7. สวัสดิการแห่งรัก
เสียงบุคคลที่สี่ดังขึ้นมาจากด้านหลังฉัน ซึ่งมันใกล้มาก ๆ มากขนาดที่ฉันรู้สึกได้ถึงลมร้อน ๆ ที่ถูกพ่นของมาในตอนที่พูดกับพี่มาวิน ใบหน้าหล่อ ๆ ขาว ๆ โผล่มาอยู่เหนือศีรษะของฉันในระยะที่ใกล้มาก ๆ ซึ่งพอฉันหันไปแหงนมองก็เห็นว่าเป็นพี่ภูผานั่นเองที่ยืนด้านหลังฉัน แต่ด้วยความที่ความสูงของพี่ภู กับความตัวสั้น เอ๊ย! ตัวเล็กของฉัน
ทำให้ต้องแหงนคอมองอย่างทุลักทุเล แต่พอฉันยิ่งมองใกล้ ๆ ก็ยิ่งมองเห็นความหล่อของพี่ภูที่ชัดขึ้น ใบหน้าเกลี้ยงเกลาราวกับไร้รูขุมขน จมูกที่โด่งเป็นสันเขื่อน ดวงตาที่คมกริบราวกับตาเหยี่ยวในขณะที่มอง คนอะไรยิ่งมองยิ่งหล่อ คนอะไรหล่อทุกจุด ทุกที่ทุกระเบียบนิ้ว
“เช็ดน้ำลายก่อนมั้ยยาหยี”
ฉันสะดุ้งเฮือกทันทีที่พี่ภูพูดจบ มือเล็ก ๆ ของฉันก็ยกขึ้นมาเช็ดน้ำลายทันที นี่อาการของฉันออกขนาดนั้นเลยเหรอ พอฉันได้สติถึงได้รู้ว่าฉันโดนพี่ภูแกล้งเข้าแล้ว ฉันได้ยินเสียงพี่ภูหัวเราะในลำคอ ก่อนที่มือหนาของพี่ภูที่วางอยู่บนศีรษะของฉันนั้นจะขยับหมุนให้ฉันหันหน้ากลับไปที่รถของพี่มาวินกับน้ำขิง
“เออ ๆ ยังไงก็ฝากมึงพาน้องไปด้วยละกัน .. ส่วนน้ำขิงพรุ่งนี้ให้พี่ไปรับนะ”
“ขอบคุณนะคะพี่มาวินที่มาส่ง ... น้ำขิง ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ”
ฉันโบกมือให้พี่มาวิน จนรถขับออกไปจนลับสายตา
“เราอยู่ที่นี่เหรอ พี่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”
พี่ภูยกฝ่ามือออกจากศีรษะของฉัน ฉันหันไปแหงนมองพี่ภูอัตโนมัติ คนอะไรยิ่งมองยิ่งหล่อ ยิ่งมองยิ่งนึกว่าเทพบุตร!
“ใช่ค่ะ พี่ภูก็อยู่ที่นี่เหรอคะ โลกกลมจังเลย”
ฉันตอบคำถามพี่ภู พร้อมกับที่ขาสั้น ๆ ก็วิ่งตามพี่ภูต้อย ๆ เข้ามาในลิฟต์ สายตาก็จดจ้องไปที่นิ้วของเขาที่กดไปที่ชั้น 9 ก่อนที่พี่ภูจะหันมามองหน้าเป็นเชิงถามว่าฉันจะไปชั้นที่เท่าไหร่
“ชั้นเดียวกันค่ะ”
กรี๊ด!! โลกจะกลมเกินไปแล้วนะ นอกจากคอนโดเดียวกันยังชั้นเดียวกันไปอีก แล้วต่อมกุลสตรีก็ค่อย ๆ หายไปทีละนิด เพราะตอนนี้ในหัวสมองของยาหยีนี้นั้นอยากรู้ไปหมดทุกอย่างซะแล้วสิ ว่าแต่พี่ภูอยู่ห้องไหนนะ
“โลกกลมจริง ๆ”
“ห๊ะ! พี่ภูว่าไงนะคะหยีไม่ได้ยิน”
“เปล่านะ พี่พูดอะไรเหรอ หูฝาดหรือเปล่าเราน่ะ”
พี่ภูหันมาตอบหน้านิ่ง แต่ยกรอยยิ้มที่มุมปากให้ ยิ่งเห็นแบบนั้นแล้วยิ่งทำให้ฉันอยากกรี๊ดสลบเข้าไปอีก คนอะไรทำอะไรก็น่ารัก
ติ๊ง!
“เราคงไม่ได้อยู่ห้องข้าง ๆ กันเหมือนในนิยายอะไรพวกนั้นหรอกใช่ไหม?”
พี่ภูหันมาถามฉันพลางชี้นิ้วไปทางด้านซ้ายของคอนโด เป็นประโยคคำถามที่ติดตลก ถ้าเป็นคนอื่นฉันคงมองว่ามันค่อนข้างกวนส้นโอ๊ย แต่นี่มันคือพี่ภูไง คนที่ทำอะไรก็ดูน่ามองไปหมดเลย
“คาดว่าจะไม่ใช่ค่ะ แหะ ๆ ห้องของหยีไปทางนั้น”
ฉันตอบพี่ภูเบา ๆ ก่อนจะชี้นิ้วเรียว ๆ ที่คิดว่าสวยมาตลอดไปทางด้านขวาแทนคำตอบ ฉันเห็นพี่ภูมองตามเรียวนิ้วไปช้า ๆ ก่อนจะหันกลับมาพยักหน้าให้เบา ๆ
“โอเค งั้นพรุ่งนี้เจอกัน09.00น. ที่ล็อบบี้นะ ไม่ได้ตื่นสายใช่ไหมเราน่ะ”
“รับทราบค่ะ! ไม่สายแน่นอน”
ฉันยกมือข้างขวาขึ้นมาทำความเคารพให้พี่ภูราวกับทหารตัวน้อยที่รับคำสั่งเจ้านาย ฉันเห็นพี่ภูส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ ฝ่ามือของเขาถูกวางที่ศีรษะของฉันอีกครั้งก่อนจะโยกไปมาราวกับว่าฉันเป็นเด็กน้อย ซึ่งมันแปลกมาก ฉันกลับรู้สึกว่าเป็นความรู้สึกที่คุ้นเคย
เพียงไม่นานพี่ภูก็ยกมือออกและหันหลังเดินไปทางห้องของตัวเอง ทิ้งให้ฉันที่ยืนงุนงงกับความรู้สึกตัวเองยืนอยู่ที่เดิมตรงนั้น เมื่อฉันได้สติ มือของฉันก็ยกขึ้นมาวางทับรอยของมือหนา ที่เพิ่งยกออกไปเมื่อสักครู่ ฉันมองตามแผ่นหลังของพี่ภูไปช้า ๆ กลับยิ่งรู้สึกคล้ายว่าเคยรู้จัก รู้สึกได้ว่าเคยเห็น รู้สึกผูกพันอย่างบอกไม่ได้ อธิบายไม่ถูก
นี่ฉันคงไม่ได้หลงรักผู้ชายที่เป็นเจ้านายตัวเองหรอกใช่ไหม? จนฉันเห็นว่าเขากำลังเปิดประตูห้องที่สุดทางเดิน และพี่ภูเองก็หันมามองฉันแวบหนึ่ง ซึ่งมันเรียกสติให้ฉันเอง ก็ต้องรีบหันหลังและก้าวเท้าฉับ ๆ เพื่อกลับเข้าห้องตัวเอง
ฉันเปิดประตูห้องเข้ามา จัดการเปิดไฟก่อนจะเดินตรงไปที่โซฟา พร้อมกับทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดอาลัยตายอยาก ในหัวสมองตีวนปนกันไปหมด พรุ่งนี้แล้วสินะ ที่จะเดินทางไปประเทศที่ฉันใฝ่ฝันอยากไปมาตลอด จะซื้ออะไรมาฝากหม่าม๊ากับปะป๊าดีนะ จะซื้ออะไรฝากป้านภาดีนะ ตื่นเต้นจัง
‘น้องหยีต้องตั้งใจนะรู้ไหม โตขึ้นจะได้เก่งๆ’
‘หยีจะตั้งใจเรียนมากๆ เพื่อที่จะเป็นเจ้าสาวที่เพียบพร้อมให้พี่ภู เหมือนที่หม่าม๊ากับปะป๊าเป็นเลยค่ะ’
‘ถ้าโตขึ้นน้องหยีอาจจะเจอผู้ชายที่ดีกว่าพี่ ถ้าถึงวันนั้น พี่จะเป็นคนจูงมือน้องหยีไปส่งเจ้าบ่าวเอง’
ฉันสะดุ้งตื่นกลางดึกอีกแล้ว มองดูนาฬิกาที่หัวเตียง พบว่าเป็นเวลา 05.39น. แต่ฉันตกใจมากกว่า เพราะปกติฉันฝันไม่เคยเห็นหน้าของผู้ชายที่อยู่ในฝันเลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เห็น แต่ผู้ชายคนนั้นกลับเป็นหน้าของพี่ภู ทำไมฉันฝันอะไรแบบนี้ล่ะ หรือว่าฉันจะหมกมุ่นและคิดเรื่องพี่ภูมากไปหรือเปล่านะ
29 ธันวาคม 25xx
08.00 น.
ตี๊ด ตี๊ด
“สวัสดีค่ะ ยาหยีพูดสายค่ะ” ฉันกดรับสายทันที แล้วหยิบโทรศัพท์มาแนบหู พร้อมกับตรวจเช็กของที่จะนำไปด้วยอย่างละเอียด
“พี่เอง เราจัดของเสร็จหรือยัง พี่เรียบร้อยแล้วนะ”
“พี่ภู? อ๋อ หยีเรียบร้อยแล้วค่ะ งั้นเราไปกันเลยมั้ยคะ หยีจะได้ออกไปรอข้างล่างเลย”
“โอเค ยังพอมีเวลาอีกนิดหน่อย เดี๋ยวเราไปหาอะไรกินก่อนละกัน”
“โอเคค่ะ หยีกำลังจะลงไปนะคะ”
ณ สนามบิน สุวรรณภูมิ
“เห้ย! ไอ้ภู น้องหยีทางนี้ ๆ”
นี่ทุกคนมารอกันพร้อมหมดแล้วเหรอ กลายเป็นฉันกับพี่ภูสายสุดเลยเหรอเนี่ย เพราะมัวแต่ไปกินข้าวแท้ ๆ เลยเชียว
“ทำไมเพิ่งมาถึงวะ กูเห็นมึงบอกว่าออกมาตั้งนานละ”
“กินข้าว”
พี่ภูตอบพี่วินสั้น ๆ ทำเอาทุกคนหันมามองหน้าฉันกับพี่ภูเป็นตาเดียวกันทีเดียว แค่ไปแวะกินข้าวเองนะ ทำไมต้องหันมามองราวกับฉันไปทำอะไรผิดมาอย่างนั้นแหละ
“ไม่ยักรู้ว่าคนอย่างภูผาจะพาคนอื่นไปกินข้าวได้”
