Type 19: ผิดพลาดเพราะความเขลา หรือเป็นสิ่งที่ผิดแต่แรก
Type 19: ผิดพลาดเพราะความเขลา หรือเป็นสิ่งที่ผิดแต่แรก
กฏข้อที่ 16 ของนักต้มตุ๋น บางครั้งแล้วจงย้อนคิดว่าสิ่งที่ตนเองเลือกถูกหรือผิด เมื่อคิดได้แล้ว จงใช้มันเป็นบทเรียนในการเลือกเส้นทางต่อไป
เมฆาหรี่ตามองเด็กสาวที่ชื่อเอมิลี่อย่างประเมินท่าที พิจารณาถึงภัยคุกคามที่อาจพามาถึงตัว และจัดไว้ในระดับสูงสุด เด็กหนุ่มหรี่ตามองเอมิลี่ที่ยังจ้องเขาอยู่ในหัวแล่นพล่านไปด้วยแผนการมากมายที่จะปิดปากเธอในทันที
“คุณต้องการอะไร” เมฆาถามตรงๆ เด็กสาวเลิกคิ้วแล้วคลี่ยิ้ม
“ไม่ต้องการอะไรหรอก ฉันไม่ใช่พวกชอบข่มขู่คน แค่หวังว่านายจะทำให้ฉันได้ดูละครสนุกๆซักฉากหนึ่งเท่านั้นแหละ” เธอตอบแล้วยักไหล่ เมฆาหรี่ตาอย่างประเมินท่าที เขาไม่รู้ว่าเธอจะมาไม้ไหนกันแน่แต่ความผิดพลาดของเขามันถึงตายเลยทีเดียว
“แล้วผมต้องทำยังไง?” เอมิลี่ชะโงกตัวค้ำเหนือร่างเขา ดวงตากลมโตหลังแว่นนั้นทอแววใคร่รู้สนุกสนานแบบเดียวกับคนที่เจอสิ่งที่น่าสนใจที่สุด
“ดำเนินชีวิตของนายไป เล่นละครสนุกๆฉากนี้ให้ฉันดูต่อ ฉันแค่ต้องการจะดูจุดจบของละครที่น่าสนุกเรื่องนี้เท่านั้น” เธอพูดแล้วก็ยืดตัวขึ้น เมฆาไม่ได้เข้าใจอะไรเลยซักนิดกับสิ่งที่เธอพูด แต่ก็พอเข้าใจได้ว่ามันเป็นสัญญาณที่ดี เด็กสาวลุกขึ้นบิดขี้เกียจ
“เอาล่ะ เชิญเล่นละครสนุกๆของนายไปละกัน”
เมฆามองตามแผ่นหลังเล็กๆของเธอเดินจากไปด้วยสีหน้าราบเรียบ ดวงตาวาวโรจน์อย่างน่ากลัว เอมิลี่... น่าสนใจดีนี่ มาลองดูกันซิว่าเธอจะรอดไปปากโป้งได้ก่อน หรือว่าฉันจะปิดปากเธอได้ก่อน
บางครั้งแล้วการตัดสินใจของเราเองก็เป็นการรัดคอตัวเองให้ตายแบบไม่รู้ตัว เมฆาที่อุตส่าห์เลือกห้องอยู่ที่ชั้นล่างๆ เพราะเวลาขึ้นลงจะได้ไม่ต้องผ่านห้องของคนอื่นมากนัก แต่กลับกลายเป็นว่าเขาดันมาอยู่ห้องติดริมปีกตัวอาคารที่มีห้องน้ำและห้องประชุมอยู่ด้วยนี่สิ
หอพักนักเรียนหญิงแผนก ม.ปลายเป็นอาคารแบบยุโรปรูปทรงหรูหรา ดูเหมือนปราสาทในยุคกลางมากกว่าหอพัก ห้องพักและการตกแต่งยังคงตกแต่งแบบโบราณ เวลามองให้ความรู้สึกคนละแบบกับหอพักชาย แน่นอนว่าการรักษาความปลอดภัยยังเป็นแบบเก่า เขายังต้องเป็นคนรักษากุญแจและดูแลความเรียบร้อย นั่นสาหัสทีเดียวเมื่อเด็กสาวที่เคยชินกับการแต่งตัววับๆแวมๆเดินไปมาเดินเพ่นพ่านอยู่ในปราสาท และขยันขว้างอะไรก็ตามที่อยู่ใกล้มือใส่เขา แค่ชั่วโมงแรกเขาก็อยากจะบ้าตายให้ได้
ให้ตาย ใครที่คิดว่านี่เป็นบุญหล่นทับ อยากให้ลองมาเป็นเขาดูแล้วจะรู้ ว่านี่มันนรกชัดๆ เขาตัดสินใจป่าวประกาศให้ทุกคนมาประชุมรวมกันที่ห้องโถงใหญ่ ตามมาตรการหอพักที่ให้นักเรียนทุกคนมารวมตัวกันเพื่อฟังประกาศต่างๆทุกวันเวลาสองทุ่ม แต่เท่าที่ฟังดู ดูเหมือนครูมิเรียเรียกประชุมแทบจะนับครั้งได้ ดังนั้นยังไงเขาก็ต้องหาทางป้องกันรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ก่อน
เมฆากวาดตามองไปรอบๆห้อง ทั้งห้องโถงเต็มไปด้วยนักเรียนสาวหลายร้อยคนดูละลานตาเมื่อไร้ซึ่งเพศชายเจือปน ทุกคนอยู่ในชุดลำลองหรือชุดนอนดูผ่อนคลลายน่าสบาย มันคงจะเป็นฮาเร็มในฝันหากทุกคนไม่จ้องเขาเหมือนกำลังจ้องแมลงสาบที่ไม่รู้จะเอารองเท้าแตะฟาดหรือเอายาฆ่าแมลงพ่นดี
“เอ่อ... สวัสดีครับทุกคน ผมชื่อเอกนภา ปัญญาวิวัฒน์ เพราะว่าห้องพักของผมนั้นถูกนักเรียนบุกเข้าไปทำลายจนไม่สามารถนอนได้จึงได้หาห้องพักใหม่ แต่ครูผู้ดูแลหอพักไปงานวันเกิดลูกสาวเลยต้องมาหาอาจารย์มิเรีย และเธอก็จับเอาผมมาเป็นผู้ดูแลหอพักแทนเธอ 1 สัปดาห์แทนเธอที่จะบินไปต่างประเทศ” เมฆารีบเล่าต้นสายปลายเหตุให้ทุกคนฟังก่อนที่จะไม่มีโอกาสพูด ดูเหมือนทุกคนจะเย็นลงหน่อย แต่ก็ยังมองเขาเหมือนเป็นโจรอยู่ดี “ต้องขอโทษจริงๆ ผมไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้ แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ผมว่าเราควรมาตกลงกฎระเบียบกันก่อนที่จะอยู่ด้วยกันนะครับ” เมฆาพูด
“นายเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาออกกฎ?” เด็กสาวคนหนึ่งพูดขึ้นมาอย่างท้าทาย เมฆาไม่สนใจ แต่พูดต่อไป
“ข้อแรก ผมไม่อยากให้เกิดปัญหาเรื่องการเข้าห้องน้ำผิดอีก ผมทราบว่าเมื่อก่อนที่นี่เป็นปราสาทและมีห้องน้ำชายหญิงชัดเจน แต่พอเป็นหอพักหญิงห้องน้ำชายก็กลายเป็นห้องน้ำหญิงไป ผมอยากขอให้ห้องน้ำชายบริเวณชั้นหนึ่งกลับมาเป็นห้องน้ำชายตามเดิมชั่วคราว ส่วนห้องอื่นผมว่าผมคนเดียวคงไม่ต้องไปใช้อะไร ห้องอาบน้ำนั้นกำหนดเวลาปิดอยู่ที่ 3 ทุ่ม ผมจะเข้าไปอาบหลังจากสามทุ่มแล้ว หากใครลงมาหลังจากนั้นกรุณาสังเกตหน้าห้อง ผมจะแขวนป้ายว่ากำลังใช้งานเอาไว้ให้ ในทำนองเดียวกัน ห้องไหนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้า ขอให้ล็อกหรือแขวนป้ายแสดงสัญลักษณ์ว่ากำลังใช้เอาไว้ด้วยครับ” เมฆาพูด
“นายเป็นใคร ทำไมเราถึงต้องทำตามนายด้วยฮะ! ไอ้โรคจิต!” เด็กสาวคนเดิมพูดซ้ำ เมฆามองอย่างเคืองนิดๆ จำได้ว่าเป็นเด็กสาวที่ด่าเขาอยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้านั่นเอง
“อ้อ คุณยกทรงคัพเอสีชมพู อ้อ ไม่ใช่สินะ คุณชื่ออะไรล่ะ?” เมฆาแกล้งเย้า เด็กสาวหน้าขึ้นสีด้วยความโกรธปนอายทันที
“กรี๊ดดด!!! ฉันชื่อไอกะย่ะ!!!” เธอร้องโหวกเหวกทำท่าจะลุกขึ้นมาอัดเมฆาที่อยู่หน้าห้อง เพื่อนๆพากันดึงตัวเธอเอาไว้ เมฆายิ้มสบายอารมณ์ที่ไอกะลงความเห็นว่ากวนโอ๊ยเป็นที่สุด
“ขอโทษด้วยครับคุณไอกะ อันที่จริงผมเองก็อยากอยู่ร่วมกันกับทุกคนอย่างสงบสุข ขอแค่ปฏิบัติตามข้อตกลงเล็กๆน้อยนี้เท่านั้น พวกเราก็จะสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยปลอดภัย” เมฆากล่าวกวาดสายตาไปรอบๆห้อง
“ถึงผมจะไม่ได้เต็มใจเข้ารับตำแหน่ง แต่ผมก็สัญญาว่าจะทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด ถ้ามีปัญหาอะไรก็บอกผมได้ ขอบคุณครับ เลิกประชุมได้”
เมฆาจัดข้าวของอยู่ในห้องอย่างสงบ พยายามยอมรับความจริงและหาวิธีรับมือ ทั้งเรื่องการมาดูแลหอหญิง และเรื่องของเอมิลี่ เมฆาขมวดคิ้วพลางดิ้นรนหาทางแก้ แต่ไม่ว่าจะคิดทางไหนก็ไม่ใช่เรื่องที่วิญญูชนควรทำเลยซักทาง ไหนๆก็ไหนๆ ไปเผชิญกับปัญหามันเลยดีกว่า ตัดสินใจเสร็จก็ลุกขึ้นไปดูแผนผังห้อง ตรงไปยังห้องของเอมิลี่ทันที
เมฆายกมือเคาะประตูที่ไม่ได้ลงกลอนแล้วรอซักครู่ ประตูห้องก็เปิดออก เอมิลี่ในชุดนอนมองเมฆาผ่านแว่นตาหนาอย่างประเมินท่าที
“มีอะไร?” เด็กสาวพูดห้วนๆชนิดไม่รับแขกแม้แต่น้อย
“ผมอยากคุยเรื่องนั้นให้เคลียร์” เมฆาแจ้งความจำนง
“ไม่มีอะไรต้องคุย ฉันรับปากแล้วว่าจะไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใคร และจะรักษาสัญญา ไม่ต้องห่วงมากเรื่องน่า”เธอพูดเสียงเนือยๆ เมฆาขมวดคิ้ว
“นั่นมันพูดยากอยู่นะ อยากรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่กันแน่”
“ฉันบอกแล้วว่าต้องการดูละครสนุกๆ” เธอมองเมฆาด้วยแววตาวาววับ “ฉันชอบเฝ้าดูผู้คน มองเห็นในสิ่งที่คนเหล่านั้นพยายามปกปิด เห็นหน้ากากของคนในจากวงนอก เป็นผุ้สังเกตการณ์ที่คอยเฝ้ามองเรื่องราวด้วยความเป็นกลาง นั่นเป็นสิ่งที่ฉันชอบ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงรื่นเริงแบบเด็กๆ เมฆายิ้ม
“งั้นเหรอ? งั้นในฐานะผู้สังเกตการณ์ คุณเห็นว่าผมเป็นคนยังไง?”
“หลงตัวเอง ชอบคิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ใส่หน้ากากหลอกคนอื่นให้คิดว่าเป็นลูกแกะไร้พิษสง บ้าระห่ำถือดี ยโสโอหังไม่ยอมใคร” เธอพูดไปพลางเจียระไนไปทีละข้ออย่างไร้ซึ่งความเกรงใจชนิดหาข้อดีไม่ได้ เธอเหลือบตามองขึ้นแล้วพบว่าเมฆากำลังยิ้มให้เธออย่างไร้ซึ่งความโกรธเคืองแต่อย่างใด “พึลึก” เธอแถมท้าย
“โอ้ เชื่อแล้วว่าคุณเป็นนักสังเกตการณ์ตัวจริง” เมฆามองเข้าไปในห้อง ภายในห้องมีคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์แปลกๆตั้งอยู่หลายอย่าง เขาคิดว่าเธอน่าจะชวยซ่อมดรีมให้เขาได้
“โอเค ผมเชื่อคุณ ว่าแต่คุณรับซ่อมเอไอไหม?” เอมิลี่เลิกคิ้ว
“ทำไมฉันต้องมาทำเรื่องน่าเบื่ออย่างนั้นด้วย ไม่เอาล่ะ ฝันดี” พูดจบเธอก็ทำท่าจะปิดประตู เมฆายกมือกันไว้ เอมิลี่ถลึงตามองเมฆา แต่เด็กหนุ่มกลับแค่ยิ้ม
“คุณน่าจะเคยได้ยินคำว่า ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลกนะ”
“ไม่ล่ะ ฉันถือแต่ว่าอย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือน่ะ”
เมฆามองดูประตูที่ปิดอย่างแรงห่างจากจมูกเขาไปแค่ไม่กี่เซนต์แล้วส่ายหน้ายิ้มๆ
ใช่ว่าจะไม่มีทางเสียทีเดียวนะ
เมฆาถอนหายใจแล้วเดินออกจากห้องพักในเวลากลางดึก เป็นเวลาที่เขาคิดว่าทุกคนคงหลับหมดแล้ว เด็กหนุ่มเดินถือเสื้อผ้าและผ้าเช็ดตัวมุ่งหน้าไปทางห้องอาบน้ำ หลังจากมองดูแล้วไม่เห็นสัญลักษณ์ใดๆแขวนไว้และไม่ได้ล็อก เขาก็ค่อยๆถอดเสื้อผ้า แล้วเลื่อนตัวลงบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติ ชักเข้าใจแล้วว่าทำไมที่นี่ถึงใช้เป็นหอพักหญิงแทนที่จะไปใช้อาคารใหม่
ไอร้อนลอยอ้อยอิ่งอยู่เหนือผิวน้ำ ทำให้เมื่อเลื่อนตัวลงน้ำแล้วก็เหมือนอยู่อีกโลก เมฆาหลับตาลง ซึมซับความอุ่นจนร้อนของน้ำพุ ชะล้างความเหนื่อยล้าเคร่งเครียดที่สะสมอยู่ในตัวออกไป
แล้วเริ่มคิด
บางทีแล้วการกระทำของเขาที่ผ่านมาอาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ถูก การที่ตัดสินใจเข้ามาเรียนที่นี่ ตัดสินใจประกาศท้าทาย ตัดสินใจเป็นคนลวงโลก ทั้งหมดนั้นอาจเป็นทาแยกที่พาไปสู่หายนะ และเขาเป็นคนก้าวเดินเข้ามาในหลุมพรางนั้นเอง
การเป็นจอมลวงไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องอาศัยทักษะหลายๆอย่างทั้งประสบการณ์ ไหวพริบ และพรสวรรค์ แต่ทั้งหมดนั้นแน่นอนอยู่อย่างหนึ่ง ว่าจอมลวงไม่มีวันที่จะใส่หน้ากากหลอกผู้คนไปได้ตลอด ต้องมีซักวันที่หน้ากากนั้นจะถูกถอดออก และถูกตราหน้าเป็นคนชั่วช้าสารเลวเข้าซักวัน ความลับไม่มีในโลก...
และนักต้มตุ๋นไม่เคยมีจุดจบที่ดี
ถามว่าทำไมตัวเขาเองถึงเลือกเส้นทางนี้ทั้งๆที่รู้ทุกอย่างดี พาตัวเองมาอยู่ในจุดที่ไม่อาจถอยหลังได้ ผิดพลาดเพียงนิดเดียวก็จะตกลงสู่ก้นบึ้งนรก แต่ก็ก้าวเดินไปต่อไปทั้งๆที่รู้ว่าจุดหมายก็ยังเป็นปากเหวอยู่ มันไม่ใช่วิสัยของคนที่ทำอะไรโดยใช้เหตุผลอย่างเขาเลย
เมฆาแหงนหน้าทอดถอนใจ ปล่อยความคิดให้ลอยละล่อง แล้วนึกหาสาเหตุที่ตัวเองทำสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งที่ยึดถือมาตลอดวันนี้เขาพลาด พลาดอย่างไม่น่าให้อภัย พลาดแบบโง่ๆ ความร้อนรนทำให้เผลอพูดออกมาอย่างคับแค้น นั่นเป็นจุดพลิกที่อาจทำให้เขาถึงฆาตได้
การจะปิดปากผู้หญิงคนหนึ่ง มันง่ายชนิดไม่น่าเชื่อเชียวล่ะ หาจุดอ่อน แบล็กเมย์ เล่นสงครามจิตวิทยา โดดเดี่ยวด้วยการบีบคั้นจากสังคม ป้ายสีให้เป็นคนเลวร้าย ขุดคุ้ยประวัติมาหาจุดอ่อน เล่นงานครอบครัว ทำให้อับอายจนไม่กล้าสู้หน้าคนข่มขู่ได้ตั้งแต่แบบเบาะๆยันแทบฆ่าตัวตาย
แต่... เธอผิดอะไร คนผิดคือคนที่เป็นคนลวงโลกอย่างเขาต่างหาก คนที่บังเอิญพบความลับนั้นต่างหากที่เป็นฝ่ายถูก การทำเรื่องเลวร้ายเพื่อปิดบังความลับ... มันใช่สิ่งที่ควรทำงั้นหรือ
เมฆาหลับตาลง
ที่นี่เป็นสถานที่แห่งสุดท้ายที่เขาจะได้พำนัก เป็นสวนสนุกขนาดมหึมาที่จะทำให้ชีวิตเขาไม่จมจ่อมอยู่กับความจำเจ หากความลับนั้นแตกมันจะพาไปสู่อะไร? คำเหยียดหยาม สายตาดูแคลน? มันสำคัญตรงไหนในเมื่อมันเป็นผลที่เขาควรได้รับ?
“ถ้าพ่อยังอยู่คงจะพูดว่าเลือกแล้วก็อย่าคร่ำครวญ รีบๆจ้ำเข้าสินะครับ” เมฆาพึมพำ คล้ายกับจะมองเห็นใบหน้าอันเคร่งขรึมจริงจังของบิดาขึ้นมาในความคิด ดวงตาที่เข้มงวดแต่อ่อนโยน และดวงตาที่ไม่มีวันได้เห็นอีกเป็นครั้งที่สอง “และถ้าแม่ยังอยู่... คงจะบอกผมได้ว่าอะไรถูกอะไรผิด” เมฆาหลับตา นึกถึงใบหน้าอ่อนโยนและน้ำเสียงนุ่มนวลปลอบประโลมของผู้ให้กำเนิด รู้สึกเหงาขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
ไม่มีใครอีกแล้ว พ่อและแม่ก็ได้ตายจากไปแล้วทั้งคู่ เหล่าญาติที่พากันจ้องมองเขาราวกับเป็นเนื้อหวานฉ่ำน่าลิ้มลอง เป็นเนื้อร้ายที่ควรกำจัดแต่เนิ่นๆ และเหล่าคนที่มองเขาเป็นถุงเงินเคลื่อนที่ บางทีเขาอดคิดไม่ได้ว่าถ้าถูกจับไปเรียกค่าไถ่ เหล่าญาติๆคงจะยินดีปรีดาให้เขาตายไปแน่นอน เมฆาเหยียดกายน่าที่สบายขึ้น
‘พ่อกับแม่ไม่มีใครอยู่กับลูกได้ตลอดหรอกนะ คลาวด์ ลูกต้องคิด และเลือกเส้นทางเดินของตัวเอง’
ไม่มีใครให้ปรึกษาอีกแล้ว จากนี้ ทางเลือกที่เลือก เราต้องเป็นคนรับผิดชอบเอง
เฮ้อ สุดท้ายก็ลงเอยแบบนี้สินะ
เสียงน้ำจ๋อมที่ดังขึ้นแสดงว่ามีผู้ลงมาในบ่อ เมฆาสะดุ้งสุดตัว เพิ่งนึกได้ว่าตัวเองลืมแขวนป้ายว่ากำลังใช้อยู่ เขากวาดตามองไปรอบๆ ห้องนี้ก็กว้างอยู่ไม่น้อย ไปแอบอยู่หลังก้อนหินซักก้อนก็คงไม่เป็นไร ให้ตายสิ เหมือนกับฉากที่พวกหนังสือการ์ตูนชอบใช้กันเลย ไม่คิดว่าจะโดนกับตัวเองจริงๆ
เสียงน้ำกระฉอกเบาๆนั้นบ่งบอกว่าผู้มาแช่ร่างลงในน้ำแล้ว เสียงผ่อนลมหายใจอย่างผ่อนคลายทำเอาเมฆาเครียดกิน เพราะถ้าเธอแช่นานล่ะก็ เขาก็เตรียมตัวสุกได้เลย เมฆาหรี่ตาลงแล้วคิดหาทางรอดให้ตัวเอง
แกร๊ก!
เสียงผิดปกติทำให้เมฆากระโจนออกจาหลังก้อนหินในพริบตาเดียว แท่งน้ำแข็งจำนวนมากปักลงตรงจุดที่เขาเคยยืนอยู่ เมฆาชักมีดสั้นที่วางอยู่บนฝั่งออกมากระชับไว้ในมือหรี่ตามองเป้าหมาย แล้วก็ต้องหนาวเยือกไปถึงขั้วหัวใจ
“นิรมล...”
นิรมลหรี่ตามองเมฆาอย่างมุ่งร้าย ในมือมีคมดาบน้ำแข็งคมกริบวาววับสะท้อนตา ทั้งร่างมีเพียงผ้าเช็ดตัวสีขาวเปียกน้ำผืนเดียวพันกายอยู่ ดวงหน้าหวานขึ้นสีแดงก่ำผสมความโกรธและความอาย ดูจากแววตาแล้ว... รอดยาก
“คุณเอกนภา... คุณมาทำอะไรที่นี่คะ” เธอถามเสียงเย็นเยียบ เป็นความหมายว่าถ้าตอบผิดคำเดียว... ตาย
“ผมว่าคุณก็เห็นอยู่นะครับว่าผมทำอะไรอยู่ น่าจะตรวจตราให้ดีซักหน่อยนะครับว่ามีใครอยู่หรือเปล่า” เมฆาพูดเสยผมที่ปรกหน้าไปด้านหลัง ดวงตาสีน้ำเงินคมกริบจ้องคืนอย่างไม่ลดละ มีดสีเงินวาวกุมนิ่งอยู่ในมืออย่างไม่ประมาท น่าดีใจที่เขาไม่ชอบแก้ผ้าเลยใส่ผ้าเช็ดตัวลงน้ำมาด้วย ไม่งั้นได้นอนโลงแน่นอน
“คุณ... ไม่ได้ขึ้นป้ายเอาไว้” เธอพูด เมฆายักไหล่
“ผมเอาป้ายลงต่างหาก ก่อนเข้ามาผมยังขึ้นป้ายเอาไว้อยู่นะว่าเปิดให้บริการ หลังสามทุ่มแล้วห้ามเข้านะครับคุณนิรมล” เมฆาแย้ง นิรมลหน้าแดงไปนิดหนึ่งเพราะเป็นความจริง
เมฆากวาดตามองเรือนร่างของนิรมลอย่างเงียบๆ เธอมีเรือนร่างอวบอัดอย่างที่อาจทำให้ผู้ชายหลายคนเลือดกำเดาพุ่งได้ง่ายๆ ผ้าเช็ดตัวผืนนั้นก็ไม่ได้ใหญ่โตพอที่จะปิดเธอทั้งตัว ทำได้แค่ปิดทรวงอกส่วนล่างและครึ่งท่อนขาเท่านั้นเอง ผมสีดำเปียกน้ำแนบกับผิวขาวอมชมพูระเรื่อเลือดฝาดเพราะความร้อน เป็นภาพเย้ายวนใจที่อาจทำให้ผู้ชายทุกคนหน้ามืดขาดสติเอาได้ง่ายๆ
ส่วนด้านนิรมลก็ไม่ได้ดีกว่ากันเท่าไหร่ รูปร่างสมส่วนเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อของเมฆาก็ทำให้เธอหน้าแดงอย่างข่มกลั้นไม่อยู่ แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เคยเห็นร่างกายผู้ชาย แต่ก็ไม่ใช่ในสภาพตัวเปียกโชกมีเพียงผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่างแบบนี้ ถึงจะเป็นเธอก็อับอายไม่น้อยเหมือนกันยิ่งดวงตาของเมฆาที่กวาดตามองเธออย่างไม่คิดปิดบังนั่นด้วยยิ่งหนัก แต่ดวงตานั้นไม่มีแววด้านลบ มีเพียงความชื่นชมต่อความงามอย่างจริงใจเท่านั้น
“ผมว่าเรามาเจรจาอย่างสันติวิธีกันดีกว่า” เมฆาลดมีดลง นิรมลลดมีดในมือลงช้าๆ มันค่อยๆละลายเป็นน้ำลงไปกับน้ำพุอย่างรวดเร็ว เมฆาหันหลังปีนขึ้นจากบ่อน้ำพุอย่างมั่นคง สายลมแผ่วเบาพัดเอาไอน้ำพุกระจายออก เผยให้เห็นร่างกายของเมฆาเต็มตา นิรมลกลั้นหายใจเมื่อเห็นรอยแผลเป็นมากมายบนร่างนั้น
เมฆาหันมามองเธออย่างเย็นชาแวบหนึ่งก็คลุมผ้าทับลงไปบนแผลนั้น หันมามองหญิงสาวรุ่นพี่อีกครั้ง
“ไม่ต้องไปคิดอะไรมากหรอก พี่ก็รีบๆเข้าล่ะ ผมจะกันคนไว้ให้ เสร็จแล้วก็ขึ้นห้องซะ” เมฆาพูดแล้วเดินออกจากห้องไป นิรมลผ่อนลมหายใจยาว
เมฆารู้ การมาใช้ห้องน้ำกลางดึกด้วยท่าทีลับๆล่อๆนั้นเป็นเพราะไม่ต้องการให้ใครพบเห็น ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่เขาก็เคารพความเป็นส่วนตัวของเธอ นิรมลขมวดคิ้วย่อร่างลงในน้ำ
รอยแผลลากยาวเหมือนรอยเฆี่ยนหลายรอย รวมไปถึงรอยไฟไหม้ และคมมีดอีกหลายแผลนั้นทำให้เธอสลัดภาพออกไปจากหัวไม่ได้
เมฆาต้องเจออะไรมาขนาดไหนนะ?
