บท
ตั้งค่า

บทที่ 6 สิ่งแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่า(?)

แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องผ่านเข้ามาทางหน้าต่าง เฟิร์สค่อยๆ ปรือตาขึ้นอย่างง่วงงุมก่อนจะดันตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะสะบัดหน้าไปมาเพื่อไล่ความมึนงงที่มากกว่าปกติ

“เหมือนเมื่อคืนจะฝันแปลกแฮะ” เฟิร์สกล่าวขณะนึกถึงสิ่งที่ตัวเองเองฝัน มันเหมือนกับว่าเขากำลังว่ายน้ำเล่นอยู่ในทะเลก่อนจะโดนวาปไปกลางแม็กมาภูเขาไฟสลับกับน้ำกลางทะเลขั้วโลกเหนือ

ชักเพี้ยนเข้าไปทุกทีแล้วแฮะเรา

เฟิร์สหันซ้ายหันขวาก่อนจะสังเกตเห็นว่าห้องนี้ไม่ใช่ห้องที่เขาหลับนอนอยู่เป็นประจำ หากแต่เป็นห้องที่เขาเคยแอบดอดเข้ามาเล่นตอนเด็กๆ

‘แล้วทำไมเราถึงมานอนในห้องพี่ไมล์ได้ล่ะเนี่ย นอนละเมอเรอะ?’

“ช่างเหอะ”

ถึงแม้จะน่าสงสัยแต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่จะนำมาใส่ใจขนาดนั้น เอาไว้ไปถามเจ้าตัวเดี๋ยวก็ได้คำตอบเอง หากแต่เฟิร์สรู้สึกแปลกๆ กับเสียงที่ตนเพิ่งเปล่งออกมาเมื่อสักครู่ มันเล็กแหลมกว่าปกติเล็กน้อยจนราวกับเสียงของผู้หญิง

“หวัดกินแล้วมั้งเนี่ย”

เฟิร์สสันนิษฐานไว้ก่อนและเดินตรงไปยังห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายยามเช้า เขาตรงไปที่อ่างล้างหน้าเพื่อเริ่มแปรงฟันก่อนตามปกติ ยาสีฟันถูกบีบลงแปรงฟันก่อนที่เฟิร์สจะเงยหน้ามองภาพสะท้อนของตัวเองในเงากระจก และสิ่งที่เขาเห็นทำให้มือที่กำลังจะแปรงฟันนั้นต้องชะงัก

สะตั้นไปห้าวินาที...

สมองที่ตอนแรกยังไม่แล่นเนื่องจากเพิ่งตื่นนอนกลับมาทำงานเร็วปี๊ดด้วยระดับความเร็วพอๆ กับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่นาซ่าใช้ แต่เงาที่สะท้อนในกระจกนั้นไม่อาจทำให้สมองของเขายอมรับมันได้

“สงสัยยังไม่ตื่น”

เฟิร์สหันหลังให้กับกระจกและพยายามรวบรวมสติที่กำลังจะแตกกระเจิงก่อนจะคิดในใจ

‘ใจเย็นๆ ก่อนเฟิร์ส สิ่งที่เห็นในกระจกมันเป็นแค่ภาพลวงตา มันไม่ใช่เรื่องจริงแน่ๆ เอาละนับหนึ่งถึงหนึ่งร้อย...ไม่สิ หนึ่งพัน!’

เมื่อคิดได้ดังนั้นเฟิร์สก็หันหลังกลับไปที่กระจกและนับเลขหนึ่งถึงพันด้วยความเร็วแสงก่อนจะเบิกตาโพล่ง

ภาพของเด็กสาวหน้าตาสะสวยผิวขาวเนียนราวกับเด็กแรกเกิดปรากฏขึ้นตรงหน้า ผมสีดำสั้นถึงบริเวณต้นคอที่ตอนนี้ฟูฟ้องเนื่องจากเพิ่งตื่นจากการหลับใหล ดวงตาสีน้ำตาลพราวระยับที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่งเพราะมันเป็นดวงตาแบบเขากำลังจับจ้องสวนกลับมาด้วยความตื่นตระหนก เมื่อยกมือขึ้นหญิง สาวที่สะท้อนอยู่ในกระจกก็ยกมือขึ้นตามในเวลาเดียวกันเป๊ะๆ และเมื่อมือที่ยกขึ้นนั้นหยิกแก้มเงาที่สะท้อนก็หยิกแก้มของตนเช่นเดียวกัน...แถมความรู้สึกเจ็บที่ปรากฏก็เหมือนกับเป็นการย้ำเตือนตัวเองด้วยว่า...

นี่ไม่ใช่ฝัน...

“...”

เท่านั้นแหละครับ ซีดเลย

“ว๊ากกกกกกกกกกกก~~~!!!!!!!!!”

“อยากถามพระเจ้าจังว่าในโลกนี้มีใครยุ่งกว่าฉันอีกไหม” อิกดราซิลบ่นขณะกำลังพรมนิ้วมือลงบนคีย์บอร์ดเป็นพัลวัน

หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเขาก็ยังไม่ได้หลับเลย ต้องติดต่อประสานงานกับแม่เรื่องเด็กสาวปริศนาที่โผล่ขึ้นมาในห้องและตัวของเฟิร์สที่หายไป...ซึ่งพอคุยกับแม่ได้สักพักก็พอจะเดาได้แล้วล่ะว่าเกิดอะไรขึ้น เหลือแค่รอให้เด็กสาวตื่นขึ้นมาเพื่อยืนยันข้อสันนิษฐานของเขาเท่านั้น

ระหว่างนั้นเองบริษัทที่ไมล์ทำงานก็ดันมีงานด่วนเข้ามาพอดี ส่งผลให้เขาต้องมานั่งอยู่หน้าคอมตอนนี้ในสภาพขอบตาดำเป็นแพนด้า

‘อ่ะ ภาพเริ่มเบลอแล้วแฮะ’

ไมล์จำเป็นต้องหยุดมือกำลังเขียนโปรแกรมอยู่และนวดตาที่ร้อนผ่าวและหนักอึ้งเพราะไม่ได้พักผ่อน อีกมือก็ยื่นไปยกแก้วกาแฟที่เย็นชืดแล้วขึ้นมาดื่ม

“ว๊ากกกกกกกกกกกก~~~!!!!!!!!!”

พร๊วด~!

เสียงกรีดร้องของเด็กผู้หญิงดังขึ้นมาจากชั้นสองทำเอาเขาสะดุ้งสุดตัวจนสำลักกาแฟที่เพิ่งดื่มออกมาเต็มหน้าจา เขารีบหยิบกระดาษทิชชูที่ตั้งอยู่บนโต๊ะคอมขึ้นมาเช็ดหน้าจอเพื่อไม่ให้น้ำเข้าไปในเครื่องจนเกิดอาการช็อตทำให้เขาต้องเสียเงินซื้อหน้าจอใหม่โดยใช่เหตุ

“เกิดอะไรขึ้นอีกล่ะเนี่ย?” ไมล์รีบวิ่งขึ้นไปชั้นสองและก็พบกับเด็กสาวคนนั้นกำลังยืนชี้หน้าตัวเองในเงากระจกด้วยอาการช็อคเบิกตากว้าง

“นี่...เธอเป็นอะไรรึเปล่า” ไมล์เดินเข้าไปเขย่าตัวสาวน้อยปริศนาเบาๆ ซึ่งดูเหมือนจะได้ผล เธอค่อยๆ หันมามองหน้าเขาราวกับหุ่นยนต์ที่ไม่ได้หยดจาระบีมาเป็นปีพร้อมกับใบหน้าที่ซีดเผือด

“พ...พี่ ทำไมผมถึงกลายเป็นแบบนี้ได้ล่ะ!อ...ไอ้นั่นที่ควรมีมันก็ไม่มีแล้วอ้ะ!!”เธอพูดเสียงสั่น มือลูบไปบริเวณใต้สะดือก็พบว่ามันเรียบสนิทอย่างที่ไม่ควรจะเป็น แถมพอเอื้อมมือไปจับหน้าอกตัวเองที่เคยแบบราบกลับมีก้อนเนื้อท้องสองก้อนที่ขนาดประมาณคัพเอเกือบบีงอกออกมาโดยไม่ทราบสาเหตุ

ไมล์ที่เห็นการกระทำนั้นพลันหน้าแดงขึ้นมากะทันหัน เขาเบือนหน้าหนีก่อนที่เส้นบางอย่างในสมองเขาจะขาดผึ่ง

“ละ..แล้วไอ้หน้าอกนี่ทำไมถึงบวมขึ้นมาได้ล่ะ ซิกแพ็คที่ภาคภูมิใจของผมก็หายไปไหนไม่รู้ หรือว่าพี่ทดลองอะไรเพี้ยนๆ กับผมน่ะ?”

“จะบ้าเรอะ ไอ้พวกสารเคมีเนี่ยมีแค่แกกับแม่เท่านั้นแหละที่เล่นน่ะ” ไมล์ตะคอกกลับอย่างลืมตัว ทั้งการกระทำและคำพูดของหญิงสาวตรงหน้ารวมถึงลักษณะนิสัยการพูดเป็นข้อยืนยันอย่างชัดเจนว่าเด็กสาวตรงหน้านั้นเป็นน้องของเขานั่นเอง

“ก่อนอื่นเลย อาบน้ำและแต่งตัวดีๆ เรามีเรื่องต้องคุยกันอีกยาว...เฟิร์ส”

ซู๊ดด~

เฟิร์สในชุดเสื้อเชิ้ตที่กับกางเกงยีนที่ค่อนข้างหลวมแปลกๆ นั่งซดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหลังจากอาบน้ำกว่าครึ่งค่อนชั่วโมง (เพราะยังไม่อาจทำใจกับร่างกายใหม่ได้) อยู่ในห้องรับประทานอาหารโดยมีไมล์กำลังนั่งสอบปากคำอยู่ตรงกันข้าม

“สรุปคือ...หลังจากที่นายกลับเข้าแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากนั่งทำโปรเจ็คกับเล่นคอม?”

“ครับ”

“ซึ่งหลังจากนั้นแกก็เข้านอนโดยปกติโดยไม่ได้ทำอะไรอีกเลยนอกจากที่กล่าวมา ถูกต้องใช่ไหม?”

“ครับ”

“โกหก!!”

“บอกไปกี่ครั้งแล้วอ่ะว่าไม่ได้โกหกอ่ะพี่ไมล์! วันนั้นทั้งวันยังไม่ได้เข้าห้องทดลองเลยด้วยซ้ำ อีกอย่างนี่ก็ถามคำถามเดิมๆ เป็นครั้งที่ห้าแล้วพี่ไม่เบื่อบ้างหรือไงฮ้า~!!”เฟิร์สในร่างสาวน้อยตะโกนขึ้นอย่างเหลืออดก่อนจะดิ่งไปยังโซฟาในห้องรับแขกและสะบัดหน้างอนซะอย่างนั้น...แม้ว่าการกระทำนั้นในสายตาของไมล์มันจะน่ารักมากเลยก็ตาม

ไมล์เองก็เหนื่อยที่จะซักไซ้ถามแล้วเหมือนกัน ความเหนื่อยล้าที่สะสมทำเอาเขาอยากจะเลื่อนตัวลงไปนอนซะเดี๋ยวนี้

ไหนจะเหตุการณ์ประหลาดๆ ที่เกิดขึ้นในห้องนั้นอีก

“เอาเป็นว่าพี่จะไม่ถามอะไรอีกแล้วละกันนะ แต่ว่าเดี๋ยวอีกไม่นานจะมีคนมารับเรา ระหว่างนั้นก็เตรียมของที่จำเป็นไว้ด้วยเพราะเธอจะไม่ได้กลับมาที่บ้านอีกนานเลย”

คำพูดของไมล์ทำเอาเฟิร์สชะงักลืมความงอนก่อนหน้านั้นไปซะสนิทและหันมาถามไมล์ด้วยความสงสัย

“ใครจะมารับผมอ่ะ แล้วรับไปทำไม? ที่ไหน?”

“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คนที่จะมารับเป็นคนของแม่น่ะ” "

“แม่เหรอ?!” เฟิร์สถึงกับตะโกนลั่นเมื่อไมล์เอ่ยถึงบุคคลที่ไม่ได้เจอหน้ามาเป็นปีๆ

“จำได้ไหมว่ามีทำงานอยู่บริษัทยาที่ต่างประเทศน่ะ ดูเหมือนทางนั้นเองก็อยากศึกษาว่ามันเกินอะไรขึ้นกับร่างกายของนายกันแน่...อย่างน้อยมันก็ยังมีหนทางรักษามากกว่าอยู่ที่บ้านเปล่าๆ ล่ะนะ” ไมล์ยักไหล่ “ระหว่างนั้นก็อย่าออกเที่ยวเล่นที่ไหนล่ะ ส่วนเรื่องโรงเรียนกับวิลเดี๋ยวพี่จะจัดการเอง ไม่ต้องห่วงหรอก”

“ครับ” เฟิร์สขานรับเงียบๆ ก่อนจะเดินขึ้นห้องของเขาไป

ไมล์มองตามแผ่นหลังเล็กๆ ของน้องชาย (?)ตัวเองด้วยความรู้สึกประหลาดๆ อย่างบอกไม่ถูก

“เอ...ปกติมันเชื่องง่ายขนาดนี้ด้วยเหรอ?”

บรื้นนนนน!!!!

มันไม่เชื่องจริงๆ ด้วยโว้ยยยยยย!!!!

ไมล์ที่กำลังเขียนโปรแกรมอยู่สะดุ้งเฮือกและรีบวิ่งไปที่ประตูบ้าน เขามองเงาแว็บๆ ของรถซีบีอาร์ประจำตัวน้องชายตัวแสบบึ่งออกไปด้วยอาการอ้าปากค้าง

“เวร”

ง่า...แบบว่า...มีของสำคัญต้องไปเอาอ่ะนะ

เฟิร์สบึ่งรถคู่ใจออกจากบ้างพลางขอโทษพี่ชายในใจ แต่ก็นะ เจ้าตัวบอกว่าให้เก็บของจำเป็นเพราะจะไม่ได้อยู่บ้านอีกนานนี่นา

เขาขับรถไปตามถนนเรื่อยๆ จนออกจากตัวเมืองก่อนจะจอดที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านที่ค่อนข้างใหญ่แต่กลับส่งบรรยากาศไม่รับแขกออกมาอย่างเห็นได้ชัด

“ยังอารมณ์เหมือนบ้านผีสิงไม่เปลี่ยนเลยนะ”

เฟิร์สกล่าวก่อนที่จะลงจากรถและเดินตรงไปยังกริ่งหน้าประตูรั้วและกดเป็นจำนวนห้าครั้ง รอไม่นานเสียงตอบกลับจากดอร์โฟนก็ดังขึ้น

“ใคร”

เวลาแบบนี้ก็ต้องโค้ดลับสินะ

“คนส่งหนังสือพิมพ์”

“เข้ามา”

ประตูเลื่อนเปิดให้ด้วยระบบอัตโนมัติ เฟิร์สเดินข้าไปในบ้านที่ภายในตกแต่งไปด้วยโทนสีขาวสลับกับดำแบบตารางหมากรุก จนกระทั่งมาถึงห้องนั่งเล่นบริเวณชั้นสองซึ่งคนที่เขามาหานั้นมักจะนั่งเล่นอยู่ประจำ

“หืม? ใครน่ะ”เสียงแหบแห้งดังขึ้นเรียกความสนใจของเฟิร์สที่กำลังมองของประดับต่างอยู่ เมื่อเขามองตามไปก็พบกับชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบเอ็ดปีกำลังจิบกาแฟโดยที่อีกมือหนึ่งถือแท็บเล็ตที่เปิดนิตยสารบางอย่างอยู่จับจ้องมองมาที่เขาด้วยความเคลือบแคลงใจ

“หรือว่าจะเป็นคนส่งหนังสือพิมพ์จริงๆ? ...ไม่น่าใช่ ประเทศเราไม่ยอมลงทุนขนาดจ้างคนแจกหนังสือพิมพ์หรอก”

“ก็..ไม่ได้เป็นจริงๆ นั่นแหละ คือฉัน...ไม่สิ เฟิร์สฝากมารับของที่ตกลงกันไว้เมื่อคืนน่ะ”ถึงแม้จะพูดตะกุกตะกักเพราะต้องหลีกเลี่ยงประเด็นที่ร่างกายเขาเปลี่ยนไป

ชายคนนั้นที่ได้ยินก็เลิกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยถามขึ้น

“รหัส?”

“Overdrive Fever (โอเวอร์ไดรฟ์ ฟีเวอร์)” เฟิร์สกล่าวรหัสที่มีเพียงคนสองคนเท่านั้นที่รู้คือเขากับชายตรงหน้า

ชายหนุ่มก็พยักหน้าก่อนจะเดินเข้าไปในห้องและกลับมาพร้อมกับกล่องโลหะใบหนึ่ง เขาวางมันลงบนโต๊ะกระจกก่อนจะพูดขึ้น

“ฝากบอกหมอนั่นด้วยล่ะว่าไอ้นี่น่ะมันยังเป็นแค่ตัวต้นแบบที่ยังไม่ได้รับการปรุงแต่งอะไรเลย ยังไม่ได้ทดลองกับคนแต่หนูทดลองทุกตัวไม่สามารถรับฤทธิ์ของยาไหว ฉันช่วงได้เท่านี้”

เฟิร์สพยักและยื่นไปที่กระเป๋าแต่ชายตรงหน้าก็กดกระเป๋าไว้เป็นเชิงบอกว่ายังไม่ให้ของตรงหน้า

“หวังว่าหมอนั่นคงจะให้ค่าจ้างที่ตกลงกันไว้มาด้วย”

ได้ยินดังนั้นเฟิร์สก็ล้วงกระเป๋าก่อนจะยื่นซองบางอย่างให้กับชายหนุ่ม เขารับไปก่อนจะเปิดดูของข้างในและเผยรอยยิ้มด้วยความยินดี

“ไอ้นี่แหละที่ฉันหามานาน”

“ถ้าไม่มีปัญหาอะไรแล้วงั้นฉันขอตัวก่อนนะ”

“ตายสบาย” ชายหนุ่มโบกมือเป็นสัญญาณไล่แขก เฟิร์สที่หันดังนั้นก็เดินออกจากบ้านไปด้วยความฉงนสนเท่ห์

“ถึงจะเป็นของที่ค่อนข้างหายากจริงๆ ก็เถอะ แต่ว่ามันมีค่าเท่ากับงานวิจัยระดับก่อสงครามได้เลยเหรอ? ไอ้บัตรวีไอพีคอนเสิร์ตของLiSAเนี่ย?”

เฟิร์สถอนหายใจก่อนจะขึ้นควบมอเตอร์ไซต์

“ช่างเหอะ เรื่องความชอบของแต่ละคนมันก็ห้ามกันไม่ได้นะ” เขายิ้มก่อนจะบึ่งรถไปยังสถานที่ต่อไป

ยังมีอีกหลายที่ที่เขาต้องแวะ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel