ภารกิจตามหา
“นาย…ผกก.ดิเรกเรียกให้ไปหานะ…”พนักงานคนหนึ่งเดินมาสะกิดผม ว่าผกก.ดิเรกเรียกผมไปหา
“อืม…งั้นวันนี้ก็พอแค่นี้ พวกนายไปพักผ่อนได้เดี๋ยวฉันวางแผนฝึกฝนเสร็จจะส่งไปให้ อย่าทำอะไรที่มันไม่ดีเข้าใจไหม?”ผมหันไปคุยกับเด็กใหม่ทั้งห้า
“เข้าใจแล้วครับ/ค่ะ”เด็กทั้งห้าพยักหน้ารับ ก่อนที่ผมจะเดินกลับเข้ามาในตึก เดินไปยังห้องของผกก.ดิเรก ที่นี่ผมจะรับภารกิจจากสามคนสลับกันไป คือผกก.พนา ผกก.ดิเรก และผกก.ก้องหล้า ส่วนมากผมจะรับภารกิจจากผกก.พนา ซะส่วนใหญ่ นานๆทีจะได้รับงานจากผกก.ดิเรก แต่ยังไม่เคยได้รับภารกิจจากผกก.ก้องหล้าเลย เคยเจอหน้าอยู่ครั้งสองครั้งตั้งแต่ผมเข้ามาทำที่นี่ ส่วนมากผกก.ก้องหล้าจะรับดูแลภารกิจยากขึ้นไปมากๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าภารกิจเป็นแบบไหนเหมือนกัน
“ขอตัวครับ…”คนที่มาเรียกผม เดินมาส่งถึงหน้าห้อง ผกก.ดิเรก ก็ขอตัวไปทำอย่างอื่นต่อ ทิ้งให้ผมยืนมองบานประตูห้องตรงหน้า ใช้เวลาไม่นานก็เคาะห้อง
ก็อก ๆ
“เข้ามาได้…”เสียงทุ้มลึกจากด้านในเอ่ยขึ้น ก่อนที่ผมจะบิดลูกบิดเปิดประตูออกแล้วเดินเข้ามายังด้านในห้องที่ตกแต่งเหมือนห้องทำงานทั่วๆไป ที่ดูดีกว่านิดหน่อย
“ผกก.ดิเรก เรียกผมมีอะไรให้ผมทำหรือเปล่าครับ?”ผมเอ่ยถาม เพราะนานๆทีผกก.ดิเรกจะเรียกผมแบบนี้ และจะเป็นภารกิจที่สืบสวน ติดตาม มากกว่าที่จะไปต่อสู้กับพวกปีศาจในมิติ
“ช่วงนี้ดูวุ่นๆหน่อยนะ ยินดีด้วยกับการได้เลื่อนขั้นเป็นร้อยตรีนะ อรรค…”ผกก.ดิเรกเอ่ยแสดงความยินดีกับการเลื่อนตำแหน่งของผม ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาจากเอกสาร ผายมือให้ผมนั่งลงเก้าอี้ตรงหน้าที่ว่างอยู่
“ขอบคุณครับ…”ผมเอ่ยขอบคุณ ก่อนที่จะนั่งลงตามคำที่ผกก.ดิเรกใช้สายตาให้ผมนั่งลง
“นั่งรอแปปนึงนะอรรค พอดีรออีกสองคนมาก่อนจะได้พูดทีเดียวเลย…”ผกก.ดิเรกเอ่ย ก่อนที่จะก้มหน้าลงไปกับกองเอกสารต่อ ผมใช้เวลาไม่นานในการนั่งรอก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่จะมีเสียงเปิดประตูมีผู้ชายคุ้นหน้าคนหนึ่งเดินเข้ามา
“สวัสดีครับผกก.ดิเรก เรียกผมมามีอะไรให้ช่วยหเหลือครับ…”ชายผู้มาใหม่เดินเข้ามา ก่อนที่จะหันมามองผม ด้วยท่าทางสงสัย ก่อนที่จะเดินมานั่งเก้าอี้ที่ว่างอยู่
“มากันครบแล้ว…สินะ”ไม่นานผกก.ดิเรกเอ่ยขึ้น ก่อนที่จะยกสายตาขึ้นมามองไปด้านหลังของผม
“เชี่ย!”ผมตะโกนออกมา ก่อนที่ตรงด้านหลังของผมจะมีหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ และที่สำคัญมาตอนไหนกัน! ไม่เห็นได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามาเลย…
“ผมมีงานให้พวกคุณทำ…เป็นภารกิจเร่งด่วน ที่พึ่งได้รับรายงานมาเมื่อเช้านี่เอง แต่ไม่มีใครว่างเลยตอนนี้ มีเจ้าพล ขิง ที่พึ่งเสร็จสิ้นภารกิจมา แต่ภารกิจนี้มันอันตรายเกินไปที่จะไปทำสองคน เลยอยากว่ายวานนาย อรรค ช่วยหน่อยได้ไหม…”ผกก.ดิเรกเอ่ยถามอรรค เพราะรู้ว่าคนตรงหน้าไม่ชอบทำภารกิจกับคนอื่นแต่ตอนนี้มันจำเป็นจริงๆที่จะต้องการอรรคเข้าร่วมภารกิจนี้ด้วย
“ขอถามได้ไหมครับว่าภารกิจที่ว่านี้คือภารกิจอะไร?”ผมเอ่ยถามจะปฏิเสธก็น้ำท่วมปากเพราะ เป็นผกก.ดิเรกที่มาขอร้องด้วยตัวเองทั้งที ถ้าหากเป็นอีกคนละก็ผมคงลุกขึ้นเดินออกจากห้องนี้ไปนานแล้ว เหมือนกับว่าภารกิจนี้มันจะลำบากจนผกก.ดิเรกต้องมาขอร้องผม
“เมื่อสามวันก่อน ทีมภาคเหนือ จังหวัดลำพูนได้เบาะแสจากพวกชาวบ้านว่าแถวๆดอยขุนตาล มีไฟไหม้แปลกๆอยู่…”ผกก.ดิเรกเอ่ยขึ้น
“ไฟไหม้แบบแปลกๆ? แปลกแบบไหนครับ?”ชายข้างๆผมเอ่ยถาม
“แปลกๆที่ว่า คือตอนเช้าเหตุการณ์จะเป็นปกติ พอตกเย็นจู่ๆในป่าที่เป็นสถานที่ตั้งปฏิบัติธรรม ก็เกิดไฟไหม้ขึ้น…พอตกเช้าอีกวันพวกศาลาปฏิบัติธรรมก็ยังอยู่ในสภาพปกติ เหมือนเมื่อตอนกลางคืนไม่ได้เกิดไฟไหม้ขึ้นเลย…จนทำให้ชาวบ้านบ้านแถวนั้นไม่กล้าที่จะไปใช้ที่นั้นเลย จนกลายเป็นเรื่องเล่าลือกันว่าเป็นที่อยู่ขอผีไฟ ที่มาหวงที่ ที่บุกรุก…”ผกก.ดิเรกเอ่ยอธิบาย
“คาดการณ์ว่าน่าจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดเหนือธรรมชาติใช่ไหมครับ…ที่จะให้พวกเราไปจัดการ…”
“ผมได้สั่งทีมที่ประจำการที่ลำพูนไปตรวจดูที่เกิดเหตุแล้ว…หลังจากที่ได้รับแจ้งมา”ผกก.ดิเรกพูดตอบ
“อ่าว…ในเมื่อส่งคนไปตรวจสอบแล้ว ให้พวกเราไปทำไมอีกครับ?”ผมเอ่ยถามบ้าง ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจว่าจะให้พวกเราไปที่นั้นอีกทำไม…
“ภารกิจที่ผมจะให้พวกคุณไปไม่ใช่ไปสำรวจสถานที่นั้น…แต่พอผมส่งพวกทีมลำพูนไป นี่ผ่านมาสามวันแล้ว…ที่ติดต่อกับพวกเขาไม่ได้ ไม่มีการเปิดมิติไปอีกโลก แต่จู่ๆไปที่นั้นก็หายไปเลย…มันแปลกๆภารกิจที่ฉันจะให้พวกนายไปทำคือไปตามหาทีมลำพูนที่เข้าไปสำรวจที่ศูนย์ปฏิบัติธรรม“ผกก.ดิเรกเอ่ยเสียงเคลียด
“ทีมลำพูนห้าหกคน…จะหายไปพร้อมกันและติดต่อไม่ได้เลยหรือยังไง? ในนั้นมียศร้อยโทอยู่ประจำการด้วยนิ ไม่น่าจะหายไปเฉยๆแบบนี้ได้เลยนะ…”
“นั้นแหละที่ผมสงสัย…และอยากให้พวกนายไปสำรวจดูสักหน่อย ตอนแรกวางตัวพลกับขิงไปด้วยกัน แต่ผมว่ามันอันตรายเกินไปที่จะไปสองคนเลยอยากให้อรรคไปด้วยอีกคน ยศร้อยตรีขึ้นไป น่าจะพอช่วยกันได้ อรรคนายก็ร้อยตรี ส่วนพลก็ร้อยตรี ส่วนขิงก็ร้อยเอก ไปกันสามคนน่าจะหายห่วง…”ผกก.ดิเรกเอ่ยพลางมองผมด้วยสายตาขอร้อง ใครจะปฏิเสธลงละ เพราะภารกิจนี้คาบเกี่ยวกับชีวิตของเหล่าพวกเพื่อนเราหลายคน แม้จะไม่รู้จักกันแต่ดีกว่าที่จะสูญเสียพวกเขาไป
“ครับ…ครั้งนี้ผมยอมรับทำภารกิจนี้“ผมเอ่ย ก็ทำให้ผกก.ดิเรกถอนหายใจโล่งอก ก่อนที่จะเรียกผู้ชายตาฟ้าเข้ามาในห้อง
“พาพวกเขาไปยังจุดเกิดเหตุที่ทีมลำพูนขาดการติดต่อกับพวกเรา ที่ป่าหลังขุนตาลนะทีม…”ผกก.ดิเรกเอ่ยกับชายตาฟ้า ก่อนที่เขาจะใช้อาวุธในมือ และดีดนิ้วจนเกิดเสียวขึ้น จนกลางอากาศ เกิดเป็นมิติสีม่วงขึ้นตรงหน้า เหมือนเมื่อเช้าที่ผมวาร์ปมาที่นี่
“ได้ครับ…”ทีมเอ่ยรับผกก.ดิเรก ก่อนที่จะฟันอากาศจนเกิดมิติช่องว่างขึ้นมา มิติพิเศษตรงที่สามารถไปโผล่ในจุดที่ต้องการได้ ให้ผู้ใช้ไปได้เลย ไม่เหมือนกับอาวุธเปิดมิติที่ไปโลกเสมือนจริง การทำงานจะต่างกันเพราะอาวุธในมือทีมเป็นอาวุธเทพแหวนผ่ามิติของเทพโลกิ ที่เมื่อดีดนิ้วจนกระทบกันของแหวนทั้งสองวงจะเกิดเป็นมิติและไปที่ไหนก็ได้ ที่ทีมได้รับพลังเทพโลกิมาครึ่งหนึ่งเลยได้เป็นอาวุธเทพมาใช้
“ขอให้พวกนายโชคดี หากมีอะไรไม่ชอบมาพากล ให้รีบแจ้งสัญญาณมา แล้วทีมที่อยู่ใกล้พวกนายมากที่สุดจะรีบเข้าไปซัพพอร์ตทันที…”ผกก.ดิเรกเอ่ย ก่อนที่จะเดินถอยหลังไปสองก้าว
“พร้อมไหม?”พลเอ่ยก่อนที่จะมองผมและคนที่ชื่อขิง สลับกันไปมา
“ครับ…”ผมพยักหน้ารับ ก่อนที่จะหายใจเข้าลึกๆ เดินเข้าไปในมิติ ก่อนที่อีกสองคนจะเดินเข้าตามผมมา ติดๆ
ภูเขาหลังดอยขุนตาล
ศูนย์ปฏิบัติธรรมกลางป่า
จังหวัดลำปาง
เวลา 15:56 น.
“น่ากลัวชะมัด!! อ้ากกก!”ทันทีที่เรามาถึงพลก็โวยวายขึ้นมา เมื่อมองรอบๆถึงแม้จะเป็นเวลากลางวันแต่มันเป็นกลางป่า ต้นไม้สูงใหญ่จนแสงรอดเข้ามาริบหรี่ จนเหมือนที่นี่เป็นเวลาตอนพลบค่ำ รอบๆศูนย์ปฏิบิติธรรมเงียบเฉียบ ไม่มีใครอยู่เลย เหมือนปล่อยทิ้งร้างมาสักระยะหนึ่งแล้ว ดูได้จากเศษใบไม้ที่เริ่มลามไปยังด้านในศาลา
“เงียบมาก…”ผมเอ่ยขึ้นพอเราทั้งสามเดินเข้ามาในศาลา ที่เงียบมากไม่ได้ยินเสียงแมลงเลยสักตัว มันแปลกเกินไป…
“ทางด้านในเหมือนจะมี บ้านพักอยู่เลย…ทั้งสองคนไปเลย เดี๋ยวศาลานี้กับห้องเก็บของท้ายศาลาผมสำรวจเองนะ”พลเอ่ย เพราะชี้ไปด้านหลังศาลาเหมือนมีบ้านพักเรียงกันอยู่ไกลๆ
“…”ผมหันไปมองหน้าขิงหญิงสาวที่ใส่แมสปิดปากอย่างขอคำตอบ ขิงหยักไหล่บอกว่าเธอยังไงก็ได้
“นะๆ ผมขอละ ผมไม่กล้าเดินไปสำรวจที่นั้นนะ ใครใช้ให้ที่นี่น่ากลัวแบบนี้ละ อย่างน้อยสำรวจศาลาก็ดีกว่าไปบ้านพักละนะ นะครับๆ”พลยกมือไหว้ผมกับขิง ก่อนที่จะขอร้องว่าตัวเองจะสำรวจที่นี่เอง
“ก็ได้…มีอะไรรีบตะโกนเรียกผมทันทีนะ“ผมเอ่ยก่อนที่จะเดินออกมาจากศาลา เดินลึกเข้ามายังส่วนของบ้านพักเรียงรายอยู่สามสี่หลังด้านซ้าย ส่วนด้านขวาเหมือนเป็นโรงครัว? พวกเราสองคนเดินมาหยุดที่ทางแยกซ้ายขวาที่ซ้ายไปเป็นบ้านพัก ด้านขวาเป็นน่าจะห้องน้ำและโรงครัว
“…”เราสองคนมองหน้ากันสักพัก จนเกิดความเงียบต่างคนต่างมองหน้ากันไม่มีใครคิดจะปริปากพูดออกมา จนผมต้องเอ่ยออกมาก่อน
“ผมจะไปทางซ้าย ส่วนพี่ไปทางขวานะครับ”ผมเอ่ยพลางชี้ไปทางซ้ายว่าผมจะไปทางนี้
“…”ขิงพยักหน้ารับ
“มีอะไรเรียกได้เลยนะครับ…”พอพูดจบเราสองคนก็แยกกันไปสำรวจคนละทาง ผมเดินเข้ามายังส่วนบ้านพัก ที่เป็นบ้านกึ่งปูนกึ่งไม้สองชั้นด้านล่างเป็นปูนด้านบนเป็นบ้านไม้ ที่เห็นได้ตามต่างจังหวัดทั่วๆไป
