ครูพี่เลี้ยง
“คร่าวๆก็จะประมาณนี้ นี่สัญญาที่จะรับเป็นพี่เลี้ยง ในระยะเวลาหนึ่งปี กฏในนี้ก็อย่างที่ผมได้พูดไป ขอให้ทุกคนเซ็นต์ด้วยนะครับ”พนาแจกเอกสารสัญญาในการรับเป็นพี่เลี้ยง ยิ่งทำให้ผมหน้ามุ่ยขึ้นไปอีก เหมือนมีปลอกคอมาคล้องที่คอเอาไว้หากผมทำอะไรให้หมอนี่ไม่พอใจ เหมือนผมจะถูกส่งไปยังทีมภาคอีสานได้ทุกเมื่อ วางแผนมาดีเสียจริง!!
“…”ผมรับเอกสารมาเซ็นต์ทันที
“ส่วนของนายมีกฏเพิ่มอยู่สองสามข้อ…เพื่อป้องกันว่านายจะไม่ทิ้งเด็กๆในสังกัดของนายนะอรรค”พนาเมื่อเห็นผมเซ็นต์แล้วจึงได้เอ่ยขึ้น
“คุณ…! ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์!”แพ้ แพ้หมดรูปเลย ผมหยิบเอกสารขึ้นมาอ่านอีกรอบปรากฏว่าของผมมีกฏเพิ่มขึ้นมาจริงๆ หากผมทิ้งเด็กๆเอาไว้ จะถูกย้ายไปทีมอื่นทันทีไม่มีข้อโต้แย้งจริงๆอย่างที่ผมคิดเอาไว้
“เมื่อทุกคนเซ็นต์กันเสร็จแล้ว เราจะมาจับฉลากเลือกเด็กๆเข้าสังกัดกันดีกว่า”พนาเอ่ยเสียงร่าเริงก่อนที่จะหยิบเครื่องสุ่มขึ้นมาให้พวกผมทุกคน เป็นเครื่องสี่เหลี่ยมเหมือนกับแท็บแลตที่หน้าจอเป็นโลโก้ของศูนย์ ก่อนที่จะมีคำว่าสุ่มให้กดอยู่
“ตรงหน้าจะเป็นไอแพด สำหรับพี่เลี้ยงในนี้จะมีข้อมูลเกี่ยวกับเด็กใหม่ที่ตัวเองจะได้ดูแล สามารถบันทึกข้อมูลหรือจัดวางแผนในการฝึกฝนได้ในนี้ได้เลย พอส่งอัพโหลดแผนการฝึกมันจะเด้งเข้าไปยังเด็กใหม่ด้วย อย่างแรกที่พวกนายต้องทำคือสุ่มชื่อของเด็กใหม่ เมื่อกดไปที่คำว่าสุ่ม ระบบจะทำการสุ่มเด็กใหม่ให้พวกนายห้าคนทันที…“พนาเอ่ย ก่อนที่จะมีหลายคนเริ่มกดสุ่มไป จนผมก็ก็กดตามๆคนอื่นๆ จะเป็นใครก็ได้ขอแค่ไม่วุ่นวายหรือปากมากเกินที่จะรับมือได้ก็พอ…
ติ้ง!!
“รายชื่อ…”ไม่นานเกินรอรายชื่อทั้งห้าก็เด้งเข้ามาในแท็บเลตของผมแล้ว เป็นผู้ชายสี่คนผู้หญิงหนึ่งคน พอสุ่มเสร็จ ผกก.พนา ก็ให้พวกเราไปพักผ่อนสิบห้านาที ก่อนที่จะไปรวมตัวกันที่สนามหน้าตึก เพื่อไปแนะนำตัวและรับเหล่าเด็กใหม่
หลังจากแยกย้าย ผมก็เดินออกมาจากห้องประชุม เดินลงลิฟต์ไปยังชั้นล่าง พวกเราทั้งสิบคนเดินลงลิฟต์มาพร้อมกัน ก่อนที่ประตูลิฟต์เปิดออก ทุกคนต่างแยกย้ายไปส่วนผมก็เดินออกมาคนสุดท้ายเพราะแผลที่ท้องเริ่มเปียกชื้นขึ้นมาแล้ว ให้ผมเดาเลือดคงออกจนท่วมผ้าพันแผลไปแล้วแน่ๆ
“นายโอเคไหม…หน้าซีดเชียว”หญิงผมสั้นเอ่ยหลังจากหันมามองผมที่เริ่มหน้าซีด
“โอเคครับ…”ผมหยักหน้ารับ พยายามเดินให้ปกติที่สุด
พรึบ!
“ชอบทำอะไรเกินตัว…”ผกก.พนาเอ่ย ก่อนที่จะเดินเข้ามาประคองผม พร้อมกับเดินไปยังแผนกพยาบาล
“ผมไม่เป็นอะไร…”ผมที่พยายามดึงแขนของผกก.พนาออก เพราะคนเริ่มหันมามองพวกเราแล้ว อีกอย่างด้านล่างนี้ยังมีเหล่าเด็กใหม่ที่อยู่เต็มไปหมด เหมือนรอเรียกรวมที่สนามหน้าตึก
“เดินจะไม่ไหว หน้าซี้ดขนาดนี้แล้ว หากล้มลงไปจะน่าอายมากกว่า ฉันพยุงนายไปห้องพยาบาลละกัน…”พนาเอ่ยก่อนที่จะประชับแขนให้มั่นคง ก่อนที่จะพาผมไปยังห้องพยาบาล ท่ามกลางสายตาของเหล่าเด็กใหม่และเหล่าพนักงานที่ทำงานอยู่ที่นี่
“น่าอายชะมัด…”ผมเอ่ย พลางเอามือปิดหน้าเพราะอายสายตาที่มองมา น่าอดสูที่สุด เจ้าผีกุมารนั้นทำให้ผมดูแย่
“อายให้เยอะๆ จะได้รู้จักระวังตัวเอง คนบ้าที่ไหนทำภารกิจคนเดียว…หากเป็นคนอื่นออกมาจากมิติไม่ทันคงได้ตายในนั้นไปแล้ว นายเก่งนะอรรค ที่สามารถทำภารกิจตลอดมาโดนที่ยังรักษาชีวิตมาได้ถึงทุกวันนี้ แต่ตอนนี้คนเดียวมันเกินกำลังไปแล้วเหล่าพวกปีศาจเริ่มรวมกลุ่มกันเพื่อพังเข้ามาแล้ว ถึงแม้พลังไม่สูงมากแต่เน้นพวกเยอะ มันก็ตึงมือเหมือนกัน”พนาเอ่ย เพราะทึ่งในพรสวรรค์ของอรรคเป็นอย่างมากที่สามารถกำจัดพวกปีศาจด้วยตัวคนเดียวมาเป็นปี ถึงแม้เดือนหนึ่งจะรับภารกิจแค่สามภารกิจ แต่มันก็มากพอที่คนอื่นที่ไม่ใช่อรรคทำภารกิจคนเดียวคงได้ตายไปนานแล้ว
“เลิกบ่นเป็นพ่อสักทีได้ไหม…น่าเบื่อ”ผมเอ่ย ก่อนที่เราจะเดินมาถึงหน้าห้องพยาบาล
“ถึงฉันไม่ใช่พ่อนาย อายุก็ใกล้เคียงละนะ ฉันก็เห็นแกเป็นลูกคนหนึ่งเหมือนกัน หัดทำตัวดีๆบ้างเถอะเลิกทำให้ฉันปวดหัวสักที อายุนายพึ่งจะยี่สิบต้นๆเอง หัดรักตัวกลัวตายบ้าง ชีวิตยังอีกนานอย่ามาตายเอาตอนนี้เข้าใจไหม…“พนาเอ่ย เพราะความเป็นห่วงอรรคเป็นคนที่มีฝีมือ ในอนาคตหากมันไม่ตายเพราะลุยภารกิจคนเดียวซะก่อนนะ อรรคเป็นคนหนึ่งที่จะขึ้นไปยังจุดสูงสุดได้ไม่ยากบางทีมันจะขึ้นไปสูงมากกว่าพนาเองเสียอีก
“ผมไม่กลัวตาย…หากตายไปก็ถือว่าชดใช้”ผมพูดไม่ทันจบก็ถูกพูดแทรกขึ้นมาก่อน
“เรื่องตอนนั้น ไม่ใช่ความผิดของนาย อรรค นายทำดีที่สุดแล้ว อย่าโทษตัวเองอีกเลย”พนาถอนหายใจ มองไปยังอรรคที่ตัวเองพามานั่งในห้องพยาบาล ให้พยาบาลทำแผล สิ่งหนึ่งที่เขายังคงเป็นห่วงอย่างมากเรื่องเมื่อสองปีที่แล้วที่มันยังฝังใจของอรรค ที่มันยังคงหลอกหลอนเจ้าเด็กคิดมากคนนี้แล้วไม่รู้จะเลิกโทษตัวเองได้ไหม ตลอดชีวิตนี้
“…”ผมเงียบ มองออกไปนอกหน้าต่าง ทันทีที่เข้ามาในห้องพยาบาล หลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องเมื่อสองปีที่แล้ว ให้พยาบาลทำแผลไป
“แผลลึกมากเลยนะคะ เสียเลือดมากทำให้หน้าซีดแบบนี้ ทำไมถึงไม่รีบมารักษาละคะ”พยาบาลที่รักษาเอ่ยขึ้น พอเปิดแผลของผมออกมาก็ตรวจอย่างละเอียด
“…”ผมไม่ได้เอ่ยตอบพยาบาล ปล่อยให้พยาบาลทำแผลไป แสงสีเขียวออกมาจากมือพยาบาล ก่อนที่จะรักษาแผลของผม โดยมีผกก.พนามองดูผมทำแผลเงียบๆ ใช้เวลาสักพักแผลผมก็สมานดีขึ้น
“แผลภายนอกรักษาเรียบร้อยนะคะ แต่ภายในอาจจะใช้เวลาสักสองสามวันนะคะพลังของฉันไม่พอที่จะรักษาให้หายได้ทันที หมออีกคนก็ลานะคะ”พยาบาลเอ่ยพลังจากที่รักษาผมเสร็จ
“ไปไอ้ตัวแสบ อีกสักพักจะเรียกรวมที่สนามแล้ว ทีหลังก็หัดดูแลตัวเองด้วย จากนี้ไปพวกนายจัดการกันเองแล้วนะ เพราะฉันมีงานต่อ…”พนาเอ่ยก่อนที่จะเดินออกมาจากห้องพยาบาลและแยกไปยังอีกทาง ส่วนผมที่ได้รักษาแล้วจึงเริ่มดีขึ้น เดินมายังหน้าตึกเพราะอีกประมาณห้านาทีจะเริ่มเรียกรวมแล้ว ส่วนผมก็ไปหาอะไรทานที่โรงอาหารก่อนดีกว่า
“อรรค…”พอผมเดินเข้ามา ก็มีเสียงหวานเอ่ยขึ้นมาจากด้านหลังของผม
“พี่แพร…”ผมเอ่ยชื่อคนที่มาเรียกชื่อผม
“เป็นยังไงบ้างเรา สบายดีไหมไม่เจอกันตั้งนาน…”พี่แพรเดินเข้ามาทักผม
“สบายดีครับ ไม่ได้เจอกันเลยหลังจากที่พี่แพรได้ไปอยู่ทีมภาคใต้”ผมเอ่ยเพราะหลังจากเกิดเรื่องเมื่อสองปีที่แล้วทำให้พี่แพรได้ย้ายสังกัดไปยังทีมภาคใต้ดูแลจังหวัดภูเก็ต
“…เลิกโทษตัวเองละยัง?”พี่แพรเอ่ยถาม พลางมองเข้ามาในตาของผม จนผมรีบหลบตาเธอไป
“…”ผมไม่ตอบ
“ยังคิดมากอะไรอยู่ละ อรรค มันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว นายควรจะเลิกโทษตัวเองได้แล้ว ไม่ใช่ความผิดของนายเลย นายทำถูกแล้วที่ปิดประตูมิติเมื่อถึงเวลา หากไม่ปิดตอนนั้น จะแย่มากกว่านี้อีกนะ อรรค นายทำดีที่สุดแล้ว…”พี่แพรเอ่ย พลางตบบ่าผม
“แต่ผมพาพวกเขากลับมาไม่ได้…ผมเป็นคนฆ่าพวกเขา”ผมเอ่ย เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อสองปีที่แล้ว จิตใจผมก็เริ่มเขว เหมือนเหตุการณ์เมื่อตอนนั้น มันกลับมาอีกครั้งแม้จะเลือนลางก็ตาม ผมจำเรื่องราวที่เกิดตอนนั้นได้เลือนลางเท่านั้น
“ไม่จริง…อรรค ทำถูกแล้วพวกพี่ชาญ จะต้องเข้าใจอรรคนะ”พี่แพรเอ่ย ก่อนะที่คนในทีมของพี่แพรจะเรียกเธอ หลังจากนั้นพวกเราก็แยกจากกัน ที่พี่แพรมาที่ศูนย์ใหญ่เพราะมาส่งภารกิจเท่านั้น
ส่วนผมเดินไปยังร้านกาแฟที่ปกติมาที่ศูนย์ใหญ่จะแวะไปซื้อมาตลอด หลังจากที่สั่งน้ำชามิ้นต์ของโปรดของตัวเองไปไม่นาน ก็ได้ยินเสียงนกหวีด น่าจะเรียกรวมตรงสนามหน้าตึก ผมที่ไม่รีบเพราะให้คนอื่นพูดแทนไปก่อนและให้เรียกเด็กของตัวเองไปเหลือน้อยๆคงจะดี ไม่ต้องทนดูสายตาหลายๆคู่ที่อึดอัด ใช้เวลาไม่นานก็เดินมาถึงที่สนาม ก็เป็นไปตามที่ตัวเองคิดไว้เพราะมีคนพูดอธิบายเรื่องต่างๆไปแล้ว จนแต่ละคนเอ่ยเรียกเด็กในสังกัดกันเสร็จไปสองสามคนแล้ว ส่วนผมถือน้ำเดินเข้ามายินต่อแถวบนเวทีคนสุดท้าย
“ไปไหนมา…ทำไมมาช้า”คนที่ยืนข้างๆผมเอ่ยถาม เพราะเห็นว่าผมพึ่งมา
“พอดีไปห้องพยาบาลมา…เลยมาสาย”ผมตอบก่อนที่พี่เลี้ยงคนต่อไปจะค่อยๆแนะนำตัว และเรียกชื่อเด็กในสังกัด จนใช้เวลาไม่นานก็มาถึงตาของผมแล้ว
“คงไม่ต้องเรียกแล้วนะ…เหลืออยู่ห้าคน”ผมเอ่ยก่อนที่จะดูดน้ำหยดสุดท้าย มองไปยังเด็กใหม่ที่ยืนเหลือกันห้าคน ก่อนที่จะเรียกมายืนตรงหน้าแถว
“จากนี้ไปผมคือพี่เลี้ยงและคอยดูพวกนายในทุกๆเรื่องจากนี้ไปหนึ่งปี ขอให้พวกนายเคารพพี่เลี้ยงของพวกนายด้วย เพราะเขามีประสบการณ์มากกว่าพวกนายมาก…“พี่เลี้ยงคนหนึ่งเอ่ยเสียงดังฟังชัด ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปตามที่พักของแต่ละคน ส่วนผมที่ไม่มีที่พักที่นี่ก็ไม่ได้ไปไหนไกลเดินมาหยุดตรงที่ใต้ต้นไม้ใหญ่
“…”ผมมองไปที่เด็กใหม่ทั้งห้า ที่ยืนทำตาปริบๆมองผมทั้งห้าคน เอาละจะพูดอะไรดีละ เพราะสกิลการเข้าสังคมของตัวเองติดลบแค่ไหนตัวเองรู้ดี
“พี่จะไม่แนะนำตัวหน่อยเหรอครับ…“เด็กใหม่คนหนึ่งเอ่ยขึ้น ก่อนที่ผมจะเปิดแท็บเลตขึ้นดูรายชื่อ ในนั้นดูว่าใครชื่ออะไรกันบ้าง ผู้ชายใส่แว่นที่เอ่ยขึ้นคนแรกหลังจากที่เกิดเดดแอร์มาสักพัก มีชื่อว่า มาวิน
“อา…ยังไม่ได้แนะนำตัวสินะ…ผมชื่ออรรค จากนี้ไปหนึ่งปีผมจะเป็นคนที่ดูแลพวกคุณ…”ผมเอ่ยแนะนำตัวไป เด็กใหม่ทั้งห้าเงียบก่อนที่จะสุมหัวกัน
“อย่างที่มาวินพูดเลยว่าพี่เลี้ยงเรา เป็นพวกไม่มีใครคบ…”
“…”
“สถานการณ์ไม่ดีเลย ดูหน้าก็รู้แล้วว่า เข้าสังคมไม่เป็น”
“…”
“น่าสงสารจริงๆ ที่ต้องอยู่โดดเดี่ยวคนเดียวแบบนี้ เห็นว่าทำภารกิจคนเดียวด้วยนะ”
“…”
“พี่เค้าอาจจะรักสันโดดก็ได้นะ…ถ้าไม่มีคนคบเลย ต้องนิสัยแย่มากๆเลยนะ บลูว่าพี่เค้าไม่น่าถึงขั้นนั้นนะ ไม่งั้นจะโตมาได้ยังไงขนาดนี้ ถ้าไม่มีใครคบเลย”
“ผมได้ยินนะ…”ผมเอ่ย หลังจากที่ฟังเหล่าเด็กใหม่นินทาตัวเองระยะเผาขน ไม่ได้ยินก็หูตึงไปแล้ว!!!
“อุ้ย!! ได้ยินด้วยเหรอฮะ”เด็กชายเอ่ย
“ข่าวลือของพี่ มันหนาหูนิค่ะ พวกเราเลยกังวน…”หญิงสาวคนเดียวในกลุ่มเอ่ย
“…”ข่าวลือเรื่องของผม จากที่ดูพวกเด็กๆพูดกันแล้ว คงไม่ใช่เรื่องดีๆแน่ หลังจากที่มองด้วยสายตาที่มองมาหาผม
“ข่าวลือที่ว่าพี่ ไม่มีใครคบเพราะนิสัยไม่ดี หยิ่ง ขี้โมโห เข้ากับคนอื่นไม่ได้…”
“ผมไม่ได้เป็นแบบนั้น…”
“ไม่จริงอะ ดูจากทรงแล้วเป็นอย่างที่เขาลือกันแน่ๆ แต่ไม่ค่อยน่ากลัวอย่างที่เล่าลือกัน…“
“เหอะ…อยากจะคิดอะไรแบบนั้นก็เชิญ ผมเป็นยังไงผมรู้ดี ไม่ฟังคำขี้ปากเขาพูด ส่วนตารางแผนงานผมยังไม่ได้วางแผน หากทำเสร็จจะอัพโหลดให้อีกที…อยู่กับผมขอแค่เชื่อฟัง ไม่พูดมากเพราะผมไม่ชอบคนพูดมาก ไม่เสียงดังเพราะผมไม่ชอบ ไม่ทำตัววุ่นวายเพราะผมไม่ชอบ ไม่รบกวนหลังเวลาเลิกงาน หากมีเรื่องไม่จำเป็นไม่ต้องทักมาถาม เรื่องไร้สาระไม่ต้องพูดมาขณะที่ผมยังอยู่ แต่ครั้งนี้ผมจะไม่นับ เพราะผมยังไม่ได้บอกกฏของผมให้ฟัง…“ผมเอ่ย
”เป็นไปอย่างที่เขาลือกันจริงด้วย ดูสิ เรื่องมากกฏเยอะและดูไม่สมเหตุสมผลสักนิด“
“เอาน่า พี่เขาอาจจะพึ่งพูดคุยกับคนจริงๆครั้งแรกก็ได้นะ”
“…”
“ดูท่าทางน่าจะตัวคนเดียวมานาน ถึงเข้ากับคนอื่นยังไม่ค่อยได้”
“เราเป็นเด็กใหม่ก็ทนปรับตัวเข้ากับพี่เค้าหน่อยก็แล้วกัน ยังไงเขาก็อายุมากกว่าเรา ถึงจะไม่น่านับถือก็เถอะ”
“โอเคตามที่มาวินบอก เราจำเป็นต้องปรับตัวอย่างด่วน เพื่อการทำงานของทีมมันจะไปต่อได้…”
“…”เด็กพวกนี้เข้าใจที่ผมพูดกันไหมนะ?
“เข้าใจแล้วค่ะ/ครับ”หลังจากกระซิบ? กันเสร็จก็ตกลงกันได้ ว่าจะเชื่อฟังคนที่อายุมากกว่าไปก่อน ถึงแม้จะไม่อยากทำก็เถอะ แต่พวกเราเป็นผู้น้อยก็ต้องฟังผู้ใหญ่
“อืม…เข้าใจก็ดี”ผมพยักหน้ารับ หลังจากที่เด็กๆพวกนี้เหมือนจะเข้าใจกันแล้ว ก่อนที่จะพูดอะไรขึ้นอีกครั้ง ก็มีคนเดินมาหาซะก่อน
