ตอนที่ 2 เหยื่อ_2
เหลือเชื่อ!! แฟรงก์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบทว่าแจ่มกระจ่างชัดทุกถ้อยคำ เขาทำให้ทั้งคนที่กำลังกุมคอเสื้ออยู่และก็ฉันทึ่งจนพูดอะไรไม่ออกไปตามๆ กัน มันน่าแปลกไหมล่ะที่เขามีสติ ไม่ร้อนรน ใจร้อนตอบโต้เหมือนที่ผู้ชายส่วนมากมักเป็นกันเวลาถูกหยาม
แต่แฟรงก์ไม่ใช่!!
“เฮ้! ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี ถ้าฉันอยากคุยกับยัยนั่นก็ไม่มาถามแกให้เสียเวลาหรอก!” หมอนั่นตวัดหางตามาทางฉันครู่หนึ่งก่อนจะตวัดกลับไปจ้องหน้าแฟรงก์เขม็ง
ฉันตัวแข็งทื่อ... ถึงจะรู้ล่วงหน้าก่อนแล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแต่ก็อดรู้สึกหวั่นใจไม่ได้ ฉันกำลังกลัว... เป็นความกลัวที่ระบุสาเหตุไม่ได้
“นี่... เธอจะไม่พูดอะไรหน่อยเหรอไงเบส” แฟรงก์เอ่ยขึ้นทั้งๆ ที่สายตายังจับจ้องอยู่กับคนตรงหน้าตาไม่กระพริบ!
“คือ” ฉันอึกอักได้ไม่นาน เสียงแข็งของหมอนั่นก็ขัดขึ้นมา
“เธอเงียบไปเลย! ไว้ฉันจะจัดการกับเธอทีหลัง!!” เสียงตวาดกร้าวของผู้ชายคนนั้นทำฉันสะดุ้งเฮือก! เย็นวาบไปทั้งไขสันหลัง น่ากลัวจับใจอะไรอย่างนี้ ฉันรีบก้มหน้างุดอย่างไม่กล้าพูดอะไรอีกแล้ว
“ตุ๊ด!” เสียงแฟรงก์เย้ยหยันออกมาอย่างมึนๆ
“ว่าไงนะ?” คนที่ถูกกล่าวหาถึงกับเลิกคิ้วกระตุกคอเสื้อคนพูดแรงๆ ทีหนึ่งอย่างคะยั้นคะยอเอาคำอธิบาย
“ทำข่มผู้หญิง คิดว่าเท่นักเหรอ?” แฟรงก์เหยียดยิ้มเลือดเย็น แถลงไขคำด่าของตัวเองให้คนฟังรับทราบ!
ปึด! ได้ยินเสียงเส้นอารมณ์ของหมอนั่นขาดผึง!
“หน็อยแก!!” หมอนั่นปล่อยมือข้างหนึ่งออกจากคอเสื้อของแฟรงก์และง้างหมัดขึ้นจะต่อยแฟรงก์แต่ไม่ทัน แฟรงก์ใช้มือที่เป็นอิสระคว้าคอเสื้ออีกฝ่ายแล้วปล่อยหมัดเข้าที่ซีกหน้าของผู้ชายคนนั้นอย่างเร็วจนมองแทบไม่ทัน!!
ร่างของหมอนั่นเซถลาไปหลายก้าวก่อนที่มันจะเงยหน้าขึ้นเอามือแตะเบาๆ ตรงมุมปากที่มีเลือดซึมออกมาด้วยแววตาดุดันโกรธแค้น
“แกไอ้แฟรงก์!!” เสียงคำรามจากปากคนที่อ้างตัวว่าเป็นแฟนฉันดังขึ้นด้วยความแค้น! แววตาที่มองแฟรงก์มีแต่ความเกรี้ยวโกรธและอยากทำลายล้างให้สิ้นซาก!! หัวใจฉันกระตุกวูบเมื่อนึกถึงเปลวเพลิงที่จุดฉนวนความแค้นของหมอนั่น
“หึ! รู้จักฉันด้วยเหรอ... ก็คนมันดังนี่นะช่วยไม่ได้ แต่ฉันไม่รู้จักนายหรอกนะ เพราะงั้นรีบพาผู้หญิงของนายไปซะก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน!” ทว่าไอ้คนใจเย็นแต่มือไวต่อยหนักก็หาได้รู้สึกรู้สากับสายตาอำมหิตของอีกฝ่ายเลยสักนิดเดียว ตรงข้ามฉันกลับรู้สึกว่าแววตาสีน้ำตาลเข้มของแฟรงก์กำลังไหวระริกด้วยความสนุกที่ได้ยั่วโทสะคนเล่น
“อย่างแกน่ะเหรอจะทำอะไรฉันได้! แค่ต่อยได้ครั้งเดียวอย่าทำเป็นได้ใจไปหน่อยเลย!!”
ฟึ่บ!!
หมอนั่นพุ่งเข้าใส่แฟรงก์คิดจะปล่อยหมัดกระทบหน้าหล่อๆ นั่นสุดแรงก็พลาดที่อกจนได้ เพราะแฟรงก์หลบทัน! คนที่ถูกอารมณ์เข้าครอบงำอย่างเขาจึงได้แต่หายใจฟึดฟัด! หันขวับกลับมาจ้องหน้าแฟรงก์ด้วยความแค้นเคืองและอับอายไม่แพ้กัน!!
“เหอะ! คำพูดนั้นฉันควรจะเป็นคนพูดมากกว่านะ เพราะท่าทางนายไม่น่าจะทำอะไรฉันได้เลย” หมอนั่นส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มน้อยๆ มองสีหน้าโกรธแค้นของอีกฝ่ายเหมือนกำลังมองเด็กซนวัยห้าขวบก็ไม่ปาน แต่มันก็เป็นการเย้ยหยันไปในตัวด้วย! และเมื่อทำอะไรแฟรงก์ไม่ได้ แววตาคู่นั้นก็ตวัดมาทางฉันอย่างดุดัน เล่นเอาฉันสะดุ้งเฮือก!
“ยัยบ้า!” หมอนั่นตะคอกพร้อมกับคว้าข้อมือฉันไปจับอย่างรวดเร็ว แรงบีบเค้นนั่นทำฉันร้องออกมาเสียงหลง
“โอ๊ย!”
“ไหนบอกว่าจะไปฟิตเนสไง แล้วทำไมมาอ่อยผู้ชายอยู่ที่นี่!”
“โอ๊ยฉันเจ็บนะเช็ก ปล่อย!!” ฉันไม่สนุกแล้วนะ หมอนั่นบีบข้อมือฉันจนร้าวเข้าไปถึงกระดูดปวดไปทั้งแขน ฉันพยายามแกะมือเขาออกแต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ตรงข้ามกลับยิ่งกระตุ้นต่อมความรุนแรงของเขาให้ทำงานมากขึ้นอีก
ไม่แค่ทำร้ายข้อมือฉันเท่านั้นแต่เขายังวาดมืออีกข้างขึ้นทำท่าว่าจะตบหน้าฉันอีกด้วย!! ฉันเบิกตากว้างมองฝ่ามือใหญ่ๆ นั่นวาดลงมากลางอากาศด้วยหัวใจที่เต้นถี่รัว ก่อนจะหลับตานิ่งกลั้นหายใจกับความเจ็บปวดที่กำลังจะได้รับอย่างไม่มีเหตุผล!!
“...”
นอกจากความเย็นเยียบจากเครื่องปรับอากาศภายในร้านแล้วก็ไม่มีสิ่งใดสัมผัสแก้มหรือใบหน้าฉันอีกเลย นี่มันนานเกินไปแล้วนะ ฉันค่อยๆ ปรือตาขึ้นอย่างหวาดหวั่นเมื่อรู้สึกถึงบางอย่างที่แปลกไป ฝ่ามือของเช็กไม่ได้กระแทกหน้าฉันอย่างที่คิด!!
“...!!!” แล้วฉันก็ต้องอึ้งเป็นรอบที่สองเมื่อข้อมือของเช็กถูกแฟรงก์บีบเอาไว้ กันไม่ให้มันมาโดนหน้าฉัน ฉันลอบกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอเมื่อตวัดสายตาหวาดๆ มองใบหน้าเคร่งของผู้ชายสองคนสลับกัน พลางโล่งใจที่ไม่ต้องเจ็บตัวอย่างที่คิด เฮ้อ!!
“ปล่อยมือเธอซะ” เสียงแข็งของแฟรงก์กรีดแทรกความเงียบชั่วอึดใจขึ้นมา แววตาดุดันที่จ้องมองเช็กราวกับจุดไฟได้และพร้อมที่จะเผาไหม้หมอนั่นทุกเวลาหากเขาไม่ทำตามที่สั่ง!
“แก...” เช็กก่นเสียงในลำคออย่างเจ็บใจก่อนจะตวัดสายตาแข็งๆ มามองหน้าฉัน แล้วสบถลมหายใจออกมา “เหอะ! อย่าคิดว่าฉันจะปล่อยเรื่องวันนี้ไว้แค่นี้” เขาปล่อยข้อมือฉันแล้วชี้หน้าขู่อยู่สักพัก ก่อนจะสะบัดมือที่ถูกแฟรงก์ยึดเอาไว้ให้หลุด เมื่อเห็นว่าเขาไม่ทำอะไรฉันแล้วแฟรงก์จึงยอมปล่อยมือจากเช็ก แต่ก็ยังไม่ยอมลดสายตาจากหน้าที่เต็มไปด้วยความแค้งเคืองของเช็กจนกระทั่งหมอนั่นหมุนตัวและเดินออกจากร้านไปด้วยท่าทางฝังแค้นและจะไม่ปล่อยให้เรื่องมันหยุดอยู่แค่นี้อย่างที่พูดเอาไว้จริงๆ
“เป็นอะไรไหม?” ลับหลังเช็กไปแล้วเสียงนุ่มๆ ของแฟรงก์ก็ดังขึ้น เขาแตะข้อมือฉันเบาๆ ก่อนจะจับมันขึ้นไปดูเมื่อเห็นว่าฉันยังยืนนิ่งและไม่ขัดขืน
“ฮึก! ฉันกลัวจังแฟรงก์” ฉันฝืนน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ การถูกทำร้ายและหาเรื่องท่ามกลางที่สาธารณะแบบนี้มันส่งผลต่อจิตใจสาวน้อยอย่างฉันเอามากๆ
“...นั่นแฟนเธอเหรอ?” แฟรงก์เอ่ยขึ้นหลังจากปล่อยมือฉันแล้ว ฉันสูดลมหายใจไล่น้ำตาให้ไหลกลับเข้าไปก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบสายตากับแฟรงก์ แล้วเบือนหลบในเวลาต่อมา
“เขาตามตอแยฉันมาสักพักแล้ว ไม่ใช่แฟนหรอก”
“อะไรนะ?” หมอนั่นดูแปลกใจมาก ฉันจึงรีบอธิบาย
“คือ... เขาตามจีบฉันและคิดไปเองว่าฉันคบด้วย เขาเหมือนคนโรคจิต นี่ขนาดฉันไม่ได้ทำอะไรเลยยังเป็นมากขนาดนี้ถ้าหากคบกันขึ้นมาจริงๆ ฉันคงกลายเป็นศพตั้งแต่สามวันแรกแล้วมั้ง” ฉันพูดไปร้องไห้ไป ไม่รู้ว่าแฟรงก์จะรู้สึกยังไงเมื่อเห็นน้ำตาของฉัน
“หมายความว่าเธอโดนพวกโรคจิตตามงั้นเหรอ?”
“...” ฉันไม่พูดอะไร ได้แต่ปล่อยให้แฟรงก์เข้าใจไปแบบนั้น ถ้ามันจะทำให้เขาเห็นใจฉันและอยู่เคียงข้าง...
“แต่หมอนั่นไม่เหมือนคนบ้าเลยนะ ฉันว่ามันคงรักเธอมาก”
“แต่เขาขู่ว่าจะจัดการฉันทีหลังนายก็ได้ยินหนิ แฟรงก์... ช่วยฉันด้วยนะ” ฉันโผเข้าเกาะแขนแฟรงก์อย่างไร้ยางอาย ไม่รู้ล่ะ! นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะเรียกร้องความเห็นใจจากเขาได้ แล้วทำไมฉันจะต้องปล่อยให้เขาหลุดมือด้วยล่ะ!
“เฮ้! ใจเย็นๆ” หมอนั่นก้มมองฉันที่เอียงศีรษะซบไหล่ของเขาอย่างอ้อนวอน ก่อนจะได้ยินเสียงถอนหายใจดังตามมา “เอาล่ะ... ฉันว่าเราต้องคุยกันยาว แต่ก่อนอื่นปล่อยฉันก่อนได้ไหม?” แฟรงก์พยายามแกะมือฉันออกจากแขนของเขา ขณะเดียวกันก็ผลักร่างฉันออกห่างกลายๆ ด้วย แววตาสีน้ำตาลเข้มคมกริบกวาดมองไปรอบร้านอย่างลำบากใจ
“นายต้องสัญญาก่อนว่าจะช่วยฉัน” ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขาทั้งน้ำตา
“เฮ้อ... ก็ได้ แต่ก่อนอื่นเราต้องออกไปจากร้านนี้ให้เร็วที่สุด โอเคไหม?”
“...” เมื่อหมอนั่นรับปาก ฉันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะยื้อหยุดเขาอยู่ตรงนี้ ฉันผละออกจากแขนของแฟรงก์อย่างว่าง่าย ยืนมองเขาเรียกพนักงานมาเก็บตังค์แล้วก็ปล่อยให้เขาจูงมือฉันออกมาจากร้านนมปั่นอย่างเงียบๆ เหมือนคนไร้วิญญาณ