บท
ตั้งค่า

CHAPTER 4

เป็นเวลาเกือบสี่โมงเย็นที่ฉันกลับมาจากบ้านใหญ่มาถึงห้องพักสำหรับคนงานในไร่ที่อยู่เยื้องออกไปอีกฟากหนึ่งซึ่งจะว่าไกลก็เหมือนใกล้แต่จะว่าใกล้ก็เหมือนไกลเอาการเอาเป็นว่ามันไม่พอดีหรอกแต่ห้องพักนั้นอยู่ในระดับที่ดีกว่าไร่อื่นๆ มากฉะนั้นจึงไม่แปลกถ้าจะมีคนมาสนใจทำงานของไร่นาคนิลมากกว่าไร่อื่นๆ

ฉันรีบเอาปากกาที่ได้มาวางไว้บนโต๊ะไม้เล็กๆ ข้างฟูกในห้องของตัวเองก่อนจะออกมาล้างผักคะน้าที่ถูกแช่เอาไว้ในอีกฟากหนึ่งที่แม่แบ่งเป็นห้องครัวเล็กๆ การจัดการกับผักนั้นเรียบร้อยในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมาพร้อมกับเตรียมทุกอย่างที่ใช้ในส่วนผสมของการทำอาหารให้พร้อมเพื่อแม่เลิกงานมาจะได้ทำเลย

บ้างครั้งเท่านั้นที่ฉันจะทำแต่วันนี้ก่อนออกไปทำงานแม่แค่สั่งให้เตรียมเดี๋ยวจะทำเอง

วันนี้จึงลอยตัวนิดหนึ่ง

พอเสร็จฉันจึงมานั่งพักใต้ต้นไม้หน้าบ้านพักที่มีชิงช้าอยู่ที่ตรงนี้เป็นที่ประจำของฉันเลยก็ว่าได้ยิ่งเนื่องจากตอนเย็นๆ แสงจากพระอาทิตย์อ่อนลงที่ตรงนี้จะยิ่งสวยเพราะสามารถมองออกไปเป็นไร่ชาสีเขียวกว้างสะท้อนเข้ากับสีฟ้าสดของท้องฟ้าอีกทั้งยังมีแสงสีทองของดวงอาทิตย์เพิ่มอีกบอกเลยว่าโคตรสวย

ยิ่งในยามที่สายลมพัดผ่านปะทะเข้ากับใบหน้าความสดชื่น

ฉันชอบธรรมชาติแบบนี้

กระทั่ง... สายตาเบี่ยงเบนไปในทิศทางหนึ่งซึ่งเป็นด้านหลังที่เป็นทางเดินประจำของคนงานสายตาของฉันดันไปเห็นชายสูงวัยกลางคนคนหนึ่งที่คุ้นเคยร่างกายของตัวเองจึงหลบหลีกหาที่ซ่อนทันที ที่หลบซ่อนของฉันคือกอดอกมะลิใหญ่ใกล้กันกับบ้านพัก กอดอกมะลิทำหน้าที่พลางร่างเล็กของฉันให้ปลอดภัยรวมกับความเงียบของตัวเองทุกอย่างจึงอยู่ในความปลอดภัยขึ้นมาได้

ฉันไม่อยากเผชิญหน้ากับผู้ชายคนนั้น

ฉันไม่อยากอยู่ตามลำพังกับเขา

และฉันพยายามหลีกเลี่ยง

วัลหรือว่าวัลพนาผู้ชายคนที่ฉันพยายามหลบและหลีกเลี่ยงมาเกือบปีที่ผ่านมารวมไปถึงตอนนี้เขาอยู่ในฐานนะผู้เลี้ยงของฉัน เขาเป็นสามีใหม่ของแม่ที่เข้ามาทำงานได้ไม่ถึงหกเดือน

การที่ฉันไม่อยากเจอไม่ใช่ว่าเขาจะทำอะไรไม่ดีกับตัวเองนะแต่เป็นการแสดงออกทางสายตามากกว่าที่ทำให้รู้สึกว่าไม่ค่อยปลอดภัยการเซฟตัวเองจึงเป็นสิ่งที่ฉันทำมาตลอดทุกครั้งและในวันนี้ดูเหมือนฉันเลือกถูกเพราะพอผู้ชายคนนั้นมาถึงบ้านพักเขาตรงเข้าไปในห้องฉันเลย

ไม่แวะห้องตัวเองกับแม่ที่อยู่อีกทิศทางหนึ่ง

นี่ไงความไม่ไว้ใจของฉัน

เมื่อครั้งได้สติฉันจึงรีบออกจากกอดอกมะลิวิ่งแยกไปในทางไปบ้านใหญ่ของที่พึ่งกลับมาได้ไม่ถึงชั่วโมงแต่ฉันรับรู้ได้ว่าที่นั่นปลอดภัยมากกว่าบ้านพักของตัวเองฉะนั้นจึงไม่แปลกถ้าจะวิ่งไปพอมาถึงบ้านใหญ่ของป้ากวาฝีเท้าของตัวเองหยุดลงเหลือแค่อาการหอบและเหนื่อยมากกว่าปกติเท่านั้น

“หนีอะไรมาใจ?”

“คะ?” เพราะประโยคคำถามนั้นเรียกให้ฉันเงยใบหน้าขึ้นไปชั้นบนซึ่งตรงกับประตูหน้าต่างที่มีร่างใหญ่ของพี่กวางที่โน้มแขนทั้งสองข้างเท้ากับบานหน้าต่างเอาไว้ ใบหน้าหล่อผูกคิ้วขมวดเหมือนปมกิริยานี้ฉันรู้ว่าอีกฝ่ายรอคำตอบจากตัวเองอยู่ “เอ่อ... ใจ”

“เป็นอะไรหื้ม?”

“...” ฉันจะบอกพี่กวางยังไงดี ถ้าบอกไปไม่มีใครเชื่อจะทำยังไง

“ขึ้นมานั่งบนบ้านก่อนเดี๋ยวพี่เอาน้ำให้ หน้าซีดหมดรู้ตัวมั้ย”

“ค่ะ” ฉันเข้ามาบนบ้านมานั่งเก้าอี้ตัวเดิมกับเมื่อเช้าเพื่อรอพี่กวางที่เข้าไปในทางห้องครัว พึ่งรู้ว่าห้องนั้นเป็นห้องนอนของพี่กวางและถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ พี่กวางไม่เห็นตั้งแต่ฉันวิ่งจากบ้านพักมาแล้วหรือไงกัน บ้านใหญ่อยู่บนเนินสามารถมองรอบไร่ได้แบบนี้มันยิ่งกว่าเห็นอีกนะแต่ความคิดก็หยุดลงเมื่อพี่กวางเดินมาพร้อมน้ำหนึ่งแก้วมาวางตรงหน้าฉันก่อนจะทรุดร่างนั่งลงตรงข้าม “ขอบคุณค่ะ”

“ดื่มก่อน”

“หายเหนื่อยหรือยัง วิ่งมาไกลขนาดนั้น” ไม่รู้ว่าควรทำหน้าแบบไหนได้แค่ยิ้มออกไปมันก็ยังดีแล้วหลังจากที่แยกกับพี่กวางจากการไปห้างเสร็จฉันก็เดินกลับบ้านแล้วยังวิ่งกลับมาที่เดิมทั้งที่ยังไม่ถึงชั่วโมงของวันด้วยซ้ำแบบนี้จะให้ตอบอะไรกัน “ไหนบอกมาสิว่าวิ่งหนีอะไรมา”

“ใจ...”

Rr…

แต่เสียงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงพี่กวางดันดังขัดขึ้นประโยคที่กำลังจะหลุดจากปากฉัน สายตาของพี่กวางจ้องมองฉันนิ่งอยู่แบบนั้นไม่สนใจเสียงของโทรศัพท์เลยด้วยซ้ำแล้วก็เป็นฉันเองที่เลือกหลบสายตาพี่กวาง

“รับโทรศัพท์ก่อนก็ได้ค่ะพี่กวาง”

“โอเคครับ”

พี่กวางรับโทรศัพท์โดยที่ไม่ลุกออกไปไหนนั่งพูดกับปลายสายต่อหน้าฉันถ้าจับใจความเรื่องที่พูดมันเป็นเรื่องราวของรถอะไรประมาณนั้นจะได้ยินออกมาแบบนั้นเสียมากกว่าจากนั้นคำที่พ่นออกจากปากพี่กวางราวกับคำสั่งก็เป็นภาษาอังกฤษหมดลงท้ายก่อนวางว่าเอาที่กูสั่ง

“พี่พูดธุระของพี่แล้วคราวนี้ถึงทีใจตอบคำถามพี่ได้แล้ว”

“ค่ะ ใจรอแม่ค่ะแต่คุณวัลเอ่อ... พ่อมาก่อนใจจึงมารอที่นี่จนกว่าแม่เลิกงานแล้วค่อยไปที่บ้านพักค่ะ”

“วัล ชื่อพ่อเหรอ?”

“ค่ะ... พ่อเลี้ยง” พี่กวางพยักหน้าเข้าใจในทันที “ใจขอรอที่นี่ก่อนนะคะ พี่กวางจะให้ใจทำอะไรมั้ย”

“ให้นั่งเฉยๆ แล้วช่วยกินขนมจานนี้ให้หมดที”

“เอ่อ...”

“ขนมที่ใจจ้องตอนที่เดินผ่านในห้างไง ช่วยกินให้หมดหน่อยได้มั้ยครับ”

“พี่กวางจะไปไหนคะ”

ฉันเอ่ยถามอย่างงงๆ เมื่อสวมรองเท้าแล้วเหลือบไปเห็นร่างสูงเดินตามมาพร้อมกับสวมรองเท้าแตะ ฉันกำลังจะกลับบ้านพักเพราะถึงเวลาที่แม่น่าจะเลิกงานจากไร่มาแล้วโดยที่ไม่ลืมล้างจานขนมที่พึ่งทานก่อนหน้าจนหมดเรียบร้อยพี่กวางทานแค่สองชิ้นเองจากนั้นที่เหลือทั้งหมดจึงตกมาเป็นหน้าที่ฉัน

“ไปส่งใจไง”

“เฮ้ย... ใจไปเองได้ไม่รบกวนพี่กวางดีกว่า”

ฉันเลือกปฏิเสธออกมาทันทีแอบเกรงใจมากกว่าอีกอย่างทางเดินไปบ้านพักก็ชินแล้ว

“พี่ใส่รองเท้าแล้วพร้อมเดิมขี้เกียจถอด”

แบบนี้ก็ได้เหรอแล้วรู้ไหมว่าพูดจบพี่กวางก็เดินนำออกไปเลยจนฉันที่ยังอยู่ที่เดิมต้องวิ่งตามกระทั่งอยู่ในระนาบเดียวกันจึงค่อยๆ ลดความเร็วลง ใบหน้าหล่อของพี่กวางมองซ้ายขวาซอกแซกไปมาสายตาก็สังเกตสิ่งรอบตัวเสมอในระหว่างนี้ก็มีแต่ความเงียบที่พอสะสมเข้าจะกลายเป็นความอึดอัดและฉันไม่ชอบจึงเผยประโยคชวนอีกฝ่ายคุย

“พี่กวางพึ่งมาไร่ครั้งแรกเหรอ ทำไมใจอยู่มานานไม่เคยเห็นเลย”

“พึ่งมา... พี่หมายถึงพึ่งมาอยู่ยาวแต่ถ้าถามว่าครั้งแรกมั้ยก็ไม่”

“แสดงว่ามาหลายครั้ง”

“ก็หลายครั้งนะแต่ไม่ออกมาให้ใครเห็น” ไม่อยากเปิดเผยความหล่อเหลาใช่ไหมนะ “ครั้งนี้ครั้งแรกที่ออกมาเดิน”

“สวยมั้ย ใจชอบบรรยากาศตอนนี้มากเลยยิ่งใกล้ถึงเวลาที่พระอาทิตย์ตกดินยิ่งชอบ”

ไม่ใช่แค่พระอาทิตย์ตกดินนะในเวลานี้จะได้เห็นฝูงนกที่พากันบินกลับรัง ได้กลิ่นดอกไม้หอมส่งกลิ่นล่องลอย ได้เห็นวิถีชีวิตของคนที่หาเช้ากินค่ำพากันกลับบ้านทุกอย่างล้วนหาเห็นได้อยากถ้าอยู่ในเมืองแต่นี่คือต่างจังหวัดฉะนั้นฉันจึงเห็นทุกวันแต่ก็ไม่เคยเบื่อสักนิด

“ชอบมากขนาดนั้นเลยเหรอ”

“ค่ะ”

“แล้วถ้าวันหนึ่งเปลี่ยนเป็นนั่งริมทะเลมองพระอาทิตย์ตกเช่นกันล่ะใจจะชอบมั้ย”

“เอาตามตรงเลยนะใจยังไม่เคยเห็นทะเลเลย เห็นแต่ภูเขาและก็ทะเลหมอกที่สวยสุด” พี่กวางหยุดเดินแล้วหันมามองฉันนิ่ง สองมือเรียวซุกเข้าในกระเป๋ากางเกงสายตาคมเบิกกว้างนิดหน่อยกับคำตอบที่ได้ยิน “ทัศนศึกษาใจไม่ได้ไปค่ะ เอาเงินส่วนนี้ไปใช้ในเรื่องอื่นๆ คงดีกว่าเยอะอีกอย่างพอใจโตวันหนึ่งคงได้ไปเองแต่ช้าหน่อย”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel