VALUNA สมาพันธ์คนเหนือมนุษย์

299.0K · จบแล้ว
ICreator
138
บท
3.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เรื่องราวของเด็กชายที่ตื่นขึ้นและพบว่าตัวเองนั้นกลับกลายเป็นผู้หญิงไปแล้ว หลังจากนั้นความซวยและเหตุการณ์เหนือธรรมชาติก็พาเหรดเข้ามาราวกับขบวนในงานตรุจีน ชีวิตที่ไม่ธรรมดาอยู่แล้วกลับยิ่งเจอเรื่องมหัศจรรย์พันธุ์ลึกเข้าไปอีก เมื่อถูกลากตัวเข้าไปอยู่ใจกลางของมหากาฬที่ดำเนินมานับสหสวรรษ ติดตามเรื่องราวสุดแฟนตาซีบ้าดีเดือดของเหล่าหนุ่มสาวได้ใน วาลูน่า สมาพันธ์คนเหนือมนุษย์

นิยายแฟนตาซีนิยายปัจจุบันกัปตันตลกพลิกชีวิตนางเอกเก่งนักฆ่าแฟนตาซี พระเอกเก่ง

บทนำ

มีเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้แต่ไม่ได้ถูกบันทึกลงในหน้าประวัติศาตร์ มันมีหลากหลายเหตุผลที่ทำให้มันเป็นอย่างนั้น บ้างถูกบิดเบือนและเขียนทับใหม่โดยผู้ชนะ บ้างหายสาบสูญไปตามกาลเวลา บ้าง..ถูกปิดบังไว้จากประวัติศาสตร์โลกเพื่อรักษาความสงบสุขเอาไว้

หน้าประวัติศาสตร์ที่ถูกปิดบังไว้นั้นบันทึกเรื่องราวหนึ่งไว้ เรื่องราวของยุคมืดที่ทุกชีวิตบนโลกถูกตามล่าโดยบางอย่างที่พวกเขาไม่รู้จัก พวกมันโหดเหี้ยม ดุร้ายยิ่งกว่าสัตว์ป่าและมีชีวิตอยู่เพื่อฆ่า ฆ่าทุกอย่างที่ขวางหน้าพวกมัน โลกอันแสนสงบสุขลุกเป็นไฟโดยมีวิญญาณของผู้ตายเป็นเชื้อไฟ ผู้คนใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัวไม่ต่างกับกระต่ายที่หลบอยู่ในรู

ก่อนที่ความหวังจะสูญสิ้น คนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันขึ้นเพื่อต่อต้านความตายที่จะพรากทุกชีวิตภายใต้ธงแห่งสงคราม นำโดยผู้นำแห่งหกอาณาจักรซึ่งเป็นที่รักยิ่งของเทพีแห่งจันทรา

ผู้ถือครองจิตวิญญาณแห่งเปลวเพลิง บุรุษจากดินแดนปีศาจทางทิศตะวันออก

ผู้ถือครองจิตวิญญาณแห่งสายน้ำ หญิงสาวจากเกาะอัญมณีแห่งท้องทะเล

ผู้ถือครองจิตวิญญาณแห่งสายลม เด็กหนุ่มจากดินแดนน้ำแข็งทางตอนเหนือ

ผู้ถือครองจิตวิญญาณแห่งผืนดิน นักรบแดนมังกร

ผู้ถือครองจิตวิญญาณแห่งพฤกษา ราชินีแดนทะเลทราย

ผู้ถือครองจิตวิญญาณแห่งสายฟ้า ธิดาแห่งบริเตน

พวกเขาถูกเรียกโดยรวมว่า ผู้ถือครองจิตวิญญาณแห่งธรรมชาติ

ผู้ที่เสนอแผนโต้กลับคนแรกคือธิดาแห่งบริเตน เธอได้รวบรวมพันธมิตรทุกเผ่าพันธุ์มารวมตัวกันเพื่อความอยู่รอดของทุกชีวิตภายใต้ธงรูปปีกและจันทร์เสี้ยว และนามของเทพี

สมาพันธ์วาลูน่า

การตอบโต้เหล่าอสุรกายได้เริ่มขึ้น พวกเขาปรึกษาหาวิธีรับมือที่เหมาะสม ค้นหาต้นต่อแห่งหายนะและสามารถจัดการอหังการผู้นำกองทัพแห่งความตายลงได้...แม้ว่าในบทสุดท้ายจะแลกมาด้วยความตายของพวกเขาเอง

