บท
ตั้งค่า

2 เช้าวันจันทร์กับความเป็นเขา

ฉันตื่นขึ้นมาเพราะเสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ที่ส่งเสียงดังต่อเนื่อง พอเอื้อมไปกดปิดมันฉันจะเลื่อนมือไปที่หัวเตียงต่อหวังปิดสวิทซ์ไฟหัวเตียงที่เชื่อมกับไฟในห้อง (พ่อฉันทำให้ฉันเป็นพิเศษ เพราะรู้ว่าฉันน่ะมีปัญหากับการปิดไฟอยู่เสมอ) แต่พอฉันกดสวิทซ์ไฟในห้องก็เปิดขึ้นมา นั่นมันหมายความว่าเมื่อคืนฉันนอนปิดไฟเหรอ… ไม่นะ ไม่มีทางที่ฉันจะนอนปิดไป

ฉันเดินงัวเงียถือผ้าเช็ดตัวออกมาเข้าห้องน้ำ ก็สวนกับจุนที่เดินออกมาพร้อมผ้าเช็ดตัวที่ห่อท่อนล่างเอาไว้ เขายืนจ้องหน้าฉันอยู่แบบนั้นไม่ยอมหลีกจากให้ฉันเข้าไป

“จุน…” ฉันเอ่ยชื่อเขาด้วยความงัวเงีย

“เมื่อไหร่พ่อจะทำห้องน้ำแยกสักที” พูดจบเขาก็เดินเข้าไปในห้องของตัวเอง… อะไรของเขานะ

Namhom End

Jun’s Part

ให้ตายเถอะ! ผมบ่นกับตัวเองในใจขณะที่กำลังใส่เสื้อนักศึกษากับยีนส์ตัวโปรด ไม่เข้าเลยว่าการใช้ห้องน้ำร่วมกันมันจะช่วยสร้างความสนิทตรงไหน ทุกเช้าผมจะต้องเจอกับสภาพเพิ่งตื่นของน้ำหอม นั่นไม่แย่เท่ากับการที่ยัยนั่นไม่ชอบใส่เสื้อในนอน ผมไม่ได้อยากจะคิดลึกอะไรหรอกนะ แต่การที่ต้องเห็นสาววัยแรกแย้มที่ก็รู้อยู่กับใจว่าไม่ใช่น้องสาวแท้ๆเดินโชว์จุกของเธอมาเข้าห้องน้ำทุกวันมันให้ผมรู้สึกหนาวๆร้อนๆขึ้นมา… ยังไงผมก็เป็นผู้ชายนะ อีกอย่างที่น่าโมโหคือ ยัยนั่นไม่เคยคิดจะเขินอะไรเลยเวลาที่เห็นผมมีแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวห่อหุ้มร่างกาย

พอแต่งตัวเสร็จผมก็ลงมานั่งรอน้ำหอมอยู่ที่โต๊ะอาหารเช้า ซึ่งมีพ่อนั่งกินกาแฟและอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ แม่เดินเอาข้าวหน้าเนื้อมาวางตรงหน้าผม

“กินซะ นี่ของลูกจากมื้อเย็นเมื่อวาน”

“ส่วนนี่ของน้อง”

แม่วางจานอาหารเช้าสไตล์อเมริกันเบรกฟาสต์ลงที่โต๊ะตรงข้ามผม… นั่นมันคือสิ่งที่ผมอยากกิน ไม่ใช่ข้าวหน้าเนื้อที่กินมาตลอดทั้งชีวิต

แต่ไม่อยากพูดอะไร ผมก้มหน้าก้มตากินข้าวหน้าเนื้อนั้นอย่างเงียบๆ จนไม่นานน้ำหอมลงจากข้างบน มานั่งกินอาหารเช้าตรงข้ามผม ยัยนี่แอบแต่งหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้สึกว่าจะฉีดน้ำหอมด้วย ชักจะเยอะเกินไปแล้ว

Jun End

Namhom’s Part

พ่อ แม่และจุนกำลังจ้องหน้าฉันราวกับว่ามีอะไรน่าประหลาดใจ ฉันเงยหน้ามองพวกเขาขณะที่กำลังจิ้มแฮมแผ่นที่สามเข้าปาก

“อะไร… หน้าหนูมีอะไรแปลกเหรอ” ฉันถามออกไป

“หึ!” ฉันได้ยินจุนถอนหายใจ

“หนูแต่งหน้า… แม่ชอบ แต่งอ่อนๆแบบนี้น่ารักดี” แม่ยิ้มชมฉัน แหงล่ะก็เครื่องสำอางพวกนี้แม่เป็นคนซื้อมาให้

“พ่อก็ชอบ แต่อย่าแต่งบ่อยๆนะ เดี๋ยวหนุ่มๆมันเห็นว่าหนูสวยแล้วจะมาตามจีบ ถ้าเป็นแบบนั้นพ่อไม่ชอบ” พ่อโผล่ใบหน้ายิ้มแย้มออกมาจากหนังสือพิมพ์

“ไม่มีใครมาจีบหนูหรอก” ใช่… ฉันไม่เคยถูกจีบ ไม่เลยสักครั้ง

“ไม่น่าเชื่อ… แม่นึกว่าจะต้องมีคนมาจีบลูกสาวแม่บ้าง น่ารักออกขนาดนี้ แล้วที่ขึ้นห้องไปคุยโทรศัพท์ทุกคืนน่ะคุยกับใคร” คงมีแต่บ้านเรานี่แหละที่พ่อกับแม่ชมลูกตัวเองจนเวอร์

“คุยกับเพื่อน หนูจะคุยกับใครได้ล่ะนอกจากเพื่อน”

“เพื่อนผู้หญิงหรือผู้ชาย” พ่อถาม

“ผู้หญิงค่ะ นี่พ่อกับแม่เป็นอะไร หนูยังไม่มีแฟนหรอก” ฉันเบะปาก

ฉันเงยหน้าขึ้นมองจุน ที่ตอนนี้กำลังจ้องหน้าฉันอยู่ เขากำลังไม่พอใจอะไรสักอย่าง แต่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร คงไม่ใช่เรื่องที่ฉันแต่งหน้าและลงมากินข้าวช้าหรอกใช่ไหม…

“วันนี้แหละมีคนมาส่งขนมจีบแน่ๆ หน้าม้าไม่แหว่งแล้วแถมยังแต่งหน้าสวยอีก” แม่ยิ้มมองฉัน

“กินเสร็จแล้วก็ไปสักที… ชักช้าอยู่ได้” จุนลูกขึ้นยืน เขายังไม่เลิกจ้องหน้าฉัน

“ไปเรียนนะคะแม่” ฉันหอมแก้มแม่กับพ่อคนละหนึ่งที มันเป็นธรรมเนียมของบ้านเรา ยกเว้นจุนที่เขาไม่ยอมทำตั้งแต่เริ่มขึ้นมัธยมปลาย

ฉันเดินตามจุนออกมาที่รถซึ่งจอดอยู่หน้าบ้าน ต้องบอกว่าวิ่งมากกว่าเพราะเขาน่ะเดินเร็วมาก ก็ขายาวซะขนาดนั้น เขาเปิดรถแล้วขึ้นไปนั่งอย่างไม่พูดไม่จาก่อนที่ฉันจะขึ้นไปนั่งที่เบาะข้างคนขับ

ระหว่างที่จุนขับรถออกจากบ้านฉันก็เริ่มเปิดเพลงฟัง ในรถของจุนจะมีแผ่นซีดีสะสมของเขา ฉันสามารถเลือกฟังได้ตามใจชอบ แต่สงสัยจะยกเว้นวันนี้

“ไม่ต้องเปิด” จุนพูดขึ้น

“ทำไมล่ะ” ฉันขมวดคิ้วหันมองเขา

“ฉันอยากขับรถเงียบๆ”

“แต่เค้าอยากฟังนี่ นั่งเงียบๆตั้งนานกว่าจะถึงมอ”

“ก็บอกว่าไม่อยากฟังไง” เขาไม่ชอบให้ใครมาเซ้าซี้ แต่บางทีก็ไร้เหตุผลจนน่ารำคาญ

สุดท้ายฉันก็ได้แต่นั่งถอนหายใจ มองออกไปนอกหน้าต่างจนเรามาถึงมหาลัย จุนขับรถเข้ามาจอดที่ลานจอดรถของคณะ สถาปัตย์ ฉันได้บอกไปหรือยังว่าจุนก็เรียนสถาปัตย์ด้วย เขาอยู่ปีสามน่ะเป็นรุ่นพี่ฉันปีนึง

ฉันหอบกระเป๋าวิ่งตามจุนเข้าไปในตึกเรียน ทุกครั้งที่อยู่กับจุนเราจะตกเป็นเป้าสายตา… ไม่สิ ต้องบอกว่ามีแค่เขามากกว่าที่ถูกจ้องมอง ทุกคนที่นี่รู้ดีว่าเราเป็นพี่น้องกัน นั่นทำให้ฉันพอจะเป็นที่รู้จักอยู่บ้างจากอิทธิพลของเขาน่ะ…

“เดี๋ยวก่อน” เสียงจุนเรียกฉันตอนที่เราจำลังจะแยกกันหน้าบันไดตึก

“หืม” ฉันหันไปหาเขา

“มาใกล้ๆ” เขาพยักหน้าเรียกฉัน

“มีอะไรเหรอ” ฉันเดินเข้าไปหาจุนอย่างว่าง่าย

แล้วมือหนาของจุนก็ยื่นมาปาดริมฝีปากของฉันสามสี่ทีอย่างแรง… ยังไม่พอเขาถูนิ้วโป้งของตัวเองกับมืออีกข้างแล้วเอามาถูแก้มฉัน

“ทำอะไร!” ฉันถอยห่างออกจากเขา

“ปากแดงไป… แก้มก็แดงจนน่าหงุดหงิด” พูดจบเขาก็เดินออกไปทันที ปล่อยให้ฉันมองตามอย่างสงสัยว่าเขาต้องการอะไร! ปากฉันไม่ได้แดงจนเกินไป ส่วนแก้มนี่ฉันปัดบรัชออนสีพีชมันจะแดงได้ยังไง!

“น้ำหอม!” ในตอนนั้นเอง แพรวพราวกับไข่หวานก็เข้ามาหาฉัน

“ไหนพี่จุน” ไข่หวานทำชะเง้อมองหาเขา

“ไปแล้ว” ฉันตอบสั้นๆ ก่อนจะเดินขึ้นบันได... สิ่งที่เกลียดที่สุดในตึกคณะเราคือ มัน ไม่ มี ลิฟท์!

“ฉันมาช้าไปเลยไม่ได้เห็นพี่จุน เพระแกเลยแพรว กว่าจะถอยรถเสร็จก็เกือบยี่สิบนาที” ไข่หวานหันไปบ่นแพรวพราว

“ทีหลังก็มาเรียนเองสิ ขับรถให้แล้วยังจะบ่นอีก ฉันก็ไม่ได้เจอพี่จุนเหมือนแกนั่นแหละ... ไม่รู้วันนี้จะเอากำลังใจจากไหนมาเรียน” แพรวพราวแหงนหน้ามองเพดานพร้อมใบหน้าโหยหา

น่าเบื่อสองคนนี้จริงๆ...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel