บท
ตั้งค่า

Type 9: ประกาศิตสั่งซวย

Type 9: ประกาศิตสั่งซวย

กฎข้อที่ 5 ของนักต้มตุ๋น ควรรู้ว่าตอนไหนควรรุก ตอนไหนควรถอย เมื่อแพ้ก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้ และหาทางแก้ต่อไป

“เมฆา บ้านนายอยู่ที่ไหนเหรอ?” เสียงหนึ่งในจำนวนมากถามขึ้น เวลาผ่านมาเกือบสิบนาทีแล้วที่เมฆาโดนรุมล้อมอยู่แบบนี้ และถูกระดมถามด้วยคำถามไม่ได้หยุด เมฆาก็ไม่ว่าอะไร ตอบได้ก็ตอบ เพียงแต่อะไรที่เกี่ยวกับไซต์ของตัวเองจะหุบปากแน่นเป็นหอยกาบ แต่ก็ยังมีคนพยายามแงะออกมาอยู่ดี

“บ้านของผมอยู่ทางทิศใต้ของโรงเรียนนี่เองครับ” เมฆาตอบ

“งั้นนายก็เป็นคนไทยสินะ แต่ทำไมตานายเป็นสีน้ำเงินล่ะ?” ซายองถาม เมฆายิ้มบางๆ

“แม่ของผมเป็นคนไทย แต่พ่อของผมเป็นคนอังกฤษครับ” เมฆาตอบง่ายๆ “แต่ว่าพ่อทิ้งแม่ของผมไปตั้งแต่ผมยังไม่เกิด เลยอยู่กับแม่มาตลอดครับ” ผมตอบ ทุกคนพยักหน้าเข้าใจทำสีหน้าเห็นอกเห็นใจ บอกตรงๆผมล่ะเกลียดสีหน้าแบบนี้ที่สุด แต่ผมก็ยังใช้สีหน้าเดิมตอบกลับไป

“ว่าแต่ว่าเวลาเรียนแยกสายนี่ต้องทำยังไงบ้างเหรอครับ?” เมฆาถาม

“อ๋อ ก็จะแยกย้ายกันไปตามห้องเรียนที่กำหนดไว้น่ะ เอ เดี๋ยวนะ ตารางเรียนแยกห้องอยู่ไหน ใครมีบ้าง?” เด็กสาวคนนั้นหันไปถามเพื่อน แป๊บเดียวกระดาษแผ่นนั้นก็เวียนมาหา เมฆารับมาอ่านๆดูแล้วต้องหนักใจ นี่ตกลงเขาต้องเข้าเรียนสายไหนเนี่ย?

“ว่าแต่ว่าทำไมนายเข้ามากลางเทอมๆได้ล่ะ?” สาวสวยผมสีทองคนหนึ่งถาม เพราะปกติแล้วไม่ว่ายังไงก็ไม่น่าพามาแบบกะทันหันแบบนี้ อย่างน้อยก็รอจนจบเทอมถึงย้ายมา

เมฆายิ้มแบบไม่น่าไว้วางใจ

“อ๋อ พอดีครูเขาเห็นว่าผมอยู่ข้างนอกนานไปมันจะไม่ดีครับ เลยย้ายตัวผมเข้ามาให้เร็วที่สุด” เมฆาแถ ทุกคนมีสีหน้าทึ่งๆแต่ก็พยักหน้ายอมรับเพราะมันสมเหตุสมผล ผมชักรู้สึกว่าที่นี่สนุกดีชะมัด มาวันแรกก็มีเรื่องให้บริหารสมองกันได้ไม่หยุดหย่อนเลย

“นี่ นายน่ะ ที่ได้ยินมาว่าจัดการกับรุ่นพี่ปิแอร์กับไรจินด้วยตัวคนเดียวน่ะ จริงหรือเปล่า?” ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินแหวกวงล้อมเข้ามาแล้วนั่งลงบนโต๊ะของเขาอย่างถือวิสาสะ เหยียดยิ้มอย่างดูถูก “มันจริงเร้อ? แสดงให้ดูหน่อยสิ”

เสียงทุ้มเนิบๆของเขานั้นดูขัดกับแววตาหาเรื่องของเขาอย่างรุนแรง เสียงซ่าๆดังขึ้นมาในหัวของเขาแทรกการได้ยินเป็นปกติ เตือนให้รู้ว่าหมอนี่กำลังพยายามสะกดจิตผมอยู่ ผมระบายยิ้มเต็มหน้า แล้วโดยไม่มีใครทันคาดคิดก็กระชากคอเสื้อหมอนั่นลงระดับสายตา จ้องตาในระยะประชิด

“สะกดจิตด้วยเสียงเหรอครับ? น่าสนใจดีนะ ไม่ลองโดนสะกดจิตโดยการจ้องตาผมดูบ้างล่ะ?” อีกฝ่ายเบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึง ภาวการณ์อย่างนี้คนเราจะโดนสะกดจิตได้ง่ายกว่าปกติ แววตาของเขาวาวโรจน์ แต่ใครจะนึกว่าไอ้หมอนี่มันจะห่วยขนาดนี้ ถึงกับอึ้งพูดไม่ออก แม้จะหลับตาก็ไม่ทำ ผมกำลังจะปล่อยแบบเนียนๆ สัมผัสเย็นวาบที่คอก็ทำให้ผมชะงัก

ผมหันหน้าไปด้านข้างช้าๆ เด็กสาวที่ชื่อทาจิบานะมองผมด้วยสายตาเย็นชา มือซ้ายยกขึ้นมาโดยมีน้ำแข็งรูปร่างคล้ายดาบอยู่ในมือ พาดระหว่างคอของผมกับคอของหมอนั่นอย่างเงียบๆ

“การใช้ไซต์ทะเลาะวิวาทกันในห้องผิดกฎโรงเรียน” เธอพูดเรียบๆ ผมปล่อยมือออกจากคอเสื้อเป้าหมายแล้วยกมือทำท่ายอมแพ้ เธอพยักหน้าแล้วหันกลับไป ส่วนเจ้านั่นทรุดตัวลงทำท่าไปค่อกไอแค่ก ผมระบายยิ้ม

“น่ากลัวจัง วันหลังไม่ทำแล้ว” เขาแกล้งพูดไปงั้น จากนั้นไปมองไอ้หมอนั่นที่ทำหน้าเคียดแค้น “ล้อเล่นน่ะครับล้อเล่น โหสิๆ ผมสะกดจิตใครไม่เป็นหรอก จริงๆนะ” ผมพูด ทุกคนมีสีหน้าไม่เชื่อ เมฆาเอียงคอมองอีกฝ่ายที่ทำท่าราวกับอยากบีบคอเขาให้ตายลงซะตรงนั้น “สะกดจิตเด็กใหม่ข่มขวัญเพิ่มบารมีตัวเองงั้นเหรอครับ ช่างเป็นคนที่มีนิสัยน่าสังเวชซะจริงๆนะ”

เมฆาทิ้งให้ทุกคนซึมซับคำพูดเสียดสีอันเจ็บปวดนั้นไปตามลำพังแล้วหันไปทางทาจิบานะ

“คุณเป็นหัวหน้าห้องสินะครับ?” เธอพยักหน้า “เมื่อกี้เขาสะกดจิตผมด้วยล่ะ เกือบวูบไปแน่ะ ว่าแต่ถ้ามีการวิวาทเกิดขึ้นเนี่ย จะโดนลงโทษยังไงบ้างเหรอครับ?” ผมถาม เธอไม่ตอบ แต่ก้มหน้าลงไปใช้นิ้วจิ้มๆขีดๆบนหน้าจอ แป๊บเดียวหน้าต่างอันหนึ่งก็โผล่ขึ้นมา เขาก้มลงอ่าน

โทษต่างๆของการทำผิดกฎโรงเรียน (ฉบับย่อ)

แต่งตัวไม่ถูกระเบียบ 5 คะแนน

ทะเลาะวิวาท 10 คะแนน

ทะเลาะวิวาทโดยใช้ไซต์ 20 คะแนน

ใช้ไซต์ในห้องโดยไม่มีเหตุสมควร 10 คะแนน

หนีเรียน 20 คะแนน

หนีออกนอกโรงเรียน 30 คะแนน

ใช้ไซต์ให้ผู้อื่นที่ไม่ใช่ไซคลิกเห็น 40 คะแนน

เมฆาก้มลงมองแล้วเกาหัว อืม... แล้วไอ้คะแนนเนี่ยมันเอาไว้ทำอะไร?

“คือว่าอย่างนี้จ้ะ คะแนนจะเป็นตัวกำหนดเกรดของเราในหลายรายวิชาน่ะ พวกวิชาพลังจิตวิทยาหรือคะแนนจิตพิสัยก็อ้างอิงจากส่วนนี้ รวมไปถึงเงินสนับสนุนและสวัสดิการที่ทางโรงเรียนจะมอบให้ก็ขึ้นอย

กับคะแนนพวกนี้เหมือนกัน” เมฆาพยักหน้า หืม มีวิธีแบบนี้อยู่ด้วยสินะ งั้น... เราก็ไปเพิ่มเลเวลไว้หน่อยอาจจะดี จะได้เอาไว้ขู่คนอื่นง่ายหน่อย “ว่าแต่รู้เรื่องเลเวลแล้วรึยังจ๊ะ?”

“อ๋อรู้แล้วครับ พอดีมีเพื่อนบอกน่ะ ทั้งเรื่องเลเวลแล้วก็เรื่องฉายาด้วย” เมฆาระบายยิ้ม ว่าแต่ระบบสภานักเรียนนี่เป็นยังไงเหรอครับ?”

“ระบบสภานักเรียนมีประธานนักเรียน 1 คน รอง 4 คน แบ่งออกเป็นฝ่ายบริหารที่คอยจัดการงานต่างๆ ฝ่ายการเงินที่คอยจัดการเกี่ยวกับเรื่องเงินๆทองๆ ฝ่ายวิชาการที่คอยทำงานเรื่องการเรียน แล้วสุดท้ายฝ่ายคุมกฎ ที่คอยทำโทษคนทำผิดแล้วก็ดูแลความเรียบร้อยต่างๆจ้ะ” ผมพยักหน้าพยายามทำความเข้าใจ ซายองที่ดูจะเต็มใจอธิบายก็เล่าไปเรื่อยๆ “โดยคนที่จะเข้าสภานักเรียนได้ นั้นเงื่อนไขก็ขึ้นอยู่กับสภานักเรียนชุดนั้นๆด้วย แต่ส่วนมากจะคัดคนจากภายในของตัวเอง”

“เพราะว่าสภานักเรียนน่ะจะได้สิทธิพิเศษหลายอย่างมากจนเหมือนคนละชั้นกับคนทั่วไปเลยล่ะ ทั้งคะแนนที่ได้มากกว่า การใช้ห้องน้ำหรือซื้อของก็ได้สิทธิ์ก่อน ที่อยู่ที่นอน ข้าวของเครื่องใช้ สภานักเรียนจะได้สิทธิพิเศษทั้งหมดเลย ดังนั้นการเลือกตั้งสภานักเรียนในโรงเรียนนี้ถือเป็นเรื่องจริงจังมาก มีการตั้งกลุ่มคนที่เรียกว่ากิลด์ที่สืบทอดกันมาหลายรุ่นเพื่อสั่งสมฐานเสียงและเงินทุนสำหรับการเลือกตั้งอยู่ เพราะในแง่นึงนี่ก็คือการเมืองแบบย่อส่วน กิลด์ก็เหมือนพรรคการเมืองที่ย่อขนาดลงมานั่นเอง ” เด็กสาวผมสีทองที่สวยที่สุดในห้องพูดอวดๆ ปัดผมที่ปรกหน้าไปด้านหลังด้วยท่าทีสูงสง่า ผมไม่แปลกใจที่ผู้ชายหลายคนในห้องจ้องตาเป็นมันด้วยแววตาเคลิบเคลิ้ม

“คือแครีนเป็นคนในสภานักเรียนฝ่ายธุรการน่ะจ้ะ” ซายองอธิบาย ผมเลิกคิ้วแล้วยิ้มให้

“งั้นหรือครับ” เขาพูดแค่นั้น แล้วหันไปทางทาจิบานะ “แล้วคุณทาจิบานะล่ะครับ อยู่ฝ่ายไหน?”

“คุณทาจิบานะเป็นผู้ช่วยฝ่ายคุมกฎค่ะ” ซายองบอก “อันที่จริงแล้วหายากนะคะคนที่มีเลเวลเกิน50 แต่ไม่ได้เข้าสภานักเรียน อย่างเฮอคิวลิสหรือไรจินก็ไม่สนใจจะเข้า แล้วก็ยังมีพี่ ม.5 อีกสามสี่คนด้วยค่ะ” ซายองอธิบาย ผมเอียงคอคิดเพราะไม่เข้าใจว่าทำไมชินถึงไม่เข้าสภานักเรียน แต่บางทีท่าทางเหมือนกับฆ่าคนได้ด้วยมือเปล่า (ซึ่งก็จริง) ของชินอาจไม่เหมาะกับงานคล้ายๆตำรวจก็ได้

“ห้องเราก็ยังมีอีกคนนะคะที่ไม่ได้เข้า” ซายองพูดพลางเหลือบไปด้านหลัง เมฆามองตามไปแล้วพบกับเด็กสาวสองคนนั่งคู่กันที่หลังห้อง โดยบรรยากาศที่แผ่ออกมาทำรู้สึกถึงความแตกต่างได้อย่างชัดเจน

คนแรกเป็นเด็กสาวผมยาวสีดำ และนัยน์ตาสีดำ ใบหน้าเรียวรูปไข่ดูสง่า แต่ก็ราบเรียบดูเย็นชา ดูจากรูปร่างหน้าตาแล้วน่าจะมีเชื้อสายยุโรป แขนขาเรียวยาวสมส่วน ไม่สูงนัก แม้จะใส่ชุดนักเรียนแต่ก็มีเครื่องประดับเงินหลายชิ้นและมีผ้าลูกไม้สีดำคลุมผมอยู่ดูมีรัศมีความลึกลับแผ่ออกมาจนน่าขนลุก

ในขณะที่คนที่นั่งข้างๆเป็นเด็กสาวหน้ากลมผมสั้น ผิวขาวจัดเหมือนมีเชื้อจีน สวมแว่นตากรอบเหลี่ยม สีหน้าเรียบนิ่งดูไม่แยแสสิ่งรอบข้าง ให้ความรู้สึกมั่นใจในตัวเองและเป็นคนสมัยใหม่อย่างเต็มตัว ถ้าคนที่นั่งข้างๆให้อารมณ์ลึกลับ งั้นคนที่นั่งข้างๆก็ดูเหมือนไม่มีทางเกี่ยวข้องกับเรื่องลึกลับได้เลย

“เอ่อ... นั่นคุณฟรองซ์เยอซีกับคุณเซี่ยหลานค่ะ” ซายองพูดเบาๆเหมือนกระซิบราวกับกลัวคนที่นั่งด้านหลังรู้ตัว “เอ่อ... คุณฟรองซ์เยอซีเคยอยู่ในสภานักเรียนเกือบเดือน แต่แล้วก็ลาออกมาโดยไม่ทราบสาเหตุค่ะ” เธอพูดกระซิบกระซาบ ผมหันไปมองเธออีกครั้ง เธอกำลังเริ่มเรียงอะไรบางอย่างคล้ายๆไพ่ลงบนโต๊ะอย่างช้าๆทีละใบ เมื่อครบ เธอก็ประสานมือแล้วหลับตา บรรยากาศคล้ายหนักอึ้งลง เขาเห็นภาพหลอนเป็นออร่าปริศนาดำมืดลอยออกมาจากร่างของเธอ เซี่ยหลานมองเงยหน้าขึ้นจากหนังสือที่อ่านเหลือบมองเพื่อนตัวเองนิดหนึ่งแล้วกระถดเก้าอี้ถอยหนี ทุกคนกลืนน้ำลายเอื้อก เกิดความรู้สึกสังหรณ์ร้ายขึ้นมากะทันหัน

“ว่ากันว่าคุณฟรองค์เยอซีสืบเชื้อสายนักทำนายมาจากยิปซี เป็นนักเรียนชั้นแนวหน้าของสายก็อดโอเมนค่ะ” ซายองพูดเสียงหวาดๆ ผมว่าที่เป็นชั้นแนวหน้าเพราะไม่มีใครอยากไปยืนแถวเดียวกับเธอมากกว่านะ แต่ก็ได้แต่คิดไม่พูดอะไรออกมา

เฮือก!

จู่ๆเธอก็ลืมตาขึ้นจ้องเขาเขม็ง เธอค่อยๆลุกขึ้นยืนช้าๆ แล้วเดินอย่างแผ่วเบาไร้ซุ่มเสียงมาทางเขา ซึ่งก็น่าแปลกใจมาก เพราะที่ข้อมือและข้อเท้าของเธอมีกระพรวนเงินและกำไลข้อมือหลายเส้นคล้องอยู่ ส่วนที่คอก็มีเครื่องประดับหน้าตาแปลกๆหลายเส้นคล้อง ช่างน่าแปลกใจที่เธอยังใส่มันได้โดยไม่มีเสียงแม้แต่นิดเดียว

นักเรียนที่ยืนรายรอบโต๊ะของเขาค่อยๆสลายโต๋ไปอย่างเงียบกริบ บรรยากาศน่าหวาดหวั่นเข้มข้นขึ้นเมื่อเธอเดินอย่างแช่มช้าสง่างามมาทางเขา แล้วหยุดเท้าลง เธอจ้องตาผมด้วยแววตาราบเรียบเหมือนจ้องตาตุ๊กตาแล้วเธอก็ค่อยๆเอื้อนเอ่ยออกมาช้าๆด้วยเสียงกังวานใสน่าฟัง แต่ทำให้หลายๆคนในห้องขนหลังคอตั้งชัน

“ทางที่นายเลือก คือทางที่จะพานายไปสู่หายนะ” พูดจบเธอก็หันหลังกลับ แล้วเดินช้าๆกลับไปที่เดิม ท่ามกลางความอึ้งของทุกคน

“...”

อึ้ง พูดไม่ออกกันซักคน ทุกคนทำหน้าเหมือนมองเห็นหายนะมาลิบๆ มองเขาด้วยสายตาพรั่นพรึงและสงสารเห็นใจ เหมือนว่าเขาจะตายวันตายพรุ่งงั้นแหละ

เอื้อก

เสียงใครซักคนกลืนน้ำลายดังขึ้นทำลายความเงียบ ผมหันกลับไปอีกที ฟรองซ์เยอซีก็นั่งลงที่เดิมเหมือนไม่เคยเคลื่อนไหวไปไหน ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงเลื่อนโต๊ะเก้าอี้ซักนิด

“เอ่อ...” ผมไม่รู้จะพูดอะไร “งั้นเขามีฉายาหรือเปล่าครับ?”ผมถาม

“คุณฟรองซ์เยอซี... มีฉายาค่ะ” ซายองพูดด้วยสีหน้าคล้ายจะร้องไห้ “ฉายาเทพของเธอคือธอธ เทพเจ้าแห่งการทำนายและเจ้าแห่งเวทมนต์ของอียิปต์ เธอมีพลังในการทำนายอนาคต” ผมพยักหน้ารับ ก็ฟังดูดีนะ แล้ว...

“ส่วนฉายาสามัญของเธอคือ...” ซายองอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงสั่นๆ

“ประกาศิตสั่งซวยค่ะ”

“...” สมองของผมชะงักไปเสี้ยววินาที (ในกรณีของผมถือว่าร้ายแรงมาก) ผมประมวลข้อมูลจากเรื่องที่ได้ยิน ผล ยังงงๆ ขอข้อมูลเพิ่ม

ดูเหมือนซายองเด็กสาวผู้ใจดีจะรับรู้ เลยขยายความให้ “เมื่อเธอทัก คนคนนั้นจะพบกับเรื่องซวยตั้งแต่เบาะๆไปจนถึงหายนะ เอ่อ... มีข่าวลือว่าวิญญาณบรรพบุรุษของเธอคอยทำให้คำทำนายของลูกหลานเป็นจริงค่ะ”

ไม่น่าเชื่อว่าขนาดในโรงเรียนของไซคลิกที่วิทยาการก้าวหน้า ยังมีการเชื่อเรื่องพวกนี้อยู่อีกนะ ผมเหลือกตามองเพดานอย่างอ่อนใจ พูดตามตรงแล้วเขาไม่ได้เชื่อเรื่องวิญญาณหรือคำทำนายอะไรพวกนี้หรอก แต่ไหนๆทฤษฏีเกี่ยวกับอนาคตก็ไม่ได้เพิ่งจะมี อาจจะเป็นจริงก็ได้ แต่เขาไม่ชอบให้ใครมาตัดสินว่าสิ่งที่เขาเลือกมันผิดหรือถูก เขาถือว่ามันเป็นสิทธิ์ของเขาที่จะเลือกอะไรก็ได้ที่ตัวเองต้องการ ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะมองข้ามคำทำนายนี้ไปซะ

ผมมองทุกคนที่มองผมอย่างเห็นอกเห็นใจแล้วอดหัวเราะไม่ได้ “เอาเป็นว่าผมจะระมัดระวังเรื่องการตัดสินใจก็แล้วกันนะครับ”

“นายต้องระวังตัวนะ ฉันเคยโดนเธอทักว่าระวังเรื่องการเดินทาง เย็นนั้นฉันก็โดนรถชนจนเข้าโรงพยาบาลไป 3 อาทิตย์ เป็นครั้งแรกที่เธอพูดถึงเรื่องร้ายแรงอย่างหายนะ...” เด็กหนุ่มข้างซ้ายของเขาพูด เมฆาจำได้ว่าเขาชื่อไทสัน ไทสันทำหน้าเหมือนโลกกำลังจะแตกอยู่รอมร่อ ระหว่างที่ผมกำลังปวดหัวไม่รู้จะทำยังไงดี ครูผู้สอนก็เดินเข้ามาในห้องแล้ว

“นักเรียน เตรียม” เสียงแผ่วเบาของคุณทาจิบานะทำให้ทุกคนวิ่งกลับที่นั่งของตัวเองทันที ผมผุดลุกขึ้นตามคนอื่น ทุกคนยืนนิ่งมองไปทางครู “เคารพ”

ทุกคนโค้งคำนับครูทันที

“อรุณสวัสดิ์ครับ/ค่ะคุณครู” ทุกคนพูดพร้อมเพรียงกัน ครูพยักหน้ารับ

“นั่งได้”

ทุกคนทรุดตัวลงนั่งพร้อมเพรียงกัน ครูคนนี้เป็นผู้หญิงอายุประมาณ 40 ปีต้นๆ ใบหน้าเคร่งขรึมนั้นดูจริงจังขณะที่เสียบแผ่นอะไรบางอย่างเข้าด้านข้างของไวท์บอร์ด สิ่งที่ผมนึกว่าเป็นไวท์บอร์ดก็ปรากฏกรอบข้อความต่างๆผุดขึ้นมาทันที เอ๋อ นี่เป็นหน้าจอคอมหรอกเหรอ?

“วันนี้เราจะเรียนเรื่องไซคลิกในประวัติศาสตร์ต่อจากเมื่อวาน ทุกคนเตรียมจดต่อด้วย” เธอพูดไปแล้วเริ่มอธิบาย “ไซคลิกที่โด่งดังในประวัติศาสตร์ต่อจากเมื่อวานคือ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เขามีคอมมานเดอร์ไซต์ (Commander psych) จัดเป็นไซต์ที่หายากมากชนิดหนึ่ง ผู้นำที่โด่งดังในประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่มีไซต์ในสายนี้ ไซต์นี้จะมีความสามารถในการทำให้ผู้รับคำสั่งปฏิบัติตามอย่างว่าง่าย จงรักภักดี และโน้มน้าวคนอื่นได้ง่าย ทำให้คนส่วนใหญ่ที่มีไซต์นี้เป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ เช่นเดียวกับพระเจ้าอโศกมหาราช ไซต์ที่คล้ายคลึงกันกับไซต์นี้คือเพอร์เซียด ไซต์ (Persuade psych) เป็นความสามารถในการโน้มน้าวใจคน พบมากในคนที่มีความสามารถเข้ากับคนได้ง่ายและชักจูงคนเก่ง คนดังในประวัติศาสตร์ก็เช่น เหมาเจ๋อตุง เป็นต้น” อาจารย์พูดไปรูปภาพบนหน้าจอก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ “ส่วนใหญ่แล้วความสามารถส่วนนี้จะเป็นความสามารถจากคลื่นอัลฟ่าหรือสายเบรนซิงโคร เขาสามารถส่งคลื่นสมองของตนออกไปแทรกแซงคลื่นสมองของคนอื่นได้ ทำให้เกิดความรู้สึกร่วมได้ง่ายกว่าปกติ จะรุนแรงแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับระดับ เป็นความสามารถชนิดติดตัว (Passive psych)”

ครูสาวหันมาด้านหลังแล้วพบว่านักเรียนคนหนึ่งกำลังนั่งกอดอกฟังเธอโดยไม่ได้จดลงไป ทำให้เธอแสยะยิ้มเหี้ยม

“คุณวิวัฒนปัญญา ทำไมคุณไม่จด?”

“ผมจดไม่เป็นครับ” เมฆาตอบซื่อๆ ก็เขาใช้ไม่เป็นจริงๆนี่นา

“งั้นทำไมไม่หัด? เวลาคาบที่แล้วมีตั้งชั่วโมง อย่างน้อยน่าจะมีเวลาหัดใช้งานบ้าง” อาจารย์พูด หรี่ตามองแล้วยิ้มเยาะ “หรือว่ามัวแต่เอาเวลาไปทำเรื่องไร้สาระแทนที่จะเตรียมตัวเรียน?”

นักเรียนคนอื่นสวดภาวนาให้เมฆาในใจเมื่อตกเป็นเป้าหมายของอาจารย์แองเจล่าผู้ขึ้นชื่อด้านความโหดไร้ความปราณีแก่นักเรียน เมฆาซึ่งเป็นนักเรียนใหม่ตกเป็นเป้าหมายอย่างน่าสงสาร

แต่เมฆาผู้ซึ่งคนอื่นมองว่าตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายกลับระบายรอยยิ้มละไม แล้วตอบว่า

“ไม่ใช่เรื่องไร้สาระหรอกครับ เพียงแต่ว่าผมเห็นว่าการผูกมิตรกับเพื่อนในห้องนั้นเป็นการเตรียมตัวเตรียมใจและสภาพแวดล้อมที่ดีก่อนเรียน อย่างน้อยเวลาเจอครูที่สอนไม่ได้เรื่องหรือเรื่องน่าเบื่อๆจะได้อาศัยเพื่อนในการช่วยเหลือ ดีกว่าไปงมโข่งหลับหูหลับตาเรียนทั้งๆที่ไม่รู้เรื่องเพราะเข้ามากลางเทอมน่ะครับอาจารย์”

อึ้ง อึ้งสนิททั้งห้อง อาจารย์แองเจล่าอ้าปากค้างอย่างตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะเจอการตอบโต้แบบนี้ แต่ความหยิ่งในฐานะครูทำให้เธอหรี่ตามองเป้าหมายที่เคี้ยวยาก แล้วตอบโต้

“งั้นหรือ งั้นเธอเห็นว่าการคุยเล่นไร้สาระกับเพื่อนสำคัญกว่าการเรียนงั้นหรือ?” อาจารย์แองเจล่าสรุปแบบกล่าวหาอย่างหน้าตาเฉย แต่เมฆาระบายยิ้มน้อยๆ

“เปล่าครับ ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้น แต่ผมเพิ่งมาวันแรก แน่นอนว่ายังไงก็ตามเนื้อหาไม่ทันอยู่แล้ว ไม่ว่าอาจารย์จะสอนดีแค่ไหน ในเมื่อไม่มีทางตามทันแน่ๆ ดังนั้นผมเลยอยากผูกมิตรกับเพื่อนๆเอาไว้เพื่อให้ช่วยอธิบายเนื้อหาผมได้แทนดีกว่าไงครับ” เมฆายิ้มซื่อแต่ความหมายช่างเจ็บปวดนัก

อาจารย์แองเจล่าหรี่ตาอย่างไม่ชอบใจ ประสบการณ์การเป็นครูมาสิบกว่าปีที่เธอมองนักเรียนอย่างต่ำกว่าและกดนักเรียนมาตลอด เพิ่งจะเจอนักเรียนที่ไม่ยอมให้เธอกดเป็นครั้งแรก

“เธอพูดอย่างนี้หมายความว่าไง?” เธอถามเสียงเข้มในแบบที่ใช้เมื่อใดไม่มีนักเรียนคนไหนกล้าหือ

เมฆายิ้มแสนสุภาพให้อาจารย์

“เปล่าครับ ผมแค่ตอบคำถามของอาจารย์เท่านั้นเอง” เมฆาตีสีหน้าใสซื่ออย่างแนบเนียน

“บ้านเธอเคยสั่งสอนเกี่ยวกับการให้เกียร์ติผู้หลักผู้ใหญ่บ้างไหม? เธอก็เป็นคนไทย รู้สึกว่าไทยจะเน้นเรื่องนี้มากนี่” เธอหรี่ตาพูด

เมฆาหรี่ตาลงทันที มันเท่ากับด่าว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอนเขาชัดๆ ซึ่งในกรณีของเขา มันเป็นคำด่าที่เจ็บแสบที่สุดกว่าทุกๆคำหยาบคายเลยทีเดียว

“สอนครับ แม่ของผมเคยสอน” เมฆาพูดสุภาพ “นอกจากนี้ยังเคยสอนอีกหลายเรื่องด้วย จริงอย่างที่อาจารย์บอกครับ เมืองไทยของเราเน้นย้ำเองการสุภาพต่อผู้หลักผู้ใหญ่มาก” อาจารย์แองเจล่ายิ้มสะใจ แต่ก็แค่แวบเดียว เมฆามองอาจารย์ด้วยดวงตาคมกริบ

“แต่เราก็ได้รับการปลูกฝังว่าพ่อแม่เป็นสิ่งสูงสุด และคนที่ดูถูกพ่อแม่ของเราก็ไม่ควรได้รับการเคารพใดๆครับ” เมฆาประกาศเนิบๆ ความคิดที่จะอ่อนให้หายไปในพริบตา

“งั้นสิ งั้นก็เรียนต่อ” อาจารย์แองเจล่ายิ้มมุมปากแล้วหันกลับไปสอนต่อ เก็บความโกรธลงไปในส่วนลึก ถ้าเกิดต่อปากต่อคำต่อไปในห้องอาจจะดูไม่ดี ไว้จัดการทีหลัง อีกอย่าง เธอก็ไม่มั่นใจว่าจะสู้คารมเด็กคนนี้ได้ ไหนๆตอนนี้เธอก็เป็นต่อ จบลงตรงนี้น่าจะดีกว่า

เมฆากัดฟันกรอด เพิ่งจะเคยรู้สึกเสียท่าขนาดนี้เป็นครั้งแรก อีกฝ่ายทิ้งระเบิดเอาไว้แล้วหนีจากสนามรบไป ไม่เปิดโอกาสให้เขาสวนกลับเลยซักนิด

คราวนี้เขาเป็นฝ่ายแพ้

เมฆายอมรับเงียบๆ ขึ้นบัญชีอาจารย์แองเจล่าเป็นบุคคลอันตรายในหัวอย่างเงียบ

โรงเรียนนี้ท่าจะไม่ใช่เล่นๆซะแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel