บทย่อ
สำหรับเขา...เธอคืออากาศ เหมือนจะมองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้เหมือนไม่สำคัญ แต่ขาดไปก็ตาย แต่สำหรับเธอ...เธอกล้าบอกได้เต็มปากกว่าเขาเป็นพีี่ชาย...และเธอรักเขามากที่สุด!
บทนำ
Namhom's Part
ณ ห้องสัมภาษณ์ที่สุดแสนจะน่าตื่นเต้น
ฉันเดินเข้ามานั่งอยู่กลางห้องที่ตรงหน้ามีเพียงจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ คำถามแรกที่เข้ามาในหัวคือนี่น่ะเหรอคนที่จะสัมภาษณ์ฉัน... ฉันหมายถึงว่าตัวเองจะต้องคุยกับโทรทัศน์จริงๆน่ะเหรอ?
“เวลาว่างคุณทำอะไร?”
อยู่ๆก็มีเสียงดังออกมาจากโทรทัศน์ สารภาพเลยว่าฉันสะดุ้งเล็กน้อย ก็มันตกใจนี่!
“ว่างแบบไหนคะ? แล้วว่างกี่ชั่วโมง?” ฉันมองซ้ายขวาที่มีแต่ความว่างเปล่าก่อนจะถามกลับไปอย่างงงๆ
“คุณมีเพื่อนสนิทกี่คน... แล้วมีใครบ้าง?”
“สองคนค่ะ มีไข่หวานแล้วก็แพรวพราว” เพื่อนสนิทที่เพิ่งเจอกันตอนเข้ามหาลัยน่ะ
“ถ้าไม่ได้ฉลองคริสต์มาสต์ คุณจะทำอะไรในวันที่ 25 ธันวา?”
“อือ... คิดไม่ออกเลย เพราะทุกปีเราก็ฉลองกันที่บ้านนะ แม่จะอบเค้ก พ่อย่างบาร์บีคิว ส่วนจุนก็นั่งเฉยๆ มันเป็นวันเกิดปลอมๆของฉันด้วยล่ะ คือพวกเราไม่รู้ว่าฉันเกิดวันที่เท่าไหร่น่ะ” ฉันยิ้มกว้างให้จอโทรทัศน์
“เป้าหมายในชีวิตคุณคืออะไร?”
“มีความสุขกับครอบครัว” ฉันว่าคำถามนี้น่าตอบที่สุดแล้ว
“ถ้าต้องเลือกระหว่างรถกับบ้าน คุณจะเลือกอะไร?”
“ง่ายนิดเดียว... บ้านค่ะ!”
“รักครั้งแรกของคุณเกิดขึ้นเมื่อไหร่?”
“ฉันไม่เคยมีแฟนหรอกนะคะ!” เจ้าจอบ้านี่ถามอะไรของมันนะ! หรืออยากจะเยอะเย้ยที่ฉันโตมาจนถึงอายุยี่สิบแล้วแต่ยังไม่มีแฟน!
“ใครคือคนที่คุณคิดถึงมากที่สุดตอนเป็นทุกข์?”
“พี่ชายของฉันค่ะ”
“แล้วตอนมีความสุขล่ะ?”
“พี่ชายของฉันอีกนั่นแหละ”
“คำถามสุดท้าย... ถ้าต้องตายในอีกสิบนาทีข้างหน้าคุณจะทำอะไร?”
“ร้องไห้... ทำไมฉันต้องตายด้วยคะ?!”
“ลงชื่อ”
“น้ำหอมค่ะ”
คำถามสุดท้ายมันทำให้ฉันรู้สึกแย่สุดๆ จนถึงตอนนี้ทั้งๆที่ผ่านมาเป็นชั่วโมง สมองฉันก็ยังคงคิดถึงมัน บอกตามตรงว่าฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องความตายมาก่อนเลย... ถ้าให้เกิดมาแล้วทำไมจะต้องให้ตายด้วย!
Namhom End
Jun's Part
ไม่รู้ว่าพ่อกับแม่เกิดนึกครึ้มอะไรขึ้นมาถึงได้สั่งให้ผมกับน้ำหอมมาทำสัมภาษณ์ที่ดูเหมือนจะไม่มีที่มาที่ไปนี่ รอบข้างระหว่างทางที่เดินมา ทั้งกลิ่น การตกแต่งภายใน รวมถึงผนังห้องสีเขียวอ่อน รู้ไหมว่ามันทำให้ผมนึกถึงอะไร?
โรงพยาบาลบ้าไงล่ะ!
แล้วตอนนี้... ผมกำลังจะต้องมาตอบคำถามกับหน้าจอไร้ชีวิตนี่น่ะเหรอ... ให้ตายเถอะว่ะ! นี่พ่อกับแม่คิดอะไรอยู่!
“เวลาว่างคุณทำอะไร?” ดูเหมือนว่าโทรทัศน์จะเริ่มทำงาน
“อ่านหนังสือ ฟังเพลง ออกไปถ่ายรูป” ผมตอบไปตามความจริง แต่อยู่ๆก็คิดได้ว่าพ่อกับแม่คงจะได้รู้คำตอบนี้แน่ๆ ถ้าอยากรู้ว่าสิ่งที่ผมคิดมันจริงหรือเปล่า เราก็แค่มาลองกันดู
“แล้วก็... ดูดบุหรี่ กินเหล้า บางครั้งก็เล่นพนันบอล” ผมยิ้ม... ทำไมรู้สึกสะใจ
“คุณมีเพื่อนสนิทกี่คน... แล้วมีใครบ้าง?”
“ต้องระบุด้วยว่าสนิทแบบไหน” ผมมีเพื่อนหลายคน สนิทไม่เหมือนกันหรอก
“ถ้าไม่ได้ฉลองคริสต์มาสต์ คุณจะทำอะไรในวันที่ 25 ธันวา?”
“นอน”
“เป้าหมายในชีวิตคุณคืออะไร?”
“เป็นอิสระจากทุกอย่าง”
“ถ้าต้องเลือกระหว่างรถกับบ้าน คุณจะเลือกอะไร?”
“ทำไมต้องเลือกด้วย... ผมมีทั้งสองอย่างนั่นแหละ” มีใครคิดเหมือนผมไหมว่าคำถามแต่ละข้อไร้สาระสุดๆ
“รักครั้งแรกของคุณเกิดขึ้นเมื่อไหร่?”
“ขอเปลี่ยนคำถาม” ไม่มีความจำเป็นอะไรที่พ่อแม่จะต้องรู้เรื่องนี้
“ใครคือคนที่คุณคิดถึงมากที่สุดตอนเป็นทุกข์?”
“ไม่รู้ครับ... ผมไม่เคยเป็นทุกข์จนขนาดที่ต้องคิดถึงใคร”
“แล้วตอนมีความสุขล่ะ?”
“คนโง่บางคน”
“คำถามสุดท้าย... ถ้าต้องตายในอีกสิบนาทีข้างหน้าคุณจะทำอะไร?”
“จูบ... แล้วบอกให้คนโง่บางคนเลิกโง่สักที”
“ลงชื่อ”
“จุน”
ผมทิ้งโทรทัศน์นั่นไว้ในห้องแล้วลุกออกมาอย่างรวดเร็ว วันนี้ผมต้องไปถ่ายรูปกับเพื่อนๆต่อ การมาที่นี่ถือเป็นเรื่องไร้สาระที่สุดของอาทิตย์นี้เลย
“จุน!”
คนโง่เรียกชื่อผมก่อนที่เธอจะวิ่งหน้าตั้งเข้า... ดูผมหน้าม้าเธอสิ บอกกี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้ว่าอย่าตัดผมเอง เห็นแล้วรู้สึกรำคาญตาเป็นบ้า
“ไป! กลับ!” ผมบอกเธอก่อนจะเดินนำหน้าออกมา
“จุนตอบว่าไงบ้าง แล้วได้คำถามเดียวกับเค้าไหม” เธอวิ่งตามมาถามผม
“ไม่บอก”
“ทำไมล่ะ เค้าอยากรู้ว่าจุนตอบอะไร” เธอทำหน้าบึ้งใส่ผมวันละหลายสิบรอบได้
“น่ารำคาญน่ะ เดี๋ยวพ่อกับแม่ได้ดูเทปเมื่อไหร่เธอก็รู้เองนั่นแหละ”
“ชิ! แล้วนี่ทำไมต้องรีบเดินด้วย ไปหาอะไรกินกันเถอะนะ เค้าหิว”
“ไม่ได้ ฉันมีนัดถ่ายรูปกับเพื่อนต่อ แม่ทำกับข้าวไว้แล้ว เดี๋ยวไปส่งที่บ้าน” ให้ผมเดาไหมว่ายัยโง่ผมม้าต้องขอตามไปด้วย
“ไปด้วย” ว่าแล้วเชียว
“ไม่ได้ คำเดียวพูดให้รู้เรื่อง” พูดจบผมก็เปิดประตูรถขึ้นไปนั่ง
ไม่นานน้ำหอมก็ทำหน้าเหม็นเบื่อขึ้นมานั่งข้างๆ ไม่พูดไม่จา... เธองอนผมรู้ แต่เดี๋ยวก็หายนั่นผมก็รู้อีกเหมือนกัน... เป็นแบบนี้ประจำ...

