ไม่ใช่เพราะฉันกำลังไม่พอใจหรอกนะ!
พี่อินดี้ยิ้มให้ฉันแล้วเดินขึ้นรถของตัวเองก่อนจะขับออกไป ฉันเบนสายตาจากรถของพี่อินดี้มาหยุดที่จุน
“มองอะไร!” จุนตะโกนขึ้นมาเมื่อรถของพี่อินนดี้ขับออกไปแล้ว
“นิสัยไม่ดี!” ฉันตะโกนกลับทันควัน
“ถ้ายังดื้อไม่กลับก็คุยกับแม่เองแล้วกัน” เขาไม่ได้ตะโกนแต่ก็ไม่ได้พูดเบาจนฉันไม่ได้ยิน
“เรื่องของเค้า!” ฉันยังคงตะโกนแล้วจ้องเขาตาเขม็ง
“แล้วแต่... แต่อย่าโยนความผิดมาก็แล้วกัน” จุนตอบอย่างไม่ใส่ใจแล้วเปิดประตูรถขึ้นไปนั่ง... ใช่! เขาดูไม่ใส่ใจเลยจริงๆ
สิ่งที่ฉันทำได้ก็มีแค่ยืนมองเขาจากไปเท่านั้น... ทำไมฉันรู้สึกไม่ดีกับใบหน้าโกรธเคืองของเขา ไหนจะรอยยิิ้มเวลาที่อยู่กับพี่อินดี้ด้วย... ทำไม!?
ราวๆสามทุ่มครึ่ง ฉันกับเพื่อนก็ได้ประชุมเรื่องรับน้องและเคลียร์ลานเสร็จ พวกเราออกมากินจิ้มจุ่มกันที่หน้ามหาลัยก่อนจะค่อยแยกย้ายกันกลับ
“แกจะกลับยังไงน้ำหอม... ให้ฉันไปส่งไหม” แพรวพราวถามขึ้น
“ไม่เป็นไร ฉันกลับแท็กซี่ได้ บ้านพวกแกไปคนละทางกับฉัน” บ้านแพรวพราวอยู่ทางเดียวกับหอพักของไข่หวานที่อยู่ด้านหลังมหาลัย สองคนนี้เลยกลับด้วยกันได้
“แท็กซี่มันอันตราย” ไข่หวานมุ่ยหน้า
“ทำไมพี่จุนใจร้ายจัง ปล่อยให้แกกลับเองได้ไง” แพรวพราวบ่น
“ช่างเขาเถอะ เขาก็เป็นแบบนี้แหละ”
“นั่นพี่คินหรือเปล่า” แพรวพราวชี้ไปทางผู้ชายร่างสูงในชุดกีฬา
“ใช่มั้ง” ฉันตอบ
“พี่คิน!!!” ไม่รอช้าไข่หวานก็ตะโกนเรียกชื่อพี่คินทันที
พี่คินโบกมือแล้ววิ่งข้ามถนนมาหาพวกเราพร้อมรอยยิ้ม ถึงจะเป็นหนึ่งในแก๊งพี่ว้ากแต่ดูเหมือนว่าพี่คินจะใจดีแล้วก็มีมารยาทที่สุดเลย แถมเขายังเป็นเพื่อนของจุนด้วย
“น้ำหอมยังไม่กลับอีกเหรอ” พี่คินถามขึ้นเมื่อเขาวิ่งมาหยุดตรงหน้าพวกเรา
“อะไรกันพี่คิน! มาถึงก็ทักหอมคนแรกเลยนะ” แพรวพราวทำบ่น
“ฮ่ะๆ พี่ก็กำลังจะทักแพรวพราวกับไข่หวานเหมือนกันนะ” พี่คินยิ้มอย่างอบอุ่นตามประสาพี่ชาย
“ชิ! แล้วพี่คินทำอะไรคะ ทำไมป่านนี้ยังอยู่ที่มออีก” ฉันถาม
“พี่มาซ้อมฟุตบอลน่ะ” ฉันลืมไปว่าพี่คินเป็นนักกีฬามหาวิทยาลัยด้วย
“อ๋อ... แล้วนี่ซ้อมเสร็จแล้วเหรอคะ”
“อื้ม ว่าแต่ทำไมพวกเรายังไม่กลับบ้านกันอีก”
“กำลังจะกลับนี่แหละค่ะ” ไข่หวานยิ้มตอบ ทำอย่างกับกลัวพี่คินจะไม่รู้ว่าเธอชอบใบหน้าหล่อๆของเขา
“แล้วกลับกันยังไงให้พี่ไปส่งไหม”
“แพรวขับรถมาค่ะกลับกับไข่หวานได้ ส่วนน้ำหอมไม่ยอมให้ไปส่งบอกว่าจะกลับแท็กซี่” แพรวพราวตอบ
“ทำไมล่ะ ดึกแล้วนะกลับแท็กซี่คนเดียวจะดีเหรอ” พี่คินหันมาถามฉัน
“สบายมากค่ะ หอมกลับคนเดียวได้” ฉันยิ้มตอบ
“เดี๋ยวพี่ไปส่งดีกว่า”
“มะ...” ฉันกำลังจะตอบ แต่ก็ไม่ทันพี่คินพูดแทรกขึ้นมาก่อน
“ห้ามปฏิเสธ ปล่อยให้น้องสาวเพื่อนกลับบ้านเองคนเดียวพี่คงดูเป็นใจร้าย”
“กะ... ก็ได้ค่ะ” ฉันจำใจตกลง
