ตื๊อรัก 2
TRICK TO LOVE : STORY 2
ยี่สิบนาทีต่อมา
Rrrrrrrrrr
“…”
“…”
ติ๊ด!!
ฉันกดตัดสายไอ้ลีทิ้งเป็นรอบที่สิบ คงเพราะฉันไม่ได้กลับไปที่โต๊ะตามที่เราคุยกันไว้ และเพราะฉันไม่มีเวลาแม้แต่จะบอกความคืบหน้าอะไรให้มันฟัง ไอ้ลีเพื่อนรักมันเลยทั้งกระหน่ำส่งข้อความมาด่า และรัวโทรมาไม่ได้หยุด แต่ตอนนี้ฉันคงอธิบายอะไรให้มันฟังไม่ได้หรอก…
เพราะอีอ้ายกำลังอยู่บนรถไอ้เฮียเจินยังไงล่ะ!
แม่นแล้ว!! ฟังไม่ผิดหรอกท่านผู้ชม! ฉันใจกล้าขนาดเดินตามพ่อคนหล่อดูดีทุกกระเบียดนิ้วขึ้นรถโดยไม่หือไม่อือเลยสักแอะ! ก็ดูเหมือนใจง่ายนะ… แต่แล้วมันยังไง! คิดจะล่อเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือสิวะ!
แต่ยิ่งเวลาเดินไปข้างหน้าเท่าไหร่ใจฉันก็ยิ่งเสียมากขึ้นเท่านั้น และจังหวะหนึ่งนั้นเอง คนขับที่แทบไม่ได้พูดอะไรเลยมาตลอดทั้งทางก็ตบพวงมาลัยเลี้ยวเข้าไปในคอนโดหรูย่านใจกลางเมือง
ไอ้เฮียเจินยังคงยิ้มมีเลศนัยอยู่อย่างนั้นไม่ได้หยุด จนฉันแอบคิดนิดๆ ว่ามันบ้าหรือเปล่า! เอาแต่ยิ้มอยู่ได้ แต่เพราะต้องการเข้าหาเขาฉันเลยต้องแสร้งทำตัวสงบเสงี่ยมไม่กระโตกกระตาก ซ้ำยังวางท่าอ่อยสารพัด!
ตั้งแต่ยกเรียวขานั่งไขว่ห้าง สะบัดผมไปข้างหลัง แอ่นนมโชว์ความอวบอึ๋ม! พนันได้เลยว่าถ้าพวกเฮียได้มาเห็นฉันลุคนี้มีหวังโดนด่าเปิดเบิ๊ดกะโหลกแน่นอนไม่ต้องสงสัยเลย TT^TT
“เอ่อ… แล้วเราต้องคุยกันนานไหมคะเฮีย?” ฉันแอบกระแซะถาม โน้มตัวเข้าไปหาร่างสูงที่กำลังจะเปิดประตูลงจากรถ
“ก็… คุยไม่นานหรอก” เสี้ยวหน้าหล่อเบนสายตามามองร่องอกฉันอย่างเปิดเผยก่อนจะพูดต่อ “แต่เรื่องอื่น… น่าจะนาน”
“ฮ่าๆๆๆๆ” ฉันหัวเราะเสียงดัง รีบขยับตัวถอยห่างโดยอัตโนมัติ รับไม่ได้อย่างแรงกับคำพูดสามง่ามสี่ง่ามของไอ้บ้านี่! หัวสมองคิดแค่เรื่องพวกนั้นเรอะไอ้พวกผู้ชายเนี่ย...
“น้องอ้าย…”
“คะเฮีย?”
แต่เพราะเป้าหมายมีไว้พุ่งชนฉันจึงจำใจต้องทำเสียงอ่อนเสียงหวาน ส่งยิ้มระทวยให้ร่างสูงที่เดินอยู่ข้างกันอย่างออดอ้อนตามแบบฉบับนางร้ายในละครไทยเวลาอ่อยผู้
“น้องอ้ายรู้จักเฮียได้ยังไง? เรียนที่เดียวกันเหรอ?”
คนตัวสูงเปลี่ยนเป็นเดินถอยหลังเพื่อคุยกับฉันแทน ใบหน้าหล่อๆ ยังคงปั้นยิ้มเสแสร้งอยู่อย่างนั้น มันน่ารำคาญลูกตาชะมัด แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะฉันเองก็กำลังปั้นยิ้มโง่ๆ ใส่เขาเหมือนกัน...
“เอ… เฮียยังเรียนอยู่อีกเหรอคะ?” ฉันเอียงคอถาม
“อือฮึ…” ร่างสูงหยุดชะงักค้างกลางทางทำให้ฉันต้องหยุดเดินไปด้วย คิ้วเข้มเลิกมองมาด้วยสายตาแสดงออกถึงความแปลกใจ “เฮียยังเรียนไม่จบหรอก ถ้าน้องไม่เคยเห็นเฮียที่มอ. แล้วรู้จักกันได้ไงคะ? ที่ผับ?”
“อ๋อ ใช่ค่ะๆๆๆ อ้ายเห็นเฮียเจินทุกวัน!” ฉันรีบพยักหน้ารับก่อนที่จะโดนจับไต๋ได้อีกครั้ง
“เหรอ? ไม่ยักเคยเห็นนะ”
“แหม! ก็ถ้าไม่เคยเห็นแล้วรู้จักอ้ายได้ยังไงกัน?”
และแน่นอนว่าพอสบโอกาสฉันเองก็ไม่รอช้ารีบยิงคำถามที่อยากรู้มาตั้งแต่ชั่วโมงก่อนเข้าใส่ทันที ไอ้เฮียเจินไม่ตอบคำถามกัน แต่หมุนตัวกลับไปเดินต่อ ปล่อยให้ฉันคับข้องใจอยู่เหมือนเดิม
หึ… มันร้ายค่ะคุณ!
จังหวะหัวใจฉันเต้นถี่รัวขึ้นมาตอนที่เรามาหยุดยืนอยู่หน้าห้องห้องหนึ่งบนคอนโดชั้นที่ 23 ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นห้องเขานั่นแหละ! ทำมาบอกยัยคนนั้นว่าไม่เคยพาผู้หญิงมา…
ขนาดฉันที่เพิ่งจะรู้จักกันไม่ถึงชั่วโมงยังพามาได้เลย… ขี้จุ๊ซะไม่มี!
“อืม...” แทนที่จะเปิดประตูออก แต่เจ้าของห้องกลับหันหลังยืนพิงบานประตู มองสบตากันนิ่ง
“ว่าไงคะ? รีบๆ คุยดีกว่าอ้ายจะได้รีบกลับ” ใช่! ฉันจะได้รีบเปิดสักที! อึดอัดจะตายอยู่แล้ว!
“เราต้องมาทำข้อตกลงกันก่อน…” เรียวปากสีสวยระบายรอยยิ้มอีกครั้งสีหน้าดูไม่ได้รีบร้อนอะไร จริงๆ ก็ดูใจเย็นจนน่าหงุดหงิดเลยแหละ!
“…”
“เฮียเจินเนี่ยไม่เคยขืนใจใคร… แต่ถ้าคิดจะเดินเข้าห้องเฮียแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ถือว่า… สมยอม?”
“หืม?” ฉันกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ริมฝีปากเม้มแน่น คนตรงหน้าไหวไหล่เล็กน้อยก่อนจะขยายความ
“ก็หมายความว่า… ถ้าน้องอ้ายเดินมาหาเฮียขนาดนี้ มากับเฮียขนาดนี้… ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องยอมรับได้”
“คือ...” ฉันเบนสายตาหนี ในหัวพยายามที่จะคิดหาคำพูดเพื่อที่จะตอบโต้
แต่ดูเหมืนไอ้เฮียจะไม่ได้คิดจะรอฟังคำตอบอะไร เพราะจังหวะถัดมาเขาก็เปิดประตูบานโตออกกว้างพยักหน้าเรียกฉันให้เดินเข้าไปก่อน และถึงแม้ว่าตัวฉันเองจะมีความกังวลอยู่ในใจไม่น้อย แต่ยังไงก็บุกมาถึงที่แล้ว แถมยังได้อยู่กันแค่สองคน… ใกล้กว่านี้ไม่มีอีกแล้วล่ะ…
และรู้ตัวอีกทีฉันก็เดินเข้าไป…
“โอ้โห… นี่อยู่คนเดียวเหรอคะ?”
และมันก็อดที่จะอุทานออกมาไม่ได้เมื่อเห็นขนาดใหญ่โตของห้องซึ่งถูกแบ่งเป็นสัดเป็นส่วนชัดเจน เฟอร์นิเจอร์ ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างดูหรูหราหมาเห่าจนเกินที่จะเชื่อได้ว่าเป็นห้องของเด็กมหา’ลัยธรรมดาๆ
เจ้าของห้องไม่ได้ตอบ เขาโยนหมวก กับกุญแจรถทิ้งไว้บนโซฟา ก่อนที่ขายาวๆ จะเดินเข้าไปในส่วนของห้องครัว คว้าเอาขวดแก้วบรรจุเครื่องดื่มสีอำพันเดินกลับออกมา แค่มองด้วยตาก็รู้ได้เลยว่าราคาของมันคงจะแพงหูฉี่แน่ๆ
“มานั่งกับเฮียสิ”
“…”
ร่างสูงทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวตัวหนึ่งซึ่งสามารถนั่งได้แค่คนเดียว ซ้ำไม่ได้พูดปากเปล่าแต่กลับตบหน้าตักตัวเองแปะๆ ส่งสัญญาณเรียกฉันยังกับเรียกหมา!
นี่ถ้าไม่ติดว่ากำลังปฏิบัติภารกิจกู้หน้าให้ไอ้หมวย อีอ้ายไม่มีวันยอมทำอะไรแบบนี้แน่ๆ ขายขี้หน้าสิ้นดี!
พรึ่บ!
“ว้าย!!!”
เพราะฉันเอาแต่ยืนเฉยไม่กล้าที่จะนั่งลงไป ไอ้เฮียมันเลยเป็นคนคว้าเอวฉันเข้าหาตัวแทนกลายเป็นว่าตอนนี้ฉันกำลังนั่งอยู่บนตักแกร่งชนิดที่ว่าใกล้กันจนน่ากลัว
และด้วยความตกใจกับการกระทำแบบถึงเนื้อถึงตัว อีอ้ายก็เผลอยกมือขึ้นจะตบหน้าหล่อๆ นั่นเข้าให้สักฉาด! แต่พอนึกขึ้นมาได้ว่าไม่ใช่เวลาที่อ้ายตัวจริงจะออกโรง มือที่กำลังจะฟาดลงบนแก้มขาวเนียนก็หดลงช้าๆ สีหน้าเปลี่ยนกลับมาเป็นปกติ
ในขณะที่ฉันกำลังทำตัวเหมือนเป็นไบโพล่า อีกคนก็กำลังหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ราวกับไม่เห็นสิ่งที่ฉันกำลังจะทำเมื่อครู่นี้งั้นแหละ มันก็น่าแปลกอยู่ที่เฮียมันเหมือนจะมองข้ามอาการบางอย่างของฉันไปง่ายๆ แต่ถึงงั้นก็เป็นเรื่องดีแล้ว… ไม่ต้องคิดอะไรให้มันมากความนักหรอก…
“น้องอ้าย…”
“คะ?” ฉันกะพริบตาช้าๆ มองใบหน้าเฮียเจินที่อยู่ห่างออกไปแค่ไม่กี่ฝ่ามือ
“ชอบเฮียจริงเหรอคะ?”
ดวงหน้าหล่อเอียงคอมอง ก่อนที่จะกระดกขวดเหล้าลงปาก นัยน์ตาสีอ่อนยังไม่ละไปจากการสบตากัน ฉันเผลอกลืนน้ำลายมองดูใบหน้าหล่อๆ ลำคอสวยๆ และการขยับของลูกกระเดือกซึ่งบ่งบอกความเป็นชายนั่นอย่างทึ่งๆ
แค่กินเหล้ายังเซ็กซี่ได้เลย... ให้ตายสิ! คนอะไรกัน?
“ว่าไง?” เสียงของคนตรงหน้าปลุกฉันให้ตื่นจากภวังค์อีกครั้ง
“ถะ… ถ้าอ้ายไม่ชอบ... จะมากับเฮียเหรอ?” และฉันก็ต้องพยายามอย่างยิ่งที่จะดึงสติตัวเองกลับมาปฏิบัติภารกิจต่อ ด้วยการแกล้งทำเป็นขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ เขา จนได้กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนกึก
“แค่มาด้วยเนี่ย… ก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องชอบกันจริงๆ ก็ได้นะ”
เฮียเจินยังคงมองกันด้วยสีหน้าแบบเดิม ริมฝีปากแย้มยิ้มราวกับว่าสถานการณ์ระหว่างเราเป็นอะไรที่ผ่อนคลาย ในขณะที่ฉันอึดอัดจนแทบจะหายใจไม่ออก และลมหายใจก็ต้องขาดห้วงหนักกว่าเดิมตอนที่ฝ่ามือของคนตัวโตกำลังเลื่อนมากอดเอวกันไว้ สัมผัสไปที่ช่วงเอวเปลือยเปล่าด้านหลังของฉัน
เป็นอีกครั้งที่ฉันต้องลอบกลืนน้ำลาย พยายามจะตะครุบหยุดการเคลื่อนไหวชวนน่าหวาดเสียวนั่นไว้ พร้อมกันก็เอ่ยปากคุยต่อเพื่อไม่ให้ผิดสังเกตมากนัก
“แล้วส่วนใหญ่ผู้หญิงที่มาเนี่ย… เขาไม่ได้ชอบเฮียเหรอ?”
“เฮียไม่เคยพาใครมาต่างหาก… มีแค่น้องนี่แหละที่ได้มา”
“…”
ไอ้เฮียไม่พูดเปล่าแต่รั้งเอวฉันเข้าหาตัวอีกระดับ ในขณะที่ฉันทำได้เพียงแค่ยิ้มหวานรับ แสดงออกว่าชอบอกชอบใจกับสิทธิพิเศษบ้าบอคอแตกที่แค่ฟังดูก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องจริง
อยากจะขำให้ฟันร่วง!
ไอ้ลูกไม้ตื้นๆ แบบนี้ใครเขาจะไปเชื่อ! ก็แค่อยากพูดจาเอาอกเอาใจผู้หญิงไปงั้นแหละ คารมดี แถมยังพูดจาหวานจนมดแทบขึ้นแบบนี้ไง ไอ้หมวยเล็กมันถึงได้หลงหัวปักหัวปำ!
บรรยากาศระหว่างเราเข้าสู่สภาวะเงียบสงบอีกครั้งมีแค่เสียงเครื่องปรับอากาศที่ยังคงทำงานสลับกับเสียงนาฬิกาติดผนังที่ยังคงกระดิกเข็มวินาทีเดินผ่านไปอย่างช้าๆ
จากตอนแรกที่ตั้งใจจะมาอ่อยโดยเฉพาะ แต่ตอนนี้ความตั้งใจนั้นแทบจะไม่เหลืออยู่ในหัว ฉันไม่สามารถขยับตัวทำอะไรได้เลย ในขณะที่คนตัวโตก็เอาแต่มองหน้ากันเงียบไม่ได้พูดอะไรออกมาอยู่เกือบนาที และการมองแบบนั้นก็ทำให้ฉันทนสบตากับนัยน์ตาทรงพลังนั่นไม่ไหวจนต้องเบนสายตาหนี
แต่แล้วในวินาทีถัดมา…
ฉันก็ต้องตกใจจนแทบสิ้นสติเมื่อริมฝีปากอันบริสุทธิ์ผุดผ่องของตัวเองที่อุตส่าห์เก็บไว้ให้เจ้าชายสักพระองค์บนโลกมาครอบครอง กลับถูกคนตรงหน้าขโมยจูบกันหน้าตาเฉย กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยอยู่เหนือจมูก แววตาสงบนิ่งยังคงจ้องกันเหมือนจะฆ่าให้ตาย ริมฝีปากฉันถูกจูบคลึงเบาๆ ราวกับว่าคนที่กำลังทำมันแค่อยากจะแกล้งกันเล่น
พลั่ก!
“ยะ… อย่าเพิ่งสิคะ”
เพราะตื่นตกใจฉันเลยเผลอสัมแดงอิทธิฤทธิ์ส่วนตัวออกไปเสียอย่างนั้น ใบหน้าไอ้เฮียเจินหันไปตามแรงผลัก คนหื่นกามส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ในลำคอ แล้วหันกลับมามองกันอีกครั้งโดยไม่ได้โกรธกันเลยสักนิดที่ฉันผลักหัวเขาออกไปอย่างไม่ออมแรง ริมฝีปากกลับคลี่ยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิมเสียอีก
“ชอบแบบรุนแรงเหรอ?”
“มะ… ไม่ใช่อย่างนั้น...”
“...”
“ว้าย!!”
ใจฉันแทบจะร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่มในจังหวะที่คนตัวโตรวบตัวของฉันไว้ในอ้อมแขนก่อนจะออกแรงยกกันขึ้นง่ายๆ เหมือนอุ้มตุ๊กตา ขายาวๆ เดินไปที่ประตูห้องห้องหนึ่งโดยไม่พูดไม่จาอะไรสักคำ
ฉันใจเต้นตึกตัก มองใบหน้าขาวใส สันกรามของเขา ลำคอสวยๆ บ่ากว้างๆ และฉากเหมือนในซีรี่เกาหลีเวลาพระเอกคิดจะทำมิดีมิร้ายนางเอก ว้าย! ถึงจะไม่ใช่เวลาแต่พอเจอเองแบบนี้มันก็ฟินไปอีกแบบนา!
เอ้ย! พักก่อน! ไม่ใช่เวลา!
ไอ้เฮียบ้ามันคิดจะทำอะไรฉันแน่ๆ เลย! กรี๊ด!!!!
พรึ่บ!
ร่างฉันถูกโยนลงบนเตียงหนานุ่มสปริงอย่างดีทำให้ร่างฉันลอยเด้งไปสามตลบ! ฉันขยับตัวถอยหลังอย่างตระหนกตกใจ สายตามองตามการเคลื่อนไหวของคนที่ยืนห่างออกไปอยู่ตรงปลายเตียง ร่างสูงกำลังถอดเสื้อตัวเองออกช้าๆ ลอนกล้ามเนื้อหน้าท้องสวยได้รูปทำให้ร่างกายฉันแข็งทื่อรับรู้ได้ถึงการสูบฉีดอย่างหนักของเลือดในร่างกาย ขอบกางเกงเอวต่ำเห็นไอ้เส้นๆ รำไร ตรงนั้นมันช่าง…
โอ้วมายก็อด!!
ฉันรู้สึกหูอื้อตาลายคุมตัวเองไม่ให้อ้าปากค้างไม่ได้เลย ไม่นึกไม่ฝันมาก่อนว่าการได้เห็นรูปร่างชายอื่นที่ไม่ใช่พี่ชายตัวเองมันจะรู้สึกตื่นเต้นได้เบอร์นี้!! ขนาดเห็นไอ้ลีแก้ผ้าฉันยังไม่เคยมองว่ามันเซ็กซี่เลยเหอะ
แต่... ไอ้เฮียนี่มัน... ฮอตเบอร์แรง!
“…”
“O_O”
ฉันยังคงนั่งนิ่งอึ้งมองเรือนร่างฮอตปรอทแตกสุดแสนจะเซ็กซี่ขยี้ใจของคนตรงหน้า โดยไม่ทันได้สังเกตว่าเฮียเจินเองก็ชะงักค้างเหมือนกัน เลื่อนสายตาขึ้นมองกลับไปที่ใบหน้าหล่อเหลา ก็พบว่าเจ้าตัวกำลังหัวเราะอยู่…
“เลือดไหล...” เฮียมันยกยิ้มขบขันทอดสายตาสดใสมองมา โดยที่ยังไม่ได้สาวเท้าเดินเข้ามาหา
“?” ฉันไม่เข้าใจที่คนตรงหน้าต้องการจะสื่อจนกระทั่งของเหลวเย็นๆ ไหลหยดมาถึงปลายคาง…
ละ… เลือด!!!!!!!
เมื่อรู้ตัวแน่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันก็รีบกระโดดลงจากเตียงทันที ขาสองข้างเต้นเร่าอยู่กับที่ และเพราะถอดรองเท้าส้นสูงออกแล้วก็พบว่าตอนนี้หัวของฉันอยู่แค่ระดับหน้าอกของไอ้เฮียเท่านั้น ทำให้ตอนที่เงยหน้าขึ้นห้ามเลือดกำเดาทุเรศที่ไหลไม่รู้จักเวล่ำเวลา จึงได้ประสานสายตากับเฮียมันเต็มๆ คนตรงหน้ายังคงหัวเราะอยู่อย่างนั้นอยู่อีกอึดใจใหญ่ ก่อนเดินไปหาทิชชู่มาอุดรูจมูกให้ฉันอย่างมีน้ำใจ
สถานการณ์ทุเรศสิ้นดี… TT____TT
“เห็นแค่นี้ยังกำเดาไหล... ถ้าเห็นมากกว่านี้ไม่เป็นลมเลยเหรอคะ… น้องอ้าย” เสียงกวนประสาทดังขึ้นอีกครั้งอย่างหยอกเย้า
“…” ฉันหลับตาลงช้าๆ ได้แต่ก่นด่าตัวเองอยู่ในใจ น่าขายขี้หน้าที่สุดเลย… ไอ้บ้าเอ๊ย!
“แต่ไม่เป็นไรหรอก… ถึงน้องจะเป็นลมเฮียก็ทำต่อได้ไม่มีปัญหา”
“ฮ่าๆๆๆ” ฉันหัวเราะเสียงดังออกมาอย่างไร้ความหมาย ใช้มือสองข้างดันแผงอกกว้างให้ออกห่างจากตัวเอง ในจังหวะที่ไอ้คนหื่นกามเริ่มจะขยับเข้ามาใกล้กันอีกรอบ
“…”
“อ้าย… อ้ายว่าวันนี้คงจะไม่สะดวก” ฉันพยายามบ่ายเบี่ยงปฏิเสธ แต่ไอ้เฮียกลับเลิกคิ้วมองอย่างไม่เห็นด้วย
“ไม่เห็นว่าจะไม่สะดวกตรงไหน”
“มะ… ไม่สะดวกเลย” ฉันส่ายหน้ายิกพร้อมทั้งถอยหลังหนีคนที่แกล้งกันด้วยการย่างสามขุมเดินเข้ามาหาช้าๆ
และไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไอ้สายตาไม่รักดีของฉันมันถึงได้มองต่ำลงไปที่เป้ากางเกงของไอ้เฮียมันอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้บางสิ่งบางอย่างมันดูเหมือนว่ากำลังขยายขนาดจนล้นไปหมด! อีกทั้งเจ้าของความใหญ่โตนั่นยังยั่วเย้ากันด้วยการทำทีเป็นปลดกระดุมกางเกงออก… เอ่อ… ซิบด้วย…
“เฮียว่า…”
“…”
“อ้าย?”
“…”
หัวสมองของฉันแทบจะไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว... นัยน์ตาพร่าเบลอที่อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เมื่อชั่วโมงก่อนกำลังเบิกโตขึ้นทีละนิดอย่างตกใจกับมังกรขนาดยักษ์ที่เด้งผงาดออกมาทันทีที่ซิปของกางเกงถูกรูดลง
ท่อนลำใหญ่ยาวปรากฏเด่นชัดผ่านร่มผ้าบางๆ คนตัวโตหยุดชะงักลงแค่นั้น ส่งเสียงเรียกชื่อฉันหลายครั้ง ในขณะที่หัวสมองอีอ้ายไม่สามารถประมวลผลอะไรได้อีกแล้ว เพราะแค่นั้น…
แค่นั้นมันก็ทำให้ฉัน…
ปะ… เป็นลม!
ขอโทษที่อีอ้ายมันอ่อนด๋อยปานนี้… ลาก่อน... คร่อก!
