บทที่ 8 ตัวประกัน
บัวบกกรีดร้องลั่น เมื่อกระสุน 2 นัดตัดเชือกบันไดลิงขาดสะบั้น มือที่เอื้อมไปจับมือชวินหลุดออกจากกัน ขณะที่ตัวเธอร่วงตกลงไปในสระว่ายน้ำพร้อมๆ กับบันไดลิงส่วนที่ขาด
“บัววว !!” ชวินร้องเรียกเธอเสียงลั่นปานจะขาดใจ ตรงข้ามกับธนูที่ลอบยิ้มกับตัวเองอยู่ในเงามืด
“ทีนี้รู้หรือยังล่ะครับคุณชวิน ว่าคนเดียวก็ใช่ว่าจะทำอะไรไม่ได้”
“แก !!”
สองหนุ่มจ้องหน้ากันอีกครั้ง หากแต่คราวนี้รอยยิ้มอย่างผู้มีชัยปรากฏอยู่บนใบหน้าของธนู
“ต่อไปผมจะเล็งที่ใบพัดเลยนะครับ ขอบอกว่าไมได้ขู่” ธนูยกปืนขึ้นเล็งไปที่ใบพัดของเฮลิคอปเตอร์ตามที่พูด ทำเอาทุกคนสะดุ้ง เพราะเห็นฝีมือแล้วว่าความแม่นยำของเขาเหนือชั้นขนาดไหน แน่นอน ! ธนูเองก็รู้ว่าอีกฝ่ายคิดเช่นนั้น แม้ว่าความจริงแล้ว เขาจะมีตัวช่วยเป็นแว่นขาเดียวที่มีคุณสมบัติอีกอย่างก็คือ ระบบการคำนวณวิถีกระสุน
“รีบไปสิ ยังจะมัวรออะไรอีก !” ลิชลหันไปขึ้นเสียงใส่นักบิน ที่ยังรีๆ รอๆ คำสั่ง ไม่กล้าตัดสินใจโดยพลการ
“จะบ้าหรือไง บัวยังอยู่ข้างล่างนะ หรือแกจะบอกว่าให้ทิ้งบัวไว้ที่นี่ หัวใจแกทำด้วยอะไร !” ชวินกระชากคอเสื้อลิชลด้วยความโมโห
“แกน่ะสิบ้า ทำตัวไม่สมกับเป็นหัวหน้า ขนาดแกมันยังรู้ตัวจริง มีเหรอพวกเราทุกคนจะเหลือ ยัยนั่นน่ะกลับมาช่วยเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้าแกยังดันทุรังจะอยู่ตรงนี้ เราจะจบเห่กันหมด !” ลิชลผลักชวินไปกระแทกขอบประตู จนอีกฝ่ายเสียหลักเกือบร่วงตกลงไป หนำซ้ำกระสุนที่ธนูยิงขึ้นมา ยังปลิวเฉี่ยวหัวไปเสียหลายลูก นั่นเองที่ทำให้นักบินประจำเครื่องต้องตัดสินใจบังคับเฮลิคอปเตอร์ออกไปจากตรงนั้น
“บัว !!” ชวินร้องเรียกเธออีกครั้ง น้ำเสียงปวดร้าว “ฉันสัญญาว่าจะกลับมาช่วยเธอ รอฉันนะบัว !!” เขาตะโกนก้องแข่งกับเสียงเฮลิคอปเตอร์ที่ค่อยๆ บินห่างออกไป ไกลออกไปจนลับสายตา
“เป็นฉากที่ประทับใจจริงๆ ว่าไหม ?” ธนูลูบหัวสุนัขตัวโปรดบ่งบอกว่ากำลังพูดกับมัน ทำเอาบัวบกที่กำลังจะอ้าปากตอบโต้ กัดปากอย่างแค้นๆ โดยไม่รู้ตัวว่าถูกอีกฝ่ายจับตามองอยู่ตลอด
“เอ้า ! ขึ้นมาสิ หรือคิดจะยืนรอคุณชวินอยู่อย่างนี้ เธอคงเปื่อยตายซะก่อนแน่ๆ” คราวนี้ชายหนุ่มยื่นมือให้บัวบกที่ยังคงยืนตัวเปียกโชกอยู่ในน้ำ
“นายจงใจให้พวกนั้นทิ้งฉันไว้ใช่ไหม ! หึ ! ถ้าคิดจะจับฉันไว้เป็นตัวล่อล่ะก็ ขอเตือนไว้ก่อนว่าพวกฉันไม่ได้หมูอย่างที่คิดหรอกนะ” เธอจ้องหน้าเขา แววตากร้าว และยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่คล้ายเป็นการประท้วง แต่นั่นเองที่ทำให้ธนูหัวเราะออกมาอย่างขบขัน
“ขำอะไร !?” บัวบกถามเสียงเขียว ตาเขียว บ่งบอกถึงอารมณ์เดือดปุดๆ
“ก็ขำเธอนะสิ ฉันรู้ว่าเธอเก่ง แต่ถ้าเธอใช้ผงพวกนั้นตอนนี้ คนที่มันจะออกฤทธิ์ด้วยน่ะ ไม่ใช่คนที่อยู่เหนือลมอย่างฉันหรอกนะ”
คำตอบของธนูทำเอาบัวบกชะงัก มือที่ค่อยๆดึงหลอดบรรจุผงยานอนหลับออกมาจากเอว ถูกทิ้งลงข้างตัวทันทีราวกับจะกลบเกลื่อน... เธอเกลียดพวกหูไวตาไว รู้ทันคนอื่นไปซะทุกเรื่องจริงๆ !
“ต่อให้อยู่ในสระ เธอก็หนีไปไหนไม่ได้หรอก ขึ้นมาซะเถอะ ก่อนที่จะเป็นปอดบวมตาย เสื้อผ้าตั้งกี่ชั้น อมน้ำเข้าไปตั้งเท่าไหร่” ธนูดักคอไปเรื่อยๆ และยังคงยื่นมือให้บัวบกจับเพื่อจะช่วยดึงเธอขึ้นจากน้ำ
“ไม่ต้องมาทำเป็นรู้มากหรอก !” เธอปัดมือเขาออก แล้วเดินลุยน้ำขึ้นมาด้วยตัวเอง แต่กลับเสียฟอร์มสะดุดล้ม ซ้ำยังผวาเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของธนูอย่างพอดิบพอดีเสียด้วย
“ว้าย !... นี่ ! ตาบ้า ปล่อยฉันนะ” บัวบกผลักธนูออกจนเขาแทบล้มก้นจ้ำเบ้า
“อ้าวๆ คุณเองนะที่เป็นฝ่ายมาเกาะผมน่ะ คุณเจ้าหน้าที่มูลนิธิ”
คำพูดของธนูทำให้บัวบกที่กำลังก้าวขาขึ้นจากสระ ถึงกับชะงักไปอีกครั้ง... ผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่ ทำไมเขาถึงรู้ตัวจริงของชวิน และรู้ว่าเธอเป็นใคร หรือจะเป็นอย่างที่ลิชลบอก เขาอาจจะรู้ตัวจริงของทุกคนในแก๊งแล้วก็ได้ บัวบกครุ่นคิดอย่างวิตก และกว่าจะรู้สึกตัว เธอก็ถูกธนูใส่กุญแจมือเรียบร้อยเสียแล้ว
“นี่นายทำอะไรน่ะ !?” หญิงสาวร้องถามด้วยความตกใจ พร้อมกับพยายามขยับมือทั้งสองข้างที่ถูกกุญแจมือล็อคไพล่หลังอยู่
“ก็... ปลอดภัยไว้ก่อนไง” ธนูกอดอกยิ้มๆ เป็นเวลาเดียวกับที่ภูผาและลูกน้องตำรวจอีกคนช่วยกันตะกายบันไดขึ้นมาได้สำเร็จ
“คุณธนูอยู่ตรงนั้นครับ” พงศ์นายสิบจบใหม่ เจ้าของหุ่นมะขามข้อเดียวเป็นเอกลักษณ์หันไปบอกภูผา ทันทีที่เห็นธนูในชุดสูทขาวเป็นสัญลักษณ์ และนั่นก็เป็นเสมือนเสียงเรียกให้ธนูกับบัวบกหันไปมองด้วย
“อ้าว ! ผู้กอง ไหวไหมครับนั่น ?” ธนูดึงแขนบัวบกพาเดินเข้าไปหาภูผา ซึ่งอยู่ในสภาพที่ยาชายังไม่หมดฤทธิ์ โดยมีพงศ์จากหน่วยเสริมที่ 3 ช่วยพยุงหิ้วปีกไว้ข้างหนึ่ง
“ต้องไหวสิ ! แล้วนี่... พวกที่เหลือหนีไปได้หรือครับ ?” ภูผาถาม ตาชำเลืองมองบัวบกที่ยืนสีหน้าบูดบึ้งอยู่ข้างๆ ธนู
“ครับ นายชวินคงโทรให้เฮลิคอปเตอร์มารับ ต้องขอโทษจริงๆ นะครับที่ผมปล่อยให้อีก 4 คนหนีไปได้” ธนูมองสภาพของภูผา พลางนิ่วหน้าเครียดเล็กน้อย
“ไม่หรอก ถ้าไม่ได้น้องธนู... งานนี้คงเหลวทั้งหมดแน่ ตำรวจ 2 หน่วย... โดนยาชาขยับไมได้ ลิฟต์ก็ถูกตัดไฟ พี่ยังคิดว่า... แผนพังหมดแล้ว พอดีได้ยินเสียงปืน... เลยรีบขึ้นมา นึกไม่ถึงว่าน้องธนู... จะมาดักรอพวกนั้นบนนี้” ภูผาขยับปากออกเสียงพูดอย่างยากลำบากเต็มที กว่าจะครบถ้วนทั้งประโยค
“คุณธนูเก่งจริงๆ เลยนะครับ ผมล่ะยกให้เป็นไอดอลเลย” พงศ์มองชายหนุ่มในชุดสูทขาวตรงหน้าอย่างชื่นชม
“ไม่หรอกครับ ผมก็แค่จะปิดทางหนีทั้งหมดก็เท่านั้นเอง” ธนูตอบยิ้มๆ โดยที่มือข้างหนึ่งยังคงจับแขนบัวบกไว้ไม่ยอมปล่อย
“จริงๆ นะครับ ผมนับถือความสามารถของคุณธนูจริงๆ เลย ขนาดพวกผมเฝ้ากันอยู่หน้าคอนโด ถ้าผู้กองภูผาไม่วิทยุมาตาม ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าข้างในเกิดอะไรขึ้น” นายสิบพงศ์สาธยายวีรกรรมของตัวเองและพวกพ้อง ชนิดฟ้าดินยังอายแทน
“นี่ ! ให้มัน... น้อยๆ หน่อย พูดแบบนี้... ไม่อาย... เขาหรือไง” ภูผาปรามอย่างระอาๆ
...สามหนุ่มยืนคุยกันภายใต้การจับตามองของบัวบก จากบทสนทนาที่ได้ยินทำให้เธอยิ่งสงสัยในสถานะของธนู เขาคงไม่ใช่แค่สายสืบธรรมดาแน่ แต่แค่นี้ไม่ทำให้เธอนึกกลัวหรอก หญิงสาววางแผนหนีไว้ในใจ ทั้งวิธีทำให้หลุดจากการจับกุม และทางหนีลงไปข้างล่าง โดยลืมนึกถึงบางสิ่งบางอย่างข้างๆ ตัวไปเสียสนิท
“แฮร่...” เจ้าลัคกี้สุนัขตำรวจของธนูคำรามอยู่ในลำคอ เมื่อเท้าของเธอเบี่ยงไปถูกเท้าของมันเข้า
“ถ้าไม่อยากโดนยิ่งกว่าที่คุณชวินของเธอโดน ก็อย่าคิดหนีดีกว่า อย่างน้อยลัคกี้มันก็ไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆ หรอก” ธนูหันไปยิ้มให้สุนัขตัวโปรด ส่วนมันก็กระดิกหางรับด้วยความดีใจที่เจ้านายเรียกชื่อ
“คุณชวินไม่ได้เป็นอะไรกับฉัน !” บัวบกสวนขึ้นทันควันอย่างโกรธๆ ทำเอาผู้กองภูผากับนายสิบตำรวจพงศ์ซึ่งไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขาได้แต่ยืนงง
“เรื่องนั้นมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันหรอกนะ แต่อยากจะบอกให้เธอรู้ไว้ว่า ฉันซึ่งเป็นผู้ชายก็ย่อมจะต้องรู้ความคิดของผู้ชายด้วยกัน รับรองได้เลยว่าไม่เกิน 3 วัน 7 วัน หมอนั่นต้องรีบแจ้นมาช่วยเธอแน่ แต่ก็อย่าหวังว่าจะรอดออกไปได้ล่ะ” ธนูดักคอ แทงใจดำบัวบกอีกครั้ง
“คิดว่าขู่แค่นี้ฉันจะกลัวหรือไง พวกตำรวจไร้น้ำยา วันๆ เอาแต่สรวลเสเฮฮา รับเงินจากพวกนักการเมืองเลวๆ มาใช้จ่ายสบายใจ ไม่สนทุกข์สุขประชาชน โจรขโมยมันถึงได้เต็มถนน”
คำพูดตอบโต้ของบัวบก ทำให้สามหนุ่มหันมาจ้องหน้าเธอแบบอึ้งๆ
“เธอก็เลยแก้แค้นพวกนักการเมือง กับปั่นหัวตำรวจด้วยการตั้งแก๊งขึ้นมาทำตามอำเภอใจแบบนี้น่ะเหรอ ?” ธนูพูดขึ้นแทนตำรวจทั้งสองนาย
“ประชาชนคนเดินดินเขาก็ชื่นชอบกันดีนี่ นายไม่ได้ดูข่าวหรือไง หรือดูแต่อิจฉาที่พวกฉันทำงานได้ดีกว่า ไม่สิ ! พวกนายไม่คิดจะยืนอยู่ข้างประชาชนอยู่แล้วมากกว่า” บัวบกยิ้มเหยียด นัยน์ตาแข็งกร้าวขึ้นราวกับกำลังโกรธแค้นอะไรอยู่
