บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 เหนือความคาดหมาย

หลังจากที่ก่อวีรกรรมไว้ที่ห้องวิทยาศาสตร์เหล่าตัวปัญหาทั้งเจ็ดก็แอบหนีออกจากโรงเรียนอย่างเงียบๆ ก่อนจะดอดขึ้นรถยนต์ประจำตระกูลของท็อปและอันตรธานหายไปราวกับเงา

“ขาตูข้า..หายดีจริงๆ ด้วย”กานน์เอ่ยขณะมองแผลงูกัดอย่างทึ่งๆ“ไอเฟิร์สมันไปรู้วิธีพิเรนทร์ๆ แบบนี้มาจากไหนฟะ”

“หมอนั่นก็ทำตัวบ้าๆ แบบนั้นประจำนั่นแหละ ชอบลองผิดลองถูกจนคนอื่นปวดหัวกันไปทั่ว”วิลพูดด้วยน้ำเสียงครั้วหัวเราะก่อนจะหักเหความสนใจไปทั่วรถ“รถบ้านนายก็หรูเกินความจำเป็นเหมือนเคยนะ ท็อป”

ตระกูลไชยยุทธของท็อปนั้นเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จระดับต้นๆ ของประเทศไทย การที่ท็อปซึ่งเป็นลูกชายเพียงคนเดียวจะสามารถใช้งานรถคันนี้พ่วงคนขับก็ไม่ได้ทำให้ขนหน้าแข้งล่วงสักกะเส้น

ส่วนเจ้าตัวก็ทำเพียงแค่หัวเราะแห้งๆ เพราะไม่รู้จะอธิบายถึงความสุรุ่ยสุร่ายของครอบครัวตัวเองอย่างไรดี เคยบอกให้เอารถธรรมดามารับแล้วแต่สิ่งที่ได้กลับเป็นรถรีมูซีนมารับส่งประจำวันซะอย่างนั้น

“ดูเหมือนว่ารถคันนี้จะเป็นคันที่ธรรมดาที่สุดในบ้านแล้วน่ะ”

“เอาซะฉันอิจฉาเลยอ่ะ บ้านฉันกว่าจะขอซื้อคอมพิวเตอร์สักเครื่องยังต้องสอบให้ได้เกรด4ตั้ง4เทอมเลย” พูดถึงกานน์ก็ถึงกับต้องยกแขนมาเช็ดน้ำตา “วันเวลานรกแตกนั่นยังไม่เคยลืมเลือน”

“นี่คงเป็นเหตุผลที่นายเข้ามาเรียนสายวิทย์ได้สินะ” วิทย์เอ่ยขึ้นขณะพลิกตำราเรียนของตน “เป็นกลอุบายที่แยบยลจริงๆ”

“อยู่บนรถแบบนี้นายก็ยังอ่านหนังสือเรียนได้อีกนะ” นพกล่าวขึ้นด้วยสีหน้าขยาด “ฉันละทึ่งในความขยันของนายเลย”

“โรงเรียนสอนพิเศษเพิ่งส่งข้อความว่าปิดฉุกเฉินเพราะระบบไฟฟ้าขัดข้อง ที่ฉันทำได้ก็แค่ทบทวนหนังสือเพื่อไม่ให้เสียนิสัยก็เท่านั้น” ว่าแล้วก็เหลือบตามองรินที่เงียบไปตั้งแต่ขึ้นมาบนรถ “รายนั้นยังน่าทึ้งกว่าอีก เพิ่งขึ้นรถได้ไม่ถึงหนึ่งนาทีก็หลับไปแล้ว เป็นฉันเสียงดังขนาดนี้หลับไม่ลงแน่ๆ”

ได้ยินดังนั้นทุกคนก็หันเหสายตาไปยังรินที่กินพื้นที่เบาะกว่าครึ่งนอนหลับอย่างสบายใจไป ดูเหมือนว่าแอร์เย็นๆ ของรถท่ามกลางอากาศร้อนของประเทศไทยจะทำให้หมอนี่หลับสนิทเป็นพิเศษ

“ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว อยู่กันครบหลังเลิกเรียนแบบนี้หาได้ยากนะ” กานน์เอ่ยขึ้นขณะปรายตามองเหล่าเพื่อนในก๊วนที่อยู่กันครบ ก่อนที่ในหัวซึ่งเต็มไปด้วยการหาเรื่องสนุกใส่ตัวจะปิ๊งไอเดียขึ้น “ไหนๆ ก็ไหนแล้ว ไปปาร์ตี้บ้านใครสักคนหน่อยไหม”

“นี่ไง ขึ้นรถท็อปอยู่แล้วก็ไปบ้านมันเลยสิ” นพเสนอความคิดเห็น

“วันนี้มีแขกมาที่บ้าน จัดปาร์ตี้ตอนนี้ไม่ได้หรอก” ท็อปโบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน “อีกอย่างที่บ้านก็ค่อนข้างเคร่งเรื่องการจัดงานด้วย ขืนบอกไปว่าพาเพื่อนมาจัดปาร์ตี้มันจะกลายเป็นงานเลี้ยงเต้นรำที่รวมคนใหญ่คนโตภายในชั่วอึดใจแหง”

บางทีตรรกะของสามัญชนก็เอาไปใช้กับคนรวยไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ...

ระหว่างที่ทุกคนกำลังอึ้งกับความรวยของเพื่อนตรงหน้าไลน์กลุ่มของพวกเขาก็เด้งขึ้น

‘ไปบ้านวิลดิ พ่อกับแม่มันไม่อยู่ด้วยแถมข้างบ้านก็เป็นบ้านฉัน ไม่ต้องกังวลเรื่องการใช้เสียงด้วย’

ผู้ส่งคือเฟิร์สที่กำลังขับรถและโบกโทรศัพท์ในมือพร้อมกับยิ้มกว้างมาทางพวกเขา

“ไอ้บ้า! ใครสั่งใครสอนให้พิมพ์ไลน์ตอนขับรถอยู่ฮะ แล้วก็มองไปข้างหน้าด้วย ข้างหน้า!!”

วิลที่เห็นดังนั้นเปิดกระจกโวยเป็นการใหญ่โดยคนต้นเรื่องก็ทำหูทวนรถและเร่งรถนำไปก่อนแล้ว

“อีหรอบนี้ตัดสินใจเองเลยนี่หว่า...” กานน์กะพริบตาปริบๆ “แต่ก็เป็นไอเดียที่ดีนะ ใครเห็นด้วยบ้าง”

ท็อปกับนพยกมือขึ้น วิทย์กับรินนั้นยังไงก็ได้เพราะไม่ว่าจะที่ไหนวิถีชีวิตของพวกเขาก็ไม่ได้ต่างจากเดิม นั่นก็คือเรียนกับนอน

“โอเค งั้นตรงดิ่งไปที่บ้านวิลโลด!!”

ด้วยเหตุนี้ปาร์ตี้เล็กๆ จึงเกิดขึ้นโดยที่เจ้าของบ้านทำได้เพียงถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย

ไอ้ตอนปาร์ตี้มันก็สนุกดีหรอก แต่พอกลับบ้านกันคนที่ต้องลำบากเก็บกวาดก็คือเจ้าของบ้านเนี่ยแหละ!

ภูเขาไฟกรากะตัว ประเทศอินโดนีเซีย เวลา8:00 PM

ท่ามกลางภูเขาที่มีควันจากแมกม่าที่เดือดพล่านอยู่ภายในปะทุขึ้นอยู่ คนจำนวนห้าคนเดินเหยียบย่ำหินภูเขาไฟมุ่งตรงไปยังเส้นทางที่ตกสำรวจเพื่อหาบางสิ่งอันเป็นวัตถุประสงค์ในการมาของพวกเขา

“อิกดราซิล นายคิดว่าของที่นายตามหาอยู่เนี่ยมันอยู่ที่นี่จริงๆ เหรอ” หญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มเอ่ยขึ้น“เราเดินหาเป็นชั่วโมงแล้วนะ เจอแต่เศษซากที่หลงเหลือแต่ภูเขาไฟระเบิดอย่างเดียวเลย”

“ใกล้แล้วล่ะไลร่า ร่องรอยชัดเจนมาก” ผู้ที่ถูกเรียกว่าอิกดราซิลตอบกลับไป

ดวงตาสีเขียวมรกตของเขาตวัดไปมองตรงผาหินซึ่งดูไม่มีอะไร แต่หากสังเกตดีๆ จะมีอักขระโบราณเขียนหนึ่งตัวสลักไว้ เขาชี้นิ้วไปตรงนั้นก่อนจะสั่งการกับผู้ที่มีพละกำลังสูงที่สุดในกลุ่ม

“เก็นมะ ทำลายผาหินตรงนั้นหน่อย”

“รับทราบ”

เมื่อได้รับคำสั่งจากผู้สั่งการชายหนุ่มร่างบึ๊กก็ตรงดิ่งไปยังผาหินพร้อมกับชกกำปั้นชนกันด้วยความคึกคะนองที่จะได้ออกแรงเสียที เมื่อถึงตรงหน้าหินผาเก็นมะก็ทำการง้างกำปั้นและชกเต็มแรง ผาหินที่แข็งแกร่งค่อยๆ พังทลายจากการต่อยเพียงครั้งเดียวของเขา

“เป็นอย่างที่คิดจริงๆ ด้วยสินะ”

สิ่งที่อยู่เบื้องหลังของผาหินคือถ้ำขนาดใหญ่ซึ่งถูกซ่อนไว้ด้วยวิธีการใดสักอย่างอยู่แบบนี้เป็นเวลาหลายพันปี

อิกดราซิลดีดนิ้วก่อนที่ลูกบอลแสงจะปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของเขา ความสว่างของมันมากพอที่จะใช้ส่องสว่างนำทางให้แก่ทุกคน

“แปลงรูปขบวนเตรียมพร้อมไว้ เราไม่รู้ว่าอะไรที่ซ่อนอยู่ภายในถ้ำบ้าง”

เมื่อเตรียมพร้อมแล้วทุกคนก็เดินเข้าสู่ถ้ำ ฝาผนังภายในถูกสลักไว้ด้วยภาพแกะสลักและอักขระมากมาย

“รูปสลักพวกนี้มันหมายความว่ายังไงเหรอ?” ไลร่าเอ่ยถามขึ้น

“เรื่องราวเกี่ยวกับอารยธรรมโบราณตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์น่ะ ถ้าพวกนายอ่านออกก็จะรู้ว่ายังมีเรื่องราวอีกมากมายที่มนุษยชาติยังไม่รู้” อิกดราซิลตอบคำถามของไลร่าก่อนจะเริ่มสั่งการ “วินเทอร์ เพิร์ล อย่าแตะต้องอะไรมั่วซั่วเด็ดขาดเลยนะ อาจจะไปกระตุ้นให้กับดักทำงานก็ได้”

ชายหนุ่มทั้งสองผู้ถูกกล่าวถึงชะงักสิ่งที่ตกกำลังจะทำทันที ชายที่ชื่อวินเทอร์นั้นค้างเติ้งอยู่ในท่าทางที่กำลังจะแตะภาพสลัก ส่วนคนที่ชื่อเพิร์ลนั้นกำลังถืออัญมณีชิ้นหนึ่งซึ่งคาดว่าเจ้าตัวคงแงะมาจากฝาผนัง

กริ๊ก!

เอาล่ะ ความฉิบหายมาเยือนแล้วไง

“เพิร์ล!”

“ขอโทษ!!!”

หลังจากนั้นกับดักสุดคลาสสิคก็กลิ้งหลุนๆ ลงมาจากประตูลับ หินทรงกลมกลิ้งมาทางพวกเขาด้วยความเร็วที่ทวีขึ้นเรื่อยๆ ...ก่อนที่มันจะแตกกระจายด้วยหมัดของพี่เบิ้มประจำกลุ่ม

“กับดักแบบนี้คิดว่าจะมีแค่ในเกมหรืออนิเมะซะอีก” เก็นมะเป่ากำปั้นที่มีควันลอยฟุ้งออกมา “บ่งบอกถึงความเก่าของสถานที่กลายๆ เลยนะ”

“คิดยังไงถึงไปแงะเพชรออกมาจากกำแพงฟะเพิร์ล!”

“ก็ช่วงนี้คนมันช็อตนี่หว่า พอเห็นอะไรที่มันทำเงินได้มือมันก็ขยับไปเองอ๊า!”

คำกล่าวของผู้ที่พ่วงตำแหน่งลูกทีมและเพื่อนสนิททำเอาอิกดราซิลกุมขมับ

“ไปลงบัญชีอะไรไว้อีกล่ะ”

“เจ้านี่ไง” เพิร์ลแตะไปที่กระเป๋าใส่ซองกระสุนบริเวณต้นขาของเขาที่มีสัญลักษณ์รูปปืนไขว้และหิมะ“วันเวย์ (One way –เส้นทางหนึ่งเดียว) เจ้านี่สามารถทำให้เราเคลื่อนย้ายของที่เราทำมาร์กไว้แล้วออกมาได้โดยไม่จำกัดขนาดเลยนะ”

“ไอ้กระเป๋ามิติมีตำหนิที่เอาของออกมาได้อย่างเดียวแต่เก็บกลับไปไม่ได้อ่ะนะ? ” อิกดราซิลกล่าวอย่างเหลือเชื่อว่าจะมีคนยอมเสียเงินกับของพันนี้ด้วย“นี่แกบ้าหรือเปล่าฟะ? ”

“อย่าพูดแบบนั้นสิ ของทุกอย่างมันมีวิธีใช้ของมันอยู่นะ และฉันก็ถูกชะตากับเจ้านี่แบบแค่เห็นแวบแรกก็เหมือนกับว่ามันกำลังร้องเรียกฉันอยู่เลยล่ะ”

ได้ยินดังนั้นอาการไมเกรนก็เริ่มกินหัวของอิกดราซิล

“จะทำอะไรก็ช่างอย่าให้เดือดร้อนถึงทีมก็แล้วกัน”

“รับทราบครับหัวหน้า!” ว่าแล้วเพิร์ลก็ตะเบ๊ะด้วยท่าทีหยอกล้อ

การสำรวจของพวกเขาดำเนินต่อไปจวบจนกระทั่งถึงปลายทางของถ้ำ มันเป็นห้องโถงขนาดประมาณ8*8โดยมีรูปทรงเป็นทรงกระบอกแปดเหลี่ยม ผนังสลักไปด้วยภาพและตัวอักษรมากมาย อิกดราซิลมองไปรอบๆ เพื่อเก็บเข้าไปในความทรงจำของเขาก่อนที่จะหันเหความสนใจไปที่แท่นบูชาตรงกลาง และดูเหมือนว่าสิ่งนั้นจะเป็นเป้าหมายที่พวกเขาตามหาอยู่

สิ่งที่โชว์เด่นเป็นสง่าคือเศษชิ้นส่วนของอะไรบางอย่างซึ่งถูกทำให้ลอยค้างอยู่บนอากาศด้วยพลังงานที่ไม่สามารถระบุได้ราวกับเชื้อเชิญให้ผู้ที่พบเห็นหยิบมันออกไปจากแท่นบูชานี่ซะ แน่นอนว่ามันเป็นกับดักที่ถ้าไม่ใช่คนบ้ากล้าตายก็สังเกตเห็นได้ในทันที

ว่าแล้วอิกดราซิลก็โยนเศษหินที่เกิดจากการพังทลายของกาลเวลาโยนไปตรงกลางแท่นบูชานั้น และก็เป็นไปตามคาด หินก้อนนั้นแตะโพล๊ะสลายกลายเป็นฝุ่นละอองภายในเวลาเสี้ยววินาที

อิกดราซิลสอดส่องสายตาไปรอบๆ บริเวณเพื่อหากลไกการทำงาน แบบแปลนสามมิติถูกจำลองขึ้นในหัวของเขาอย่างเงียบๆ เวลาผ่านไปสามนาทีเขาก็สามารถแกะรอยกลไกทั้งหมดได้สำเร็จ

“ได้ความว่าไง” วินเทอร์กล่าวขึ้นเมื่อเห็นอิกดราซิลลืมตาขึ้นหลังจากใช้สมาธิอยู่นาน

“บาเรียสลายมวลสารน่ะ ดึงพลังงานที่ไหลเวียนอยู่ในอากาศและแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานของตน เพราะอย่างนี้มันถึงทำงานได้เป็นสหัสวรรษ”

“มีวิธีทำลายมันไหม? ” เก็นมะถาม “หรือว่าต้องให้ใช้กำปั้นแบบเดิม? ”

“กำลังไม่ได้แก้ไขได้ทุกปัญหานะ” อิกดราซิลถอนหายใจ “อย่างที่บอกไปว่ามันใช้พลังงานที่อยู่รอบๆ ไปสร้างบาเรีย ถ้าเราโอเวอร์โหลดมันเข้าการทำงานก็หยุดลงเองนั่นแหละ แต่วิธีนี้จำเป็นต้องใช้พลังงานเป็นอย่างมาก ฉันคนเดียวอาจจะทำไม่ไหว...”

“คนที่มีพลังเวทย์มากที่สุดในสมาพันธ์อ่ะนะ?” เพิร์ลเบิกตาโพลงอย่างเหลือเชื่อ“ต้องใช้พลังขนาดไหนกันเนี่ย...”

“ของฉันเกือบทั้งหมด และอาจต้องดึงของทุกคนมาประมาณแปดสิบเปอร์เซ็นต์”

“เยอะเอาการเลยนะ” ไลร่ายิ้มแหย “พอๆ กับนิวเคลียร์สามลูกได้เลยมั้งนั่น”

“มีตัวเลือกไม่เยอะนักหรอก แต่วิธีนี้เป็นวิธีที่เร็วที่สุดน่ะ” อิกดราซิลยักไหล่ก่อนที่เขาจะหยิบหนังสือกริมมัวร์ขึ้นมาจากกระเป๋าสะพายข้างของเขา “เพื่อไม่ให้เสียเวลา เรามาเริ่มกันเถอะ”

เมื่อหัวหน้าสั่งการแบบนั้นสมาชิกทีมอย่างพวกเขาก็ทำได้เพียงยักไหล่และปฏิบัติตามเท่านั้น พลังทุกสายภายในตัวของทั้งสี่คนถ่ายทอดไปให้แก่คนๆ เดียวนั่นก็คืออิกดราซิลที่ใช้ตัวเองเป็นสื่อกลางก่อนที่เขาจะบีบอัดและส่งพลังงานเข้าไปยังกลไกของบาเรียโดยตรง

บาเรียสลายมวลสารเมื่อได้รับพลังงานมากกว่าปกติก็แสดงรูปลักษณ์ชัดขึ้น สีสันของมันเปลี่ยนจากโปร่งใสค่อยๆ แสดงองค์ประกอบที่คล้ายๆ กับรวงผึ้งให้เห็น พลังที่เพิ่มสูงขึ้นแล่นพล่านอยู่ภายในและเกิดการปะทุจนเกิดเสียงแตกเปรี้ยราวกับประทัด จนกระทั่งถึงจุดที่มันรับพลังงานไม่ไหวบาเรียก็แตกกระจายและส่งพลังงานส่วนเกินให้แพร่กระจายไปในอากาศ

อิกดราซิลหอบหายใจหลังจากรับภาระมาอย่างหนัก เขาเหลือบตามองไปยังแท่นพิธีและทำการตรวจสอบดูก็พบว่าบาเรียที่ครอบคลุมอยู่ได้สลายหายไปแล้ว

“เพิร์ล ฝากเก็บกู้อาร์ติแฟคด้วยนะ”

“ไว้ใจได้เลย!”

เพิร์ลเดินตรงดิ่งไปที่อาร์ติแฟคอย่างอารมณ์ดี เพราะเมื่อเก็บกู้เจ้าสิ่งนี้เสร็จก็เท่ากับภารกิจของเขาได้เสร็จสิ้นพร้อมจะตรงดิ่งกลับบ้านไปพักผ่อนยาวๆ ...โดยไม่ได้สังเกตเลยว่าบรรยากาศรอบๆ เริ่มเปลี่ยนไป

ผู้ที่สังเกตเห็นคือไลร่าที่มันประสาทสัมผัสเร็วที่สุดในกลุ่ม

เธอเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่ราวกับสายฟ้าแลบคว้าตัวเพิร์ลไว้ได้ทันก่อนพื้นที่บริเวณจที่เขายืนอยู่เมื่อสักครู่จะถูกบางอย่างทุบจนพื้นแตกกระเด็นกลายเป็นเศษหินและฝุ่นควัน แรงกระแทกนั้นส่งผลไปถึงแบ่นบูชาทำให้มันพังทลายและอาร์ติแฟคก็กระเด็นไปตามแรงกระแทกด้วย

“วินเทอร์!”

“รับทราบ” วินเทอร์ขานรับเรียบๆ เขาบังคับทิศทางการพัดของสายลม อาร์ติแฟคที่ลอยอยู่บนฟ้าถูกบังคับให้ลอยเข้ามาอยู่ในมือของวินเทอร์แบบพอดีเป๊ะ

อิกดราซิลถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนที่ความจริงที่ว่าพวกเขากำลังตกอยู่ในอันตรายจะจู่โจมเข้ามาอย่างจัง เมื่อสังเกตดีๆ ก็พบว่าสิ่งที่พุ่งเข้ามาทำร้ายเพิร์ลนั้นคือกำปั้นที่มีขนาดใหญ่แบบที่ทุบคนเละได้ราวกับส้ม

เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นทำให้โครงสร้างของถ้ำเริ่มไม่มั่นคง เสียงแตกร้าวของผนังถ้ำดังขึ้นทั่วบริเวณ ถ้าไม่รีบออกไปตอนนี้มีหวังถูกฝังทั้งเป็นโดยไม่ต้องสืบ

“ไล่ร่า ประตูสายฟ้า!”

“จัดให้!”

เมื่อได้รับคำสั่งหญิงสาวก็เริ่มใช้เวทมนตร์ประจำตัวของเธอ ประตูที่แปลงสภาพร่างกายเป็นกระแสไฟฟ้าและส่งไปยังสถานที่ปลายทางถูกสร้างขึ้นภายในเวลาไม่กี่อึดใจ แล้วทั้งหมดก็กระโดดเข้าประตูนั้นก่อนที่ถ้ำจะถล่มลงทันทีเนื่องจากการโจมตีระลอกที่สอง

ที่ห้าคนปรากฏอีกทีบริเวณหน้าถ้ำในสภาพล้มลุกคลุกคลานยกเว้นไลร่าที่เป็นเจ้าของพลัง แต่เพราะการเคลื่อนย้ายครั้งนี้กินพลังที่เหลือในตัวจนเกือบหมดทำให้หญิงสาวหอบแตกไม่ต่างกับอิกดราซิลนัก

“พลังที่เหลืออยู่ตอนนี้ทำได้มากสุดก็แค่ส่งมาปากถ้ำ ขอโทษด้วยนะ”

“ได้เท่านี้ก็ดีแล้วล่ะ”

อิกดราซิลกล่าวก่อนที่เขาจะมองไปเหนือบริเวณถ้ำที่ถล่มลงมาเพื่อตรวจหาศัตรูที่หมายหัวพวกเขาอยู่ ก่อนที่ตาจะเบิกกว้างเมื่อรู้ว่ามันคือตัวอะไร

ร่างของอสุรกายสูงห้าสิบเมตร ส่วนหัวของมันมีลักษณะเหมือนสิงโตหากแต่มีเขาของวัวกระทิง ร่างกายเหมือนคนเกือบทุกระเบียบนิ้ว มือทั้งสองข้างของมันมีเหล็กฝังอยู่จนเหมือนกับเป็นสลับมือขนาดใหญ่ กับร่างกายส่วนล่างที่มีเหล็กในเหมือนต่อ และปีกอีกาสีดำสนิท

มันถูกเรียกขานโดยสมาพันธ์ว่า ไททันติคอร์ (Titanticore)

แถมไม่ได้มาตัวเดียว มันมาถึงสามตัว

ถ้าในสถานการณ์ปกติละก็พวกเขารับมือมันไหวแน่ๆ แต่ไม่ใช่ในสถานการณ์ที่ทั้งห้าสูญเสียพลังงานไปเกือบทั้งหมดแล้ว

“หนี...”

ฮูมมมมมมมมมม!!

“นี่เป็นคำสั่ง หนีเอาตัวรอดเดี๋ยวนี้!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel