บท
ตั้งค่า

CHAPTER 3

“ต้องร้านนี้ค่ะในห้าง เพื่อนๆ ซื้อกันเยอะ”

“บอกทางพี่นะ”

“ได้ค่ะ”

ฉันบอกทางพี่กวางจนกระทั่งพวกเราทั้งสองเข้ามาอยู่ในห้างใหญ่แห่งหนึ่งของตัวจังหวัดสิ่งที่เลยที่พี่กวางมุ่งหน้าหาก็คือร้านที่ขายอุปกรณ์การเรียนจริงๆ แต่เนื่องจากเป็นร้านใหญ่จึงมีหนังสือขายด้วย ฉันยืนตรงโซนอุปกรณ์เครื่องเขียนดูผ่านสายตาไปซึ่งพี่กวางก็อยู่ตรงข้ามกันระหว่างฉันกับพี่กวางมีชั้นปากกายี่ห้อต่างๆ ขั้นกลางเอาไว้ ชั้นไม่สูงจึงสามารถเห็นเวลาพี่กวางยืนเทสปากกาทำหน้ายุ่งๆ อย่างชัดเจน

“ใจพี่ฝากถือให้หน่อยครับ”

“ได้เลย”

ปากกกาสีสวยกว่าสิบเล่มถูกส่งมาให้ฉันถือเอาไว้จากนั้นอีกคนก็ยังหยิบโน้นนี่มาเทสแล้วกำเอาไว้เช่นเดิมซึ่งฉันก็พอเข้าใจจริงๆ ว่าพี่กวางคงเปิดฝาปากกาไม่สะดวกเวลาลองแน่ๆ จึงเลือกฝากฉันเอาไว้จนเวลาผ่านไปสายตาก็เจอกับปากกาด้ามหนึ่งมีสีชมพูสวยบนตรงฝาปิดเป็นรูปชาไข่มุกน่ารักมากจนทำให้เผลอยิ้มได้ไม่ยากเลยกระทั่งมืออีกข้างที่กำลังจะยื่นเข้าไปจับปากกาเล่มนี้ชะงักลงเมื่อได้ยินประโยคหนึ่งเข้ามาแทรก

“แพงนะถ้าไม่มีปัญญาซื้อก็อย่าจับเลย”

“ฟังที่อีฟ้าพูดเถอะอีน้อย”

“มึงๆ มันชื่ออีน้อยใจ”

“อ๋อ...อีน้อยใจ” เป็นฟ้าและก็ฝนคู่พี่น้องแฝดที่เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน กลุ่มนี้แหละที่ฉันอยู่ด้วยกันกับพวกเธอ “ไม่อยู่ไร่อยู่นาแล้วเหรอถึงมาเดินห้างได้”

“มึงก็ถามมันแปลกอีฝน อีน้อยใจมันเป็นคนใช้ เจ้านายใช้มันแน่ๆ”

“แล้วฟ้ากับฝนมาเที่ยวกันเหรอ แต่งตัวสวยมากเลยนะ”

“งี้แหละอีน้อยเสื้อสวยก็ต้องคู่คนสวยๆ” ฝนเป็นคนตอบ

“แต่งแบบนี้เป็นปกติอยู่แล้ว แต่งแบบที่มึงไม่มีปัญญาแต่งอ่ะอีน้อยใจ” ตบท้ายด้วยฟ้า

“ก็คงใช่แหละ”

เพราะฉันไม่เคยใส่หรือว่าซื้ออะไรเป็นของตัวเองที่ราคาค่อนข้างแพงมาก่อนอย่างเสื้อผ้าปีหนึ่งถึงมีชุดสวยๆ ในราคาเบาสักครั้งส่วนที่ใส่ออกมาบ้างครั้งก็ได้มาฟรีจากพี่ๆ คนอื่นที่แม่รู้จักหอบหิ้วของเก่ามาให้ เคยได้ยินไหมกับประโยคที่ว่า ‘เก่าของใครแต่เป็นของใหม่สำหรับฉัน’ ก็มีประมาณนั้นเลย

ไม่ใช่ว่าไม่อยากได้แต่รู้ว่าอยากได้แต่ไม่มีปัญญา

อยู่แบบนี้ไม่เสียหายหรอกพอโตค่อยซื้อก็ได้

ทุกอย่างล้วนเติบโตขยับออกไปได้เสมอและก็ไม่มีอะไรอยู่กับที่ได้หรอกฉันเชื่อแบบนั้น การลำบากในวันนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งบททดสอบของฉันที่พยายามทำให้รู้ถึงความอดทนการแก้ไขก็ได้ถึงแม้จะเป็นอะไรที่ร้ายๆ ฉันเชื่อเสมอว่าถ้าผ่านมันไปได้ถ้าเจอเรื่องอื่นๆ ที่หนักหนาเข้ามาอีกตอนนั้นฉันอาจมีภูมิคุ้มกันมากกว่าคนอื่นๆ แล้วก็จะผ่านมันไปได้ง่าย

ถึงแม้โลกนี้จะไม่มีอะไรง่ายก็ตาม

แต่หนทางแก้ไขมีแน่ๆ

“รู้ตัวก็ดีแล้วอีน้อยใจ” ฝนย้ำทำให้ฉันหลุดออกจากความคิดพวกนั้นมาสู่ปัจจุบันที่เกิดขึ้นแล้วสิ่งที่เห็นในเวลาต่อมาก็คือฟ้าได้เอาตัวไปอีกฝั่งซึ่งเป็นฝั่งเดียวกันกับที่พี่กวางเลือกปากกาอยู่ ฟ้าพยายามขยับตัวให้ใกล้ชิดอีกฝ่ายมากที่สุดนี้คงเป็นสเต็บแรกของการทำความรู้จักแต่พี่กวางกับไม่สนใจเลยสักนิด ฉันยังแอบเห็นว่าพี่กวางขยับตัวห่างเพื่อหนีฟ้าด้วย “หล่อลากอีฟ้าชอบแน่ๆ”

“อ๋อ...” ฉันไร้ประโยคพูดต่อได้แต่มองไปยังเหตุการณ์ตรงหน้าที่กำลังเกิดขึ้น “เดี๋ยวไปดูหนังสือก่อนนะ”

“ไปดิ”

ยิ่งอยู่ก็ยิ่งจะทำให้บรรยากาศเสียเปล่าๆ ฉะนั้นถ้าจะเลือกเดินออกมาแล้วมันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดฉันก็มักจะเลือกทำมันทันที การเดินเข้ามาในโซนหนังสือเรียนวิชาสังคมซึ่งเป็นวิชาที่ฉันชอบสุดก่อนเลือกหนังสือเล่มหนึ่งมาไว้ในมืออ่านรายละเอียดย่อยๆ ทว่าสายตาและจิตใจกับไม่มุ่งมั่นตรงหนังสือเลย

แล้วฉันก็ขยับตัวแอบมองไปยังโซนปากกาอีกครั้งหนึ่ง

ครั้งนี้เห็นว่าฟ้าเป็นฝ่ายชวนพี่กวางคุยด้วย

แต่ในนาทีเดียวกับนัยน์ตาสีน้ำตาลคมเข้มคู่นั้นกับมองทะลุมาสบสายตากับฉันที่อยู่ห่างแต่เป็นแนวยาวเดียวกัน คิ้วขมวดนิดๆ เหมือนกำลังรำคาญอะไรสักอย่างหนึ่งแค่นิดเดียวสายตาก็หันไปมองคู่สนทนาตรงหน้า

พี่กวางเหมือนปฏิเสธอะไรสักอย่างหนึ่งกับฟ้า

ปฏิเสธจริงจังมากๆ

จากนั้นไม่นานฝนก็เข้ามาร่วมวงสนทนาด้วยก่อนที่แฝดทั้งสองคนจะเดินหลีกเลี่ยงออกไป ตอนนี้ฉันกับมั่นใจได้เลยว่าพี่กวางค่อนข้างไม่ชอบให้ใครมาแตะร่างกายของตัวเองเท่าไหร่นักแค่ฟ้ายืนใกล้เท้าใหญ่ก็จะขยับถอนเพื่อสร้างระยะห่างเองเสมอ แต่ตอนนี้ฉันควรออกจากความคิดตัวเองได้แล้วเพราะพอใช้สายตามองไปที่พี่กวางอยู่กับกลายเป็นว่ามันว่างเปล่าไม่มีใครเลย

“พี่อยู่นี่”

“คะ?” ฉันพับหน้าหนังสือลงแล้วหันหลังกลับก็เจอคนตัวสูงยืนประชิดตัวเองจนได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ จากตัวของเขาพร้อมกับรอยยิ้มหวาน “เอ่อ... พี่กวางจะไปไหนต่อหรือเปล่าคะ”

“ไป”

“ไปไหนเอ่ย?”

“เด๋อ” ไม่แค่พูดแต่คราวนี้มืออีกข้างถูกยกขึ้นมาเคาะเหม่งของฉันเบาๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นแบฝ่ามือใหญ่กางออกมากันกุมหน้าผากของฉันเอาไว้เมื่อฉันขยับตัวเลี้ยวแต่ไม่ทันระวังหน้าผากต้องกระแทกกับชั้นวางที่สูงกว่ายังดีที่แรงกระแทกไม่เยอะเพราะมีมือใหญ่กันเอาไว้ “มานี่เลย”

พี่กวางเลือกคว้าหนังสือจากมือฉันไปไว้ตรงที่เดิมจากนั้นก็จับดึงคอเสื้อของฉันเหมือนที่เคยทำตอนเอาใบเตยที่บ้านจนไปถึงเคาน์เตอร์ชำระเงิน รอไม่นานนักเราสองคนก็เดินออกมาแล้วรู้ไหมพี่กวางยังไม่ปล่อยคอเสื้อฉันเลยไม่ว่าจะเดินไปจุดไหนจนมาถึงชั้นสามซึ่งมีร้านกาแฟชื่อดังและเป็นร้านอาหารในตัวเด่นออกมา

พี่กวางพาฉันเข้าร้านนี้

พี่กวางสั่งทุกอย่างให้เสร็จสรรพแต่ทุกครั้งที่สั่งเขาก็มักจะถามว่าชอบไหม แพ้หรือเปล่าและที่ทำให้แปลกใจเลยก็คืออยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า ไม่มีใครเคยพูดกับฉันสักครั้งนี่เป็นครั้งแรกก็ว่าได้

“ถามอะไรได้มั้ยใจ”

“ได้ค่ะ”

“สองคนที่เจอร้านหนังสือเพื่อนเหรอ?”

“ก็... ใช่ค่ะ ใจเข้าเรียนมอหนึ่งก็มีแค่ฟ้ากับฝนที่สนิท ถ้าแบ่งกลุ่มก็ได้อยู่กับสองคนนี้ตลอดเลย” คงเพราะข้ามเวลารออาหารมั้งพี่กวางถึงได้อยากรู้พอเครื่องดื่มมาฉันก็หยุดพูดส่วนพี่กวางนั้นก็ค้นถุงที่วางไว้บนเก้าอี้ตัวข้างๆ เป็นถุงจากร้านอุปกรณ์การเรียน “ตอนนี้จะขึ้นเทอมสองก็มีแค่ฟ้ากับฝนแน่เลยค่ะพี่กวาง”

“หาไว้บ้าง”

“คะ?”

“คบคนอื่นไว้บ้างนอกจากสองคนนี้” อ่า... พี่กวางพูดขยายความชัดเจนจากประโยคแรกใบหน้าหล่อทำสีหน้าจริงจังก่อนที่จะดื่มลาเต้ทุกอย่างอยู่ในสายตาของฉันหมดแม้กระทั่งมือใหญ่ที่ค่อยๆ เคลื่อนมายังตรงหน้าฉัน “แล้วนี่พี่ให้”

“…” นี่... ปากกาสีชมพูสวยบนตรงฝาปิดเป็นรูปชาไข่มุก

“เห็นว่าอยากได้”

“แต่...” ใช่ฉันกำลังจะปฏิเสธ

“สองด้ามเลยพี่ให้ใจถือว่าเป็นของขวัญวันเปิดเรียนเล่มหนึ่งแล้วแทนคำขอบคุณที่พาพี่มาซื้อของ”

“ขอบคุณค่ะ” ฉันยกมือไหว้พี่กวางแล้วยิ้มแฉ่งให้กับปากกาสองด้ามที่เป็นสีชมพูด้ามหนึ่งและสีน้ำตาลเข้มด้ามหนึ่งจะรักษาเอาไว้อย่างดีเลย “พี่กวาง...”

“หื้ม?”

“ใจจะตั้งใจเรียนเลย”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel