บท
ตั้งค่า

Type 21: การไล่ล่าในป่าใหญ่

Type 21: การไล่ล่าในป่าใหญ่

กฎข้อที่ 18 ของนักต้มตุ๋น ไม่มีอะไรที่ไม่มีทางสำเร็จ มีแต่ไม่เสร็จเพราะไม่คิดจะทำ

เมฆากดปากแผลที่ต้นแขนให้เลือดหยุดไหล แม้จะไม่ได้เป็นแผลร้ายแรงอะไรเมื่อเทียบกับอีกฝ่าย แต่ก็ทำให้ความสามารถในการหลบหนีของเขาลดลง เมฆาสอดส่ายสายตาไปรอบๆ น่าดีใจที่โรงเรียนนี้รักธรรมชาติ ทำให้ที่นี่มีป่ามากมายที่จะซ่อนตัว แต่ปัญหาคือจะหนีจากพวกนั้นได้ยังไง

เมฆาก้มลงมองหยดเลือดที่พื้นแล้วพิจารณาถึงเปอร์เซ็นต์ในการโดนจับ มันมีค่อนข้างสูงหากเขายังคงทิ้งร่องรอยไว้เรี่ยราดขนาดนี้ ต้องหาสถานที่พักผ่อนหอบหายใจเอาไว้ก่อน ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางหนีรอดแน่

เมฆาหยิบไซปาล์มขึ้นมาเปิดฟังชั่นแผนที่ GPS ระบุว่าตอนนี้เขาอยู่ในป่าทางทิศเหนือของโรงเรียน ป่ามีรูปร่างเป็นครึ่งวงกลม ด้านหนึ่งติดผนังโรงเรียน ส่วนที่เหลือเปิดโล่งไม่มีจุดบอด ถ้าเขาฝ่าออกไปก็จบเห่สถานเดียว ไม่รู้เพราะอะไร แต่พวกนั้นเหมือนจะตัดสัญญาณการสื่อสารของเขาไปได้ ให้ตาย แบบนี้มันแย่จริงๆนะ

เมฆามองผู้คนเป็นร้อยที่เริ่มปิดล้อมป่านี้อย่างครุ่นคิด มันมีขนาดราวๆหนึ่งตารางกิโลเมตร ไม่น่าจะรอดหากพวกนั้นกระจายกำลังโอบล้อมแล้วเริ่มจัดกำลังค้นหาเขาไม่รู้ว่าคนพวกนั้นจะมาจัดการเขาได้เมื่อไหร่ ทั้งหมดดูเหมือนจะขึ้นอยู่กับเวลา เมฆากัดฟันมุ่งหน้าลึกเข้าไป ภาวนาให้มีทางรอดซักสาย

ไม่น่าเชื่อ... ว่าใจกลางกรุงเทพมันจะมีป่าขนาดนี้อยู่ด้วย เมฆารู้ซึ้งถึงคำว่าป่าอย่างถ่องแท้ก็วันนี้ เมื่อต้องผจญกับขวากหนามสารพัดสารเพ แมลงและพืชมีพิษ เถาวัลย์ห้อยระโยงรยางค์ สัตว์ป่าตัวเล็กที่ไม่น่าคบเท่าไหร่นัก ยิ่งเดินเข้าไปเขายิ่งรู้สึกเหมือนหลงเข้ามาอยู่อีกโลก ทุกสิ่งทุกอย่างดูจะห่างไกลออกไป

เมฆาทรุดตัวลงนั่งใต้ต้นไม้แห่งหนึ่ง คิดคำนวณดูว่าจะหนีไปได้อีกนานเท่าไหร่ น่าเศร้าที่พอคิดดูแล้วมันช่างสั้นนัก อีกไม่นานพวกนั้นจะเริ่มกระจายกำลังผ่านเป็นกำแพงมนุษย์เข้าโอบล้อมแล้วเริ่มเดินตรวจค้นเข้ามาเรื่อยๆ เขาคงจะถูกจับได้ในไม่กี่นาที

เมฆาผ่อนลมหายใจยาวเหยียด หนีต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ สุดท้ายด้วยกำลังคนที่มากกว่าอย่างเหนือชั้น เขาก็ต้องถูกจับอยู่ดี เด็กหนุ่มหลับตาผ่อนคลายอย่างปลงตกต่อชะตากรรม... ว่าเขามันบ้า!

เมฆาลืมตาขึ้นแล้วลุกขึ้นยืน สาวเท้าเข้าสู่ส่วนในด้วยแววตาแน่วแน่ หนีไม่พ้นหรือ? ไม่มีทางรอดหรือ? คนมันเยอะเกินไปงั้นหรือ? แล้วไง คิดว่าฉันเป็นใครกัน!

เอาสิ ถ้าคิดว่าฉันจะงอมืองอเท้ารอการจับกุมล่ะก็ ฝันไปเถอะ อย่างน้อยก็ต้องให้พวกแกได้จ่ายค่าตอบแบบขูดเลือดขูดเนื้อกันหน่อยล่ะ!

วอนเนอร์กุมลำคอที่พันผ้าเอาไว้ แขนข้างหนึ่งด้ามเผือกไว้ทั้งแจน และอีกข้างก็พันคล้องไหล่เอาไว้ แม้วิทยาการการแพทย์ของที่นี่จะก้าวหน้ากว่าโรงพยาบาลไหนๆในโลก แต่แขนและข้อมือของเขาก็ใช่ว่าจะหายได้ในเวลาอันสั้น เมฆาเชือดคอเขาแบบไม่ลังเลจนเขาสลบไปในพริบตา ฟื้นขึ้นมาอีกทีก็พบว่ามันเลี่ยงเส้นเลือดใหญ่และกล่องเสียงให้ ทำให้เขารอดตายหวุดหวิด แต่มันยิ่งทำเขาแค้นเคืองหนักกว่าเดิม ความอัปยศในครั้งนี้จะไม่มีวันลืม ประกาศิตดาราถูกส่งออกไป ทั้ง 12 นักษัตร และ 144 ราศีต่างมารวมตัวกัน

กองกำลังของเขาคือ SKY มีเขาเป็นผู้นำสูงสุด รองลงมาคืออัศวินผู้ปฏิญาณตนกับเขา เรียกว่า 12 นักษัตร และแต่ละนักษัตรจะมีอัศวินใต้บัญชาอีก 12 คน คือ 12 ราศี รวมเขาด้วยแล้วกองกำลังนี้มี 157 คนเลยทีเดียว ใหญ่กว่ากองกำลังไททันของโลกิเกือบครึ่ง แต่เขาและ 12 นักษัตรกลับมาพลาดท่ากลับไอ้เด็กใหม่ที่เพิ่งได้ฉายาเทพ!

เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงเกียรติภูมิของเขาอย่างยอมไม่ได้! ถึงต้องระดมคนทั้งหมดก็ต้องลากไอ้หมอนั่นออกมาสับเป็นชิ้นๆ!

วอนเนอร์มองดูนักเรียนกระจายกันเป็นแถวโอบล้อมรอบป่า แล้วเริ่มเดินเป็นแถวหน้ากระดานเข้าไป สอดส่ายสายตามองหา พร้อมๆกับกันไม่ให้เป้าหมายหนีออกมาได้ เวลานี้ยังเช้าอยู่ คิดว่าไม่เกินครึ่งชั่วโมงเขาคงได้อัดมันให้หนำใจ!

ในเวลานั้น วอนเนอร์ไม่ได้รู้ตัวเลยว่า การค้นหาครั้งนี้จะยาวนานกว่าที่เขาคิดมาก...

เมื่อเข้ามาในป่าแล้ว กลุ่มคนของสกายก็เริ่มปฏิบัติการค้นหา โดยวางเครื่องรบกวนสัญญาณมือถือเอาไว้เรียบร้อย ไม่ต้องกลัวว่ามันจะโทรไปขอความช่วยเหลือจากใคร ถึงจะสะกิดความสงสัยของบางคนว่าทำไมพวกเขาถึงพากันโดดเรียนมาทั้งกลุ่ม แต่หากจับเมฆาได้ก็เป็นอันจบเกม

“ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมกะอีแค่คนคนเดียวถึงต้องเรียกระดมพลด้วยประกาศิตชุมนุมดาวด้วย” ชายคนหนึ่งบ่นอย่างไม่สบอารมณ์ขณะกวาดดาบไม้ในมือไปตามพงหญ้า ที่ปกเสื้อของเขามีเข็มกลัดรูปท้องฟ้าสีดำ มีดวงดาวสีแดงออกส้มเรียงตัวเป็นหมู่ดาวคันชั่ง และรูปร่างลางๆของคันชั่งแขนคู่ บ่งบอกว่าเป็นอัศวินราศีตุลย์ สังกัดหน่วยอัศวินปีชวด

“เอาน่า หมอนั่นมันทริกกี้โจ๊กเกอร์นะ ได้ยินมาว่าล้มโลกิกับไรจินได้พร้อมกันเลยนะ” ชายอีกคนปลอบ ที่อกมีรูปหมู่ดาวคนคู่สีน้ำเงิน เป็นตราของราศีเมถุนอัศวิน

รูปแบบตำแหน่งของอัศวินในสังกัดสกายนั้นไม่ซับซ้อน ผู้สูงศักดิ์ของกองทัพคือวอนเนอร์ มีอัศวินปฏิญาณตน 12 คน เป็น 12 นักษัตร แต่ละคนมี 12 ราศีของตนเป็นอัศวินในปฏิญาณอีกที ใน 12 ราศีจะมีการแบ่งชนชั้นออกเป็น 4 ระดับ ไล่จากต่ำไปหาสูงคือ วสันตอัศวิน คิมหันตอัศวิน สารทอัศวิน และสูงสุดคือเหมันตอัศวิน แบ่งโดยจักรราศีตามช่วงเดือนๆในแต่ละฤดูนั้น

แม้จะไม่ซับซ้อน แต่ก็ชัดเจนในลำดับความแข็งแกร่ง ดังนั้นแต่ละคนจึงต่างต้องแข่งขันเพื่อเลื่อนยศของตน ในสภาพที่ถ้าใครสูงอีกคนต้องตกนั้น ทำให้กองทัพสกายพัฒนาไปได้เรื่อยๆไม่มีหยุด เต็มไปด้วยอัศวินสายต่อสู้เกือบทั้งหมด ถึงจะไม่ได้มีพวกมันสมองอย่างโลกิ แต่ถ้าพูดถึงด้านกำลังรบ คงไม่มีกองทัพไหนในโรงเรียนเทียบได้อีกแล้ว

เป็นกองกำลังอัศวินที่เข้มแข็งที่สุดในปัจจุบัน ไร้ผู้ต่อกรโดยตรง

แต่... มันก็ต้องมีข้อยกเว้นกันบ้าง

สวบ!

“อ๊ากกกก!!!!!” เสียงร้องดังลั่นขึ้นเมื่ออัศวินคนหนึ่งถูกกับดังรัดขาแล้วถูกดึงลอยขึ้นไปเหนือพื้นหลายเมตร อัศวินทั้งหลายตื่นตัวขึ้นมาทันทีเมื่อตระหนักว่าศัตรูสู้

“เฮ้ย! มันซุ่มโจมตี!” ใครบางคนตะโกนทันที แล้วเตรียมเข้าไปช่วยเพื่อน แต่ก่อนที่จะทำอย่างนั้น กิ่งไม้กิ่งเล็กๆเต็มไปด้วยใบกิ่งหนึ่งก็ฟาดเข้าเต็มๆที่ใบหน้า

“อุ๊บ! อะไรเนี่ย! เหวอ!!!” ชายคนนั้นร้องลั่น เมื่อมดแดงจำนวนมากทะลักออกจากรังที่ถูกตีแตกไว้ก่อน พรมลงบนตัวจนทั่ว อัศวินคนนั้นดิ้นรนพยายามหาทางรอดจนไม่สามารถไปช่วยเพื่อนที่ห้อยต่องแต่งอยู่ได้ แต่ถึงไม่ต้องช่วยเขาก็ลงมา

ฉั๊วะ!