ถึงอย่างนั้นความสงบสุขที่แท้จริงก็ยังไม่กลับคืนมา เพราะว่าต้นตอแห่งการทำลายล้างนั้นยังไม่ได้หายไป และจอมอหังการจะกลับมาอีกครั้งเมื่อถึงเวลา

สงครามไม่อาจจบลงในยุคสมัยของพวกเขาเนื่องจากอายุขัยที่มีอย่างจำกัดของมนุษย์ มันสั้นเกินกว่าที่จะยุติหายนะในครั้งนี้ได้ หายนะที่จะสืบต่อกันเป็นเวลากว่าสหศวรรษ

สิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้ก่อนสิ้นลมคือการสร้างทางเดินให้แก่รุ่นต่อไป กลไกสืบทอดจิตวิญญาณแห่งธรรมชาติได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อไม่ให้พลังนี้สูญหายไปเมื่อผู้ครอบครองสิ้นชีวิต มันจะแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานและถ่ายทอดให้กับผู้ที่สามารถถือครองมันได้ หรือไม่ก็สืบทอดทางสายเลือดให้แก่บุตรหลานของผู้ถือครอง

เมื่อการเวลาผ่านไป สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ยุคสมัยเปลี่ยนแปลง ความสงบสุขสู่สงคราม สงครามสู่ความสงบสุข บาดแผลกลายเป็นประสบการณ์ในการก้าวต่อไปข้างหน้า การลองผิดลองถูกสู่เส้นทางใหม่ที่ถูกเปิดออก ผูกมิตรกับศัตรูของศัตรู การหักหลังช่วงชิง ความสำเร็จและความล้มเหลวนำพาพวกเขามาสู่จุดนี้

จุดที่สมาพันธ์วาลูน่าสามารถยืนหยัดเหนือกองทัพแห่งความตายได้

สามพันปีต่อมา สมาพันธ์วาลูน่ากลายเป็นเบื้องหลังความความสงบสุขในปัจจุบัน พวกเขาดำเนินภารกิจอย่างลับๆโดยมีเหล่าผู้มีอิทธิพลทั่วโลกสนับสนุนทำให้พวกเขาก้าวหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดก็สามารถป้องกันการสูญเสียจากศัตรูได้มากขึ้น ความสงบสุขเริ่มกลับมาอีกครั้ง

แต่นั่นก็ยังเป็นเพียงเป้าหมายย่อยเท่านั้น เป้าหมายหลักที่แท้จริงของพวกเขายังไม่สำเร็จ แม้จะใช้เวลาเป็นสหศวรรษก็ตาม...

ฟันเฟืองแห่งชะตากรรมค่อยๆเคลื่อนไปอย่างเชื่องช้า จวบจนกระทั่งหน้ากระดาษได้ถูกขีดเขียนเรื่องราวของคนๆหนึ่ง

“ผู้ขับเคลื่อนฟันเฟืองนิดนิรันดร์”

ผู้ที่จะขับเคลื่อนฟันเฟืองที่ฝืดเคืองให้หมุนเร็วยิ่งขึ้น...แม้มันจะหมุนเร็วเกินไปจนทำให้เครื่องจักรพังทลายก็ตาม

มือที่กำลังเขียนบันทึกข้อความลงในหนังสืออยู่หยุดชะงัก มืออีกข้างยกขึ้นเตะบริเวณตาขวาซึ่งถูกกั้นไว้ด้วยผ้าพันแผลสีแดงเปื้อนเลือด ภาพที่เห็นผ่านตาขวาปรากฏภาพสถานที่หนึ่งขึ้นมา สถานที่ซึ่งมีเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ติดตั้งไว้และถูกควบคุมโดยเด็กผู้ชายวัยประมาณสิบสองถึงสิบสามปี

จู่ๆร่างของเด็กหนุ่มก็สะดุ้งเฮือก เขาหันซ้ายหันขวาเหมือนกับกำลังหาต้นตอของสิ่งผิดปกติอยู่ แต่เมื่อไม่พบอะไรก็ส่ายหน้าและลูบตัวด้วยความขนพองสยองเกล้า

“หวังว่าคงไม่มีพลังงานอยู่แถวนี้นะ บรื๋อ~”