บทที่ 4 การต่อสู้ครั้งสุดท้าย
อิกดราซิลกล่าวก่อนจะเค้นพลังเฮือกสุดท้ายของเขาสร้างกำแพงไม้ขึ้นมากันการโจมตีของไททันติคอร์ เมื่อใช้พลังจนหมดแล้วอิกดราซิลก็ไม่เหลือแรงจะขยับได้อีก เก็นมะที่เป็นคนมีแรงมากที่สุดแบกอิกดราซิลขึ้นไหล่ก่อนที่ทุกคนจะวิ่งไปยังจุดที่เขาจอดยานพาหนะเอาไว้
แต่ก็ใช่ว่าจะสามารถหนีได้ เพราะด้วยขนาดตัวที่ใหญ่ทำให้การไล่ตามมนุษย์ตัวจ้อยอย่างพวกเขานั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดายราวกับมนุษย์ที่เดินแข่งกับมด
วินเทอร์ใช้พลังของเขาปลอมความรู้สึกของทุกคนว่าเขายังคงวิ่งตามอยู่แม้ว่าตัวจริงของเขาจะหยุดวิ่งลงแล้วก็ตาม สถานการณ์นี้จำเป็นต้องมีคนที่คอยถ่วงเวลาไว้เพื่อให้คนอื่นสามารถหนีรอดไปได้ ซึ่งใครคนนั้นก็ควรจะเป็นเขาที่ยังพอมีพลังหลงเหลืออยู่ แม้ว่าผลสุดท้ายมันจะหมายถึงความตายก็ตาม
สายตาของเขามองแผ่นหลังของสหายที่วิ่งไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้มเศร้าๆ นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้ทำแบบนั้น ให้จิตวิญญาณของเขาได้จนจำความรู้สึกดีๆ ทั้งหมดไว้
“คิดว่าจะถ่วงเวลาคนเดียวเหรอ?” เสียงที่ไม่คาดว่าจะได้ยินดังขึ้น วินเทอร์หันขวับก็พบกับไลร่าที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ
“ทำไม..? ”
“ฉันก็ไม่เหลือแรงที่จะวิ่งไปถึงแอร์ไรด์แล้วล่ะ แล้วก็ใครจะทิ้งให้แฟนตัวเองต้องอยู่เพียงลำพังล่ะ” ไลร่ากล่าวอย่างนั้นก่อนที่รอยยิ้มของเธอจะจางหายไป “เอาจริงๆ ฉันโกรธมากเลยที่นายทำแบบนี้นะ คิดจะปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียวอย่างนั้นเหรอ? ”
“ขอโทษ...”
“ยกโทษให้! เพราะแฟนของฉันน่ารักที่สุดยังไงล่ะ”ว่าแล้วก็แกะแขนวินเทอร์และหอมแก้มฟอดหนึ่งจนผู้ที่ถูกกระทำนั้นหน้าขึ้นสี
ตึง!!!!!
ทั้งคู่หันขวับไปมองต้นตอของเสียงก็พบว่าไททันติคอร์ทั้งสามตัวอยู่เบื้องหน้าของพวกเขาแล้ว อาวุธประจำตัวถูกเรียกออกมาไว้ในมือ
“วินเทอร์ ถ้านายได้กลับไปสมาพันธ์นายจะทำอะไรเป็นอย่างแรกเหรอ” ไลร่าเอ่ยถามขึ้น
“ขอเธอแต่งงาน”
คำตอบของชายตรงหน้าทำให้หญิงสาวหน้าขึ้นสีแทน ก่อนจะหัวเราะและยิ้มด้วยความดีใจ
“เพราะอย่างนี้ไงฉันถึงรักนายที่สุด”
เวลาล่วงเลยผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว
“พวกนั้นหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่” อิกดราซิลพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเพราะข่มอารมณ์ของตัวเองไว้
“ไม่รู้ จนถึงเมื่อสักครู่ฉันยังรู้สึกอยู่เลยว่าพวกนั้นวิ่งตามมาอยู่เลย” เก็นมะตอบกลับ เขาเองก็ข่มอารมณ์ที่พร้อมจะปะทุ ถ้าไม่ติดว่าเขาต้องรับผิดชอบชีวิตของอิกดราซิลอยู่ไม่แคล้วได้ดิ่งกลับไปฟัดกับไททันติคอร์ให้ตายกันไปข้าง
ทำไม
ทำไมทุกอย่างมันผิดเพี้ยนจากที่คาดการณ์ไปหมด!
