บท
ตั้งค่า

Type 11: ทริกกี้โจ๊กเกอร์ เฮอร์มีส

Type 11: ทริกกี้โจ๊กเกอร์ เดอะเมอร์คิวรี่

กฎข้อที่ 7 ของนักต้มตุ๋น บางครั้งบางคราวการทำอะไรตัวคนเดียวก็มีขีดจำกัด การหลอกหาตัวช่วยจะมีประโยชน์ไม่น้อย แต่ต้องแน่ใจว่าเราจะไม่โดนเปิดโปงนะ

หลังเลิกเรียนวันนั้น เมฆาเดินตามมาสเตอร์เซรันไปยังหอพักเงียบๆ เสื้อผ้าถูกเปลี่ยนเรียบร้อยด้วยเสื้อที่เพิ่งซื้อมาจากร้านค้า แน่นอนว่าค่าชุดเป็นไรจินกับเฮอคิวลิสหารจ่ายกันคนละครึ่ง

“นักเรียนของโรงเรียนทุกคนจะต้องอยู่ภายโรงเรียน หอพักของโรงเรียนแบ่งออกเป็นหอพักชายหญิง มีระดับประถมต้น ประถมปลาย มัธยมต้น และมัธยมปลาย ถึงแม้ว่าในโรงเรียนจะมีหอเอกชนที่เธอสามารถไปอยู่ได้ก็จริงแต่หอในมันฟรี ที่จริงเธอต้องมีรูมเมท แต่เธอมาทีหลังเป็นคนสุดท้ายพอดี เลยได้ห้องเดี่ยวไป” มาสเตอร์เซรันบอก อืม... ก็ดี

“หอพักของโรงเรียนมีกฎห้ามออกจากหอหลัง 2 ทุ่ม หอเปิด ตี 4 ครึ่ง ยังไงก็กลับให้เป็นเวลาด้วย ถ้ามาไม่ทันก็ต้องหาที่นอนเอานอกหอ” มาสเตอร์เซรันบอกพลางพามาถึงเขตหอพัก เมฆาเงยหน้าขึ้นมองหอพักที่ต้องมาอยู่นับจากนี้

หอพักเป็นอาคาร 4 ชั้นขนาดมโหฬาร ตัวอาคารมีสีขาวทอดยาวจากทิศเหนือ-ใต้ อาคารหันหน้าเข้าหาทิศตะวันออก ด้านหน้ามีลานกว้างและสวนขนาดใหญ่ มีรั้วรอบขอบชิดพร้อมเพรียง ตอนนี้เพิ่งจะเย็นเลยยังมีนักเรียนเดินเข้าๆออกๆ แต่คิดว่าเวลากลางคืนคงจะปิดประตูแล้วก็มียามเฝ้าประตู ด้านบนเป็นหลังคาสีน้ำเงินเข้ม

“ตามมา” มาสเตอร์เซรันพูดแล้วเดินนำเข้าไปภายใน เขาเดินผ่านนักเรียนที่เมียงๆมองๆมาหลายคน เมื่อเข้ามาภายในอาคารก็พบว่าชั้นล่างเป็นห้องนั่งเล่น ห้องทานข้าว ส่วนชั้นสองสามสี่เป็นหอพัก ด้านหนึ่งมีร้านขายของขนาดเล็ก 1 ร้านอยู่ข้างๆลิฟต์ มาสเตอร์เซรันเดินนำเขาไปที่ลิฟต์ แล้วกดชั้น 4

เมฆากวาดตามองภายในลิฟต์ พนังด้านหนึ่งเป็นกระจกมองเห็นสภาพด้านนอกได้อย่างชัดเจน ภาพหมู่อาคารจำนวนมากปรากฏต่อสายตาขณะที่ลิฟต์เคลื่อนที่ขึ้นไปเรื่อยๆ ภาพโรงเรียนที่ถูกย้อมด้วยสีส้มของยามเย็นนั้นดูงดงามจับตา เป็นภาพสถานที่ที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืนจริงๆ

ประตูลิฟต์เปิดออก เผยให้เห็นทางเดินยาวเหยียดปูด้วยพรมสีน้ำเงินสด เรียงรายไปด้วยประตูห้องมากมาย มาสเตอร์เซรันพาเขาเดินมาจนถึงห้องห้องหนึ่ง ประตูเป็นสีขาวเรียบๆ ด้านบนติดป้ายหมายเลข 444 เอาไว้ ด้านข้างมีเครื่องหน้าตาแปลกๆคล้ายกับเครื่องรูดการ์ดติดอยู่ มีเพียงหน้าจอสีเขียวใหญ่ๆเพียงหน้าจอเดียวติดอยู่ มาสเตอร์กดหน้าจอเบาๆ

กรุณาแจ้งวัตถุประสงค์

เสียงเย็นๆของคอมพิวเตอร์ดังขึ้น พร้อมๆกับข้อความเดียวกันสีดำปรากฏขึ้นบนหน้าจอ

“ยืนยันตัวตนเจ้าของห้องคนใหม่” มาสเตอร์เซรันพูด ข้อความบนหน้าจอเปลี่ยนไปพร้อมเสียงที่ดังขึ้น

กรุณารูดบัตรยืนยันตัวตน

คราวนี้ไม่ต้องให้บอกเมฆาก็หยิบบัตรสีดำออกมาจากกระเป๋าเสื้อ มาสเตอร์เซรันมองการ์ดนั้นอย่างตกใจ แต่ไม่ได้พูดอะไร เขาขมวดคิ้ว

“ด้านไหน?” เขาถาม แต่คนที่ตอบกลับเป็นเครื่องตอบรับตรงหน้า มันแสดงภาพการ์ดที่รูดโดยใช้ขอบบนของบัตร เมฆารูดตามนั้น แล้วหน้าจอก็แสดงข้อมูลขึ้น

นักเรียนหมายเลข 48425 เอกนภา ปัญญาวิวัฒน์ กรุณาตั้งรหัสผ่าน 6-15 หลัก

สิ้นเสียง หน้าจอก็ปรากฏหน้าต่างที่มีทั้งตัวเลขและตัวอักษรขึ้นมา มาสเตอร์เซรันหันหลังไปอย่างมีมารยาท เมฆาจิ้มรหัสผ่าน 13 หลักลงไปอย่างคล่องแคล่ว มีทั้งตัวเลขและตัวอักษรที่ใช้เป็นประจำ หน้าจอเปลี่ยนเป็นถามการยืนยัน เมฆาตรวจสอบรหัสอีกครั้งแล้วกดยืนยัน

กรุณาตั้งรหัสผ่านรูปแบบข้อความเสียง เมฆานิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยข้อความอย่างแผ่วเบา

“ทริกกี้โจ๊กเกอร์”

ยืนยันเสร็จสิ้น ยินดีต้อนรับ

ประตูห้องเลื่อนไปด้านข้าง เผยให้เห็นสภาพภายในห้อง ห้องพักของเขาเป็นสีขาวล้วน มีทีวีและเครื่องเสียงที่ด้านหนึ่ง เมฆาเดินเข้าไปสำรวจ พบว่ามีห้องนอน 1 ห้องและห้องน้ำ 1 ห้อง ทั้งหมดตกแต่งด้วยโทนสีขาว มาสเตอร์เซรันปล่อยให้เขาสำรวจจนพอใจ ก็หยิบหนังสือ 1 เล่มและเครื่องอะไรบางอย่างที่หน้าตาคล้ายสมาร์ทโฟนให้เขา

“นี่คือเครื่องไซโฟน เป็นได้ทั้งมือถือและคอมพิวเตอร์พกพา มันจะอำนวยความสะดวกให้เธอหลายอย่าง การควบคุมห้องใช้ระบบคอมพิวเตอร์เป็นหลัก ไซโฟนเครื่องนี้จะเป็นตัวสั่งการทั้งหมดของเธอ เธอสามารถปรับแต่งได้ตั้งแต่วอลเปเปอร์หรืออัพโหลดแผนที่และตารางเรียนได้ หมายเลขเครื่องและวิธีใช้งานอยู่ในหนังสือเล่มนี้”

เขารับมันมาแล้วหันไปขอบคุณมาสเตอร์เซรัน บาทหลวงหนุ่มพยักหน้า

“ไม่เป็นไร ยังไงก็รีบศึกษาหน่อยนะ เธอเข้ามาทีหลังเลยไม่ได้เข้าร่วมการอบรมวิธีใช้ พยายามเข้าล่ะ” เขาพูด เมฆายกมือถือขึ้นมาลองกดๆดูทันที ท่าทางสนอกสนใจไม่น้อย มาสเตอร์เซรันทำท่าเหมือนมีเรื่องอยากจะพูด แต่แล้วก็ปิดปากลง

“มีอะไรหรือครับ?” เมฆาถาม

“เรื่องเมื่อวาน... เราต้องขอโทษเป็นอย่างมากที่ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น” มาสเตอร์เซรันกล่าว เมฆาละความสนใจจากไซโฟนชั่วคราว แน่นอนว่ามันหมายถึงเรื่องที่เขาถูกตามล่า แต่จนตอนนี้เขาก็ไม่ได้คำตอบที่ชัดเจน

“พวกมันเป็นใครครับ?” เมฆาถาม

“เราเรียกพวกมันว่า... ดอล เป็นองกรค์ไซคลิกอิสระที่ใช้พลังเพื่อตัวเอง การพบเจอกับมันนอกโรงเรียนเป็นเรื่องที่ทางเราเสียใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะถือว่าเป็นความรับผิดชอบของโรงเรียนโดยตรง”

ดอล... เป็นชื่อที่ติดหูดีจริงๆ

“ถ้าอย่างนั้นทำไมมันต้องตามหาตัวผมด้วยล่ะครับ?”

“เราก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ทางที่ดีเธอควรระมัดระวังตัวเอาไว้ด้วย เป็นไปได้ก็อย่าออกนอกโรงเรียน จนกว่าเราจะรู้แน่ว่าเรื่องมันเป็นยังไง” มาสเตอร์เซรันนิ่งไป “แต่เป็นไปได้ว่าเธออาจจะเป็นไซคลิก แต่ก็ไม่แน่ใจนัก อาจจะเป็นการลักพาตัวเรียกค่าไถ่ก็ได้ เพราะครอบครัวของเธอก็ไม่ได้ยากจนอะไรไม่ใช่หรือ?” เมฆานิ่งเงียบ ไม่ยอมตอบคำถามเรื่องครอบครัวซักคำเดียว บาทหลวงหนุ่มถอนหายใจ ท่าทางจะรู้มาจากครูที่สอบประวัติเขาแล้ว

“เรื่องต่อมาคือเรื่องที่เธอยังไม่รู้ไซต์ที่แน่นอนของตัวเอง เรื่องนี้อันตรายมาก แต่เพราะเธอทำเรื่องถึงขนาดนั้น เราเลยปิดไม่ไหว เธอคงต้องช่วยตัวเองแล้วล่ะ”

“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอกครับ ผมเรียนผูกก็ต้องเรียนแก้” เมฆาสอดเครื่องไซโฟนลงกระเป๋า ดวงตาสีน้ำเงินเข้มทอประกายวาววับ มาสเตอร์เซรันถอนใจแล้วพยักหน้า

“เราจะวิเคราะห์ไซต์ของเธอโดยเร็ว ระหว่างนั้น... เธอก็ระวังตัวด้วยนะ” มาสเตอร์เซรันพูด แล้วหันหลังจะเดินจากห้องไป

“มาสเตอร์ครับ” เมฆาเรียก บาทหลวงหันหลังกลับมาพบรอยยิ้มของเมฆา “ขอบคุณนะครับ”

“ไม่เป็นไรครับ” มาสเตอร์เซรัยตอบพร้อมกับประตูที่ปิดตามหลัง ชายหนุ่มหลับตาผ่อนลมหายใจออก

เรื่องราวเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น

ภายในห้อง เมฆามองไปรอบๆห้องด้วยแววตาที่อ่านยาก ครู่หนึ่งจึงผ่อนลมหายใจ แล้วยิ้มที่มุมปาก ดวงตาทอแววลึกซึ้ง มือสองข้างล้วงกระเป๋า มองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกอย่างเยือกเย็น

“ใช่ เรื่องราวเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น...” เมฆาพูด ยกมือขวาขึ้นมาทาบกับใบหน้าราวกับไร้ความหมาย มือหนาปิดบังใบหน้าไปเกือบครึ่ง ดวงตาระหว่างร่องนิ้วทอประกาย “...ทริกกี้โจ๊กเกอร์”

วินาทีนั้น... ไม่มีใครรู้ว่า จอมลวงอันดับหนึ่งของโลก... ทริกกี้โจ๊กเกอร์ ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว

หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น เมฆานั่งเอกขเนกอยู่ภายในห้องเมื่อได้ยินเสียงเรียกเข้า

มีผู้ประสงค์ขอเข้าห้องค่ะ

“ใคร?” เมฆาถามเรียบๆ

นายจิรายุส เซเปียร์ ค่ะ

เสียงตอบอ่อนหวานคล้ายเสียงหญิงสาวแตกต่างจากเมื่อก่อนหน้านี้ตอบกลับมา

“ใช่ไรจินไหม?” เมฆาถามซ้ำ

ตามฐานข้อมูลแล้ว ใช่นักเรียนที่มีแองเจิ้ลโค้ดเนมว่าไรจินจริงค่ะ

“ให้เข้ามาได้” เมฆาอนุญาตในที่สุด ประตูเปิดออกเผยให้เห็นร่างของไรจินที่เดินเข้ามาช้าๆ สอดส่ายสายตามองไปรอบห้องที่ตอนนี้ไม่ใช่สีขาวล้วนอีกแล้ว แต่มันเปลี่ยนไปเป็นโทนน้ำเงิน-ดำอย่างดูดีมีสไตล์ เมฆาเงยหน้าขึ้นมอง

“มาหามีอะไรรึเปล่าเบ๊นซ์?” เขาถาม เบ๊นซ์หรือไรจินมองหน้าเมฆา

“ไม่มีอะไร แค่มาเยี่ยม” เจ้าตัวว่า แล้วทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ตรงข้ามอย่างถือวิสาสะ

“จะกินอะไรไหม? จะว่าไปแล้วเขาต้องเอาของมาฝากไม่ใช่หรือ?” เมฆาถาม

“คนมันจนนี่หว่า ถ้าได้โค้กก็ดี” ไรจินว่าหน้าตาเฉย

“ดรีม ขอโค้กหนึ่งแก้วในแก้วทรงสูงพร้อมน้ำแข็ง 4 ก้อน ลำเลียงด้วยโต๊ะเครื่องดื่มเคลื่อนที่อัตโนมัติ” เมฆาสั่งอย่างคล่องแคล่ว

รับทราบค่ะมาสเตอร์

เสียงตอบรับดังอ่อนหวาน เสียงกุกกักดังขึ้นพร้อมๆกับที่ถาดเครื่องดื่มติดล้อเคลื่อนที่จากบาร์เครื่องดื่มมาอย่างแช่มช้า บนถาดมีโค้กในแก้วทรงสูงอยู่หนึ่งใบ เมฆาผายมือเชื้อเชิญ แต่ไรจินตาค้าง

“ทำไมห้องนายมีระบบแบบนี้ด้วยล่ะ?” ไรจินถามเสียงตื่นตะลึง เมฆายักไหล่

“ไม่ยากหรอก ก็แค่ทำตามคู่มือเท่านั้น” เมฆาพูดแล้วยกโค้กแก้วนั้นขึ้นดื่มเสียเอง ราวกับว่าการสร้าง A.I (Artificial Intelligence ปัญญาประดิษฐ์) เป็นเรื่องง่ายๆ ถึงจะมีคู่มือก็ตามทีเถอะ

“ยังไงก็แค่มาดูห้องนายหน่อยน่ะ เวลามีเรื่องจะได้อาศัยหลบได้หน่อย จะได้มีที่กบดานซักวันสองวันถ้าเป็นไปได้” เบ๊นซ์พูดสบายๆเหมือนว่าการมาขอหลบห้องคนอื่นเป็นเรื่องธรรมดา แล้วมองไปรอบๆห้อง “แต่งห้องสวยดีนะ”

“มาชมพร้อมจุดประสงค์แอบแฝงมันไม่น่าดีใจหรอกนะ อีกเดี๋ยวชินก็คงมา อืม... นั่นไง”

มีผู้ประสงค์ขอเข้าห้องค่ะ

“คราวหลังแจ้งด้วยนะครับว่าเป็นใคร ใช้แองเจิ้ลโค้ดเนมเป็นหลัก ถ้าไม่มีให้แจ้งโค้ดเนม ชื่อจริงนามสกุลจริงพร้อมชั้นปีตามลำดับนะครับ บันทึกเป็นระบบหลักตั้งแต่ตอนนี้เลยนะครับ” เมฆาสั่งงาน

รับทราบค่ะ ผู้มาคือเฮอคิวลิสค่ะ

“ให้เข้ามาได้” เบ๊นซ์พูดพลางวางมาดเท่ นึกชอบที่สั่งการด้วยเสียงแบบนี้บ้าง

ขออภัยค่ะ คุณไม่ได้รับอนุญาตให้ออกคำสั่งค่ะ

เบ๊นซ์แทบหน้าทิ่ม กระแอมแก้เก้อ เมฆาหัวเราะหึหึแล้วอนุญาต ประตูห้องเปิดออกพร้อมๆกับที่ชินเดินเข้ามาภายในห้อง ในมือมีถุงพลาสติกสกรีนโลโก้ของร้านสะดวกซื้อชื่อดังอยู่ด้วย แต่พอมาอยู่ในมือของเขาแล้ว มันทำให้คนอดสงสัยไม่ได้ว่าภายในจะไม่ใช่ขนมจีบซาลาเปา แต่เป็นหัวคน

“หวัดดี หืม? แต่งห้องสวยดีนะ เอ้า นี่ของฝาก” ชินยื่นของให้อย่างมีมารยาท เมฆาเหล่เบ๊นซ์

“เห็นไหม นี่ไงล่ะที่เขาเรียกว่ามารยาท” เมฆาแดกดัน แต่เบ๊นซ์กลับตีหน้าบ้องแบ๊วกินโค้กของเมฆาเฉย เมฆาส่ายหน้าแล้วหันไปหาชิน “ตามสบายนะ” ชินพยักหน้าแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ สายตาก็มองไปรอบๆห้องอย่างสนใจ

“ว่าแต่ที่เรียกมานี่มีอะไรหรือเปล่า?” ชินถาม เมฆาฉีกยิ้มไร้เดียงสา

“ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากรู้จักเพื่อนใหม่ ดรีม ขอโค้กอีกแก้ว” ชินหรี่ตามอง

“ไม่เอาโค้กได้ไหม ขอครีมโซดาดีกว่า” ชินแก้ เมฆาพยักหน้า

“ยกเลิกคำสั่ง เปลี่ยนเป็นครีมโซดา”

รับทราบค่ะ กำลังดำเนินการ

“เอไอนายนี่เสียงเพราะดีเนอะ ว่างๆไปตั้งระบบให้หน่อยสิ” เบ๊นซ์ชักอยากได้บ้าง ถึงห้องตัวเองจะมีระบบเตรียมพร้อมรองรับ แต่ชักขี้เกียจตั้งเอง เมฆาโยนหนังสือลงบนหัวเบ๊นซ์ดังตุ้บ

“อ่านเอา”

เมฆาว่าง่ายๆ เบ๊นซ์ลูบหัวป้อยๆ ไม่ได้มีความอยากเปิดหนังสือที่หนาเท่าพจนานุกรมนี่แม้แต่น้อย ตั้งแต่ได้รับแจกมามันยังนอนแอ้งแม้งอยู่ก้นตู้อยู่เลย

“เดี๋ยวไปตั้งให้เอาไหม?” ชินเสนอ เบ๊นซ์เหล่

“อย่าดีกว่า เดี๋ยวเอไอฉันจะออกมาเป็นเสียงเจ้าพ่อตะคอกสามเวลาหลังอาหาร” เบ๊นซ์ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย

“อย่าดูถูกนะเฟ้ย!” ชินตั้งท่าจะเอาเรื่อง แต่เมฆาห้ามทัพ

“เอาน่า อย่าเพิ่งทะเลาะกัน เบ๊นซ์ แกมาก็ดีเลย จะได้บอกพร้อมๆกัน” เมฆาว่า วางแก้วโค้กที่หมดแล้วลงบนถาด ชินยกแก้วเครื่องดื่มที่เพิ่งมาถึงขึ้นจิบรอฟัง

“อะไร?” เบ๊นซ์ถาม เมฆาฉีกยิ้มไร้ดียงสาที่ไม่น่าไว้ใจเลยแม้แต่น้อย

“บอกไว้ก่อนว่ามันเป็นความลับสุดยอด ห้ามบอกใครทั้งนั้น” เมฆาสำทับ

“ว่ามาดิ เอาสั้นๆนะ” เบ๊นซ์บอกพลางยกเครื่องดื่มขึ้น แล้วเมฆาก็เอ่ยประโยคสั้นๆแต่ช็อกอย่างรุนแรงออกมาตามคำขอ

“ฉันเลเวล 0”

“...”

“...”

เงียบ... ทั้งสองหน่อกำลังย่อยข้อมูล แวบแรกที่คิดคือ อ๋อเหรอ... เลเวล 0...

พรวดดด!!!

เฮ้ย!!! เลเวล 0!!!

วินาทีต่อมาเครื่องดื่มสีเขียวและดำก็ถูกพ่นออกมาจากปากของทั้งสองคนทันที ยังดีที่เมฆาไหวตัวทัน แต่ไม่มีอะไรพอจะยกขึ้นมาปิดได้ เลยจับคอทั้งสองคนหันหน้าเข้าหากันเอง เครื่องดื่มในปากทั้งสองคนจึงไปสิงสถิตอยู่บนตัวอีกฝ่ายอย่างครบถ้วนไม่กระฉอกซักหยด อา... ดีจัง ไม่เลอะ เฮ้ยเดี๋ยวดิ!

“ว่าไงนะ!” เบ๊นซ์ช็อกที่สุดยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดหน้าเช็ดตา นี่ตู... แพ้คนเลเวล 0 เหรอ โอ้มายก้อดดด!!! เบ๊นซ์กรีดร้องโหยหวนอยู่ในใจ นึกเจ็บใจที่โดนมันปั่นหัวซะหมุน ในขณะที่ชินสงบกว่ามาก ค่อยๆเช็ดคราบบนใบหน้าอย่างช้าๆ

“เดี๋ยวนะ เลเวล 0 ... ก็ไม่มีไซต์อ่ะดิ?” ชินนึกถึงความเป็นจริงที่น่าตระหนก “แล้วมาอยู่โรงเรียนนี้ได้ไงกัน?”

“ใช่ รีบบอกมาเลยไอ้หอกว่าไปทำอีท่าไหนเข้าวะ” เบ๊นซ์ถามอีกแรง แต่เมฆายิ้มเรื่อยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“เอาน่า ยังไงก็เข้ามาแล้ว ปัญหาไม่ใช่ฉันเข้ามาได้ไง แต่เป็นจะอยู่ต่อได้ยังไงต่างหาก” พูดไปก็หยิบผ้าจากบนโต๊ะส่งให้ ทั้งสองรับมาเช็ดหน้าเช็ดตา

“แล้วมาบอกพวกตูทำไมเนี่ย?” เบ๊นซ์ว่า

“นั่นดิ หรือว่า...” ชินชักสังหรณ์ใจไม่ดี แล้วก้มลงมองผ้าในมือ จะว่าไปแล้วผ้านี่มัน... ผ้าขี้ริ้วไม่ใช่เหรอ?...

“ไม่ต้องห่วง นั่นเป็นผ้าใหม่ ยังไม่ได้ใช้เลย” เมฆาพูดเหมือนรู้ว่าคิดอะไรอยู่

“เรื่องนั้นช่างเหอะ นายมาเรียนที่นี่ได้ยังไงต่างหากที่น่าข้องใจ” เบ๊นซ์พูดจ้องเมฆาเขม็ง แต่เด็กหนุ่มเอนตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน

“เรื่องมันผ่านไปแล้วอย่าสนใจเลย มาสนเรื่องอนาคตดีกว่า ฉันมีเรื่องให้พวกนายช่วย” เมฆาบอก เบ๊นซ์กับชินมองหน้ากัน แล้วตกลงใจ

“เรื่องอะไร?” ทั้งสองคนถามพร้อมกัน เมฆายิ้มไร้เดียงสา

“ช่วยฉัน... ไม่ให้ใครรู้ว่าฉันเลเวล 0 ไง”

“...”

“...”

ทั้งสองเงียบ เหมือนมันจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆเอาซะเลยนะนั่นน่ะ หมอนี่เอาความมั่นใจมาจากไหนกันนะว่าจะรอด?

“ยังไงซะก็มาอยู่ที่นี่แล้ว แถมห้องก็สวยถูกใจดีด้วย เลยอยากอยู่ต่ออีกหน่อย พวกนายช่วยฉันได้ไหม? ไม่ได้ให้ช่วยเปล่าหรอกนะ” เมฆายิ้ม

“จะให้อะไรล่ะ?” ชินถาม “เรื่องนี้ไม่ใช่เล่นๆนะ”

“อย่างแรก เอไอให้แก เบ๊นซ์” เมฆาว่า เท่านี้เบ๊นซ์ก็พยักหน้าหงึกหงักตกลงทันที จากนั้นเมฆาหันมาทางชิน “แล้วนายล่ะ อยากได้อะไร?”

“อืม... นึกไม่ออกแฮะ นึกออกค่อยบอกแล้วกัน” ชินว่าง่ายๆ

“แปลว่าตกลง ขอบใจล่วงหน้านะ” เมฆารวบรัดเอาดื้อๆ ชินเงียบ เหมือนว่าเขาจะยังไม่ได้บอกตกลงเลยนะ?

“แล้วนายมีแผนอะไรล่ะ?” เบ๊นซ์ถาม

“อย่างแรกคือต้องสร้างชื่อว่าฉันเจ๋งเอาไว้ก่อน เพราะไหนๆฉันก็ก่อเรื่องไว้ตั้งแยะ แสร้งสงบเสงี่ยมไปก็คงไม่มีประโยชน์ ดังนั้นถ้าทำให้ฉันดูเหี้ยมสุดโต่งเข้าไว้คงไม่มีใครมีกะใจมาเค้นหาความจริงหรอก” เมฆาว่า ชินกับเบ๊นซ์ขมวดคิ้ว เพราะแผนนี้บ้าบิ่นสุดกู่เลยจริงๆ

“ฉันยังไงก็ได้ แล้วแต่นายแล้วกัน” เบ๊นซ์ว่าง่ายๆ “แต่น่าจะมีชื่อเอาไว้ข่มหน่อยนะ จะได้ดูน่าเกรงขาม ให้ดีก็เอาที่มันดูน่ากลัวๆหน่อยนะ เอาเป็น... ไอ้บ้าเลือดเป็นไง?” เบ๊นซ์เสนอ

“โห ช่างฉลาดล้ำจริงๆ!” เมฆาใช้สายตาบ้องแบ๊วมองอย่างชื่นชม แต่ในแววตาฉายแววสมเพชสงสารอย่างชัดแจ้ง

“ไม่ชอบก็บอก อย่ามาอย่างงี้ได้ปะ” เบ๊นซ์หน้ามุ่ย เมฆาหัวเราะร่วน

“ถ้าเรื่องนั้นคิดไว้แล้วล่ะ” เมฆาบอก ทั้งสองคนมีสีหน้าสนใจ เมฆายิ้มพรายไร้เดียงสาอันเป็นยี่ห้อเฉพาะตัว“ต่อแต่นี้คนทั่วไปจะรู้จักฉันในชื่อ...”

“...ทริกกี้โจ๊กเกอร์ เฮอร์มีส”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel