บท
ตั้งค่า

จุดที่ 3 จุดเริ่มต้นที่...เขิน

ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก

เสียงที่ได้ยินตอนนี้ ไม่ใช่เสียงหัวใจฉันหรอกนะหากแต่ว่าเป็นเสียงก้าวเดินอย่างทุลักทุเลของฉันและใครอีกคนต่างหาก

เหอะ!

ถ้าถามหาจังหวะการเต้นของจังหวะหัวใจฉัน ตอบได้โดยไม่ต้องคิดเลยว่าคงรัวเร็วแซงหน้าจังหวะกลองสามช่าไปแล้วล่ะ

สามช่าธรรมดาไป...

เพราะตอนนี้อ้อมแขนข้างหนึ่งของเฮียเลโอบเอวฉันเอาไว้อยู่ จะเรียกว่ากอดก็ไม่เชิงจะว่าแตะก็ไม่ใช่อีกเขาไม่ได้รั้งฉันเข้าไปจนชิดตัวหากแต่ก็จับเอาไว้แน่นพอควรเพื่อประคองให้ฉันเดินต่อไปข้างหน้าได้ มือข้างหนึ่งของฉันก็ต้องจับไหล่เขาเพื่อเป็นหลักยึดเหมือนกัน

ทั้ง ๆ ที่ใจมันสั่นถี่รัวแทบตายแค่ไหนก็ต้องเกาะไหล่หนาเอาไว้แน่น เพียงเพราะความซวยไม่มีที่สิ้นสุดของฉัน

ตอนนี้เลยขาเป๋แบบนี้ ไม่สิ...ไม่ถึงกับเป๋หรอกมันแพลงเฉยๆแต่ก็เจ็บมากและทำให้ฉันเดินด้วยตัวเองไม่ได้

จะอธิบายไงดีล่ะ ถึงแม้จะเป็นแค่การพยุงเพื่อช่วยเหลือแต่การกระทำนี้ก็ทำให้เขินแทบบ้า...

“เรียนห้องไหนนะ”

เสียงทุ้มของคนร่างสูงเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่เราต่างคนต่างเงียบกันได้สักพักตั้งแต่ก้าวเดินออกจากห้องนั้น

และตอนนี้เขาได้ทำลายความเงียบลงด้วยคำถามที่ฉันก็ยังตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกัน จะเดินมั่วเข้าห้องที่คิดไว้ตอนแรกก็กลัวจะไม่ถูกซะด้วยสิ คนมันเจ็บแล้วจำ

“จะ..จำไม่ได้ ขอหนูเปิดดูตารางแป๊ปนะคะ”

น้ำเสียงตะกุกตะกักตอบเฮียเลไปด้วยความสัตย์จริง เพราะไม่อยากจะพาเฮียซวยเข้าห้องผิดเป็นรอบที่สองกับฉันอีกคน เพื่อความแน่ใจเลยต้องยอมค้นหารูปตารางเรียนที่ไม่รู้ว่าไปซุกอยู่ตรงซอกไหนในโทรศัพท์ขึ้นมาดู

“เชี่ย…”

แต่เเล้วฉันก็ต้องสบถกับตัวเองเสียงเบา เมื่อนึกขึ้นได้ว่าทั้งภาพหน้าจอ ภาพพักหน้าจอ รวมถึงทั้งโทรศัพท์ของฉันมีแต่รูปเฮียแล้วถ้าเกิดฉันเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาในเวลาที่เราอยู่ใกล้กันขนาดนี้เฮียจะไม่เห็นได้ยังไง

เฮียสูงกว่าฉันยี่สิบกว่าเซ็นเลยนะ มองไม่เห็นก็บ้าเเล้ว

แค่ชำเลืองตาลงมองก็คงเห็นด้วยซ้ำไป...

“หืม ว่าไงนะ”

ร่างสูงก้มลงมาถามฉันอีกครั้ง สงสัยเป็นเพราะสบถดังไปหน่อย ข้อเสียที่ฉันคนนี้ไม่อาจแก้สันดานตัวเองได้

วอนเฮียอย่าหูดีไปเลยเฮียไม่สมควรได้ฟังคำหยาบแบบนี้

“เอ่อ ไม่มีอะไรค่ะ”

“ครับ”

เขาตอบรับมาอย่างว่าง่าย ก่อนร่างสูงจะหยุดเดินส่วนฉันก็ต้องหยุดตามเลยเป็นเหตุต้องหันไปมองหน้าเฮียด้วยความสงสัยว่าทำไมไม่เดินต่อ

“หาก่อน เจอแล้วจะได้ไปถูกห้อง”

อ่า สงสัยสีหน้าจะออกเยอะเกินไม่ต้องได้ถามไถ่เฮียก็ไขข้อข้องใจให้ทันที

“อ่า...ค่ะ”

เอาวะ เปิดก็เปิด

ในเมื่อเฮียหยุดให้ขนาดนี้ฉันเลยปฏิเสธอะไรไม่ได้ คิดได้อย่างเดียวคือตอนนี้ต้องก้มให้สุดและใช้ผมของตัวเองที่ยาวเลยบ่ามานิดหน่อยปิดบังหน้าจอโทรศัพท์ไว้ไม่ให้เฮียเลเห็น

หวังว่าเฮียจะไม่เห็นอะนะ

มือฉันเลื่อนดูรูปด้วยความรวดเร็วดังแสงอาทิตย์ ถ้าจำไม่ผิดฉันว่าฉันแคปเอาไว้นะ

อยู่ในโฟลเดอร์นี้รึเปล่าน้า

~ อาจเป็นที่เราฝัน

นั้นมันเป็นคนละเรื่องกัน

และเธอกำลังจะบอก ว่าคนนั้น

ที่อยู่ข้างในฝันมันไกลจากฉันคนนี้

{ตุ๊ดแมน}

ฉันรีบกดรับสายโทรศัพท์ทันทีที่เห็นชื่อคนที่โชว์อยู่บนหน้าจอ พร้อมกับเสียงเรียกเข้าซึ่งลืมตั้งสั่นเอาไว้ก่อนออกจากห้อง

เชี่ยรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของวันนี้ ถ้ายังจำกันได้เพลงนี้เป็นเพลงของเฮียเล…

เพลงที่ข้าวชอบมากจนต้องตั้งเป็นเสียงริงโทน และตอนนี้เจ้าของเพลงก็ยืนอยู่ข้าง ๆ แถมยังค่อนข้างที่จะใกล้ชิด

ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าได้ยินหมดแล้ว!

[อีข้าววว มึงไปขึ้นบันไดที่สวรรค์ชั้นไหน ทำไมป่านนี้มึงยังไม่ถึงงงงง]

รับปุ๊ปก็โวยวายปั๊บ มึงไม่รู้เลยเเมนมึงได้ทิ้งระเบิดไว้ให้กูตู้มใหญ่เลยนะ

อีตุ๊ดผิดจังหวะ!!!

อีตุ๊ดซิทคอม!!

“มึงอย่าเพิ่งโวยวายกูถึงแล้วตุ๊ด แต่ว่ากูจำห้องไม่ได้เราเรียนห้องไหนวะ"

[มึงนี่มันชะนีความจำสั้นจริง ๆ อีข้าว ห้อง7ไง รีบ ๆ เข้ามาเลยตอนนี้อาจารย์เริ่มเช็กชื่อแล้ว]

“เค ๆ กูจะเข้าไปละ”

พอตอบรับตุ๊ดเสร็จสรรพฉันจึงตัดสายในทันทีและทำใจกล้าหันไปมองหน้าเจ้าของร่างสูงข้างตัวที่กำลังมองฉันอยู่เหมือนกัน

ใจเย็นข้าว...

มึงต้องอย่าทำตัวมีพิรุจ ไม่แปลกเลยที่ใคร ๆ จะตั้งเพลงของเขาเป็นสายเรียกเข้า ไม่แปลกเลย…

เฮียเขาไม่มาสนใจเรื่องหยุมหยิมแบบนี้หรอก

“เอ่อ หนูรู้ห้องแล้ว เฮีย...อ้ะ..เอ่อพะ..พี่ไปเลยก็ได้ค่ะเดี๋ยวหนูเข้าไปเอง”

อยากจะตบปากตัวเองสักสิบที โทษฐานแห่งความตะกุกตะกักได้โล่แล้วยังเผลอเรียกเขาว่าเฮีย....อีกแล้ว

“เดินไหวรึไง? มาส่งขนาดนี้แล้วก็ต้องไปให้ถึงที่สิ”

แต่สิ่งที่ได้รับคือน้ำเสียงที่ออกจะดุดันเอ่ยตอบกลับมา ง่า

ทำไมจู่ ๆ เฮียก็โหดอะ เมื่อกี้น้ำเสียงยังนุ่มทุ้มอยู่เลย

“ค่ะ”

ตอบรับไปอย่างเชื่อง ๆ ข้าวจะไม่ไล่เฮียแล้ว

“แล้วรู้ห้องรึยัง”

“ห้อง 7 ค่ะ”

พอมาเห็นเฮียโหด ๆ แบบนี้ทำเอาไปไม่เป็นเลย ไม่ใช่ว่าปกติเขาดูไม่โหดนะแต่ดูโหดน้อยกว่านี้ เฮียเป็นคนหน้านิ่งไม่ค่อยจะยิ้มแย้มสักเท่าไหร่แต่ก็ไม่ใช่คนป่าเถื่อนที่พูดจาไม่สุภาพ

เขานิ่งแบบผู้ดีอะ เเล้วเวลายิ้มทีนี่คือโลกทั้งโลกสว่างสดใสขึ้นมาทันตา

แต่ว่าตอนดุ ๆ แบบนี้ไม่เคยเห็นเท่านั้นเองแล้วก็ไม่ค่อยดีต่อใจ ยอมรับว่าเฮียยังหล่ออยู่แต่มันแบดมากกว่าเดิมเท่านั้นเอง ที่ว่าไม่ดีต่อใจน่ะพูดใหม่นะเรียกว่ามันกร้าวใจกว่าเดิมมากกว่า

เหมือนฉันเป็นเเมวเชื่อง ๆ ให้เสืออย่างเขาดุอะเนอะ

งื้อ...คิดเองเขินเอง เรื่องมโนไว้ใจข้าว ///แอดดด

ใช้เวลาไม่นานเราก็เดินมาจนถึงหน้าห้อง 29097 ก่อนเฮียจะผลักประตูเข้าไปในห้องที่เต็มไปด้วยนักศึกษา และตอนนี้ทุกสายตากำลังจับจ้องมายังเราสองคนเป็นที่เรียบร้อย เหมือนที่พวกพี่ปี 4 มองมาไม่มีผิดเลย

“ขออนุญาตครับ/ขออนุญาตค่ะ อา...จารย์”

สายตาพิฆาตของอาจารย์เฉลิมเกียรติตวัดมองพวกเราสองคนในแทบจะทันทีที่เสียงเราเอ่ยแทรกเสียงของท่านซึ่งกำลังพูดอะไรบางอย่างอยู่

“กณิศา เชาวกรกุล”

“ฮะ ...ค่ะ อาจารย์”

เมื่อได้ยินอาจารย์เรียกชื่อฉันก็ขานรับทันที ด้วยความที่ยังมึน ๆ งง ๆ

“รอดตัวไปนะที่ยังมาเช็กชื่อทันแล้วนี่หล่อนมากับนายทะเลได้ยังไง”

สิ่งที่งุนงง ได้รับการแถลงไขจากอาจารย์ พร้อมกับคำถามใหม่ที่เอ่ยต่อมาติด ๆ ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมอาจารย์ถึงจำเฮียเลได้ บอกแล้วว่าเฮียน่ะทั้งฮอตทั้งดังไม่มีใครในมหา'ลัยนี้ไม่รู้จักเฮีย ขนาดน้องหมาน้องเเมวเห็นเฮียเดินผ่านยังเดินตามเล้ยยย ออร่าความหล่อเฮียมันคงมากเกินไปน่ะนะ

เอาล่ะ พอก่อนเล่าเพลินจนลืมตอบคำถามอาจารย์เลย แต่ว่าฉันจะตอบยังไง

บอกว่าเข้าห้องผิดล้มทับใส่เฮียแล้วขาเจ็บจนเขาต้องลำบากมาส่งแบบนี้เหรอ โคตรจะน่าอาย...

“พอดีน้องเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยครับ ขาน้องแพลงผมเลยมาส่งครับ”

ขณะฉันกำลังชั่งใจและเรียบเรียงเหตุผลในการตอบคำถามอาจารย์ เฮียเลก็ชิงตอบแทนให้ก่อน

ฉันสามารถเข้าข้างตัวเองได้ไหมว่าเฮียกำลังปกป้องฉันอยู่

แล้วไอ้คำว่า'น้อง'ที่เขาใช้เรียกแทนตัวฉัน ทำไมฟังแล้วใจถึงอ่อนยวบได้ขนาดนี้นะ…

“อ้อ แล้วเป็นอะไรมากรึเปล่าไม่ไหวก็ไปห้องพยาบาลก่อนก็ได้นะ”

อาจารย์หันมาถามฉันบ้าง

“ไม่เจ็บมากเท่าไหร่ค่ะอาจารย์ หนูเรียนไหว”

ตอบอาจารย์กลับไปก่อนจะหันมามองคนตัวสูงที่ยังคงประคองตัวฉันไว้อยู่

“ขอบคุณมากนะคะที่มาส่งหนู แล้วก็ขอโทษด้วยที่ทำให้พี่ต้องลำบาก”

ฉันรู้สึกผิดจริง ๆ นะ เขาต้องมาเสียเวลาเพราะความเซ่อซ่าของฉันเเท้ ๆ เลย และขณะที่ฉันกำลังทำหน้ากระวนกระวายใจเพราะความรู้สึึกผิดเฮียเลกลับก้มลงมามองฉันพูดก่อนจะแอบเห็นว่าเขายิ้มเอ็นดูให้...

แม้จะเพียงเสี้ยววินาทีเดียวก็ตาม

“ไม่เป็นไรครับ คราวหลังก็ดูดี ๆ ว่าเรียนห้องไหน แล้วก็....อย่าไปล้มทับใครแบบนั้นอีก”

เขาก้มลงมาใกล้อีกนิด จนหน้าเราอยู่ในระดับเดียวกัน

ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก

เสียงหัวใจที่สงบลงได้ไม่นานกลับมาเต้นเเรงอีกครั้งจนได้ เพราะสายตาคมที่กำลังจับจ้องมองฉันอยู่ตอนนี้

เพราะใบหน้าของเราที่อยู่ระดับเดียวกันและทำให้มองเห็นเขาได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เพราะประโยคที่เขาพูดออกมา

เพราะเฮียหมดเลยที่ทำให้ใจเต้นขนาดนี้...

“ตั้งใจเรียน...เฮียไปก่อนนะ”

ตึ้งงงงงงงง

และหากฉันเป็นลมในเวลานี้ได้ คงลงไปกองอยู่แทบเท้าเฮียเเล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel