ตอนที่ 2 เหยื่อ_1
:: ตอนที่ 2 เหยื่อ ::
@ Sweet Milk
ฉันกำลังนั่งอยู่ในร้านนมปั่นกุ๊กกิ๊กสไตล์กิ๊บเก๋ตั้งอยู่ที่ซอยหน้ามหาวิทยาลัย Ex ลึกเข้ามาประมาณเจ็ดร้อยเมตร ขณะที่ฉันกำลังกวาดตาเลือกเมนูอยู่นั้นเสียงถอนหายใจจากฝั่งตรงข้ามก็ดังขึ้นเป็นรอบที่สิบ ฉันเหลือบมองเขาผ่านแผ่นเมนูเงียบๆ ก่อนจะดึงสายตากลับมาแสร้งทำเป็นเลือกดูรายการเครื่องดื่มต่อไปอย่างไม่สนใจอาการเซ็งซังๆ ของแฟรงก์!
ฮ่าๆ ใช่แล้วล่ะ ฉันอยู่กับแฟรงก์ หมอนั่นทำหน้าเหยเกขนาดไหนตอนถูกฉันลากมาที่นี่ อยากให้ทุกคนได้เห็น แค่นึกถึงฉันยังขำกิ๊กเลย 555+++
“นี่ ไหนบอกว่าจะเลี้ยงขอบคุณไง ดูเหมือนว่าเธอจะอยากมาที่นี่ซะเองมากกว่านะ” หมอนั่นนั่งเงียบมานานในที่สุดก็เอ่ยออกมาสักที แถมยังประเดิมด้วยการแขวะแทะใส่หน้าฉันอีก แง่งๆ
“เอ้า” ฉันอ้าปากทำตาใสซื่อมองหน้าแฟรงก์อย่างไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี เหตุผลที่ฉันพานายมาที่นี่ไม่ใช่แค่อยากกินหรืออยากขอบคุณหรอกนะ แต่มันลึกซึ้งกว่านั้น หุหุ
“ฉันไม่ชอบกินของหวาน เพราะงั้นจะนั่งเป็นเพื่อนแทนแล้วกัน” เขาทำเสียงสูงอย่างไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ ชิ! แต่ก็ถือว่าเป็นสุภาพบุรุษพอตัวที่ไม่ลุกหนีแล้วทิ้งเลดี้ไว้ในร้านคนเดียว
“แหงะ... ไม่ชอบเหรอแต่ไอศกรีมที่นี่อร่อยนะ ลองชิมดูสักลูกไหม” ฉันพยายามเอาใจเขาเต็มที่เผื่อว่าเขาจะมองเห็นความน่ารักของฉันบ้าง อร๊าง~ นี่ฉันเผลอคิดอะไรออกไปเนี่ย
“...” เงียบ... แบบนี้ไม่ดีแน่ ฉันจ้องหน้าเรียบตึงของแฟรงก์กับเมนูสลับกันไปมาก่อนจะ ปิ๊ง!
“เอากาแฟไหมแฟรงก์? กาแฟของที่นี่กลมกล่อมทุกรสเลย ไม่ว่าจะเป็นมอคค่า เอสเปรสโซ่ ลาเต้” แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะพล่ามพรรณาเสร็จหมอนั่นก็สวนขึ้นมาทันควัน
“เธอเป็นหุ้นส่วนร้านนี้หรือไง? ฉันไม่กินกาแฟ” หมอนั่นกัดฉันเสร็จก็ปฏิเสธเสียงแข็ง โธ่! ฉันปรายตามองผิวสีแทนของหมอนั่นอย่างไม่ค่อยอยากเชื่อคำพูดของเขาเท่าไหร่ ผู้ชายอะไรไม่ดื่มกาแฟ แถมยังไม่ชอบของหวาน แล้วนี่นายไม่ดื่มเหล้าไม่สูบบุหรี่ด้วยไหม? แฟรงก์คงเห็นสายตากังขาของฉันเขาจึงสบถลมหายใจแล้วพูดต่อไปอีกว่า “ฉันไม่ชอบมันขม”
อ่อ... เหตุผลนายอย่างกับเด็กน้อยห้าขวบเลย แต่ก็น่ารักดี ว่าแต่ทำไมฉันต้องรู้สึกเขินด้วยเนี่ย เกี่ยวกันตรงหนายยยยย~
ฉันเลิกสนใจท่าทีขัดอกขัดใจของแฟรงก์แล้วเรียกเด็กเสิร์ฟมารับเมนู นั่งรอสักพักเครื่องดื่มที่สั่งก็ถูกยกมาเสิร์ฟ
“ไปฟิตเนสบ่อยเหรอ”
“หือ?” ฉันเลิกคิ้วเงยหน้าจากแก้มน้ำปั่นขึ้นมองแฟรงก์ที่จู่ๆ ก็ถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย อ่อ เข้าใจแล้ว เขาคงอยากหาเรื่องคุย แล้วฉันจะไปขัดศรัทธาได้ยังไง “อื้ม ไม่บ่อยหรอก เพิ่งจะไปบ่อยก็ช่วงนี้นี่แหละ”
“ถึงว่าทำไมเซ่อซ่าตกลู่วิ่งได้” เสียงแข็งห้วนเยาะเย้ยอยู่ในทีของแฟรงก์ทำฉันถึงกับจุก! หมอนี่! แรกๆ ก็เหมือนจะดีนะ แต่นานไปยิ่งปากร้ายขึ้นทุกที
“ใช่! ก็ฉันมันเซ่อซ่าหนิใครจะไปเพอร์เฟคทุกกระเบียดนิ้วเหมือนแฟนนายล่ะ!” ฉันเบ้ปากตอบกลับไปอย่างหมั่นไส้ ชิชะ! นึกถึงหน้าหวานๆ ท่าทางมาดมั่นของยัยหวายแล้วก็รู้สึกโมโห ผู้หญิงอะไรจะเกิดมางามเริดตั้งแต่หัวจรดเท้าได้ขนาดนั้น เหอะ!
“แฟนฉัน?” คิ้วเข้มขยับขึ้นเป็นคำถามอยู่ในทีก่อนที่เรียวปากหยักลึกนั่นจะคลี่ยิ้มเหมือนเพิ่งนึกได้ “ฮึ... แน่สิ หวายคือผู้หญิงที่ดีที่สุดสำหรับฉัน”
“ชิ!” เห็นรอยยิ้มพึงพอใจของแฟรงก์แล้วก็หมั่นไส้ยิกๆ
“รีบๆ กินเข้า ฉันไม่ว่างมานั่งเฝ้าเธอทั้งวันหรอกนะ” พอเห็นว่าฉันทำท่าไม่พอใจเข้าหน่อยก็กวนประสาทกลับมาทันที ให้ตายเถอะ! ฉันย่นจมูกใส่เขาก่อนจะก้มลงจัดการน้ำปั่นตรงหน้าอย่างเงียบๆ ปล่อยให้แฟรงก์นั่งหายใจติดๆ ขัดๆ ไปคนเดียว ก็หมอนั่นทำเสียงฟืดฟาดมาตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว ไม่รู้จะถอนหายใจอะไรกันนักกันหนา เคยได้ยินไหมว่าการถอนหายใจหนึ่งครั้งทำให้อายุสั้นไปหนึ่งนาที สงสัยหมอนี่อยากจะตายไว เหอะ!
“เฮ้ย!”
ยังไม่ทันที่ฉันจะจัดการกับน้ำปั่นในแก้มให้หมดเสียงแข็งกร้าวของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นอยู่ข้างๆ นี่เอง ผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนตีสีหน้าเหี้ยม ยืนค้ำหัวฉันกับแฟรงก์อยู่ หมอนั่นจ้องมาที่ฉันทีแฟรงก์ทีอย่างเอาเรื่องก่อนจะทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด!! คือกระชากคอเสื้อแฟรงก์อย่างรวดเร็ว!
“กรี๊ด!!” ฉันส่งเสียงร้องตกใจ ผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็วเกิดเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดของขาโต๊ะที่เสียดสีกับพื้นพร้อมๆ กับที่แฟรงก์ก็ถูกยกตัวให้ลุกขึ้นจากสองมือที่กำลังกำคอเสื้อของเขาอยู่
“แกกล้าดียังไงมายุ่งกับผู้หญิงของฉัน!” หมอนั่นตะคอกใส่หน้าแฟรงก์ชนิดที่ปรอยผมที่ตกลงมาปรกหน้าผากมนๆ ของแฟรงก์กระพือ แววตาขุ่นเคืองสีแดงก่ำบอกให้รู้ถึงอารมณ์อันคุ่กรุ่นภายในใจคนพูดได้เป็นอย่างดี โอ้ว! หัวใจฉันตกลงไปอยู่ที่เท้าพลัน ทั้งตกใจ ทั้งตั้งตัวไม่ทันเลยทีเดียว
“ว่าไงนะ!” แฟรงก์อยู่ในสภาพที่กำลังงงงวยกับสิ่งที่เกิดขึ้น เรียวคิ้วเข้มเลิกขึ้นข้างเดียวเป็นคำถาม ก่อนที่เขาจะปรับสีหน้าเข้มเมื่อเริ่มจับต้นชนปลายได้แล้ว อึดใจต่อมาแววตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นก็ตวัดพรึบมาทางฉันอย่างดุดัน!
“ทำเป็นไก๋งั้นเหรอ อยากมีเรื่องนักใช่ไหม!?” หมอนั่นเส้นขมับปูด ฉันเห็นเขาขบกรามแน่นจนเป็นสันนูน ตะคอกใส่แฟรงก์อย่างเกรี้ยวกราด ไม่เกรงใจสายตาของทุกคู่ภายในร้านที่มองมาอย่างตกใจปนหวาดหวั่นและอยากรู้อยากเห็น!
แฟรงก์พ่นลมหายใจพรืดด้วยท่าทางเอือมระอา เขาดูใจเย็น ไม่เดือดร้อนหรือรู้สึกรู้สากับการที่มีคนกระชากคอเสื้อชวนต่อยตีเลยสักนิด! หมอนี่กำลังคิดอะไรอยู่นะ หรือว่าไม่คิดอะไรเลย แต่จะอะไรก็ช่างเถอะ ท่าทีใจเย็นเกินไปของแฟรงก์กลับทำให้ฉันกลัว หัวใจเต้นแรง
“ฉันก็ไม่ได้อยากมีเรื่อง แต่เอามือสกปรกๆ ของนายออกไปจากคอเสื้อของฉันและก็ไปเคลียร์กับผู้หญิงของนายเอาเอง จบไหม?”
“...!!!”