บท
ตั้งค่า

6 พี่ชายกับน้องสาว?

“ว่ายังไง” ผมถามย้ำ

“เค้าจะไปรู้ได้ยังไงล่ะว่าแค่อยากจูบเฉยๆหรือว่าอยากจูบกับจุน” น้ำหอมก้มหน้าตอบ เธอทำปากเบะบึ้งเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่าง

“แล้วถ้าฉันจูบเธอ… แล้วต่อไปเธอจะไปจูบคนอื่นหรือเปล่า”

“อืม…” น้ำหอมทำหน้าคิด

“ถ้าจะคิดนานขนาดนี้ก็ไม่ต้อง… กลับห้องเธอไปได้แล้ว” ผมล้มตัวลงนอนบนเตียงแล้วหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน

Jun End

Namhom’s Part

ฉันมองนั่งมองจุนที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ อะไรกันแค่ฉันขอจูบเองทำไมจะต้องไม่ให้ด้วย ทีเขาจูบกับคนอื่นแล้วบอกว่าไม่ได้ชอบยังได้เลย กับฉันที่เป็นน้องทำไมเขาถึงจูบไม่ได้

ฉันเดินกลับห้องนอนตัวเองมาอย่างเงียบๆ ไม่อยากจะวอแวเขา จุนไม่ชอบให้ใครเข้าไปยุ่งหรือตามตื๊อเขามาก เรื่องนี้ฉันรู้ดี และถ้าเกิดว่าเขาโมโหแล้วตวาดฉันขึ้นมาฉันก็จะร้องไห้ไม่หยุด มันเป็นแบบนี้มาตลอดสิบปีที่เรารู้จักกัน

ฉันหลับไปทั้งๆที่ห้องยังเปิดไฟสว่างโล่งอยู่แบบนั้น ทุกคนรู้ดีว่าฉันจะคลั่งขึ้นมาทุกครั้งที่ต้องอยู่ในที่มืดๆ ฉันไม่รู้หรอกว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ รู้แต่เพียงว่าต้องตายเสียยังดีกว่าต้องอยู่โดยที่ไม่มีใครกับสถานที่มืดมิด

เพราะเมื่อคืนมัวแต่คิดเรื่องจูบงี่เง่านั่นฉันเลยตื่นสายในเช้าวันนี้ จุนก็เหลือเกินไม่คิดจะปลุกกันบ้างเลยหรือไง ฉันหยิบผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าห้องน้ำ ก็เจอกับจุนที่กำลังเดินออกจากห้องนอนของเขามาพอดี

“ให้เวลาสิบนาที” เขาพูดกับฉันสั้นๆพลางก้มหน้าสำรวจอะไรบางอย่าง

“อะไร”

“หัดตรวจสภาพตัวเองก่อนออกจากห้องซะบ้าง” พูดจบเขาก็เดินออกลงไปข้างล่างทันที

อะไรของเขา… ฉันส่ายหน้าแล้วเข้าห้องน้ำ และสิ่งที่ได้เห็นในกระจกก็คือ… คราบน้ำลายบูดที่เกรอะกรังอยู่ที่มุมปากลามไปถึงข้างแก้ม

“น่าอายชะมัด! แล้วแบบนี้ใครเขาจะอยากมาจูบแกน้ำหอม!”

หลังจากที่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จฉันก็รีวิ่งลงมายัดข้าวใส่ปากสองสามคำบอกสวัสดีพ่อกับแม่แล้ววิ่งไปขึ้นรถที่คาดว่าจุนคงรออยู่นานแล้ว จะกี่ปีปี่ชาติเขาก็มักจะเป็นคนที่ทำอะไรเร็วอยู่เสมอสินะ

“สายไปห้านาที” เขาหันมามองฉัน

“ก็ให้เวลาแค่สิบนาทีใครจะไปแต่งตัวทัน เค้าไม่ได้ทำอะไรเร็วทันใจแบบจุนนี่!” ฉันบ่น

“ก็ถ้าไม่เอาเวลาไปแต่งหน้า ก็คงไม่สาย” จุนส่ายหน้าก่อนจะออกรถ

“แค่ทาลิบกลอสเองจุนจะอะไรกับเค้านักหนา”

“ทาลิบทำไม อยากจะไปจูบกับใครอีก”

ฉันนิ่งไปในทันทีที่เขาพูดถึงเรื่องจูบขึ้นมา ปากเม้มสนิทอย่างไม่ได้ตั้งใจ ฉันไม่ได้อยากหรือคิดจะไปจูบกันใครสักหน่อย ทำไมเขาต้องพูดแบบนั้นด้วย!

“เค้าไม่ได้จะไปจูบใคร เค้าไม่ใช่จุนนะที่จูบกับคนที่ไม่ได้ชอบก็ได้” ฉันตอบเขาอย่างไม่พอใจ

“ใครบอกเธอ”

“ก็เมื่อวานจุนจูบกับพี่อินดี้แถมยังมาจูบเค้าต่อทั้งๆที่ไม่ได้ชอบ”

“แล้วยังไง” เขาถามกลับหน้าตาเฉย

“ก็ไม่ยังไงหรอก แค่จะบอกว่าเค้าจูบกับคนที่ไม่ได้ชอบไม่ได้หรอก เพราะเค้าไม่ใช่จุน!” อยากจะบ้าตายนี่เขาจะกวนประสาทฉันไปถึงไหน

“งั้นที่เมื่อคืนเธอมาขอให้ฉันจูบเพราะเธอชอบฉันงั้นเหรอ”

“จะ… จะบ้าเหรอ! เค้าเป็นน้องจุนนะจะชอบจุนได้ยังไง!!!” อยู่ๆใจฉันก็เต้นแรงขึ้นมา เขาพูดออกมาได้ยังไง เราจะชอบกันไม่ได้หรอกนะ… เราเป็นพี่น้องกัน!

“แต่ฉันไม่เคยคิดว่าเธอเป็นน้อง” จุนพูดเสียงเรียบ สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่ถนนข้างหน้า

“เค้ารู้แล้ว… น้องสาวของจุนมีแค่คนเดียว” คือจินนี่ ที่เสียชีวิตไปเมื่อสิบสองปีก่อน…

“เค้ารู้ว่ายังไงเค้าก็แทนที่จินนี่ไม่ได้ แต่สำหรับเค้าจุนคือพี่ชาย…”

“แต่ฉันไม่อยากเป็นพี่ชายของเธอ” จุนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ไม่รู้ว่าเขาจะย้ำเตือนฉันไปถึงเมื่อไหร่กับคำพูดนี้ ฉันรู้แล้ว! รู้ดีแล้วว่าเขาไม่รัก ไม่อยากมีฉันอยู่ในครอบครัว! ยังไงฉันก็เป็นได้แค่คนนอก!

“ถ้าเค้าเรียนจบ เค้าจะย้ายออกจากบ้าน จะได้ไม่อยู่ให้จุนคอยรำคาญ จอดที่หน้าตึกนี่แหละเค้าจะลงตรงนี้” ฉันกัดฟันพูดอย่างไม่สบอารมณ์

Namhom End

Jun’s Part

นี่ผมพูดอะไรผิดไปหรือไง การที่บอกว่าไม่เคยคิดว่าเธอเป็นน้องสาวมันแปลว่าผมต้องการจะผลักไสเธอหรือยังไง ทำไมยัยโง่คนนี้ถึงได้โง่ไม่เปลี่ยนแปลงสักที ทำไมเธอถึงไม่คิดว่าเพราะผมรู้สึกมากกว่านั้นถึงยอมให้เธอเป็นแค่น้องสาวไม่ได้… แล้วทำไมเธอถึงได้อยากจะเป็นน้องสาวผมนัก! คิดแล้วก็โมโห

ผมจอดรถให้เธอลงที่หน้าตึกเรียนตามที่เธอต้องการ ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เธอมีความคิดจะย้ายออก… แต่มันไม่มีวันเป็นไปได้หรอกถ้าผมไม่ยอม!

พอวนมาจอดรถด้านหลังตึกเรียนผมก็เดินเข้ามาในตึก เจอกับอินดี้พอดีเราเลยเดินเข้าไปในตึกพร้อมกัน เธอขอโทษผม บอกว่าเมื่อคืนเธอคงสับสน ผมไม่ถือสาหรอกถ้าเธอยังจำใส่ใจไว้เสมอว่าเราจะเป็นแค่เพื่อนกัน

สายตาของผมเห็นน้ำหอมหยุดยืนคุยอยู่กับเด็กปีหนึ่ง ผมจำได้ว่าไอ้เด็กนี่คือคนเดียวกับคนที่น้ำหอมเข้าไปคุยด้วยเมื่อวาน… อยู่ๆก็เลือดขึ้นหน้า!

“จุน!” เสียงใสตะโกนเรียกผม นี่เธอหายโกรธผมแล้วหรือไง

“อะไร” ผมหันถามคนตัวเล็กที่กำลังวิ่งเข้ามาหา

“พี่อินดี้สวัสดีค่ะ” น้ำหอมยกมือได้อินดี้แล้วมองหน้าผมอย่างไม่พอใจ ในระหว่างนั้นเจ้าเด็กปีหนึ่งหน้าตากวนโอ๊ยนั่นก็เดินเข้ามาด้วย

“สวัสดีจ่ะน้ำหอม” อินดี้รับไหว้น้ำหอม

“พายุ… นี่พี่จุนกับพี่อินดี้ปีสาม พี่จุนเป็นพี่ชายของพี่เอง” ยัยผมม้าแนะนำผมกับเจ้าเด็กนั่นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เห็นแล้วหมั่นไส้ว่ะ!

“สวัสดีครับ”

“สวัสดีจ่ะ น้องปีหนึ่งใช่ไหมเรา” อินดี้รับไหว้มัน

“ครับ” มันตอบรับด้วยสีหน้านิ่ง คิดว่าเท่มาเลยดิ

“เปิดเทอมมาได้ไม่กี่วันก็ได้ลงเพจคณะแล้ว ดังน่าดูเลย” อินดี้กำลังพูดถึงเพจคณะที่จะรวมรวมคนหน้าตาดีไว้แชร์สร้างชื่อเสียง ถึงผมจะไม่ได้เล่นโซเชียลมากนักแต่ก็พอจะรู้เพราะเพื่อนๆเอามาให้ดู

“ครับ” มันทำเป็นยิ้มเขิน อยากจะถุยน้ำลายจริงๆ

“ไปกันเถอะอินดี้” ผมพูดขึ้นก่อนจะคว้าแขนอินดี้แล้วลากเดินขึ้นตึกมาอย่างรวดเร็ว

“เค้าก็เป็นแบบนี้แหละ อย่าไปใส่ใจเลยนะ” ได้ยินจากไกลๆว่าน้ำหอมพูดแบบนั้น ยัยบ้านี่ชักจะเอาใหญ่ขึ้นทุกวัน!

Jun End

Namhom’s Part

ฉันมองตามหลังจุนกับพี่อินดี้ที่กำลังเดินขึ้นตึกไป จับมือกันแบบนั้นแล้วบอกว่าไม่ได้ชอบ ทำไมจุนชอบทำอะไรย้อนแย้งกับคำพูดอยู่เรื่อยเลย!

“พี่น้ำหอมไม่มีเรียนเหรอครับ” พายุถามฉัน

“มีสิ แต่พี่รอเพื่อนน่ะ แล้วพายุล่ะมีเรียนไหม”

“มีครับ แต่อีกครึ่งชั่วโมงเลยอาจารย์บอกว่าจะเข้าเลท ให้ผมนั่งรอเป็นเพื่อนนะครับ” ฉันยิ้มให้พายุเป็นคำตอบแล้วเราก็เดินไปนั่งที่ลานใต้ตึก ซึ่งเป็นที่ประจำของนักศึกษาคณะเรา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel