บท
ตั้งค่า

บทที่ 9 ตัวประกัน (จบตอน)

“คิดว่าสิ่งที่พวกเธอทำมันถูกสินะ แล้ววันนี้ล่ะ การที่พวกเธอทำร้ายเจ้าพนักงานให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ การที่พวกเธอจงใจทำให้ของส่วนรวมของคนในคอนโดนี้ใช้การไม่ได้ นั่นคือสิ่งที่ถูกต้องแล้วงั้นเหรอ เธอรู้หรือเปล่าว่าถ้าพวกเขาเอาเรื่อง พวกเธอจะโดนข้อหากี่กระทง ! สิ่งที่พวกเธอทำในวันนี้ มันทำเพื่อตัวเองหรือเพื่อคนเดินดินทั้งประเทศ !”

คราวนี้คำพูดของธนูทำให้บัวบกกลายเป็นฝ่ายยืนอึ้งไปบ้าง

“เธอไม่จำเป็นต้องตอบฉันหรอก อยากพูดอะไรไปพูดที่กองปราบฯ ดีกว่า” ธนูพูดพร้อมกับดึงแขนบัวบกไปที่บันได

“นี่เราต้องตะกายบันไดหนีไฟลงไป อีกแล้วใช่ไหมครับเนี่ย ?” พงศ์ยิ้มฝืด เพราะยังไม่หายเหนื่อยจากขาขึ้นที่ต้องรับภาระหิ้วปีกภูผาขึ้นมาด้วย

“ไม่หรอกครับ ลิฟต์ซ่อมเสร็จแล้ว ผมได้ยินเสียง” ธนูตอบขรึมๆ แล้วก็เป็นไปตามที่เขาพูด เพราะทันทีที่ทั้งหมดลงบันไดมาจนถึงหน้าลิฟต์

“อ้าว ! คุณธนู” จ่าอาวุโสซึ่งได้รับคำสั่งให้ขึ้นมาดูสถานการณ์ร้องทักชายหนุ่มด้วยความดีใจ ซึ่งธนูก็ยิ้มรับ ยิ่งสร้างความสงสัยให้บัวบกมากขึ้น

“เดี๋ยวแจ้งทางกองปราบฯด้วยนะว่าเราจับกุมได้แค่คนเดียว กำลังจะนำตัวผู้ต้องหากลับไป” ภูผาสั่งลูกน้องระหว่างที่ก้าวเข้าไปในลิฟต์

“เดี๋ยวผมตามลงไปแล้วกันนะครับ ขอสำรวจอะไรนิดหน่อย” ธนูบอกภูผา แล้วย่อตัวลงลูบหัวลัคกี้ “รู้หน้าที่ใช่ไหมลัคกี้ ?”

“ดูมันเชื่องกับคุณธนูมากนะครับ” พงศ์มองลัคกี้ที่ยืนกระดิกหางเป็นเชิงรับคำ โดยไม่เห่าส่งเสียงรบกวนผู้คนในคอนโด

“ครับ ถึงจะฝึกมันแบบสุนัขตำรวจ แต่เราก็ไม่ได้เลี้ยงมันแบบนั้นตลอดเวลา มันจะรู้ของมันเองว่าเวลาไหนควรทำอะไร” ธนูตอบพงศ์ แต่ตามองบัวบกคล้ายเป็นการย้ำว่าอย่าคิดหนี ขณะที่บัวบกจ้องตอบเขาแววตากร้าว กระทั่งประตูลิฟต์ปิดลง

“ท่าทางจะแค้นฝังหุ่นน่าดู” ชายหนุ่มพึมพำ แล้วเดินลงบันไดหนีไฟต่อไป พลางสอดส่ายสายตาสำรวจหาสิ่งต้องสงสัย จนถึงสถานที่อันเป็นจุดหมายที่แท้จริง มันคือ ห้องพักของ ส.ส.ณวัฒน์ !!

“คุณธนู มาด้วยหรือครับเนี่ย ?”

“แล้วเจอผู้กองหรือยังครับ ?”

บรรดาจ่าทั้งหลายภายในห้องพากันร้องทักชายหนุ่มด้วยความยินดี ทันทีที่หันไปเห็นเจ้าของสูทขาวกับชุดอันเป็นเอกลักษณ์

“ผู้กองลงไปข้างล่างแล้วครับ พร้อมผู้ต้องหาที่จับกุมได้ หนีไปได้ 4 คน แต่ก็คงลอยนวลไปได้อีกไม่นานหรอกครับ”

คำตอบของธนูทำให้ทุกคนค่อยใจชื้น อย่างน้อยก็ดีกว่ากลับกองปราบฯ มือเปล่าให้ถูกผู้บังคับบัญชาเล่นงานยกทีม

“แล้ว... ได้เก็บผงพวกนั้นกลับไปให้ฝ่ายพิสูจน์หลักฐานหรือยังครับ ?” ธนูวกเข้าคำถามอันเป็นที่มาของการมาเยือนที่นี่

“ยังเลยครับ ผู้กองก็สั่งอยู่เหมือนกัน แต่ก็ไม่รู้จะใช้อะไรเก็บดี กลัวมันจะฟุ้งขึ้นมาทำพิษอีก นี่ก็ยังไม่ค่อยจะหายดีสักเท่าไหร่ มันเป็นผงยาชาน่ะครับ แค่ถูกผิวหนังส่วนใดส่วนหนึ่งก็ออกฤทธิ์แล้ว” จ่าคนหนึ่งตอบ และพยายามขยับแขนขาไปมา คล้ายเป็นการขับไล่อิทธิฤทธิ์ของยาชาที่ยังไม่หมดไป

“อย่างนั้นหรือครับ” ชายหนุ่มนิ่วหน้าครุ่นคิด ตามองไปรอบๆ ห้อง ก่อนจะไปสะดุดเข้ากับบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เขายิ้มออกมาได้

“คุณธนูนี่เข้าใจคิดนะครับ ใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดผงพวกนั้นใส่ถุงกลับซะ เราก็ปลอดภัยหายห่วง”

“ถ้าขืนใช้วิธีเดิมๆ พวกเราคงต้องลงไปนอนตาค้าง ตัวแข็งทื่ออีกรอบแน่ๆ”

จ่ากลุ่มเดิมเอ่ยชมความคิดเฉียบแหลมของธนู ระหว่างลงลิฟต์มาที่ชั้นล่างของคอนโดมิเนียมหรู เพื่อเตรียมเดินทางกลับกองปราบปราม

“ผมหันไปเห็นพอดีน่ะครับ ถ้าในห้องไม่มีเครื่องดูดฝุ่น ผมก็คงคิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะทำยังไง” ธนูซึ่งถอดผ้าคลุมออก และเปลี่ยนเสื้อสูทเป็นแจ็คเก็ตแล้วตอบอย่างถ่อมตัว

“แล้วคุณธนูขอซื้อผ้าขนหนู จากฟิตเนสคอนโดไปทำไมล่ะครับนั่น ?” จ่าอาวุโสคนหนึ่งถามขึ้นด้วยความสงสัย... เป็นความสงสัยของทุกคน ตั้งแต่เห็นธนูแวะเข้าไปในฟิตเนสและกลับออกมาพร้อมผ้าขนหนูแล้ว

“ผมทำให้ผู้ต้องหาตกน้ำน่ะครับ เปียกทั้งตัวเลย ดีที่ส.ส.ณวัฒน์ให้เจ้าหน้าที่คอนโดฯ มาอยู่เฝ้าห้องฟิตเนส ไม่งั้นผมคงไม่รู้จะไปหาผ้าขนหนูที่ไหน ปล่อยให้กลับทั้งอย่างนั้นอาจจะเป็นปอดบวมได้”

คำตอบของธนูยิ่งทำให้ทุกคนพากันชื่นชมน้ำใจ และความมีมนุษยธรรมของชายหนุ่ม ยกเว้นก็แต่ใครคนหนึ่งที่มีความคิดตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง

“คุณธนูใจดี แล้วก็เป็นคนดีมากเลยนะครับเนี่ย ผมยกให้เป็นไอดอลในดวงใจเลย ทั้งเก่งทั้งแสนดี” พงศ์ซึ่งนั่งคุมตัวบัวบกอยู่หลังรถกระบะ มองธนูด้วยความปลาบปลื้มชื่นชมยิ่งกว่าเดิม ตรงข้ามกับบัวบกที่เห็นว่ามันเป็นแค่การเสแสร้งแกล้งทำเป็นคนดีของเขา

“ผมไม่ได้ดีเลิศอะไรขนาดนั้นหรอกครับ” ธนูตอบยิ้มๆ แล้วหันไปทางบัวบก “เอ้า ! ผ้าขนหนู ผืนนี้เช็ดผม เช็ดตัว ผืนนี้เอาไว้ห่มกันลม เอ้อ ! ลืมไปว่าทำเองไม่ได้นี่นะ งั้นเดี๋ยวฉันทำให้แล้วกัน” ชายหนุ่มเก็บผ้าขนหนูคืนมา และตั้งท่าจะกระโดดขึ้นไปบนรถกระบะ แต่แล้ว...

“ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน !” บัวบกตวาดเสียงขุ่นจนเขาชะงัก

“คุณธนูอุตส่าห์หวังดี ไปขึ้นเสียงใส่แบบนั้นได้ยังไง รู้หรือเปล่าว่า...” พงศ์อ้าปากเตรียมเทศนาสั่งสอน

“ทำไม ! เขาเป็นลูกเจ้าใหญ่นายโตคนไหนเหรอ จะใช้อำนาจมาข่มขู่ฉันหรือไง ก็เพราะแบบนี้แหละประเทศไทยมันถึงได้ตกต่ำลงเรื่อยๆ ทำยังไงมันก็ไม่มีทางเจริญขึ้นมาได้หรอก” หญิงสาวเสียงเขียวใส่พงศ์ จนอีกฝ่ายพูดไม่ออกไปอีกคน

“ผมเป็นแค่ประชาชนธรรมดาครับพี่พงศ์ สิ่งที่ผมทำอยู่ทุกวันนี้ ผมทำในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่หวังดีกับประเทศชาติ แต่กับเรื่องเมื่อกี๊...” ธนูบอกพงศ์ที่ได้แต่นั่งตาปริบๆ แบบอึ้งๆ น้ำเสียงยังคงเต็มไปด้วยความเยือกเย็น ยกเว้นประโยคสุดท้าย “ผมคงจะต้องขอจัดการเรื่องส่วนตัวกับผู้ต้องหาคนนี้สักหน่อย !” เขาหันขวับไปหาบัวบก ทำเอาเธอเริ่มใจคอไม่ดี เพราะไม่รู้จักนิสัยที่แท้จริงของเขา และไม่ทันที่ใครจะได้ตั้งตัว ธนูก็กระโดดขึ้นไปบนกระบะรถ พร้อมผ้าขนหนูที่คลี่ออกมาพาดบ่าไว้

“นี่ ! นายจะทำอะไรน่ะ !?” บัวบกโวยวายลั่นพร้อมกับพยายามลุกหนีธนู แต่ก็กลับถูกเขาล็อคตัวและดึงหมวกไอ้โม่งของเธอออก จนผมที่ขมวดอยู่คลายออกและยาวสยายลงมา

“ฉันไม่ปล่อยให้เธอปอดบวมตาย ให้ตำรวจถูกประณามหรอกจะบอกให้ !” เขาคลี่ผ้าขนหนูออกมาเช็ดผมให้บัวบก โดยที่มือข้างหนึ่งยังล็อคตัวเธอเอาไว้แน่น

“ปล่อยนะ ! บอกว่าอย่ามายุ่งไง” บัวบกชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะเริ่มต้นโวยวายอีก

“ร้องไปเถอะ ไม่มีใครช่วยเธอหรอก ไร้สาระ !” ธนูถกแขนเสื้อสีดำเปียกชุ่มของเธอขึ้น แล้วเช็ดน้ำที่ไหลออกมาจากเสื้อผ้าที่อมน้ำให้ “อ้อ ! แล้วก็อย่าคิดลอบกัดฉันเด็ดขาด ลัคกี้มันรู้หน้าที่ของมันดี อย่าหาว่าฉันไม่เตือน” ชายหนุ่มดักคอ จนบัวบกต้องลดขาข้างที่ยกขึ้นเตรียมพร้อมทำอย่างที่เขาว่าลง พลางชำเลืองมองไปที่สุนัขของเขาซึ่งนั่งจ้องเธออย่างไม่วางตา เตรียมพร้อมทำหน้าที่แบบสแตนด์บาย

“เดี๋ยวผมขี่มอเตอร์ไซค์กลับนะครับ ลัคกี้ให้มันอยู่ทำหน้าที่ของมัน เกิดผู้ต้องหากระโดดรถหนี จะได้มีมันช่วยตามหา" เขาหันไปบอกพงศ์อีกครั้ง ระหว่างที่กดไหล่เจ้าของนัยน์ตาขวางๆ ให้นั่งลง และคลี่ผ้าขนหนูอีกผืนห่มให้เธอ

“ครับคุณธนู รอบคอบจังเลยนะครับ” พงศ์ยิ้มปลื้ม แล้วนั่งมองธนูที่กระโดดลงจากรถเดินออกไป

รถกระบะตราโล่แล่นเข้ามาจอดด้านหน้าอาคารสำนักงานกองปราบปราม ในตอนที่เข็มสั้นและเข็มยาวของนาฬิกาแขวนผนังชี้บอกเวลาตี 1 ยามที่ผู้คนกำลังหลับสบายอยู่บนเตียงนอนภายในบ้านของตัวเอง ราวกับจะทำหน้าที่มินิมาร์ท ที่เปิดให้บริการแก่โจร ขโมย ย่องเบา ฆาตกรมือสมัครเล่น นักฆ่ามืออาชีพ ยันผู้ก่อการร้ายทั้งหลายตลอด 24 ชั่วโมง

“จับได้แค่คนเดียวอย่างนั้นเหรอ !?” พล.ต.ต.เกรียงไกรเปิดประตูห้องสอบสวนเข้ามา สีหน้าท่าทางเคร่งเครียด จนเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาที่เผลอสบสายตาด้วย อยากกลายร่างเป็นเต่า แล้วหดหัวเข้าไปอยู่ข้างในกระดองเสียให้รู้แล้วรู้รอด

“ครับท่าน อีก 4 คนหนีไปด้วยเฮลิคอปเตอร์ครับ” ภูผาลุกขึ้นทำความเคารพพร้อมกล่าวรายงาน

“แล้วแกทำไมไม่กลับไปนอน พรุ่งนี้มีเรียนไม่ใช่หรือไง จะมานั่งรออะไรอีก !” ท่านนายพลพยักหน้า แล้วหันไปดุลูกชาย ซึ่งนั่งทำหน้าปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่ภายในห้องด้วย นั่นเองที่ทำให้บัวบกรู้ว่าธนูอยู่ในฐานะอะไรสำหรับตำรวจชั้นประทวนเหล่านั้น

“ชิ ! ที่แท้ก็ใช้อำนาจบาตรใหญ่ของพ่อเล่นบทสายสืบ” เธอเหยียดปากพึมพำอย่างดูถูก โดยไม่รู้ว่าข้อมูลทั้งหมดทั้งปวงที่ธนูได้มา ล้วนมาจากความสามารถของเขาทั้งสิ้น

“กะจะอยู่ฟังการสอบสวนซะหน่อยนี่ครับ” ธนูโอดครวญ แต่ก็จำยอมลุกขึ้นเดินออกจากห้อง เพราะตัวเองก็รู้สึกง่วงเหมือนกัน

“เดี๋ยวก่อน !” เสียงเรียกเข้มๆ ของคนเป็นพ่อดังขึ้นอีก “แกเอาปืนนั่นมาจากไหน อย่าบอกนะว่า... ?”

“ครับ ก็ของพ่อที่วางอยู่บ้านไง” คนเป็นลูกยิ้มทะเล้น พลางตบปืนพกที่เหน็บอยู่ที่เอวกางเกง

“เจ้าบ้า ! เกิดไปลั่นถูกใครเข้าจะทำยังไง แกจะหาเรื่องเดือดร้อนให้ฉันไปถึงไหน เอากลับไปเก็บเดี๋ยวนี้ แล้วห้ามเอาออกมาอีกเด็ดขาด เข้าใจไหม !?” ท่านนายพลออกคำสั่ง สีหน้าเคร่งเครียดหนักกว่าเดิม

“คร้าบบบ” ชายหนุ่มรับคำยิ้มๆ แล้วเปิดประตูออกไป

...หลังจากนั้นการสอบสวนชุดใหญ่ก็เริ่มต้นขึ้น !!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel