บทย่อ
ถ้าไม่รักจะรอไหมคิดสิ
CHAPTER 1
“ป้ากวาคะ...”
เพราะเสียงตอบกลับมาคือความเงียบงันความระทึกกับหัวใจดวงน้อยๆ ที่อยู่หน้าอกข้างซ้ายก็ออกกำลังแรงเต้นรัวขึ้น ใจก็หวังให้ได้ยินเป็นเสียงตอบกลับแม้มันจะสวนทางกับความเป็นจริงเลยก็ตาม เมื่อเป็นแบบนั้นฉันจึงใช้เท้าตวัดขาตั้งจักรยานคันเก่งของตัวเองลงจากนั้นก็เดินเข้ามาในบริเวณบ้านทรงไทยที่ตั้งเด่นในพื้นที่มากกว่าร้อยไร่ในนาม ‘นาคนิล’ หรือว่าไร่นาคนิลที่ใครต่างเรียกจนชินปาก
ไร่แห่งนี้ตั้งอยู่จังหวัดเหนือสุดของประเทศคือจังหวัดเชียงรายที่สำคัญไม่มีใครไม่รู้จัก ความเลื่องชื่อในด้านต่างๆ โดยเฉพาะความเป็นชาไร่แห่งนี้ตั้งอยู่บนที่สูงบรรยากาศจึงค่อนข้างเย็นปกคลุมตลอดทั้งปีและจะเย็นสุดในช่วงฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงแต่ที่แน่ๆ นาคนิลมีจำนวนลูกจ้างเยอะเทียบเท่าโรงงานหนึ่งโรงเลยแหละ
ที่การันตีได้เพราะแม่ฉันทำงานอยู่ไร่แห่งนี้
และฉันก็อยู่ที่นี้ตั้งแต่เกิดกระทั่งตอนนี้อายุ 13 แล้ว
ฉันก้าวเดินเข้ามาในบริเวณบ้านเดินไปทั่วใต้ถุนแต่ก็ไม่พบกับป้ากวาเลยฉะนั้นความคิดหนึ่งเข้ามาแทรกพร้อมกับใบหน้าที่เงยขึ้นมองชั้นสองของบ้านนี้ ไม่คิดเปล่าแล้วเมื่อสองเท้าถอดรองเท้าหูคีบเอาไว้ใกล้ตุ่มดินเผาข้างกันนั้นมีต้นดอกแก้วต้นพอประมาณขึ้นอยู่ เท้าเปล่าที่ก้าวขึ้นเหยียบบันใดสะอาดที่ละขั้นกระทั่งมาอยู่บนชั้นสองได้สำเร็จ
จากที่ยืนนั้นฉันเห็นวิวไร่ชาตอนเช้าที่โคตรสวยเพราะแสงแดดจากพระอาทิตย์ส่องสอดแทรกผ่านไอหมอกกระทบหักเหกันจนกลายเป็นลำแสงสวยงามการชื่นชมในบรรยากาศตรงหน้าเกิดขึ้นแค่ช่วงเวลาหนึ่งเพราะตอนนี้ฉันได้ยินเสียงคนเดินมาทางด้านหลังพอหันไปก็เป็นคนที่อยากพบ
ป้ากวาหรือเรียกอีกชื่อว่าแม่เลี้ยงกวา ป้ากวาอยู่ในชุดพื้นเมืองล้านนา เสื้อผ้าทอสีดำแขนยาวเข้ากับผ้าซิ่นตีนจกลวดลายสวยเด่นผมยาวสีดำสนิทถูกม้วนขึ้นปักด้วยปิ่นสีเงินมาพร้อมกับรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์
“ป้ากวา”
“ก็ป้านะสิจะใครอีก”
“ใจเดินหาทั่วบ้านเลย” ฉันพูดออกมาพร้อมเข้าไปช่วยป้ากวาที่ในมือถือถาดใหญ่มาด้วย “เดี๋ยวใจช่วยเองค่ะ”
ฉันวางถาดลงกลางโต๊ะที่ตั้งออกไม่ไกลในถาดใบนี้มีขนมสองชนิดที่ถูกแบ่งเป็นฝั่งเอาไว้ ขนมสองชนิดนี้มีสีสันสวยแถมยังส่งกลิ่นหอมยั่วยวนจมูกยิ่งนัก
“นั่งมองขนมไปก่อนนะใจเดี๋ยวป้ามา”
“ค่ะป้ากวา”
การนั่งเฝ้าขนมมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเมื่อทั้งสีสันกลิ่นส่งมาแตะจมูกแบบนี้แต่ฉันก็ต้องอดทนเป็นอย่างมาก ป้ากวาทำขนมอร่อยจะตายและเชื่อว่าที่อยู่ตรงหน้าจะมีรสชาติอร่อยกว่าทุกครั้งด้วยเนื่องจากไม่เคยเห็นและกินมาก่อน วันนี้เป็นเช้าวันเสาร์และเมื่อถึงเสาร์อาทิตย์ทีไรแม่จะให้ฉันมาช่วยป้ากวาทุกครั้ง
ป้ากวามีบุญคุณมาก
ฉันรู้จึงเข้าใจที่แม่สอนมาตลอด
ผ่านไปสักพักเดียวป้ากวากลับมาอีกครั้งพร้อมกับโถลายไทใบพอประมาณส่วนอีกมือหนึ่งเป็นถ้วยสองใบซ้อนกันฉันรีบลุกขึ้นแล้วไปช่วยท่านโดยการถือถ้วยออกมาวางไว้ที่โต๊ะ
“มีอะไรเรามาหาป้าแต่เช้าเลย”
“แม่ค่ะ แม่ให้น้อย...”
“มาช่วยป้าอีกแล้วสิเรา”
“ช่วยได้ค่ะใจเต็มใจมากป้ากวามีขนมอร่อยให้ทาน”
“เด็กหนอเด็ก”
ป้ากวาส่ายหน้าประกอบและฉันก็รู้ดีว่าตอนนี้ควรทำอะไรจึงค่อยๆ เอาถ้วยออกมาวางเอาไว้ตามที่ป้ากวาเคยสอนทุกครั้งทว่าครั้งนี้ถ้วนกับมีสามใบ
ป้ากวาหยิบมาเกินหรือว่า...
“ป้ากวาคะคือ...”
“แม่ครับเสื้อยืดตัวสีดำของกวางอยู่ไหน”
และประโยคของฉันก็กลืนลงลำคอไปอย่างรวดเร็วเมื่อมีประโยคนี้เข้ามาพร้อมกับบุคคลหน้าใหม่ที่ตัวสูงโปร่งตอนนี้เดินเข้ามาทั้งชุดคลุมส่งกลิ่นมิ้นท์หอมอ่อนๆ โชยเข้ามาแตะจมูก เรือนผมสีดำสนิทไม่ได้เชตแต่เปียกลู่ไปด้วยน้ำอีกทั้งกรอบหน้าตามสันกรามยังเปียกชื้นอยู่นั้นเรียกสายตาฉันไปจับจ้องนี่ยังไม่รวมจมูกโด่งริมฝีปากสีชมพูสดบอกได้เลยว่าโคตรของโคตรหล่อ
“ในตู้สิหาดีหรือยัง”
“ก็…”
“ไปลองหาอีกครั้ง”
“ครับ”
แค่เสี้ยวนาทีที่หางตาของเขาเหลือบมามองฉันก่อนย้ายเคลื่อนตัวออกไปความงงของตัวเองคงไปกระทบสายตาของป้ากวามั้งจึงทำให้ป้ากวายิ้มนิดๆ พลางตักข้าวต้มกุ้งในโถลายไทใส่ถ้วยที่ฉันเตรียมเอาไว้
“พี่เขาเป็นลูกชายป้าเองพึ่งขึ้นจากกรุงเทพ”
“อ่อค่ะ”
“จะมาอยู่ด้วย”
รู้ไหมการนั่งทานข้าวตั้งแต่อายุ 13 มาไม่มีครั้งไหนที่จะเกร็งร่างกายได้เท่านี้อีกแล้วแหละไม่ว่าจะขยับตัวไปทางไหนซ้ายหรือว่าขวาก็ตามจะมีหางตาหนึ่งจับจ้องมายังตัวฉันตลอดหรือว่าไปทำอะไรไม่เข้าตาไว้นะถึงได้โดนหมายด้วยสายตาขนาดนี้ นี่ขนาดมาล้างถ้วยในครัวก็ยังติดตาไม่หายเลย พอจัดการทุกอย่างเสร็จก็ออกไปเผชิญความเป็นจริงอีกครั้งหนึ่ง
“ใจเราพับใบเตยเป็นดอกไม้ได้ใช่มั้ย”
“ใช่ค่ะป้ากวา” ฉันนั่งลงในเก้าอี้ของตัวเองซึ่งตั้งอยู่หน้าของเขาผู้ชายใส่เสื้อยืดสีดำกางเกงวอร์มสีเทาคนเดิม “ป้ากวาอยากได้เหรอคะเดี๋ยวใจทำให้ค่ะ”
“คนนี้ต่างหากที่เขาชอบ”
“อ่า... เดี๋ยวใจทำให้คุณกวางเองค่ะ”
เขาชื่อว่า ‘กวาง’
เขาเป็นรุ่นพี่ฉันเกือบ 5-6 ปีเลย
และเขาอยู่ ม.6 จะย้ายเข้ามาเรียนในเทอมนี้
“ไม่เป็นไร... น้อยใจสอนพี่เลยดีกว่าครับ”
“ค่ะ ”
เพราะคำยืนยันที่หนักแน่นนั้นผูกมัดให้ฉันต้องทำตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในเวลาต่อมาทั้งฉันแล้วก็คุณกวางมายืนอยู่หลังบ้านที่เยื้องไปข้างนั้นเป็นสระบัวกว้างพื้นที่ข้างกันกอใบเตยสิ่งที่เป็นที่ต้องการมากขึ้นอยู่เต็มรอบๆ
“จะทำอะไร”
ฉันจะก้าวเท้าเดินไปยังกอใบเตยเหล่านั้นก็ถูกมือใหญ่ยื่นมือใช้นิ้วชี้เกี่ยวคอเสื้อรั้งเอาไว้ให้หยุดเมื่อเป็นอย่างงั้นแล้วมีเหรอที่ฉันจะไม่หันไปมองอีกฝ่ายที่ยืนนิ่งด้านหลัง
“ก็จะไปเอาใบเตยไงคะคุณกวาง”