เสียงเชือกขาดดังขึ้นเมื่อเชือกเถสวัลย์ถูกตัด เจ้าของร่างถูกทิ้งดิ้งห้อยหัวลงมาจากระดับความสูงกว่า 5 เมตร

“เหวอ!!!!” ชายหนุ่มร้องเสียงลั่นเมื่อทำท่าจะหล่นลงไปโหม่งโลก โชคดีที่เพื่อนคนหนึ่งตรงเข้ามารับร่างเอาไว้ได้ทันพอดี

“บ้าชิบ! ระวัง! มันทำกับดัก!” ชายผู้เกือบจะได้กลายเป็นแตงโมแตกสบถสาบานว่าจะจับเมฆามาสับเป็น 18 ท่อน รีบตะโกนบอกให้ทุกคนเตรียมตัวป้องกันกับดัก แต่ด้วยระยะที่ห่างกันพอสมควร ทำให้ไม่ค่อยจะได้ยินกันมากนัก ยังไม่ทันได้ตั้งตัว กลุ่มใบไม้ก็กระจัดกระจายลงมาจากด้านบนลงบนร่างทุกคน ทุกคนยกมือปัดป้องอย่างเตรียมพร้อมรับเหตุเปลี่ยนแปลง แต่กลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นนอกจากใบไม้เปล่าๆ

“หือ? อะไร แค่ใบไม้?” ชายในสังกัดนักษัตรขาลยกใบไม้ขึ้นมาดู มันเป็นพืชตระกูลไม้ล้มลุก มีขนาดไม่ใหญ่นักประมาณฝ่ามือ... แต่...

“โอ๊ย!!! คัน!!! อะไรกันโว้ย!!!” ทุกคนยกมือขึ้นเกาตามตัววุ่นวายด้วยความเจ็บปวด ต่างรู้สึกคันคะเยอปวดแสบปวดร้อนไปทั่วทั้งตัว ดิ้นรนเกาอย่างสุดชีวิต

“หมามมุ่ย!” ใครบางคนร้อง พอรู้ก็หน้าถอดสีไปตามๆกัน ใครที่ไม่รู้จักพอถามเพื่อนก็ต้องหน้าเสีย มื่อพบกับพืชมีพิษอันโด่งดังของไทย ยิ่งผิวบางๆแบบนี้... อา คงไม่ต้องทำอะไรนอกจากเกากันนะ

“เกิดอะไรขึ้น!!” พรรคพวกที่ได้ยินเสียงเร่งรีบมาดู แต่ก็พบเพียงพรรคพวกที่ดิ้นทุรนทุรายพยายามเการ่างกายส่วนต่างๆอย่างเอาเป็นเอาตายอยู่เท่านั้น พอได้ฟังแล้วถึงกับหน้าถอดสี

“หมามุ่ยงั้นเหรอ เฮ้ย! มาอีกแล้ว!!!” ทั้งหมดร้องลั่นเมื่อมัดเอาวัลย์ที่เต็มไปด้วยใบไม้ชนิดเดิมร่วงลงจากที่สูง และขาดกลางอากาศ ปล่อยใบพืชให้ปลิวว่อนลงสู่กลุ่มคน ก่อเกิดผลอันน่าอัศจรรย์

“อ๊ากกก!!! แสบบบ!!! ปวดดด!!!” ทั้งหมดร้องเป็นเสียงเดียวกันเมื่อสัมผัสถูกใบไม้นั้น ปวดแสบปวดร้อนกันเป็นแถว บางคนมีผื่นเดงขึ้นตามตัวและลามไปทั่วทั้งตัวอย่างน่ากลัวเนื่องจากอาการแพ้

“อืม... ไม่ใช่หรอก นั่นไม่ใช่หมามุ่ย มันเป็นตำแยแมวน่ะ พูดไปคงไม่รู้จักหรอกนะ” เมฆาที่นั่งสังเกตการณ์อยู่บนต้นไม้สูงใบดกทึบแห่งหนึ่งพึมพำกับตัวเองแล้วยักไหล่ “ก็นะ คงไม่ได้บอกกันหรอก ดีจริง ใครนะตัดสัญญาณมือถือ ช่วยได้เยอะเลย” เมฆากวาดตามองเหล่าอัศวินที่เริ่มโอบล้อมเข้ามาทางทิศนี้แล้วก็ปีนลงมา

“เริ่มจะมากันแล้ว ดูเหมือนทางโน้นจะมีบานทน (พืชมีพิษ ยางมีฤทธิ์ทำให้สลบหรือตายได้) แต่ไม่ดีกว่า ท่าจะแรงไป เราก็กะปริมาณไม่ค่อยถูกด้วย น่าดีใจจริงๆที่ป่านี้มันอุดมสมบูรณ์ดี” เมฆายิ้มเยาะแล้วลัดเลาะลับหายไปในกลุ่มไม้ราวภูติพราย

“จะเชือดฉันหรือ? คิดใหม่ดีกว่ามั๊ยมาใครจะเชือดใคร” เงาหลังอันแน่วแน่นั้นแฝงหายลับไปในกลุ่มแมกไม้

วันนั้นทั้งวันเป็นสถานการณ์อันเลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยเกิดมา ตลอดเวลาทั้งวันคนร้อยกว่านั้นถูกทั้งกับดักต่างๆรวมไปถึงพืชและแมลงมีพิษมากมายเล่นงานเอาเกือบถ้วนทั่ว เบาะๆก็กับดักหลุม หนักหน่อยก็หมามุ่ย ตำแยแมว รังตัง ทำให้ทุกคนได้ประจักว่าพืชในป่าของเมืองไทยมีส่วนที่เป็นอันตรายมากขนาดไหน โชคดีที่เมฆาไม่ได้เอาหนักถึงขนาดเอาพวกพืชมีพิษร้ายแรงมาเล่นงาน เพราะมันอาจถึงตายได้ ถึงมีความเป็นไปได้ว่าเมฆาอาจจะไม่รู้จักพืชเหล่านั้น แต่ทุกคนกลับสำนึกขอบคุณฟ้าดินที่มันไม่เล่นเต็มแรง

เวลาทั้งวันผ่านไปอย่างเหนื่อยล้าและอิดโรย เกินครึ่งต้องถูกส่งอาคารพยาบาล และส่วนใหญ่ไม่ขอกลับเข้าร่วมทีมค้นหาอีกเด็ดขาดแม้ว่าจะได้รับการรักษาแล้ว เพราะอะไรน่ะหรือ?

หากใครรักษาตัวแล้วยังตามเข้ามาในป่าอีก ก็แปลว่ากับดักของผมมันอ่อนไปหน่อย ขอให้รู้ไว้ว่าผมจะเพิ่มระดับของกับดักให้มากขึ้นอีกหน่อย ถ้าอยากมาเล่นสนุกอีกก็ได้นะ ผมชอบ

กระดาษแผ่นนี้ถูกปักเอาไว้ที่โคนต้นไม่ ไม่กี่นาทีข้อความในกระดาษก็ลามไปจนทั่วทั้งกองทัพสกาย ไม่มีใครไม่รู้อีกว่าเมฆาทำอะไรได้บ้าง

วอนเนอร์แทบจะคลั่งใจตาย แม้จะให้อัศวินที่มีไซต์สายเบรนคอนโทรลในการค้นหาช่วยก็แล้ว ให้บินค้นหาก็แล้ว หรือกระทั่งเทเลพอร์ตหาแบบปูพรมก็แล้ว กลับไม่เจอแม้แต่เงาของหมอนั่น แต่ทุกคนกลับโดนกับดักมากขึ้นเรื่อยๆจนคนที่ถอนตัวมีมากกว่าครึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าการตามจับคนคนเดียวจะยากเย็นขนาดนี้ เงยหน้าขึ้นมองก็พบว่าตะวันขึ้นตรงหัวแล้ว

“ชิ เที่ยงแล้วเรอะ” วอนเนอร์เริ่มลนลาน ถึงตอนนี้ก็แทบจะปิดไม่อยู่แล้วว่าคนของพวกเขามาทำอะไรกัน ก็ไอ้นั่นเล่นงานจนต้องส่งอาคารพยาบาลกันเกือบหมด ทำให้เรื่องแทบจะปิดไม่มิดแล้ว

ทริกกี้โจ๊กเกอร์... แสบกว่าที่เขาร่ำลือกันอีกนะ

“ท่านวอนเนอร์ครับ! ทางโน้นมีควันไฟครับ!” เสียงนักษัตรอัศวินคนหนึ่งพูดขึ้นเมื่อมองเห็นควันไฟลอยขึ้นเป็นสายเล็กๆจากจุดหนึ่ง “ผมว่ามันต้องพักทานอาหารแน่นอนครับ! สภาพร่างกายแบบนั้น ยังไงก็ต้องหาทางฟื้นฟูเรี่ยวแรงแน่!”

วอนเนอร์ฉีกยิ้มหมายมาด เพราะเขาเองก็เริ่มหิวแล้ว เป็นไปมได้ที่คนที่บาดเจ็บเจียนตายแบบนั้นจะหนีไปพร้อมๆกับวางกับดักโดยไม่พักกินอะไรเลย

“ส่งคนไปดู นั่นอาจจะเป็นกับดัก ระวังด้วย” วอนเนอร์สั่ง เหล่าอัศวินรับคำแล้วรีบรุดไป ซักพักก็กลับมาบอกว่าพบเพียงซากไก่ป่าที่เหลือแต่ขนและกระดูก ส่วนเจ้าตัวหายไปแล้ว วอนเรอ์กัดฟันออกคำสั่ง

“ตามไปที่นั่น แล้วตามรอยมันไปให้ได้!” ทุกคนทำตามคำสั่ง ตรงเข้าโอบล้อมบริเวณนั้นทันที วอนเนอร์เดินเข้าไปจนกระทั่งพบว่าจุดนี้เป็นพื้นที่โล่งใต้ต้นไม้ใหญ่ มีขนไก่ป่าและเลือดจำนวนหนึ่งหกอยู่บนพื้น นอกนั้นก็ยังมีเพียงกองไฟที่ไกล้มอดส่งควันออกมาหนึ่งกอง

“มันฉลาดมาก ก่อไฟโดยให้เกิดควันน้อยที่สุด ตั้งอยู่ใกล้ต้นไม้ใหญ่เพื่อบังสายตา พอกินเสร็จก็จากไป ตอนนี้มันไม่ได้กระพือไฟให้แรงแล้ว เลยเป็นควันขึ้นมาจนพวกเรามองเห็น” อัศวินหมาป่าพูดเมื่อพิจารณาร่องรอยเสร็จ “ทางนั้นมีผ้าสะอาดและน้ำ มีร่องรอยการทำแผลอย่างยอดเยี่ยม และถูทาสมุนไพรบางอย่างเพื่อดับกลิ่น จากนี้คงตามกลิ่นเลือดลำบากแล้วครับ” อัศวินหมาป่าถอนหายใจ เขาเป็นชายหน้ายาวผมสั้นสีเทา ลักษณะไม่สูงนักแต่ดูปราดเปรียว มีไซต์สายบอดี้อเวตาร์ที่สามารถติดตามเป้าหมายจากกลิ่นได้ วอนเนอร์กัดฟันกรอด

“กระบี่อัศวินเป็นยังไงบ้าง” วอนเนอร์เงยหน้าขึ้นถาม ชายหนุ่มรูปร่างปราดเปรียวก็ห้อยโหนลงมาจากกิ่งไม้สูง แต่มีมัดกล้ามเนื้อที่แข็งแรงทั้งแขนและขา ใบหน้าคล้ายวานรอยู่บ้างนั้นฉายแววจนปัญญา ทิ้งตัวลงมาแล้วส่ายหน้า

“ผมไม่เห็นร่องรอยเลยครับ ถึงมันจะไม่ได้ปีนต้นไม้เก่งเหมือนผม แกะรอยไม่สู้วูลฟ์ แข็งแกร่งไม่เท่าพยัคฆ์อัศวิน วิ่งไม่เร็วและทนเหมือนอัศดรอัศวิน แต่เรื่องหนีและเจ้าเล่ห์นี่... ถ้าเขาบอกว่าตัวเองเป็นที่สอง คงไม่มีใครกล้าบอกว่าเองเป็นที่หนึ่งแน่”

วอนเนอร์กำหมัดแน่น ไม่คิดว่าไอ้หมอนี่จะไม่ได้มีดีแค่แรง มิน่าถึงเลือกฉายาเมอคิวรี่ เทพองค์นั้นไม่ได้มีดีเรื่องการต่อสู้นี่นะ

ประเมินต่ำไปจริงๆ

วอนเนอร์ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วจาม ยกมือขยี้ตาที่เริ่มแสบร้อน บ้าเอ๊ย ขนาดไฟมันก่อทิ้งไว้ยังทำให้ฉันระคายเคืองเลย!

แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมากลับพบว่าไม่ใช่แค่เขาคนเดียว ทุกคนกำลังขยี้ตาและตามเนื้อตามตัวอย่างรุนแรงพร้อมกับร้องโอดโอยระงม

“โอ๊ย!!! แสบตา! แสบจมูก! นี่มันอะไรกันเนี่ย!!!” ทุกคนร้องโอดโอย กลุ่มควันหนาแน่นขึ้นทุกขณะ ใครบางคนเอะใจรีบไปเขี่ยไฟให้มอด แต่ยิ่งเข้าไกล้ เปลวไฟที่เมื่อกี้เหมือนจะมอดก็ส่งควันหนาแน่นแสบร้อนออกมาจนเข้าไกล้ไม่ได้

“บาเอ๊ยยย!!! มันเผาพืชมีพิษทิ้งไว้!!!” วอนเนอร์ร้องลั่นอย่างสุดกลั้น ทั้งหมดทรมานกันอีกพักใหญ่กว่าจะดับไฟลงได้ด้วยไซต์สายน้ำ แต่ทั้งหมดก็หน้าแดงคอพองกันไปทั้งตัวแล้ว

“ไอ้... เม... ฆา...” วอนเนอร์พูดลอดไรฟันน้ำตายังไหลไม่หยุดลืมไม่ขึ้น

“ผมสงสัยมานานแล้วนะ” มกร (มะ-กะ-ระ-) อัศวินเอ่ย เขาเป็นชายชาวเกาหลีหน้าคมเข้ม ดวงตาทอแววทรงภูมิปัญญา รับตำแหน่งอัศวินปีมะโรง(งูใหญ่) “ถ้ามันทำได้ขนาดนี้ จะหนีไปจากพวกเราก็เป็นเรื่องง่ายๆนี่”

ทุกคนนิ่งอึ้งคิดตาม แล้วเริ่มเย็นสันหลังวาบ ในขณะที่มกรอัศวินยังวิเคราะห์ต่อ

“มีความสามารถในการซ่อนร่องรอย ใช้กับดัก ใช้พืชสมุนไพร เคลื่อนไหวในป่าได้อย่างไร้ร่องรอย ทำให้ทุกคนไม่สามารถจะจับได้ จริงอยู่ที่ตอนแรกทุกคนกระจายกันไปเลยช่วยกันยาก แต่ยิ่งบีบวงล้อมเข้ามา ถึงจะตีกรอบไว้ได้ แต่เราก็ยิ่งศูยเสียไพร่พลไปในปริมาณที่พอกัน” ชายหนุ่มวิเคราะห์อย่างเยือกเย็น “สรุปเมื่อเปรียบเทียบจำนวนคนที่เรามีกับสภาพพื้นที่ที่เราล้อมเอาไว้ได้ บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าหละหลวมกว่าตอนแรกมาก” ทุกคนหนาวไปตามสันหลังเมื่ออัศวินหนุ่มสรุป “หมายความได้อย่างเดียวคือ...” ดวงตาทรงภูมิรอบรู้ของมกรอัศวินทอแววหวาดหวั่นและอับจนปัญญาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน “เรากำลังถูกปิดล้อมไม่ให้หนีออกไปได้แทนแล้ว”

ความเย็นยะเยือกที่ไม่รู้จักแล่นไปตามแผ่นหลัง ทุกคนรู้สึกราวกับตกลงไปในหล่มน้ำแข็งอันหนาวเหน็บทั้งๆที่เป็นเวลาเที่ยงวัน เมื่อตระหนักถึงข้อเท็จจริงอันน่ากลัว

“อาศัยเขาคนเดียวกำลังชักใยให้พวกเราเต้นไปบนฝ่ามืออย่างไม่อาจขัดขืนด้วยความสนุกสนาน”

วินาทีนั้น ทุกคนปรากฏถ้อยความหนึ่งขึ้นภายในใจโดยพร้อมเพรียงกัน เป็นคำจำกัดความที่ทุกคนต่างยกย่องให้แก่ชายที่ทรงภูมิปัญญาไหวพริบ และเปี่ยมไปด้วยเล่ห์เพทุบายหลักแหลมไร้เปรียบที่สุดในสาธิตเซนต์ปิแอร์

“ใช่แล้ว คิดได้แล้วสินะเหล่าสกายทั้งหลาย” เมฆานั่งยิ้มเอกเขนกอยู่บนต้นไม้สูงห่างไกลจากวงล้อม จับตามองทุกคนที่ครุ่นคิดความจริงอันน่าหวาดหวั่นได้ในที่สุด ร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลที่ได้รับการปฐมพยาบาลเป็นอย่างดีเอนกายพิงง่ามไม้ด้วยท่าทีแสนสบายราวแมวขี้เกียจตัวหนึ่ง ข้างๆมีกล่องข้าวที่ว่างเปล่าของแก้ววางอยู่ด้วย เมฆาทอดสายตามองเหล่าตุ๊กตาที่วิ่งเต้นไปมาเหล่านั้นอย่างสนุกสนานเต็มที่ ราวกับแมวผู้หยอกเย้าหนูอย่างเพลิดเพลินก่อนกิน “เอาล่ะ จะหนีออกจากป่านี้ยังไงดีล่ะ” เมฆายกฝรั่งผลหวานขึ้นกัดเป็นอาหารหวานล้างปาก

“จับดาวเหรอ ว้าว! น่าสนุกจัง!” แววตาสีน้ำเงินเป็นประกายเมื่อนึกถึงสิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เป็นจริง กัดฝรั่งคำสุดท้ายที่หมดเกลี้ยงไม่เหลือแม้แต่แกน บิดขี้เกียจแล้วกระโดดลงจากต้นไม้หายลับไปในเงาไม้ราวปีศาจ

กองทัพสกายได้ตระหนักแล้วถึงตัวตนของเหยื่อ ที่ตอนนี้กลายมาเป็นผู้ล่าเขาเสียเอง บุรุษผู้พลิกความเป็นไปไม่ได้ให้กลายเป็นจริง

ทริกกี้โจ๊กเกอร์ (ตัวตลกมายากร) ผู้ชักเชิดทุกคนบนฝ่ามือ จอมมายาผู้ทำสิ่งน่าเหลือเชื่อให้เป็นความจริง พลิกทุกสิ่งให้เปลี่ยนแปรไปได้ด้วยกำลังของตนเอง

เป็นชายที่ไม่น่าต่อกรมากที่สุดเท่าที่เคยเจอมา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel