บทที่ 3
"พี่วันเสาร์คะ กางเกงวอร์มของเมอร์อยู่ไหนคะ" เสียงตะโกนดังมาจากชั้นสองของบ้านพร้อมด้วยเสียงฝีเท้าที่วิ่งไปวิ่งมาจนคนเป็นพี่ขมวดคิ้ว
"พี่ขนุนคะ ไปบอกให้เมอร์คิวรี่หยุดวิ่งแล้วลงมากินข้าวค่ะ ส่วนกางเกงอยู่ในห้องรีดผ้านะคะ รบกวนไปหยิบมาให้ที" วันเสาร์พูดอยู่หน้าเตา มือก็ยังคงสารวนอยู่กับอาหารเช้า เป็นเรื่องปกติที่แฝดน้องอย่างเมอร์คิวรี่จะวิ่งวุ่นหาของใช้ได้ทุกวัน
"เห็นกางเกงว่ายน้ำมาร์ไหมครับ" แฝดพี่ผู้มีใบหน้าแสนอ่อนหวานราวตุ๊กตากระเบื้องเคลือบยืนอิงไหล่ที่ขอบประตูมองพี่สาวนิ่งๆ
"อยู่ในกระเป๋าแล้วค่ะ ไปนั่งค่ะ พี่จะเสร็จแล้ว" วันเสาร์ตอบกลับไม่ได้หันไปมอง มาร์จึงหมุนตัวแล้วเดินออกไปอย่างว่าง่าย คนนี้ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร อยู่ง่ายกินง่าย เรียกว่าไม่ต้องพูดแค่มองตาก็เข้าใจ
"บอกคุณหนูเมอร์เรียบร้อยค่ะ" ขนุนเข้ามาแจ้งกับคนที่เป็นใหญ่ที่สุดในบ้าน ณ เวลานี้
ขนุนเป็นหญิงสาววัยยี่สิบห้าที่ทำงานเป็นเด็กรับใช้ในบ้านมาตั้งแต่วันเสาร์ยังเด็ก เมื่อวันเสาร์ย้ายมา ขนุนก็ตามมาด้วยเพื่อดูแลคุณหนูของเธอ หญิงสาวเข้ามาช่วยตระเตรียมอาหารเช้าสำหรับคุณหนูของเธอ
"แล้วเนปจูนแต่งตัวเสร็จหรือยังคะ" ยกถาดอาหารไว้มือหนึ่งก่อนจะถามหาน้องสาวคนเล็กอีกคน
"อยู่ที่โต๊ะแล้วค่ะ"
วันเสาร์พยักหน้ารับแล้วเดินออกมาพร้อมถาดอาหาร ข้าวต้มกระดูกหมูของโปรดทุกคนถูกวางลงตรงหน้าอย่างเบามือ
"ว้าว ๆ น่าอร่อย" สาวน้อยตัวจิ๋วผูกเปียสองข้างนั่งปรบมือด้วยความชอบใจที่เห็นอาหารจานโปรด
"รีบกินนะคะ จะได้ไปเรียน" วันเสาร์บอกกับน้อง ๆ
"ครับ/ค่า" ทุกคนรับคำอย่างพร้อมเพียงแล้วจัดการอาหารตรงหน้า
วันเสาร์เป็นพี่สาวคนโตในบรรดาพี่น้องทั้งหมดสี่คน สองแฝดชายหญิง มาร์และเมอร์คิวรี่กำลังเรียนอยู่ปีหนึ่งที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน ส่วนเนปจูนคนเล็ก ยังอยู่ระดับมัธยมห้า ทั้งหมดอายุห่างกันสองปี
"วันนี้มาร์มีซ้อมแข่ง เดี๋ยวขับรถไปเองนะครับ" ชายหนุ่มหนึ่งเดียวของบ้านเอ่ยขึ้นมาขณะที่ทุกคนกำลังตั้งอกตั้งใจทานอาหารเช้า
"ได้ค่ะ ขับดีๆนะ" วันเสาร์พยักหน้ารับเบาๆ ไม่ได้อยากห้ามเพราะมาร์เองก็โตมากแล้วและเป็นเด็กผู้ชาย ถึงจะหน้าตาเหมือนผู้หญิงก็เถอะนะ
"งั้นเมอร์ไปด้วยได้ไหม แวะส่งเมอร์ที่คณะก่อน พี่วันเสาร์จะได้ไม่ต้องวนเข้าไป" เมอร์คิวรี่รีบบอกพี่ชาย
"อื้อ ได้สิ"
"แบบนั้นก็ได้ค่ะ รีบกินข้าวเร็วเดี๋ยวไปไม่ทัน" วันเสาร์ตอบรับน้อง ๆทั้งสองคน
เด็กๆต่างพากันทานอาหารเช้าอย่างเอร็ดอร่อย วันเสาร์รับหน้าที่ไปส่งน้องคนเล็กอย่างเนปจูนที่โรงเรียน ก่อนจะเลยไปเรียนเช่นทุกครั้ง พอขึ้นปีสามกิจกรรมก็เริ่มเยอะขึ้น ยิ่งทำให้ไม่ค่อยจะมีเวลาทำอะไร แต่วันเสาร์ก็ยังแบ่งเวลาเพื่อดูแลน้อง ๆได้เป็นอย่างดี
วันเสาร์เลี้ยวรถเข้ามาในรั้วมหาวิทยาลัย โชคดีหน่อยตรงที่คณะบริหารฯของเธออยู่เกือบด้านหน้าถัดจากตึกกิจการนักศึกษามาแค่หลังเดียว นั่นทำให้ไม่ต้องเสียเวลาขับเข้าไปในมหาวิทยาลัยอันกว้างขวางเช่นคณะดุริยางค์ของเมอร์คิวรี่ที่อยู่เกือบท้ายสุดของมหาลัย
สาวสวยจอดรถเข้าที่จอดข้างคณะลงมายืนเมียงมองใครบางคนที่ลักษณะคล้ายเพื่อนสนิท ไม่นานนักเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ตัวรีบหันมาโบกมือให้ ใช่จริงๆ เซย่ายืนอยู่บริเวณม้านั่งด้านหน้าคณะ จุดศูนย์รวมของนักศึกษาก่อนเข้าเรียน แต่เธอไม่ได้อยู่ลำพัง หากแต่ดาวเด่นคณะเกษตรฯหนุ่มหล่อผิวสีน้ำผึ้งคนเมื่อวานก็ยืนอยู่ด้วย
ดูเหมาะสม...
คำนี้ผุดขึ้นมาในหัว ก่อนจะก้าวขายาวๆไปหาเพื่อนที่กำลังโบกไม้โบกมือรออยู่
"วันเสาร์ วันนี้มาช้าจัง เซรอนานแล้วน้า" เซย่าวิ่งเข้ามาหาจับมือบางเอาไว้ ก่อนพาเดินไปหาชายหนุ่มที่เจอกันเมื่อวันก่อน
"สวัสดีครับ" ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งยามที่แย้มยิ้มทำเอาใจเต้นโครมครามไปเลยทีเดียว เขากล่าวทักทายผู้มาใหม่มองจ้องคนสวยอย่างไม่วางตา
"สวัสดีค่ะ" ทักทายกลับไปอย่างมีมารยาทก่อนหันไปหาเพื่อนสนิท "เซย่าจะคุยก่อนไหม เดี๋ยววันเสาร์ไปรอที่ห้องก็ได้" รอยยิ้มเพียงน้อยนิดที่แทบจะไม่เรียกว่ายิ้มแต่มันทำให้อีกคนจ้องมองไม่หยุด เธอละสายตาจากคนตัวใหญ่ตรงหน้าแล้วหันมองเพื่อน ถามขึ้นด้วยรู้ว่าเพื่อนอาจจะอยากพูดคุยกับชายหนุ่มตรงหน้าเสียก่อนเพราะยังเหลือเวลาอีกหลายนาทีกว่าจะถึงเวลาเข้าเรียน
"ไม่เอาๆเซไปด้วย พี่สิงห์ขา เซไปเรียนก่อนนะคะ" คนสวยร้องบอกเพื่อนสนิทแล้วหันไปหาสิงห์ที่ยืนยิ้มรออยู่
"ตั้งใจเรียนนะครับแสบ" มือใหญ่วางลงบนหัวแล้วยีเบาๆ
"ทราบแล้วค้าบ พี่สิงห์ก็ตั้งใจเรียนน้า ไว้เจอกันค่า" บอกลาด้วยท่าทางสดใสเกินคำบรรยาย ทุกที่ที่มีเซย่าอยู่ที่นั่นจะสดใสเสมอ
การกระทำทีเล่นทีจริงทำสายตาหลายคู่จับจ้อง ดูเหมาะสมกัน นี่เป็นอีกครั้งที่วันเสาร์คิดแบบนั้น อีกคนก็สดใสอย่างกับพระอาทิตย์ส่วนอีกคนก็มีเสน่ห์ล้นเหลือเลยทีเดียว
