บทที่ 7 แผนการที่แยบยลและแยบยลกว่า (จบตอน)
“คอนโดของส.ส.ณวัฒน์ครับ ผมเช็คแล้วว่าคืนนี้ท่าน ส.ส.จะไปพักที่นั่น แล้วเมื่อตอนสายที่คอนโดก็มีเจ้าหน้าที่บริษัทกล้องวงจรปิดมาตรวจเช็คประจำปี รูปพรรณสัณฐานเดียวกับพวกที่ไปป้วนเปี้ยนกล้องวงจรปิดบนถนนเส้นนั้น”
และดูเหมือนหลักฐานต่างๆ ที่พรั่งพร้อม จะสามารถเรียกความเชื่อมั่นจากประธานในที่ประชุมจนได้ในที่สุด
“ดี ! งั้นจากนี้จะเป็นการประชุมวางแผน คืนนี้เราต้องจับคนพวกนั้นให้ได้” พล.ต.ต.เกรียงไกรกวาดตามองทุกคนในที่ประชุม สีหน้าเคร่งเครียด
“ผมคิดว่าผมมีวิธีครับ”
คำพูดของธนูทำให้ทุกคนหันไปจ้องหน้าเขา
และแล้วช่วงเวลาแห่งความมืดมิดก็เข้าแทนที่ นาฬิกายังคงทำหน้าที่อย่างเที่ยงตรงและสม่ำเสมอ กระทั่งถึงเวลานั้นที่ทุกคนรอคอย ไฟตรงหน้าต่างคอนโดดับลงทีละดวงจนเกือบหมด เป็นเสมือนสัญญาณเตรียมพร้อมของทั้ง 2 ฝ่าย ปฏิบัติการครั้งนี้กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ! !
กริ๊ก !
เสียงปลดล็อคประตูห้องบนคอนโดมิเนียมหรูของ ส.ส.ณวัฒน์ดังขึ้น ในยามที่นาฬิกาแขวนผนังบอกเวลาเที่ยงคืนตรง ถึงอย่างนั้นคนในห้องก็ยังนอนสบายอยู่ภายใต้ผ้านวมหนานุ่ม โดยไม่รู้ว่าบัดนี้แขกไม่ได้รับเชิญทั้ง 5 กำลังย่างกรายเข้ามาใกล้... ใกล้เข้ามาทุกที
“อะแฮ่ม ! สวัสดียามดึกครับท่าน ส.ส.” ชวินเดินมาหยุดที่หัวเตียง พร้อมกับเอ่ยคำทักทายปลุก แต่ ส.ส.หนุ่มก็ยังนอนเฉย
“ผมรู้ว่าท่านไม่ได้หลับ ยังไงลมหายใจที่ไม่สม่ำเสมอแบบนั้น ก็หลอกผมไม่ได้หรอก กำลังอกสั่นขวัญแขวนอยู่หรือไง ทีเวลาโกงชาติบ้านเมือง ทำไมไม่รู้สึกหวาดกลัวเวรกรรมตามทันบ้างเล่า เอาล่ะ ! ลุกขึ้นมาได้แล้ว” ชายหนุ่มเอาปืนจ่อไปที่ศีรษะของชายคนที่นอนอยู่บนเตียง แต่แล้ว...
“หยุดอยู่แค่นั้นแหละ พวกแกถูกล้อมจับแล้ว !” ตำรวจนอกเครื่องแบบในชุดดำนับสิบนาย โผล่ออกจากที่ซ่อนด้านหลังเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้น มือถือปืนเล็งมาที่คนทั้ง 5 แต่ก็หาได้มีใครหวั่นเกรงไม่
“ยิงสิ ! แลกกับชีวิตของไอ้ ส.ส.โกงชาติคนนี้ มันก็คงจะคุ้มล่ะมั้ง” ชวินยิ้มท้า เปิดโอกาสให้มือในผ้าห่มค่อยๆ โผล่ออกมาตะครุบข้อมือของชายหนุ่ม แล้วจับบิดอย่างเร็วจนปืนของเขาหลุดจากมือ
“โอ๊ยยย ! !”
“ขอโทษทีนะ เผอิญฉันไม่ใช่ ส.ส.โกงชาติ” ภูผาลุกพรวดขึ้นนั่ง มือข้างเดิมยังคงจับข้อมือชวินบิดอย่างแรง ขณะที่มืออีกข้างเอื้อมไปหยิบปืนที่ตกอยู่บนผ้าห่ม แต่แล้วในสถานการณ์ที่เหมือนกำลังได้เปรียบอยู่นั้นเอง
“ดึงผ้าห่มมาปิดหน้าไว้ !” บัวบกร้องบอกชายหนุ่มหัวหน้าแก๊ง แล้วดึงหลอดยาเล็กๆ ที่เอวออกมา กระชากจุกออก วาดมือซัดผงในนั้นใส่บรรดาตำรวจภายในห้อง
“เสียใจด้วย ! ลูกน้องของฉันไม่หลงกล สูดผงยานอนหลับของเธอเข้าไปหรอก” ภูผาดึงผ้าปิดจมูกขึ้นมาป้องกันตัวเองจากผงยาที่ฟุ้งเข้ามา เช่นเดียวกับลูกน้องทั้งหมด ซึ่งได้รับการบอกกล่าวจากธนูแล้ว
“คนที่จะต้องเสียใจคือคุณตำรวจต่างหาก เพราะนี่ไม่ใช่ผงยานอนหลับแต่เป็นผงยาชา แค่ฟุ้งไปโดนผิวหนังส่วนใดส่วนหนึ่ง มันก็จะออกฤทธิ์ทันที” บัวบกยิ้มเยาะ
“ว่า... ไง... นะ ! !” ภูผาเบิกตากว้าง คำพูดขาดช่วงจากอาการชาบนใบหน้า ที่เริ่มลามไปยังส่วนอื่นของร่างกายจนปืนหลุดจากมือ ไม่ต่างอะไรกับตำรวจคนอื่นๆ ภายในห้อง
“ชิ ! วันนี้ฤกษ์ไม่ดี กลับกันก่อนแล้วกัน” ชวินโยนผ้าห่มที่ใช้คลุมตัวทิ้ง หักมือเล็กน้อย และไม่ลืมที่จะหยิบปืนพกของตัวเองคืนมาจากภูผา ก่อนจะเดินนำลูกน้องทั้ง 4 ออกไปอย่างใจเย็น
“หน่วยหนึ่ง... เรียก.... หน่วยสอง เป้าหมาย... ผ่าน... ไปได้ เตรียม... กำลัง... ให้พร้อม... ด้วย !” ภูผาวิทยุบอกลูกน้องอีกหน่วยอย่างยากลำบาก ถึงอย่างนั้นก็ยังพยายามพยุงร่างกายที่ราวกับกำลังเป็นอัมพาตตามคนทั้งหมดออกไป แต่ครั้นพอลงลิฟต์ไปถึงจุดตั้งรับของหน่วยที่ 2
“ปะ... เป้าหมาย... หนี... กลับขึ้นไป... ทาง... บะ... บันได... หนี... ฟะ... ไฟ... ครับ” หัวหน้าหน่วยสองรายงานตะกุกตะกักจากฤทธิ์ยาชาที่ได้รับ ซึ่งส่งผลให้ตำรวจทั้งหน่วยล้มนอนระเนระนาด และไม่สามารถปฏิบัติงานได้สำเร็จตามแผนที่วางไว้
“ต้องกลับ... ขึ้นไป... ข้างบน... อีกแล้ว... เหรอเนี่ย” ภูผาเดินเกาะผนังกลับไปที่ลิฟต์ แต่ก็ต้องหัวเสียสุดขีด เมื่อพบว่าลิฟต์ทุกตัวถูกตัดไฟ จนไม่สามารถใช้การได้ “บ้าเอ๊ย !” ผู้กองหนุ่มทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดสิ้นหนทาง เนื่องจากอาการชาซึ่งยังคงทวีความรุนแรงกับทุกส่วนของร่างกาย ทำให้เขาไม่อาจตามคนพวกนั้นขึ้นไปทางบันไดหนีไฟได้
ขณะเดียวกับ บนดาดฟ้าคอนโดมิเนียม ซึ่งถูกสร้างให้เป็นสระว่ายน้ำหรูหรา สำหรับสมาชิกกระเป๋าหนักผู้พักอาศัยทั้งหลาย และบัดนี้มีบุคคลผู้ไม่ประสงค์ออกนามกำลังขึ้นมาใช้บริการแทน
“นายจะบ้าหรือไง แทนที่จะออกจากที่นี่ไปเอารถ กลับให้ขึ้นมาบนนี้อีก แล้วที่นี้จะกลับกันยังไง !” ลิชลโวยวายใส่ชวิน
“รถเดี๋ยวฉันให้คนของฉันไปเอาให้ ตอนนี้เราจะออกจากที่นี่ด้วยแผนสอง หรือนายรู้ล่ะว่าข้างนอกมีตำรวจรอเราอยู่กี่หน่วย ?” หัวหน้าแก๊งหนุ่มตอบขรึมๆ พลางกดโทรศัพท์มือถือส่งสัญญาณให้ใครบางคน
“แผนสองอะไร พวกฉันไม่เห็นรู้เรื่อง อย่าบอกนะว่าคุณระแคะระคายอยู่แล้วว่า ตำรวจจะมารอจับพวกเรา” บัวบกถามชวินเสียงขุ่น “ถ้าฉันไม่คิดยาชานั่นขึ้นมาใช้ วันนี้พวกเราคงได้ไปนอนห้องขังแล้ว !”
“ปลายทางของคนที่ริอ่านเป็นโจร สุดท้ายมันก็คือห้องขังอยู่ดี... พวกนายว่าไหม”
เสียงแปลกปลอมที่ดังมาจากอีกฝั่งของสระว่ายน้ำ ทำเอาสมาชิกแก๊งทุกคนหันขวับไปมองเจ้าของเสียงที่กำลังนั่งยิ้มกริ่มอยู่บนเตียงผ้าใบ ภายใต้เงามืดของร่มสีสดที่ถูกความมืดกลืนจนเป็นสีเดียวกัน
“แกไม่ใช่นักข่าว แต่เป็นสายให้ตำรวจงั้นสินะ” ชวินจ้องหน้าธนู ซึ่งอยู่ในชุดสูทขาวเป็นเอกลักษณ์
“ฉันอาจจะเป็นแค่พลเมืองดีล่ะมั้ง จริงไหมลัคกี้ ?” ธนูหันไปลูบหัวสุนัขอัลเซเชี่ยนที่นอนหมอบอยู่ข้างๆ แต่นั่นเหมือนเป็นสัญญาณให้มันลุกขึ้นเตรียมพร้อมทำหน้าที่ “เอาล่ะ ! จำกลิ่นได้ใช่ไหม ลองดูซิว่ามีเจ้าของหมวกนั่นอยู่ในกลุ่มคนพวกนี้หรือเปล่า Go !”
สิ้นคำสั่งของชายหนุ่ม เจ้าสี่ขาสัตว์เลี้ยงของเขาซึ่งถูกฝึกมาแบบสุนัขตำรวจ ก็พุ่งกระโจนอ้อมสระว่ายน้ำไปหากลุ่มของชวินทันที
“คิดจะทำอะไร ! ?” ชวินถอยหลังกราด เมื่อเห็นว่ามันวิ่งตรงมาทางเขา “คิดว่าแค่หมานี่จะหยุดฉันได้หรือไง !”
“เปล่า ก็แค่อยากพิสูจน์อะไรนิดหน่อย” ธนูตอบยิ้มๆ แต่แล้วใบหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนเป็นนิ่งขรึมขึ้นมาทันที เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายชักปืนเล็งไปที่ลัคกี้ สุนัขตัวโปรดและตัวเดียวของเขา “นายจะทำอะไร ! ?”
“อย่าคิดว่าฉันจะแสนดี ขนาดไม่กล้าป้องกันตัวหรอกนะ !” ชวินตอบ โดยที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่เจ้าตัวโตที่กำลังวิ่งใกล้เข้ามา เหมือนกับปืนในมือที่ยังคงเล็งไปที่เป้าเคลื่อนที่อย่างแม่นยำ
“นั่นเขาไม่เรียกป้องกันตัวหรอก แต่เขาเรียกว่าร้อนตัวต่างหาก !” ปืนในมือธนูเล็งไปที่ปืนของเช่นกัน นาทีนี้ขึ้นอยู่กับว่าใครจะไวกว่า ! !
ปังงงง !
ปืนในมือชวินกระเด็นตกลงไปในสระว่ายน้ำ จากแรงเตะของใครคนหนึ่ง โชคดีที่กระสุนไม่ได้ลั่นถูกใคร และนั่นก็เป็นสิ่งที่เจ้าของลูกเตะต้องการอยู่แล้ว
“ทำบ้าอะไรของเธอ !... เฮ้ย ! ! โอ๊ยยย ! !” ชวินหันไปโวยวายใส่บัวบก แต่กลับถูกเจ้าสี่ขาของธนูกระโจนใส่ จนล้มก้นจ้ำเบ้าลงไปนอนอยู่ข้างสระ
“แฮร่...” มันยืนเหยียบหน้าอกของชวิน และคำรามใส่เขาอยู่อย่างนั้น ราวกับโกรธแค้นในสิ่งที่เขาคิดจะทำกับมัน
“ยืนเฉยกันอยู่ได้ ทำอะไรสักอย่างสิ !” ชวินร้องสั่งสมาชิกแก๊งด้วยความโมโห หัวเสียที่เห็นทุกคนเอาแต่ยืนงง... แล้วทำไมเขาจะต้องถูกมันเล่นงานอยู่คนเดียวด้วย !
“โทษที จะเอามันออกให้เดี๋ยวนี้แหละ” ขจรนักมวยผู้เงียบขรึมประจำแก๊ง เดินเข้ามาดึงปลอกคอเจ้าสี่ขาบนตัวชวิน แต่กลับถูกเจ้าของของมันยิงปืนขู่ ลูกกระสุนเฉี่ยวแขนเสื้อขาด... แค่แขนเสื้อเท่านั้น ! !
“ลัคกี้พอได้แล้ว กลับมานี่ !” ธนูเรียกสุนัขตัวโปรด ซึ่งมันก็ทำตามอย่างว่าง่าย
“ยิงปืนเก่งเหมือนกันนี่ ไว้คราวหน้าเราค่อยมาดวลกันก็แล้วกัน นายไปแซะพรรคพวกของนายกลับ สน.จะดีกว่า ตัวคนเดียวแบบนี้จะไปทำอะไรได้ นี่ฉันเตือนด้วยความหวังดีนะ” ชวินยิ้มเย้ย สองหนุ่มจ้องหน้ากัน แววตากร้าว และยังคงเป็นชวินที่เอ่ยปากพูดอยู่ฝ่ายเดียว “หรือนายจะบอกว่าไม่ใช่ตัวคนเดียว แต่เป็น 1 คน กับอีก 1 ตัวต่างหาก”
เงียบ... ไม่มีคำตอบใดออกมาจากปากของธนู ชายหนุ่มยังคงยืนนิ่ง มือจับปืนพกสั้นที่เขาแอบหยิบของพ่อมาจากบ้าน ตาจ้องมองอีกฝ่ายที่กำลังงมปืนของตัวเองขึ้นมาจากสระว่ายน้ำ กระทั่งวัตถุบางอย่างบนฟ้าแผดเสียงดังใกล้เข้ามา
“ขอตัวก่อนนะ ถ้าโอกาสหน้าของนายยังมี เราคงได้พบกัน” ชวินหันมายิ้มเยาะอีกรอบ ก่อนจะเกณฑ์สมาชิกแก๊งไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ทางบันไดลิงที่ถูกหย่อนลงมาให้ เนื่องจากสถานที่ไม่อำนวยให้ลงจอด “เดี๋ยวเธอกับฉันต้องคุยกันนะ !” เขาบอกบัวบก ก่อนจะปีนบันไดลิงนำขึ้นไป ตามด้วยลิชล ขจร และประยุทธ์ ซึ่งปีนพลางหันรีหันขวางมองบัวบกที่ยืนกอดอกเฉย
“เป็นอะไร ทำไมไม่ขึ้นมาล่ะ ?” เพื่อนหนุ่มร่างอ้วนร้องถาม
“กุญแจฉันอยู่ในรถมอเตอร์ไซค์” บัวบกตอบ สีหน้าบอกบุญไม่รับเช่นเคย เธอจะกลับมูลนิธิได้ยังไงถ้าไม่มีมอเตอร์ไซค์คู่ใจคันนั้น
“เถอะน่า ! ขึ้นมาก่อน เดี๋ยวฉันให้คนไปเอามาให้” ชวินตัดบท หน้าเครียดพอกันจนบัวบกต้องยอมทำตาม แต่แล้วระหว่างที่เธอ กำลังปีนบันไดลิงอยู่นั้นเอง
ปังงง ! ปังงง !
ธนูยิงปืนใส่เฮลิคอปเตอร์ จนนักบินต้องบังคับเครื่องหลบ พลอยทำให้บันไดลิงแกว่งไปมาอย่างน่าหวาดเสียว
“ไอ้บ้า ! ทำอะไรของแก” ชวินตวาดใส่ธนู แล้วคุกเข่ายื่นมือให้บัวบกที่ห้อยต่องแต่งอยู่ “ส่งมือมาสิ”
“ขอบคุณ” บัวบกเอื้อมมือขึ้นไปจับมือชวิน แต่แล้วเสียงปืนก็ดังขึ้นอีกครั้ง 2 นัดซ้อน
ปังงง ! ปังงง !
“กรี๊ดดด !!”