ฮูมมมมมมม!!!
เสียงคำรามของไททันติคอร์ดังไล่หลังมาพร้อมๆ กับเงาร่างขนาดใหญ่ที่เคลื่อนตัวผ่านถ้ำธุลีของภูเขาไฟกรากะตัว
ดูเหมือนทั้งสองคนนั้นจะถ่วงเวลาให้ได้มากที่สุดเท่านี้...
เพิร์ลกัดฟัน คำนวณจากสถานการณ์ในตอนนี้พวกเขาคงไปถึงแอร์ไรด์ได้ทันแต่ก็คงไม่แคล้วโดนมันสอยเข้าให้
เสียสละไปสองคงไม่พอสินะ
“ดูเหมือนว่า ฉันคงไปกับพวกนายไม่ได้แล้วล่ะ”
คำพูดของเพิร์ลทำให้อิกดราซิลเบิกตากว้าง เขากัดฟันก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ราวกับคำราม
“อย่าแม้แต่จะคิดนะเว้ย!”
“ไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ ขอโทษด้วย”
ปืนดีเซิร์ทอีเกิ้ลประจำตัวถูกชักขึ้นก่อนจะยิงไปที่หัวของอิกดราซิล กระสุนเวทมนตร์ที่ส่งผลให้ผู้ที่ถูกโดนหลับใหลทำงานทันที ตาที่เบิกโพลงของเขาปิดลงด้วยผลของเวทมนตร์ไม่ปล่อยโอกาสให้เจ้าตัวได้โต้เถียงอีก
“ภูมิต้านทานเวทมนตร์ของหมอนี่ค่อนข้างสูง รีบพาไปก่อนที่เขาจะตื่นเถอะเก็นมะ”
“นายคิดดีแล้วใช่ไหมเพิร์ล? ...”
เก็นมะถามย้ำการตัดสินใจของเขา ซึ่งเจ้าตัวก็พยักหน้าและเผยรอยยิ้ม
“เอาจริงๆ ฉันก็มีหนี้อยู่ที่สมาพันธ์ไว้เยอะเลยล่ะ ไม่ตายตอนนี้ชีวิตก็คงอยู่เพื่อใช้หนี้ล่ะนะ” ว่าแล้วเขาก็เช็คสัมภาระทั้งหมดเพื่อประเมินกำลังต่อสู้ของตน “เรื่องพินัยกรรมไม่ต้องห่วง ทรัพย์สินที่ไม่ได้ผูกกับหนี้ฉันโอนให้อิกดราซิลแล้วล่ะ”
แม้จะพูดติดตลกแต่ทุกคำพูดของเขาแสดงถึงการตัดสินใจที่แน่วแน่ เก็นมะเคารพการตัดสินใจของคนตรงหน้าและออกตัววิ่งไปที่แอร์ไรด์ด้วยแรงทั้งหมดเท่าที่เขามี
“นี่คงเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของฉันสินะ” เพิร์ลรำพึงกับตัวเอง น่าแปลกที่ไม่มีความกลัวปรากฏขึ้นในหัวใจของเขาเลย นี่สินะที่เขาเรียกว่าการปล่อยวางก่อนที่ชีวิตจะดับสูญน่ะ
ดวงตาสีแดงขอไททันติคอร์จับจ้องมาที่เพิร์ลผ่านหมอกควันของภูเขาไฟก่อนที่เสียงคำรามดังก้องพร้อมกับคลื่นพลังที่แผ่ขยายออกมาจะพัดหมอกควันรอบตัวในระยะสามร้อยเมตรกระจายหายไปทำให้ทัศนวิสัยโล่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เหลือตัวเดียว?ทำหน้าที่ได้ดีถึงหยดสุดท้ายจริงๆ สองคนนั่น....
“ดีล่ะ คราวนี้ถึงทีฉันสร้างผลงานบ้าง!”
ดวงตาสีแดงเลือดของมันจ้องมองเพิร์ลด้วยแววตาบ้าคลั่ง มันทุ่มแขนที่เหมือนค้อนปอนด์ใส่เขา การเคลื่อนไหวที่ไร้ซึ่งความซับซ้อนทำให้เขาสามารถอ่านออกและกระโดดหลบออกมาด้านข้างก่อนจะเหนี่ยวไกปืนยิงกระสุนแบบเจาะเกราะใส่อสุรกายร่างยักษ์
พลังทำลายของปืนดีเซิร์ทอีเกิ้ลที่ถูกสร้างมาอย่างพิเศษทำให้มีพลังทำลายไม่น้อยหน้าปืนสไนเปอร์กลับไม่อาจทะลวงเข้าร่างเนื้อของมันได้ เพิร์ลเดาะลิ้นขัดใจก่อนจะเปลี่ยนกระสุนปืนเพื่อเปลี่ยนกลยุทธ์
“หนังเหนียวแบบนี้ต้องเจอแบบพิเศษหน่อย” ว่าแล้วเขาก็รวบรวมพลังเวทย์เข้าไปในกระสุน
ไททันติคอร์ไม่ปล่อยโอกาสให้เพิร์ลได้ทำในสิ่งที่เขาหวัง มันกวาดมือที่โดยไม่ยั้งแรงสร้างคลื่นแหวกอากาศจนตัวเขาสัมผัสได้ เพิร์ลที่เห็นดังนั้นก็กระโดดขึ้นสูงสิบเมตรหลบค้อนนั้นได้อย่างเฉียดฉิว และด้วยความชำนาญการทำให้เขาสามารถบรรจุเวทย์ลงไปในกระสุนได้ในเวลาเดียวกัน
เขาเล็งไปที่ลำตัวของไททันติคอร์ก่อนจะเหนี่ยวไก กระสุนเจาะเกราะเคลือบด้วยพลังเวทย์เยือกแข็งถูกยิงออกมาจากรังเพลิงพุ่งเข้าเต็มกลางออกของมันอย่างจัง ความเย็นจากเวทย์แช่แข็งเนื้อเยื้อบริเวณนั้นก่อนจะแตกออกกลายเป็นเกล็ดละออง
มันร้องด้วยความเจ็บปวด เพิร์ลที่เห็นว่าการโจมตีของตัวเองได้ผลจึงเริ่มอัดเวทย์ลงกระสุนอีกครั้ง
เจ้าไททันติคอร์พอได้รับบาดเจ็บมันก็โมโห มือทั้งสองข้างของมันปรากฏวงเวทย์ขึ้น การกระทำของมันทำให้เพิร์ลถึงกับตาเบิกโพลง
“มันใช้เวทย์ได้ด้วยเหรอเนี่ย?! ”
ถ้าปล่อยไว้แบบนี้เห็นท่าจะไม่ดีเขาเลยเหนี่ยวไกยิงปืนใส่รัวๆ แต่ไททันติคอร์ก็ไม่ได้โง่ขนาดรอยืนรับกระสุนแบบนั้น ปีกสีดำสยายออกและบินขึ้นสู่ท้องฟ้าออกนอกระยะการยิงของปืน
เพิร์ลที่เห็นดังนั้นทำได้เพียงอ้าปากค้าง ไม่คิดว่าปีกนั่นจะแบกน้ำหนักตัวของมันไหว ผ่านไปสักพักเขาก็เห็นมันดิ่งลงมาด้วยท่าซูเปอร์แมนพร้อมกับวงเวทย์ที่ฉายเด่นเป็นสง่า
“เมย์เดย์! เมย์เดย์! เครื่องบินตกโว้ย มาทางนี้ด้วยเวรแล้วไง!!!”
เพิร์ลรีบกระโดดหลบให้ไกลที่สุดเท่าที่ขาทั้งสองของเขาจะทำได้ พื้นดินโดยรอบแตกกระจายเป็นวงรอบรัศมีสองร้อยเมตรแถมยังมีหอกดินจำนวนนับไม่ถ้วนที่เกิดจากเวทย์ของมันด้วย เพิร์ลที่โดนทั้งคลื่นจากแรงกระแทกทำให้เขาเสียการทรงตัวไม่อาจหลบหอกดินนั้นได้ทำให้ถูกเสียบเข้ากลางท้องอย่างจัง
ความเจ็บปวดเจียดตายแทรกเข้ามาในโสตประสาทหากแต่อวัยวะภายในถูกทำลายไปหลายส่วนทำให้เขาไม่อาจเปล่งเสียงร้องออกมาได้อย่างที่ควร สิ่งที่เขาทำได้มีเพียงกรอกสายตามองไททันติคอร์ที่ค่อยๆ เคลื่อนกายเข้ามามองเหยื่อของมันด้วยความดูแคลน
จะจบแบบนี้เหรอ?
ภาพของอิกดราซิลและเก็นมะแทรกเข้ามาในโสตประสาท
ถ่วงเวลาไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ แบบนี้มันตามทันแน่...ปล่อยไว้ไม่ได้...
“อย่างน้อยก็ต้องลากแกไปด้วย” เพิร์ลเบิกตาขึ้น เขาตัดสินใจเริ่มใช้เวทย์บทหนึ่งที่เขาได้รับมาตั้งแต่เข้าสมาพันธ์แรกๆ
ไอเย็นยะเยือกไกลออกมาจากตัวของเขาจนพื้นดินรอบๆ ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งเพราะน้ำในอากาศถูกแช่เย็น เจ้าไททันติคอร์ที่กำลังจะเคลื่อนตัวไปหาอิกดราซิลกับเก็นมะพลันต้องชะงักเมื่อสัมผัสได้ถึงอันตรายจากศัตรู สัญชาตญาณของมันร้องเตือนถึงภัยอันตรายแบบที่ชีวิตของมันไม่เคยเจอมาก่อน มันชกตัวของเพิร์ลซ้ำจนแหลกและไม่เหลือสภาพเดิมแม้แต่น้อย เสียงกู่ร้องแห่งชัยชนะของมันดังไปทั่วเกาะเมื่อจัดการตัวอันตรายได้แล้ว
หากแต่ไม่นานมันก็เบิกตากว้างเมื่อไอเย็นที่ไหลออกมาจากศพของเพิร์ลนั้นยังไม่หยุด ถามยังทวีเพิ่งขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่เศษเนื้อที่ติดอยู่บนกำปั้นของมันก็เกิดไอเย็นแบบเดียวกัน ความหนาวเย็นที่กัดกินร่างกายแช่แข็งเนื้อเยื่อและด้วยน้ำหนักตัวที่มากทำให้น้ำแข็งไม่อาจคงสภาพไว้ได้ ร่างกายของมันค่อยๆ แตกลงทีละส่วนๆ เริ่มจากกำปั้นและลามขึ้นไปเรื่อยๆ
“เห็นแบบนี้ค่อยคุ้มค่าหน่อยที่อุตส่าห์นั่งท่องบทเวทย์เป็นเดือน”
ไททันติคอร์มองไปยังต้นเสียงก็พบภาพของเพิร์ลที่ครบสามสิบสองมองมาที่มันด้วยแววตาสนุกสนาน มันเห็นดังนั้นก็ใช้มืออีกข้างที่เหลืออยู่กระหน่ำชกใส่เพิร์ลไม่ยั้ง หากแต่ร่างนั้นกลับไม่เป็นอะไรเลยแถมไม่รู้สึกถึงสัมผัสราวกับเป็นภาพมายา
“ถึงแกชกจนมือหักก็ทำอะไรไม่ได้หรอก ในเมื่อร่างนี้เป็นเพียงแค่วิญญาณไร้ตัวตนเท่านั้น”
เวทมนตร์ที่เขาใช้งานเมื่อสักครู่เป็นมหาเวทย์ต้องห้ามที่ไม่อาจหยุดได้เมื่อเริ่มใช้งาน สิ่งที่ต้องแลกเปลี่ยนคือชีวิตและจิตวิญญาณของผู้ใช้ เป็นมหาเวทย์สละชีพอย่างแท้จริง เพราะความอันตรายของมันจึงถูกผนึกอยู่ในหอสมุดของสมาพันธ์ไม่ให้ใครได้เรียนรู้ ยกเว้นผู้ที่ถูกเลือกอย่างเขาเท่านั้น
“ขอโทษนะอิกดราซิล เก็นมะ”
เพิร์ลหลับตาลง ร่างกายที่โปร่งใสของเขาเปล่งประกายจ้าเป็นสัญญาณว่ามหาเวทย์กำลังจะทำงานอย่างเต็มรูปแบบแล้ว
“ขอโทษนะ ไลร่า วินเทอร์ ฉันคงไปอยู่ในโลกฝั่งนั้นไม่ได้เหมือนกัน”
มหาเวทย์ต้องห้าม ไอซ์ เอซ (Ice Age –ยุคน้ำแข็งหมื่นปี)
เปรี้ยยยยยยย!!!!!
ภาพของเกาะทั้งเกาะถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งปรากฏขึ้นในสายตาของผู้ที่อยู่บนแอร์ไรด์
อิกดราซิลมองภาพเบื้องหน้าโดยไม่อาจหักห้ามน้ำตาที่เอ่อนองออกมาได้ เขามองอาร์ติแฟคในมือที่ต้องใช้ชีวิตของลูกทีมถึงสามคนแลกมาและบีบมันแน่นก่อนจะเอามาเคาะหัวจนเลือดไหลย้อมอาร์ติแฟค
“พอได้แล้วอิกดราซิล” เก็นมะเดินเข้ามาจับแขนอิกดราซิลไม่ให้ทำร้ายตัวเองไปมากกว่านี้ “พอเถอะ”
อิกดราซิลตวัดสายตาหาเก็นมะด้วยความเดือดดาน หากแต่ต้องชะงักค้างเมื่อเห็นแววตาของอีกฝ่ายก็ไม่ได้ต่างจากเขา
เต็มไปด้วยความโศกเศร้าและเจ็บปวดจากการสูญเสีย...
อิกดราซิลที่ไม่อาจทำอะไรได้ก็ก้มหน้า ร่างกายสั่นสะท้านก่อนที่เขาจะกู่ร้องเพื่อระบายอารมณ์ที่อัดอั้นที่สะสมอยู่ในตัว
หลังจากที่แอร์ไรด์เคลื่อนตัวออกไปจากเกาะกรากะตัวได้สักพัก จุดที่ศพของเพิร์ลถูกแช่แข็ง ปรากฏละอองแสงสีฟ้าค่อยๆ ก่อตัวกันจนกลายเป็นก้อนพลังงานและค่อยๆ ลอยสูงขึ้นๆ
ห่างไปไม่ไกลก็มีก้อนพลังงานแบบเดียวกันหากแต่เปลี่ยนจากสีฟ้าเป็นสีเหลืองกับสีเทา
ก้อนพลังงานนั้นกระเพื่อมไปมาก่อนจะระเบิดคลื่นพลังงานบางอย่างออกไป คลื่นพลังงานนั้นกระจายไปทั่วโลกครอบคลุมทุกตารางนิ้ว สักพักคลื่นพลังงานก็กลับมารวมตัวกันที่แกนกลาง หลังจากนั้นก็เคลื่อนที่ไปด้วยความเร็วสูง
หนึ่งเคลื่อนที่ไปยังตะวันออกเฉียงใต้ของทวีปเอเชีย สถานที่คือ ประเทศไทย
สองเคลื่อนที่ไปยังตะวันตก สถานที่คือ สหราชอาณาจักร
